Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 857 : ชั้นที่เก้า
ตอนที่ 857 : ชั้นที่เก้า
ทุกก้าวเดินขึ้นบันไดของฉินหยุนระแวดระวังทุกฝีก้าว ทุกขั้นบันไดเขาจะสํารวจสภาพรอบด้านโดยตลอดเขาไม่กล้าเร่งรีบขึ้นไป เพราะเป็นกังวลว่าอาจถูกดักซุ่มโจมตี ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าหอคอยเก้มังกรทัณฑ์อสูร แห่งนี้ชวนพรั่นพรึง กระนั้นตอนนี้หลังผ่านทั้งแปดชั้นมาอย่างง่ายดายเขารู้สึกว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอันใด
มีแต่ผู้คุมชั้นที่เจ็ดจึงเป็นราชันยุทธ์ระดับสูงที่ยากรับมือไปบ้าง กระนั้นฉินหยุนก็จัดการใช้ความสามารถเทวะทรมานจนอีกฝ่ายร่วงหล่นพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขามาถึงชั้นที่แปด พบว่าแม้เงาคนก็ไม่มี ทว่าเขาก็ไม่ใช่วางใจ ทางหนึ่งเป็นกังวลว่าคนของสํานักมังกรฟ้าอาจรอก่อการอันชั่วร้ายที่นี่ อีกทางหนึ่ง เขาก็เป็นกังวลว่ามันอาจมีกับดักติดตั้งเอาไว้ ดังนั้นกว่าจะขึ้นไป ถึงชั้นที่เก่าจึงเป็นเวลายาวนานถึงกว่าครึ่งชั่วยาม
มาถึงชั้นเก่าอย่างปลอดภัย ฉินหยุนจึงถอนหายใจโล่งอก เขารู้สึกประหนึ่งคนโง่งม ที่เสียเวลาทุกขั้นบันไดที่ไร้ซึ่งอันตรายใดคงอยู่ชั้นที่เก่ายังคงกว้างขวาง มีเพียงสองคนปรากฏตัวอยู่ที่นี่หนึ่งเป็นชายชราสวมใส่ชุดคลุมสีเทาอีกหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มสวมใส่ชุดสีทองงดงาม
แม้เป็นเด็กหนุ่ม กระนั้นกลับเผยออร่าราวกับเด็กเพิ่งโต ทว่าร่างนั้นไม่ใช่ เป็นร่างที่สูงใหญ่ จากรูปลักษณ์สมควรอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปี หนึ่งชราหนึ่งเด็กพบเห็นผู้อื่นปรากฏตัว พวกเขาเผยอาการตื่นตะลึงเพราะตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยได้มีผู้ใดก้าวถึงชั้นที่เก่าแห่งนี้
“คํานับมิตรสหายทั้งสองข้ามาที่นี่เพื่อทําประลองผู้คุมคุกแห่งนี้!” ฉินหยุนกล่าวออกอย่างสุภาพ น้ําเสียงกล่าวอย่างอ่อนนุ่ม
“ข้าคือผู้คุมชั้นที่แปด อู่หลง และผู้นี้คือผู้คุมชั้นที่เก้า และยังเป็นท่านปู่ของข้า หลงเป๋ย” เด็กหนุ่มก้าวเด็นมาสํารวจพิจารณาฉินหยุน เขากล่าวออกด้วยท่าที่นึกรังเกียจ “แม่เจ้ามาถึงชั้นที่เก้าทว่าเจ้าก็ต้องสู้กับข้าที่เป็นผู้คุมชั้นที่แปดเสียก่อน!”
ฉินหยุนเดิมคิดว่าชั้นที่แปดไม่มีผู้ใด ตอนนี้จึงได้ทราบว่าผู้คุมทั้งสองชั้นเป็นคนใกล้ชิดต่อกัน
“ได้ อย่างนั้นเริ่มกันเลย!” ฉินหยุนรับค่า
“เจ้ามาถึงที่นี่ได้ หมายความถึงเอาชนะพวกชั้นล่าง เป็นที่กระจ่างว่ามีกําลังอยู่บ้าง!” อู่หลงเผยยิ้มเดียดฉันท์ “กระนั้นเจ้าเพียงเอาชนะพวกมันได้ไม่ใช่หมายความถึงว่าข้าจะต้องพ่ายแพ้เช่นพวกมัน!”
“ข้าทราบแล้ว เช่นนั้นเร่งรีบเข้ามา!”
ฉินหยุนกล่าวรับค่าอย่างอดทน เพราะผู้คุมของทุกชั้นซึ่งพบเจอ แต่ละคนล้วนอวดดีหยิ่งผยองทั้งสิ้นเป็นพวกเขาคิด ว่าตนคือผู้ยิ่งใหญ่ใต้หล้าไร้ผู้ใดเทียบ
“คํากล่าวนั่นอะไร? กําลังปรามาสต่อข้าอย่างนั้นหรือ? ข้าเพียงพูดกล่าวด้วยความเมตตาเห็นใจ ให้เจ้าได้ทราบว่าไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้แก่ข้า! แล้วสายตานั้นคืออะไร? กําลังอดกลั้นอันใดไว้?” อู่หลงเผยความกราดเกรี้ยว“กับตัวบัดซบเช่นเจ้าล้วนอวดดีเช่นนี้!หยิ่งผยองไม่รู้ว่าแผ่นฟ้ากว้างใหญ่เพียงใดคนเช่นเจ้าไม่คู่ควรได้มาเหยียบชั้นที่เก้าแห่งนี้!”
“ข้ามีธุระเร่งรีบ ดังนั้นไม่ขอพูดมาก พวกเราจะเริ่มกันได้หรือยัง?” ฉินหยุนกล่าว
“น่าขัน! เจ้าคิดหรือว่าสามารถเอาชนะข้า? แม้เอาชนะข้า แล้วคิดหรือว่าจะเอาชนะท่านปู่ข้า?” อู่หลงเผย เสียงหัวเราะดัง “เจ้าคนอวดดี ใช้เพียงสองนิ้วขาก็หยิกเจ้าจนตกตายได้!”
ฉินหยุนรับค่าอย่างอดกลั้น “จะสู้ที่นี่ หรือจะไปสู้ที่ชั้นแปด?”
อู่หลงพบเห็นอาการสงบของฉินหยุน เขายิ่งโกรธแค้น เพราะเขารับรู้ได้ ฉินหยุนกําลังปรามาสต่อเขาอย่างร้ายแรง
“ที่ใดข้าล้วนเอาชนะเจ้า!” อู่หลงสืบเท้าก้าวถอยเว้นระยะห่างกับฉินหยุนพร้อมเผยค่า “เจ้าคิดรีบออกไป?เหอะ… ตลอดทั้งชีวิตนี้เจ้าก็ไม่มีโอกาสได้ออกไป!”
ฉินหยุนกล่าวตอบ “อะไรก็ดี ข้าออกไปได้หรือไม่ไม่ใช่ที่เจ้าสามารถตัดสินใจแต่เป็นข้าคือผู้ตัดสินหมัดข้าคือสิ่งที่จะตัดสินผลลัพธ์!”
อู่หลงกระทืบเท้ารุนแรงจนพื้นสั่นสะเทือน เขากล่าวอย่างเดือดแค้น“ยั่วยุข้างั้นหรือ? เด็กน้อยเช่นเจ้าช่างไม่รู้ว่าผู้ใดควรก้มหัวให้! หรือเจ้าไม่ทราบ ว่าอู่หลงผู้นี้คือผู้ใด?”
ฉินหยุนส่ายศีรษะ “ข้าไม่ทราบว่าเจ้าเป็นใคร และก็ไม่คิดสนใจที่ข้าสนใจ คือการเร่งรีบออกไปเล็กพล่ามแล้วเริ่มสู้กันได้หรือยัง?”
หากไม่มีชายชราอยู่ที่นี้ ฉินหยุนจึงเป็นฝ่ายบังคับเปิดฉากต่อสู้ทุบตีเด็กน้อยอวดดีตรงหน้า ชายชรานามหลงเป่ยจนถึงตอนนี้ไม่กล่าวคําใด ออร่าของเขาอ่อนโยนนุ่มนวลระดับการฝึกฝนไม่อาจสัมผัสถึงชัดเจนว่าเป็นตัวตนชวนสะพรึง หากอู่หลงไม่ลงมือ เช่นนั้นฉินหยุนก็ไม่กล้าลงมือก่อนเขาเกรงว่าชายชราอาจใช้เป็นข้ออ้างเพื่อโจมตีเขาได้!
“ท่านปู่ ให้ท่านขานเริ่มสู้! เมื่อใดเริ่ม เมื่อนั้นมันจะแทบเท้าข้า!”อู่หลงเผยเสียงกล่าวออกอย่างมาดมั่น
“อู่หลง รับมือเขาไม่ใช่ง่าย อย่าได้ปรามาสไป” หลงเป๋ยกล่าวเตือนอู่หลงด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน
“ท่านปู่อายุมากจนเลอะเลือนแล้วหรือไร? ชายผู้นี้หรือเป็นคู่ต่อสู้ให้แก่ข้าได้? ข้าคือราชันยุทธ์ระดับสูงมันเป็นเพียงระดับต้นเพียงแค่ระดับก็บ่งบอกได้แล้วว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้แก่ข้าใช้เพียงมือเดียวข้าก็ทุบตีจนมันนอนกองกับพื้นได้!”อู่หลงเผยท่าที่ไม่ยินดีรับฟัง
“เขาไม่ใช่ราชันยุทธ์ธรรมดา ด้วยสามารถขึ้นมาจนถึงที่ชั้นนี้ ชัดเจนแล้วว่ากําลังเขาไม่มีทางอ่อนด้อยหากเจ้ายังเอาแต่ปรามาสเช่นนั้นก็เป็นเจ้าที่ต้องแบกรับความประมาทของตนเอง!”หลงเป๋ยกล่าวยําเดือน
อู่หลงผู้นี้ยังเยาว์ รับฟังคํากล่าวหัวใจจึงประท้วงรุนแรง ปู่ของเขากล่าวว่าให้ระวังคู่ต่อสู้อย่างชัดเจนเพียงนี้กระนั้นเขาเลือกไม่รับฟังทั้งยังโกรธจัดเป็นเขารู้สึก ว่าปู่ตนเองกําลังปรามาสตัวเขาและยกยอคู่ต่อสู้
ฉินหยุนกลายเป็นร้อนรนขึ้นมา เพราะหลงเป๋ยผู้นี้คล้ายทราบกระจ่างชัด ราวกับสามารถทราบถึงกําลังเท็จจริงของฉินหยุน
อู่หลงเผยจิตสังหารออกมา สายตากราดเกรี้ยวจับจ้องที่ฉินหยุน “ท่านปู่ ท่านกําลังกล่าวว่ามันแข็งแกร่ง!ข้าจะเอาชนะและทําให้มันสิ้นสภาพ! ข้าจึงเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด!”
คนหนุ่มเลือดร้อนถือเป็นเรื่องปกติ กระนั้นอู่หลงผู้นี้ออกจะสุดก่จนเกินไป ฉินหยุนภายในพลันต้องหวาดกลัวขึ้นมาบ้างเพราะเขารับรู้ได้อู่หลงตรงหน้าคล้ายผู้ซึ่งการฝึกฝนแตกซ่านจนร่วงหล่นสู่เต๋อสูร
“อู่หลง ระมัดระวังด้วย” หลงเป๋ยถอนหายใจอย่างเสียมิได้ “เริ่ม!”
อู่หลงคํารามดังประหนึ่งมังกร พลังงานพลันล้นทะลักจากร่างเผยซึ่งออร่ามังกรแข็งแกร่งทั้งร่างกายเริ่มสั่นจนเกิดเป็นคลื่นทรงอํานาจแผ่กระจายเห็นได้ชัดมันสั่นไหวจนถึงขั้นทําให้ฉินหยุนต้องถอยหลายก้าว
วูบ!
ร่างของอู่หลงกลับกลายเป็นลําแสงทองคําพุ่งทะยานประหนึ่งสายฟ้าฉินหยุนพบเห็นการเคลื่อนไหวของอู่หลงชัดเจนอีกฝ่ายเชี่ยวชาญฝ่ามือโจมตีทั้งยังครอบครองความเร็วและกําลังที่ดีเยี่ยม
“รับความตาย!”
อู่หลงคําราม ฝ่ามือสับฟันเข้าใส่ฉินหยุน ลําแสงทองคําปรากฏอัดแน่นที่ฝ่ามือจนถึงแขน เกิดเป็นกระบี่ทองค่าขนาดใหญ่สับฟันจากเบื้องบนฉินหยุนไม่กล้ารับพลังเช่นนี้ซึ่งหน้าเขาจึงหลบเลี่ยง
ฝ่ามือของอู่หลงสับฟันผ่านมวลอากาศว่างเปล่าปะทะกับพื้นเบื้องล่าง แรงปะทะรุนแรงส่งเสียงดังสนั่นพร้อมสายลมเชือดเฉือนราวกระบกระจายตัว พลังงานสีทองระเบิดออกมุ่งไปทั่วทิศราวกระบี่คลุ้มคลั่งสับฟันไร้เป้าหมาย
หากไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งพอต้านรับ เช่นนั้นคงมีสภาพเป็นเนื้อบดโดยสายลมเชือดเฉือนเหล่านี้ ฉินหยุนยังต้องหวาดกลัวต่อกําลังระดับนี้จนสะท้านขึ้นในใจเขาเร่งรีบใช้มวลมังกรคุ้มกายเป็นเขารับรู้ได้ว่าอู่หลงผู้นี้แข็งแกร่งกว่าหลงฉวนอู่มากล่า
“ชายผู้นี้มีพื้นเพเป็นมาอย่างไรกันแน่? เหตุใดจึงแข็งแกร่งชวนสะพรึงได้เพียงนี้?” ขณะฉินหยุนนึกประหลาดใจ อู่หลงพลันแปรเปลี่ยนเป็นลําแสงสีทองพุ่งเข้าหาอีกครั้งหนึ่ง
ขณะพุ่งทะยาน สองหมัดจึงระเบิดออกเป็นเสียงมังกรร่ําร้องความเร็วอู่หลงยิ่งเพิ่มพูน จนถึงขนาดฉินหยุนไม่อาจหลบเลี่ยงร่างกายจึงต้องแบกรับหมัดที่โจมตีเข้าใส่
ครั้น!
หน้าอกฉินหยุนแบกรับสองหมัดหนักอึ้งของอู่หลงจนร่างกระเด็นปะทะผนังกําแพงจนทั้งหอคอยแห่งนี้สั่นไหวรุนแรงแม้เขาสามารถพบเห็นการเคลื่อนไหวได้ทว่ามันรวดเร็วเกินไปฉินหยุนพบเห็นทว่าไม่อาจตอบสนองได้ทันนับว่าโชคยังดีที่เขามีมวลมังกรคุ้มกายทําให้สามารถต้านรับพลังอันมากล้ําระดับนี้เอาไว้ได้
“เจ้าหรือคิดเร่งรีบออกไป? อย่าได้กล่าววาจาชวนขัน ผู้ใดเข้ามายังหอคอยเก้ามังกรทัณฑ์อสูรแห่งนี้ล้วนไม่เคยผ่านข้าไปได้!” อู่หลงจับจ้องฉินหยุนที่ถูกส่งร่างกระเด็นปะทะกําแพงเวลานี้เสียงหัวเราะเบิกบานดังออกพร้อมตะโกนก่อนที่จะกลับกลายเป็นลําแสงพุ่งทะยานเข้ามาอีกครั้ง
ความเร็วของอู่หลงยิ่งมากขึ้น พละกําลังยิ่งชวนสะพรึงมากขึ้น ขณะเคลื่อนไหว เขาจะควบแน่นพลังอันมหาศาลในเวลาเพียงอึดใจเพื่อใช้โจมตีออก ฉินหยุนกล้ํากลืนความเจ็บปวดปลดปล่อยกรงเล็บพฤกษาคว้าจับขาทั้งสองของอู่หลงเอาไว้ขณะอู่หลงพุ่งทะยานมาร่างนั้นพลันเผยพลังแข็งแกร่งระเบิดออกเป็นการสลายกรงเล็บพฤกษาของฉินหยุนในเวลาเพียงอึดใจ
ตุ้ม!
เสียงหมัดคลุ้มคลั่งของอู่หลงราวมังกรคํารามร้อง มันแหวกผ่านมวลอากาศปะทะกับผนังกําแพงจนเป็นผลให้แรงปะทะพุ่งตรงส่งร่างฉินหยุนกระเด็นจะกําแพงของหอคอยเก้ามังกรทัณฑ์อสูรแข็งแกร่งหมัดของอู่หลงแม้ เลิศล้ํากระนั้นก็ยังไม่อาจท่าลาย
แม้รากไม้ที่ฉินหยุนใช้งานถูกอู่หลงสะบัดหลุด กระนั้นพวกมันยังสามารถใช้งาน พวกมันสามารถลดทอนความเร็วและดึงความสนใจทําให้ฉินหยุนมีโอกาสได้หลบเลี่ยงการโจมตีแม้ว่าเป็นการดึงความสนใจในชั่วลมหายใจทว่าก็มากพอให้ฉินหยุนหลบเลี่ยงได้ไม่เช่นนั้นร่างกายเขาคงไม่เหลือแรงใดให้ใช้สู้ตอบโต้แล้ว
“เจ้าเล่นอุบายต่อหน้าขาผู้นี้อย่างนั้นหรือ? ท่านปู่ขากล่าวชมว่าเจ้าแข็งแกร่ง กระนั้นที่ข้าพบเห็นเป็นเจ้าไม่ต่างอะไรกับลมที่ผายออก! เจ้าคนอ่อนแอครานี้ได้ทราบหรือยังว่าผู้ใดจึงแข็งแกร่ง?”อู่หลงหัวเราะดังดวงตากลับกลายเป็นสีแดงพลังคลุ้มคลั่งทะลักล้นจากร่างส่งผลให้สายลมเชือดเฉือนยิ่งรุนแรงสายฟ้าปรากฏอย่างคลุ้มคลั่งกระจายทั้งชั้นที่เก้า
ฉินหยุนหลบเลี่ยงจนถึงมุมหนึ่ง ตอนนี้เขาเว้นระยะห่างจากอู่หลงมาได้มาก อีกฝ่ายเพิ่มพลังขึ้นจนแทบจึงขีดสุดแล้วฉินหยุนรับรู้ได้ ว่าหากอู่หลงในสภาวะตรงหน้าทุ่มสุดตัวแม้เป็นจักรพรรดิยุทธ์ก็จะไม่อาจต้านรับเขาเอาไว้ได้พละกําลังอีกฝ่ายชวนสะพรึงจนเกินไป
อู่หลงคิดลงมืออีกครั้ง ความเร็วมากดังเช่นก่อนหน้า ฉินหยุนเคยประสบมาแล้วถึงสองครั้งคราเวลานี้จึงเร่งรีบหลบเลี่ยงเขาเผยกรงเล็บพฤกษาเพื่อพันธนาการร่างของอู่หลงเอาไว้
“สารเลว!” อู่หลงกระชักเท้าขึ้นรุนแรงจนฉีกกระชากกรงเล็บพฤกษาขาดออกน้ําเสียงคํารามร้องด้วยโทสะแม้ยังสามารถพุ่งทะยานเข้าหาฉินหยุนกระนั้นความเร็วก็ตกวูบไปในพริบตาแล้ว
และช่วงเวลานี้คือพริบตาที่ฉินหยุนรอคอยเพื่อทุ่มสุดตัวตอบโต้