Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 846 : เคล็ดเต่ํา
ตอนที่ 846 : เคล็ดเต่ํา หลงฉวนอู่พบเห็นฉินหยุนเข้าไปในด้านใน คําจึงกล่าวออกอย่างร้อนรน “อย่าให้ตัวบัดซบนั่นหนีไปได้! มันยังสําคัญต่อพวกเรา ไม่เพียงแต่สํารวจทาง แต่ยังครอบครองศิลามารดาจักรพรรดิราชนจํานวนมาก!” ครึ่งเซียนผู้ถือเชือกทองคําเอาไว้หัวเราะกล่าว “มันไม่อาจหนีได้! สาเหตุว่าทําไมเข้าไปด้านในนั้น ก็คงเพื่อขับไล่มังกรมารวิญญาณไป!” กระนั้นแล้ว ยามเมื่อดึงเชือกทองคํา สีหน้าของชายชรากลับกลาย เขาที่นําเชือกกลับคืน พบว่ามันถูกตัดออกแล้ว! ผู้คนที่นี้ต่างตื่นตระหนกกันถ้วนหน้า! “ให้ข้าไล่ตามมันไป!” เซียนหมูจิ้งตื่นตะลึง นางเร่งรีบใช้ความเร็วสูงลําไล่ตามเข้าไปในห้องหิน ฉินหยุนพุ่งเข้ามาในห้องหิน ดังนั้นจึงสามารถนํากระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกออกมาตัดเชือก เขาไม่กล้าทําก่อนหน้านี้ เพราะเป็นกังวลว่ายามเมื่อเผชิญหน้าสถานการณ์อันตราย เขาจะไร้ซึ่งกําลังปกป้องตนเอง ทว่าตอนนี้ได้พบ ว่าตนสามารถขับไล่มังกรมารวิญญาณที่แข็งแกร่งทัดเทียมเซียน ดังนั้นเขาจึงกล้าเผ่นหนีตามใจชอบ เช่นนี้ คนกลุ่มนั้นจะไม่มีทางบีบบังคับให้เขาส่งมอบศิลามารดาจักรพรรดิราชันได้อีก ฉินหยุนยังคงอยู่ในห้องหิน เขาเคลื่อนที่มุ่งหน้าไปยังทางออกอีกฟากหนึ่งของห้อง แต่แล้วขณะคิดออกไป เขาพลันได้เห็นเซียนหลู่จิ้งพุ่งเข้ามา “ตัวบัดซบ อย่าได้คิดว่าเจ้าจะหนีรอด!” เซียนหลลิ้งคํารามพร้อมคว้าตัวฉินหยุน ตอนนี้เอง ฉินหยุนจึงสัมผัสได้ ว่ากลุ่มครึ่งเซียนกําลังใกล้เข้ามา เขาจึงแปรสภาพตนเองและเซียนหมูจิ้งเป็นโปร่งแสง ออร่าของพวกเขาพลันหายวับ ขณะกลุ่มคนที่คิดไล่ตามจะพุ่งทะยานเข้ามา พวกเขาพลันได้เห็นมังกรมารวิญญาณปรากฏตัวจากที่ใดไม่ทราบ จึงเร่งรีบเผ่นหนีออกจากห้องหินด้วยความหวาดกลัว มังกรมารวิญญาณไม่อาจสัมผัสถึงฉินหยุนและเซียนหมูจิ้ง หลังขับไล่กลุ่มคนไปได้ ฉินหยุนจึงนําเชียนหลู่จิ้งผ่านห้องหินที่มีแสงสีแดง จนกระทั่งไปถึงบันไดที่ซึ่งนําลงสู่ใต้ดินลึกลงไปอีก “เจ้าสามารถหลบหนีได้นานแล้ว กระนั้นกลับจงใจว่าพวกเรามาที่นี่ ช่างเป็นจอมโฉดชั่วอย่างแท้จริง!” เซียนหมูจิ้งสบถต่อฉินหยุนผ่านเสียงสื่อสาร “เหอะ… หากข้าไม่ยั้งมือ มีหรือพวกเจ้าจะยังรอดกันมาถึงตรงนี้ได้! เจ้าสัญญาว่าจะปกป้องข้า ทว่าพวกมันก็ยังคิดยื่นมือมาเบาะแว้งกับข้า! ดังนั้นจึงต้องให้พวกมันลิ้มรสความขึ้นขมเสียบ้าง!” ฉินหยุนเวลานี้อารมณ์ไม่ดี อย่างยิ่ง “ข้าประกาศจุดยืนชัดเจนแล้ว ขากล่าวว่าก่อนศิลาเหล่านั้นเป็นของเจ้า เจ้าไม่ได้ยินคําขาหรือไร?” เซียนหลู่จิ้งครวญคราง “เจ้าคงคิดขอส่วนแบ่งภายหลังหรือไม่ใช่? อย่าได้คิดว่าข้าจะไม่ทราบแผนการฉ้อฉลของเจ้า!” ฉินหยุนตอน นี้ได้แต่ต้องนําเซียนหมูจิ้งร่วมทาง “อย่าได้ลืมว่าพวกเรายังมียันต์ผูกชีวิตต่อกันอยู่! หากเจ้าทิ้งข้าจนตายตก เช่นนั้นเจ้าก็ตายตามไปด้วย!” เซียนหมูจิ้งเผยยิ้มอย่างเหนือกว่า ฉินหยุนทราบดี ถึงสาเหตุที่นางใช้ยันต์ผูกชีวิต ก็เพื่อพันธนาการเขาเอาไว้ให้ช่วยเหลือนาง “ฟังให้ดี ข้าจะไม่ส่งมอบศิลามารดาจักรพรรดิราชันแม้ก้อนเดียวให้แก่เจ้า!” ฉินหยุนกล่าว “อย่าได้กังวลไป ข้าหาได้ต้องการพวกมันไม่ แม้ข้าต้องการ ข้าก็ไม่ทราบอยู่ดีว่าจะทําให้ศิลาต้นกําเนิดจักรพรรดิราชันปรากฏออกมาอย่างไร!” คํากล่าวของเซียนหลู่จิ้งเป็นความจริง “ข้าจะเชื่อเจ้าไปก่อนก็แล้วกัน!” ฉินหยุนนําเซียนหมูจิ้งลงบันไดไปอย่างระแวดระวัง เซียนหมูจิ้งย่อมทราบว่าฉินหยุนเชื่อถือได้ ครั้งมังกรมารวิญญาณปรากฏตัว กระทั่งครึ่งเซียนยังแทบสติหลุดเพราะความหวาดกลัว มีแต่ฉินหยุนที่หาญกล้าขับไล่อีกฝ่ายจนหนีหาย “เจ้าผู้แซ่หยุน หากพวกเรารอดออกไปจากที่นี่ได้ ข้าย่อมช่วยเหลือเจ้าอย่างเต็มที่!” เซียนหมูจิ้งกล่าว “ไว้พูดกล่าวหลังพวกเราออกไปได้แล้ว ผู้ใดทราบกัน บางทีพวกเราอาจต้องตายที่นี่!” ฉินหยุนแค่นเสียงตอบ เซียนหมูจิ้งจึงหยิกมือเขาพร้อมสบถ “ปากเสียยิ่งนัก เจ้าอย่าได้กล่าววาจาไปเรื่อย!” ฉินหยุนปุ๋ยปากพร้อมกล่าว “เจ้ามันสตรีใจโฉด เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่โง่ เหตุใดจึงยังโง่งมหลงมัวเมากับหลงฉวนอู่? นึกดูหากข้าไม่นําเจ้าไปพบเห็นธาตุแท้ของมัน… เหอะ… เจ้าคงเป็นดอกไม้ให้มือโสโครกของมันเด็ดไปเชยชมแล้ว!” เซียนหมูจิ้งครวญครางเบา “ข้ายอมรับ เป็นข้ามองมันพลาดไปเอง! ก็ได้ ข้าขอบคุณเจ้าต่อเรื่องราวครั้งก่อนที่ช่วยให้ข้าหลุดพ้นจากสวะตัวนั้นมาได้!” นางนึกถึงตัวตนโฉดชั่วเช่นหลงฉวนอู่ ภายในใจอดไม่ได้ที่จะเผยความหวาดกลัวหากตนเองไม่ตาสว่าง บันไดนี้ทอดยาวอย่างยิ่ง คนทั้งสองได้แต่ลอยตัวลงไปเชื่องช้า พวกเขาไม่กล้าบินขึ้นสูงหรือว่าต่ํา หรือว่าเดินทางรวดเร็วจนเกินไป “สตรีโฉดชั่ว เจ้าทราบเรื่องถ้ํามังกรโลหิตมารแห่งนี้เพียงใด?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “ทราบไม่มาก เพียงทราบว่าสํานักมังกรฟ้าต้องการสํารวจสถานที่แห่งนี้เป็นที่สุด! ตามข่าวลือ บรรพบุรุษผู้นําตระกูลหลงได้หลงเหลือสมบัติล้ําค่าไว้ที่นี่ มันคือสิ่งที่สร้างขึ้นโดยเซียนมังกร ภายหลังผู้ใดทราบกันว่าสถานที่นี้เกิดอันใดขึ้นจนอันตรายได้เพียงนี้!” เซียนหลู่จิ้งกล่าว ฉินหยุนไม่ทราบว่าตนจะพบเจออันใดที่นี้บ้างที่ทําได้ จึงมีแต่ความคาดหวังว่าจะได้รับของดีติดไม้ติดมือกลับไป เซียนหมูจิ้งกล่าวถาม “ตัวบัดซบ ให้กล่าวตามตรง ตัวตนเช่นเจ้าไม่ใช่ตัวบัดซบดังที่พวกเรากล่าวหา! เจ้ามีจุดประสงค์อันใดกันแน่จึงเข้ามาที่คฤหาสน์ราชันมังกร?” “ข้าเข้ามายังคฤหาสน์ราชันมังกรเพื่อล่อลวงเอาของดีจากมือพวกมัน! ก็แค่นั้น!” ฉินหยุนตอบคำถาม “เหอะ… ข้าทราบอยู่แล้วว่าเจ้าเข้ามายังคฤหาสน์ราชันมังกรเป็นหมาคิดฉกชิงไก่! เจ้ามันก็แค่คนที่ตีหน้าหลอกลวงผู้คนไปเรื่อย!” เซียนหลู่จิ้งบ่นอุบ “สตรีโฉดชั่ว เหตุใดจึงลงมาจากแดนเซียนอ้างว้างโดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้? เจ้ามีแผนการอันใดกันแน่?” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย “ข้าเพียงติดตามตัวสารเลวหลงฉวนอู่นั่นมา! เป็นข้าว่างจนไม่มีอันใดให้ทํา ดังนั้นจึงมาหาความสนุกสนานที่นี่!” เซียนหมูจิ้งครวญคราง “ผู้ใดทราบกันว่าข้าจะต้องมาเผชิญเรื่องราวบ้าบอเหล่านี้มากมายนัก!” “เจ้ากล่าวได้ว่าโชคดีแล้วที่ได้พบพานนายน้อยผู้นี้! หากไม่ เจ้าก็คงตกเป็นของหลงฉวนอไปแล้ว เรื่องนี้คิดตอบแทนข้าเช่นไร? หากเจ้าคิดอยากถวายชีวิตให้ ต้องบอกเลยว่าข้าหาได้ต้องการไม่! และหากยืนกราน ขอบอกเลยว่าขาต่างหากจึงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ!” ฉินหยุนหัวเราะดัง “ภายหน้าเจ้าไปยังแดนเซียนอ้างว้าง ข้าย่อมตอบแทนเจ้าให้!” เซียนหมูจิ้งเผยยิ้มเย็น ตลอดการเดินทางของฉินหยุนและเซียนหลู่จิ้ง ที่พูดคุยล้วนผ่านเสียงสื่อสาร ทั้งสองลงบันไดอย่างระแวดระวังอยู่ตลอด ใช้เวลาเกือบทั้งวันกว่าจะถึงเบื้องล่างสุด ที่ด้านล่างนี้เป็นถ้ํา ฉินหยุนและเซียนหมูจึงพบเห็นมังกรมาร วิญญาณหลายตัวที่ภายนอกกล่าวได้ว่าพวกมันมีเกินกว่าหนึ่งร้อย มังกรมารวิญญาณเหล่านี้ดวงตาหลับแน่น ราวกับพวกมันอยู่ในห้วงนิทรา ฉินหยุนพิจารณาถี่ถ้วนแล้วจึงนําเซียนหมูจิ้งเข้าสู่ถ้ําอันดํามืด ภายในถ้ําดําสนิทไม่มีอื่นใดพบเห็น ทั้งยังลึกยิ่ง ฉินหยุนได้แต่ต้องพึ่งพาพลังจิตค้นหาเส้นทาง เดินอยู่นาน ผ่านไปราวครึ่งวัน ทั้งสองต้องผ่านทางแยกมากมายจนกระทั่งถึงสุดปลายทาง พื้นที่บริเวณนี้มีแสงอ่อนจางปรากฏ มันเป็นห้องที่ค่อนข้างใหญ่ ภายในมีก้อนหินตั้งตระหง่าน บนก้อนหินดังกล่าว มันมีกองกระดาษส่องแสงสีทองเป็นประกายวางเอาไว้ “นั่นอะไรกัน?” ฉินหยุนนาเซียนหมูจิ้งเข้าไปใกล้ “เป็นเคล็ดเต่า ที่ตํานานกล่าวขานเป็นความจริง!” เซียนหมูจิ้งยามได้เห็นเนื้อบนบนแผ่นกระดาษ เวลานี้ต้องอุทานร้องออก “พวกเราค้นพบร่วมกัน ทว่าผู้ลงแรงที่สุดเป็นข้า! ดังนั้นข้าจะเก็บต้นฉบับ ส่วนเจ้าให้คัดลอกมันไป!” ฉินหยุนจัดการแบ่งเชิงบังคับ เซียนหลู่จิ้งนําเอากระจกสี่เหลี่ยมออกมา ส่องเข้าที่บนตัวกระดาษเพื่อเป็นการบันทึกเนื้อหา ฉินหยุนเก็บต้นฉบับพร้อมหัวเราะกล่าวค่า “พวกเรากลับกันได้แล้ว สงสัยนักว่าพวกมันจะเหลือรอดสักกี่คน!” เซียนหลู่จิ้งกล่าว “หากหลงฉวนอู่ตายคงน่ายินดีไม่น้อย!” ฉินหยุนและเซียนหมูจิ้งจึงค่อยเดินทางออกจากถ้ํา ขณะพวกเขาออกมา มังกรมารวิญญาณด้านนอกพลันไหลหลั่งเข้าสู่ภายใน กระนั้นพวกมันไม่พบเห็นฉินหยุนและเซียนหมูจิ้ง เนื่องด้วยทั้งสองคนเก็บตัวตนอย่างดีเยี่ยม ฉินหยุนและเซียนหลู่จิ้งอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว เพราะราวกับมังกรมารวิญญาณเหล่านั้นได้ทราบว่า เคล็ดเด็ถูกนําออกไป พวกมันจึงเร่งรีบกลับเข้าไปคุ้มกันและกําจัดผู้บุกรุก “ถ้ํามังกรโลหิตมารแห่งนี้มันอย่างไรกันแน่?” ฉินหยุนสงสัยมาตลอดการเดินทาง “เสียวหยุน เมื่อใดเจ้าออกไป ส่งเคล็ดเต่ให้เย่ว์เหม่ยหรือพี่สาวเหยาเฟิง สองคนนั้นน่าจะต้องทราบอะไรบ้างแน่!” หลังหยุนเอ่อกล่าว ฉินหยุนไม่อาจทําความรู้เข้าใจมันด้วยตนเอง อย่างไรแล้วสิ่งนี้ก็เป็นวิชาอันลึกล้ํา ครั้งนี้ กล่าวได้ว่าเป็นผลการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ ทั้งได้รับประกาศิตมังกรฟ้า รวมถึงศิลามารดาจักรพรรดิราชันอีกกองใหญ่ นี่ยังไม่กล่าวถึงเคล็ดเต่อันลึกลับ! เร่งรีบเดินทางอยู่หลายวัน ในที่สุดฉินหยุนค่อยนําเซียนหลู่จิ้งออกจากพระราชวังใต้ดิน พวกเขาออกมาสู่ภายนอก เคลื่อนตัวเข้าสู่ป่าในภูเขา เซียนหมูจิ้งเวลานี้ยังคงตื่นเต้นไม่หาย เพราะการผจญภัยในที่นี้ชวนระทึก ทุกเสี้ยวลมหายใจ! แน่นอนว่า เรื่องราวจะไม่มีทางราบลื่นได้หากปราศจากฉินหยุน! คฤหาสน์ราชันมังกร มีหลายผู้คนรวมตัวด้านหน้าถ้ํา และถ้ําแห่งนี้ มันคือทางเข้าสู่โลกบาดาล พวกเขาต่างรอคอยกันที่นี่หลายวันให้ผู้อื่นออกมา แต่แล้ว ผู้เดียวที่ออกมาได้คือเซียนหมูจิ้ง “หมูจิ้ง ตัวบัดซบนั่นเล่า?” หลงฉวนอู่เผยความยินดีเมื่อพบเห็นเซียนหลู่จิ้งกลับออกมาอย่างปลอดภัย เขาเร่งรีบเดินเข้ามาสอบถาม “มันถูกจับตัวไว้ได้ เป็นหรือตายข้าไม่ทราบ!” เซียนหมูจิ้งเผยเสียงเย็นเยียบ แท้จริงแล้วฉินหยุนออกมาพร้อมกัน ทว่าร่างกายโปร่งแสงและหลบฉากไปที่ตรงอื่น ไม่มีผู้ใดพบเจอเขา นอกจากนี้ ผู้อื่นยังสนใจแต่เซียนหมูจิ้ง ดังนั้นจึงไม่มีเวลาเพ่งสมาธิตรวจหาการเคลื่อนไหวใกล้เคียง เหล่านี้เป็นแผนการที่ฉินหยุนและเซียนหลู่จิ้งวางร่วมกัน ด้วยเหตุนี้ ผู้อื่นจะได้ไม่สร้างปัญหาแก่เขาเรื่องศิลามารดาจักรพรรดิราชัน รวมถึงกลุ่มคนของหลงฉวนอู่จะไม่อาจจับตัวเขาได้อีก ฉินหยุนที่หายตัวไปเงียบงัน เขาไม่ใช่ไปพ้นจากคฤหาสน์ราชันมังกร ทว่าเดินทางกลับไปยังบ้านพักของหลงอวี่ทั้ง ครึ่งเซียนสานักมังกรฟ้าถอนหายใจยาวกล่าวคํา “น่าเสียดาย มันผู้นั้นครอบครองศิลามารดาจักรพรรดิราชันจํานวนมาก ตอนนี้ล้วนหายหมดสิ้น!” หลงฉวนคู่กัดฟันแน่น “ตัวบัดซบนั้นตายเช่นนี้ ถือว่ามันตายสบายเกินไปแล้ว!” “เขายังไม่ตาย เพียงแต่ถูกจับตัว หากเจ้าต้องการย่อมไปช่วยเหลือเขาออกมาได้!” เซียนหลู่จิ้งกล่าว “เฮ้อ… พวกเราเข้าไปด้วยจํานวนคนถึงสองร้อย ทว่ารอดกลับมาได้แปดสิบ จํานวนผู้เสียชีวิตระดับนี้กล่าวได้ว่าเป็นหายนะภัยแล้ว!” ชายชราถอนหายใจกล่าวคํา หลงฉวนอู่ไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด เรื่องนี้เป็นผลให้เซียนหมูจิ้งไม่ยินดี “ข้าเหนื่อยแล้ว ขอตัวกลับไปพักก่อน!” เซียนหมูจิ้งกล่าว นางทราบดีว่าฉินหยุนยังคงอยู่ที่คฤหาสน์ราชันมังกร และย่อมต้องเป็นบ้านของหลงอวี่คง นางตอนนี้คิดอยากเร่งรีบไปศึกษาเคล็ดเต๋า ฉินหยุนที่ออกมาได้แล้ว จึงส่งมอบเคล็ดเด็ให้แก่เหยาเฟิง เพื่อให้นางได้ค้นคว้าศึกษา เหยาเพิ่งได้รับเคล็ดเต่า นางเพียงกล่าว “ของดี!” ออกมา และจากนั้นก็ไม่ได้กล่าวคําใดอีก จนเป็นผลให้ฉินหยุนต้องเกิดนึกกังวล
ตอนที่ 846 : เคล็ดเต่ํา
หลงฉวนอู่พบเห็นฉินหยุนเข้าไปในด้านใน คําจึงกล่าวออกอย่างร้อนรน “อย่าให้ตัวบัดซบนั่นหนีไปได้! มันยังสําคัญต่อพวกเรา ไม่เพียงแต่สํารวจทาง แต่ยังครอบครองศิลามารดาจักรพรรดิราชนจํานวนมาก!”
ครึ่งเซียนผู้ถือเชือกทองคําเอาไว้หัวเราะกล่าว “มันไม่อาจหนีได้! สาเหตุว่าทําไมเข้าไปด้านในนั้น ก็คงเพื่อขับไล่มังกรมารวิญญาณไป!”
กระนั้นแล้ว ยามเมื่อดึงเชือกทองคํา สีหน้าของชายชรากลับกลาย เขาที่นําเชือกกลับคืน พบว่ามันถูกตัดออกแล้ว! ผู้คนที่นี้ต่างตื่นตระหนกกันถ้วนหน้า!
“ให้ข้าไล่ตามมันไป!” เซียนหมูจิ้งตื่นตะลึง นางเร่งรีบใช้ความเร็วสูงลําไล่ตามเข้าไปในห้องหิน
ฉินหยุนพุ่งเข้ามาในห้องหิน ดังนั้นจึงสามารถนํากระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกออกมาตัดเชือก เขาไม่กล้าทําก่อนหน้านี้ เพราะเป็นกังวลว่ายามเมื่อเผชิญหน้าสถานการณ์อันตราย เขาจะไร้ซึ่งกําลังปกป้องตนเอง
ทว่าตอนนี้ได้พบ ว่าตนสามารถขับไล่มังกรมารวิญญาณที่แข็งแกร่งทัดเทียมเซียน ดังนั้นเขาจึงกล้าเผ่นหนีตามใจชอบ เช่นนี้ คนกลุ่มนั้นจะไม่มีทางบีบบังคับให้เขาส่งมอบศิลามารดาจักรพรรดิราชันได้อีก
ฉินหยุนยังคงอยู่ในห้องหิน เขาเคลื่อนที่มุ่งหน้าไปยังทางออกอีกฟากหนึ่งของห้อง แต่แล้วขณะคิดออกไป เขาพลันได้เห็นเซียนหลู่จิ้งพุ่งเข้ามา
“ตัวบัดซบ อย่าได้คิดว่าเจ้าจะหนีรอด!” เซียนหลลิ้งคํารามพร้อมคว้าตัวฉินหยุน
ตอนนี้เอง ฉินหยุนจึงสัมผัสได้ ว่ากลุ่มครึ่งเซียนกําลังใกล้เข้ามา เขาจึงแปรสภาพตนเองและเซียนหมูจิ้งเป็นโปร่งแสง ออร่าของพวกเขาพลันหายวับ
ขณะกลุ่มคนที่คิดไล่ตามจะพุ่งทะยานเข้ามา พวกเขาพลันได้เห็นมังกรมารวิญญาณปรากฏตัวจากที่ใดไม่ทราบ จึงเร่งรีบเผ่นหนีออกจากห้องหินด้วยความหวาดกลัว
มังกรมารวิญญาณไม่อาจสัมผัสถึงฉินหยุนและเซียนหมูจิ้ง หลังขับไล่กลุ่มคนไปได้ ฉินหยุนจึงนําเชียนหลู่จิ้งผ่านห้องหินที่มีแสงสีแดง จนกระทั่งไปถึงบันไดที่ซึ่งนําลงสู่ใต้ดินลึกลงไปอีก
“เจ้าสามารถหลบหนีได้นานแล้ว กระนั้นกลับจงใจว่าพวกเรามาที่นี่ ช่างเป็นจอมโฉดชั่วอย่างแท้จริง!” เซียนหมูจิ้งสบถต่อฉินหยุนผ่านเสียงสื่อสาร
“เหอะ… หากข้าไม่ยั้งมือ มีหรือพวกเจ้าจะยังรอดกันมาถึงตรงนี้ได้! เจ้าสัญญาว่าจะปกป้องข้า ทว่าพวกมันก็ยังคิดยื่นมือมาเบาะแว้งกับข้า! ดังนั้นจึงต้องให้พวกมันลิ้มรสความขึ้นขมเสียบ้าง!” ฉินหยุนเวลานี้อารมณ์ไม่ดี อย่างยิ่ง
“ข้าประกาศจุดยืนชัดเจนแล้ว ขากล่าวว่าก่อนศิลาเหล่านั้นเป็นของเจ้า เจ้าไม่ได้ยินคําขาหรือไร?” เซียนหลู่จิ้งครวญคราง
“เจ้าคงคิดขอส่วนแบ่งภายหลังหรือไม่ใช่? อย่าได้คิดว่าข้าจะไม่ทราบแผนการฉ้อฉลของเจ้า!” ฉินหยุนตอน นี้ได้แต่ต้องนําเซียนหมูจิ้งร่วมทาง
“อย่าได้ลืมว่าพวกเรายังมียันต์ผูกชีวิตต่อกันอยู่! หากเจ้าทิ้งข้าจนตายตก เช่นนั้นเจ้าก็ตายตามไปด้วย!” เซียนหมูจิ้งเผยยิ้มอย่างเหนือกว่า ฉินหยุนทราบดี ถึงสาเหตุที่นางใช้ยันต์ผูกชีวิต ก็เพื่อพันธนาการเขาเอาไว้ให้ช่วยเหลือนาง
“ฟังให้ดี ข้าจะไม่ส่งมอบศิลามารดาจักรพรรดิราชันแม้ก้อนเดียวให้แก่เจ้า!” ฉินหยุนกล่าว
“อย่าได้กังวลไป ข้าหาได้ต้องการพวกมันไม่ แม้ข้าต้องการ ข้าก็ไม่ทราบอยู่ดีว่าจะทําให้ศิลาต้นกําเนิดจักรพรรดิราชันปรากฏออกมาอย่างไร!” คํากล่าวของเซียนหลู่จิ้งเป็นความจริง
“ข้าจะเชื่อเจ้าไปก่อนก็แล้วกัน!” ฉินหยุนนําเซียนหมูจิ้งลงบันไดไปอย่างระแวดระวัง
เซียนหมูจิ้งย่อมทราบว่าฉินหยุนเชื่อถือได้ ครั้งมังกรมารวิญญาณปรากฏตัว กระทั่งครึ่งเซียนยังแทบสติหลุดเพราะความหวาดกลัว มีแต่ฉินหยุนที่หาญกล้าขับไล่อีกฝ่ายจนหนีหาย
“เจ้าผู้แซ่หยุน หากพวกเรารอดออกไปจากที่นี่ได้ ข้าย่อมช่วยเหลือเจ้าอย่างเต็มที่!” เซียนหมูจิ้งกล่าว
“ไว้พูดกล่าวหลังพวกเราออกไปได้แล้ว ผู้ใดทราบกัน บางทีพวกเราอาจต้องตายที่นี่!” ฉินหยุนแค่นเสียงตอบ
เซียนหมูจิ้งจึงหยิกมือเขาพร้อมสบถ “ปากเสียยิ่งนัก เจ้าอย่าได้กล่าววาจาไปเรื่อย!”
ฉินหยุนปุ๋ยปากพร้อมกล่าว “เจ้ามันสตรีใจโฉด เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่โง่ เหตุใดจึงยังโง่งมหลงมัวเมากับหลงฉวนอู่? นึกดูหากข้าไม่นําเจ้าไปพบเห็นธาตุแท้ของมัน… เหอะ… เจ้าคงเป็นดอกไม้ให้มือโสโครกของมันเด็ดไปเชยชมแล้ว!”
เซียนหมูจิ้งครวญครางเบา “ข้ายอมรับ เป็นข้ามองมันพลาดไปเอง! ก็ได้ ข้าขอบคุณเจ้าต่อเรื่องราวครั้งก่อนที่ช่วยให้ข้าหลุดพ้นจากสวะตัวนั้นมาได้!”
นางนึกถึงตัวตนโฉดชั่วเช่นหลงฉวนอู่ ภายในใจอดไม่ได้ที่จะเผยความหวาดกลัวหากตนเองไม่ตาสว่าง
บันไดนี้ทอดยาวอย่างยิ่ง คนทั้งสองได้แต่ลอยตัวลงไปเชื่องช้า พวกเขาไม่กล้าบินขึ้นสูงหรือว่าต่ํา หรือว่าเดินทางรวดเร็วจนเกินไป
“สตรีโฉดชั่ว เจ้าทราบเรื่องถ้ํามังกรโลหิตมารแห่งนี้เพียงใด?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ทราบไม่มาก เพียงทราบว่าสํานักมังกรฟ้าต้องการสํารวจสถานที่แห่งนี้เป็นที่สุด! ตามข่าวลือ บรรพบุรุษผู้นําตระกูลหลงได้หลงเหลือสมบัติล้ําค่าไว้ที่นี่ มันคือสิ่งที่สร้างขึ้นโดยเซียนมังกร ภายหลังผู้ใดทราบกันว่าสถานที่นี้เกิดอันใดขึ้นจนอันตรายได้เพียงนี้!” เซียนหลู่จิ้งกล่าว
ฉินหยุนไม่ทราบว่าตนจะพบเจออันใดที่นี้บ้างที่ทําได้ จึงมีแต่ความคาดหวังว่าจะได้รับของดีติดไม้ติดมือกลับไป
เซียนหมูจิ้งกล่าวถาม “ตัวบัดซบ ให้กล่าวตามตรง ตัวตนเช่นเจ้าไม่ใช่ตัวบัดซบดังที่พวกเรากล่าวหา! เจ้ามีจุดประสงค์อันใดกันแน่จึงเข้ามาที่คฤหาสน์ราชันมังกร?”
“ข้าเข้ามายังคฤหาสน์ราชันมังกรเพื่อล่อลวงเอาของดีจากมือพวกมัน! ก็แค่นั้น!” ฉินหยุนตอบคำถาม
“เหอะ… ข้าทราบอยู่แล้วว่าเจ้าเข้ามายังคฤหาสน์ราชันมังกรเป็นหมาคิดฉกชิงไก่! เจ้ามันก็แค่คนที่ตีหน้าหลอกลวงผู้คนไปเรื่อย!” เซียนหลู่จิ้งบ่นอุบ
“สตรีโฉดชั่ว เหตุใดจึงลงมาจากแดนเซียนอ้างว้างโดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้? เจ้ามีแผนการอันใดกันแน่?” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย
“ข้าเพียงติดตามตัวสารเลวหลงฉวนอู่นั่นมา! เป็นข้าว่างจนไม่มีอันใดให้ทํา ดังนั้นจึงมาหาความสนุกสนานที่นี่!” เซียนหมูจิ้งครวญคราง “ผู้ใดทราบกันว่าข้าจะต้องมาเผชิญเรื่องราวบ้าบอเหล่านี้มากมายนัก!”
“เจ้ากล่าวได้ว่าโชคดีแล้วที่ได้พบพานนายน้อยผู้นี้! หากไม่ เจ้าก็คงตกเป็นของหลงฉวนอไปแล้ว เรื่องนี้คิดตอบแทนข้าเช่นไร? หากเจ้าคิดอยากถวายชีวิตให้ ต้องบอกเลยว่าข้าหาได้ต้องการไม่! และหากยืนกราน ขอบอกเลยว่าขาต่างหากจึงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ!” ฉินหยุนหัวเราะดัง
“ภายหน้าเจ้าไปยังแดนเซียนอ้างว้าง ข้าย่อมตอบแทนเจ้าให้!” เซียนหมูจิ้งเผยยิ้มเย็น
ตลอดการเดินทางของฉินหยุนและเซียนหลู่จิ้ง ที่พูดคุยล้วนผ่านเสียงสื่อสาร ทั้งสองลงบันไดอย่างระแวดระวังอยู่ตลอด
ใช้เวลาเกือบทั้งวันกว่าจะถึงเบื้องล่างสุด ที่ด้านล่างนี้เป็นถ้ํา ฉินหยุนและเซียนหมูจึงพบเห็นมังกรมาร วิญญาณหลายตัวที่ภายนอกกล่าวได้ว่าพวกมันมีเกินกว่าหนึ่งร้อย
มังกรมารวิญญาณเหล่านี้ดวงตาหลับแน่น ราวกับพวกมันอยู่ในห้วงนิทรา ฉินหยุนพิจารณาถี่ถ้วนแล้วจึงนําเซียนหมูจิ้งเข้าสู่ถ้ําอันดํามืด
ภายในถ้ําดําสนิทไม่มีอื่นใดพบเห็น ทั้งยังลึกยิ่ง ฉินหยุนได้แต่ต้องพึ่งพาพลังจิตค้นหาเส้นทาง เดินอยู่นาน ผ่านไปราวครึ่งวัน ทั้งสองต้องผ่านทางแยกมากมายจนกระทั่งถึงสุดปลายทาง
พื้นที่บริเวณนี้มีแสงอ่อนจางปรากฏ มันเป็นห้องที่ค่อนข้างใหญ่ ภายในมีก้อนหินตั้งตระหง่าน บนก้อนหินดังกล่าว มันมีกองกระดาษส่องแสงสีทองเป็นประกายวางเอาไว้
“นั่นอะไรกัน?” ฉินหยุนนาเซียนหมูจิ้งเข้าไปใกล้
“เป็นเคล็ดเต่า ที่ตํานานกล่าวขานเป็นความจริง!” เซียนหมูจิ้งยามได้เห็นเนื้อบนบนแผ่นกระดาษ เวลานี้ต้องอุทานร้องออก
“พวกเราค้นพบร่วมกัน ทว่าผู้ลงแรงที่สุดเป็นข้า! ดังนั้นข้าจะเก็บต้นฉบับ ส่วนเจ้าให้คัดลอกมันไป!” ฉินหยุนจัดการแบ่งเชิงบังคับ
เซียนหลู่จิ้งนําเอากระจกสี่เหลี่ยมออกมา ส่องเข้าที่บนตัวกระดาษเพื่อเป็นการบันทึกเนื้อหา
ฉินหยุนเก็บต้นฉบับพร้อมหัวเราะกล่าวค่า “พวกเรากลับกันได้แล้ว สงสัยนักว่าพวกมันจะเหลือรอดสักกี่คน!”
เซียนหลู่จิ้งกล่าว “หากหลงฉวนอู่ตายคงน่ายินดีไม่น้อย!”
ฉินหยุนและเซียนหมูจิ้งจึงค่อยเดินทางออกจากถ้ํา ขณะพวกเขาออกมา มังกรมารวิญญาณด้านนอกพลันไหลหลั่งเข้าสู่ภายใน กระนั้นพวกมันไม่พบเห็นฉินหยุนและเซียนหมูจิ้ง เนื่องด้วยทั้งสองคนเก็บตัวตนอย่างดีเยี่ยม
ฉินหยุนและเซียนหลู่จิ้งอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว เพราะราวกับมังกรมารวิญญาณเหล่านั้นได้ทราบว่า เคล็ดเด็ถูกนําออกไป พวกมันจึงเร่งรีบกลับเข้าไปคุ้มกันและกําจัดผู้บุกรุก
“ถ้ํามังกรโลหิตมารแห่งนี้มันอย่างไรกันแน่?” ฉินหยุนสงสัยมาตลอดการเดินทาง
“เสียวหยุน เมื่อใดเจ้าออกไป ส่งเคล็ดเต่ให้เย่ว์เหม่ยหรือพี่สาวเหยาเฟิง สองคนนั้นน่าจะต้องทราบอะไรบ้างแน่!” หลังหยุนเอ่อกล่าว
ฉินหยุนไม่อาจทําความรู้เข้าใจมันด้วยตนเอง อย่างไรแล้วสิ่งนี้ก็เป็นวิชาอันลึกล้ํา ครั้งนี้ กล่าวได้ว่าเป็นผลการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ ทั้งได้รับประกาศิตมังกรฟ้า รวมถึงศิลามารดาจักรพรรดิราชันอีกกองใหญ่ นี่ยังไม่กล่าวถึงเคล็ดเต่อันลึกลับ!
เร่งรีบเดินทางอยู่หลายวัน ในที่สุดฉินหยุนค่อยนําเซียนหลู่จิ้งออกจากพระราชวังใต้ดิน พวกเขาออกมาสู่ภายนอก เคลื่อนตัวเข้าสู่ป่าในภูเขา เซียนหมูจิ้งเวลานี้ยังคงตื่นเต้นไม่หาย เพราะการผจญภัยในที่นี้ชวนระทึก ทุกเสี้ยวลมหายใจ! แน่นอนว่า เรื่องราวจะไม่มีทางราบลื่นได้หากปราศจากฉินหยุน!
คฤหาสน์ราชันมังกร มีหลายผู้คนรวมตัวด้านหน้าถ้ํา และถ้ําแห่งนี้ มันคือทางเข้าสู่โลกบาดาล พวกเขาต่างรอคอยกันที่นี่หลายวันให้ผู้อื่นออกมา แต่แล้ว ผู้เดียวที่ออกมาได้คือเซียนหมูจิ้ง
“หมูจิ้ง ตัวบัดซบนั่นเล่า?” หลงฉวนอู่เผยความยินดีเมื่อพบเห็นเซียนหลู่จิ้งกลับออกมาอย่างปลอดภัย เขาเร่งรีบเดินเข้ามาสอบถาม
“มันถูกจับตัวไว้ได้ เป็นหรือตายข้าไม่ทราบ!” เซียนหมูจิ้งเผยเสียงเย็นเยียบ
แท้จริงแล้วฉินหยุนออกมาพร้อมกัน ทว่าร่างกายโปร่งแสงและหลบฉากไปที่ตรงอื่น ไม่มีผู้ใดพบเจอเขา
นอกจากนี้ ผู้อื่นยังสนใจแต่เซียนหมูจิ้ง ดังนั้นจึงไม่มีเวลาเพ่งสมาธิตรวจหาการเคลื่อนไหวใกล้เคียง เหล่านี้เป็นแผนการที่ฉินหยุนและเซียนหลู่จิ้งวางร่วมกัน
ด้วยเหตุนี้ ผู้อื่นจะได้ไม่สร้างปัญหาแก่เขาเรื่องศิลามารดาจักรพรรดิราชัน รวมถึงกลุ่มคนของหลงฉวนอู่จะไม่อาจจับตัวเขาได้อีก
ฉินหยุนที่หายตัวไปเงียบงัน เขาไม่ใช่ไปพ้นจากคฤหาสน์ราชันมังกร ทว่าเดินทางกลับไปยังบ้านพักของหลงอวี่ทั้ง
ครึ่งเซียนสานักมังกรฟ้าถอนหายใจยาวกล่าวคํา “น่าเสียดาย มันผู้นั้นครอบครองศิลามารดาจักรพรรดิราชันจํานวนมาก ตอนนี้ล้วนหายหมดสิ้น!”
หลงฉวนคู่กัดฟันแน่น “ตัวบัดซบนั้นตายเช่นนี้ ถือว่ามันตายสบายเกินไปแล้ว!”
“เขายังไม่ตาย เพียงแต่ถูกจับตัว หากเจ้าต้องการย่อมไปช่วยเหลือเขาออกมาได้!” เซียนหลู่จิ้งกล่าว
“เฮ้อ… พวกเราเข้าไปด้วยจํานวนคนถึงสองร้อย ทว่ารอดกลับมาได้แปดสิบ จํานวนผู้เสียชีวิตระดับนี้กล่าวได้ว่าเป็นหายนะภัยแล้ว!” ชายชราถอนหายใจกล่าวคํา
หลงฉวนอู่ไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด เรื่องนี้เป็นผลให้เซียนหมูจิ้งไม่ยินดี
“ข้าเหนื่อยแล้ว ขอตัวกลับไปพักก่อน!” เซียนหมูจิ้งกล่าว นางทราบดีว่าฉินหยุนยังคงอยู่ที่คฤหาสน์ราชันมังกร และย่อมต้องเป็นบ้านของหลงอวี่คง นางตอนนี้คิดอยากเร่งรีบไปศึกษาเคล็ดเต๋า
ฉินหยุนที่ออกมาได้แล้ว จึงส่งมอบเคล็ดเด็ให้แก่เหยาเฟิง เพื่อให้นางได้ค้นคว้าศึกษา เหยาเพิ่งได้รับเคล็ดเต่า นางเพียงกล่าว “ของดี!” ออกมา และจากนั้นก็ไม่ได้กล่าวคําใดอีก จนเป็นผลให้ฉินหยุนต้องเกิดนึกกังวล