Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 843 : ผู้เบิกทาง
ตอนที่ 843 : ผู้เบิกทาง
ฉินหยุนแค่นเสียงตอบ “ข้าหาได้หลอกลวงใดไม่! ก่อนหน้าลงมา พวกเจ้าล้วนทราบว่าถ้ําแห่งนี้อันตรายเพียงใด! แต่เพราะต้องการของดีไปครอบครอง ย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะมีราคาต้องจ่าย!”
“ข้าเสี่ยงนําหัวตนเองมาเบิกทางให้ กระนั้นยังคงสงสัยข้า! หากข้าไม่เบิกทางมาให้ มีหรือพวกเจ้าจะพบเจอพระราชวังใหญ่แห่งนี้โดยง่าย?”
แม่ไม่มีผู้ใดพูดกล่าว พวกเขาล้วนเห็นด้วยกับฉินหยุนอยู่ภายใน เพราะฉินหยุนสํารวจทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้ด้วยตนเอง ทั้งยังไม่ตาย นอกจากนี้แล้ว เขายังได้ค้นพบครั้งใหญ่ พวกเขาทราบดีตั้งแต่ระหว่างทาง พวกเขาได้เห็นร่างผู้อาวุโสของตนมากมาย รวมถึงอสูรร้ายและวิญญาณร้ายที่แข็งแกร่งชวนสะพรึง
“ที่ตรงหน้าพระราชวังนั้นมีอสูรร้ายจํานวนมากคงอยู่ ข้าไม่อาจเข้าไป เข้าไปไม่ต่างอะไรกับส่งข้าไปตาย!” ฉินหยุนกล่าว
“ตัวบัดซบ เจ้าตายแล้วอย่างไร? เจ้าหาได้มีค่าอันใดต่อพวกเราไม่!” หลงฉวนอู่แค่นเสียง
“งั้นหรือ? เหตุใดจึงไม่สังหารข้าเสียที่นี่เสียเล่า? จากนั้นเจ้า หลงฉวนอู่จึงเป็นผู้รับหน้าที่เบิกทางนําหน้า อย่างนี้เป็นไร?” ฉินหยุนนั่งลงกับพื้นเอนพิงต้นไม้พร้อมหัวเราะ “เจ้าก็จะเป็นดังเช่นข้า เอวถูกพันธการด้วยเชือก บัดซบและต้องเข้าไปในพระราชวังนั่น เจ้าแข็งแกร่ง ใบหน้ายังหนายิ่งดูไปไม่น่าจะตาย!”
หลงฉวนอู่ไม่กล่าวคําอื่นใดอีก เขาไม่อาจแทนที่ฉินหยุนเพื่อเบิกทางได้ ต่อให้ถูกทุบดีจนตกตายเขาก็จะไม่มีทางเข้าไปในนั้นก่อนผู้อื่นเป็นแน่
ระหว่างทางมาที่นี่ พวกเขาล้วนได้พบเห็นอันตรายนานาชนิด รวมถึงครึ่งเซียนที่ร่วงโรย อย่าได้กล่าวถึงหลงฉวนอู่ กระทั่งครึ่งเซียนเหล่านี้ยังไม่กล้าออกส่ารวจโดยล่าพัง
เซียนหลจึงกล่าวเสียงเย็น “หากพวกเราจัดการอสูรกายเหล่านั้นที่รอบนอกพระราชวังได้ เจ้าจะเข้าไปส่ารวจหรือไม่?”
ฉินหยุนถอนหายใจตอบ “ข้าเพียงทราบว่ามีอสูรกายร้ายกาจพวกนั้นอยู่ที่ภายนอก ข้าย่อมไม่เข้าไปหาที่ตาย! ภายในนั้นไม่ทราบมีอันใด ดังนั้นข้าจึงไม่หวั่นเกรงที่จะเข้าไป!”
“ได้ อย่างนั้นพวกเราจะจัดการเบิกทางสู่ประตูพระราชวัง จากนั้นเจ้าจึงเข้าไปสํารวจ” ครึ่งเซียนกล่าว พวกเขาเหล่านี้ต่างทราบกระจ่างชัดดีแก่ใจ ว่าฉินหยุนเป็นตัวตนสําคัญเพียงใดในที่นี้
ฉินหยุนกล่าว “ข้าหมดแรงไปไม่น้อยแล้ว ขอเม็ดยาให้ข้าใช้ฟื้นฟูพลังด้วย! แล้วก็ใช่ มันจะดีหากให้ชุดเกราะและอาวุธที่ดีแก่ข้า! นั้นจะช่วยให้ข้ามีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น ในทางกลับกัน พวกเจ้าก็จะได้ผลประโยชน์มากขึ้นด้วย!”
หลงฉวนอู่เผยเสียงเย็นอึมครึม “ตัวบัดซบ อย่าได้ใจเกินไปนัก!”
ฉินหยุนยิ้มตอบ “หลงฉวนอู่ แม้เจ้าแข็งแกร่งกว่าข้า ทว่าที่นี่ ประโยชน์ของเจ้าไม่ต่างอะไรกับผายลม! เจ้าสามารถเบิกทางไปสํารวจให้ได้หรือ? เจ้าสามารถสังหารอสูรกายหรือวิญญาณร้ายเหล่านั้นหรือ? เจ้าทําอันใดได้บ้าง? เจ้าก็ได้แต่กวนน้ําให้ขึ้นไปเรื่อยและเมื่อใดถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานที่เจ้าท่าได้ก็เพียงแต่ลากถ่วงพวกเรา!”
“สารเลว ให้ข้าสังหารเจ้า!” ขณะหลงฉวนคู่คิดพุ่งตัวไป จักรพรรดิยุทธ์ข้างกายจึงคว้าร่างเขาเอาไว้
“ฉวนอู่ อย่าได้ก่อความวุ่นวาย!” จักรพรรดิยุทธ์ผู้นี้กล่าวด้วยน้ําเสียงทุ้มลึก
ตอนนี้เอง หลายคนต่างนําเอาเม็ดยาออกมาให้ฉินหยุน รวมถึงเกราะเต่ําและกระบี่เต๋า ฉินหยุนเผยยิ้มรับพวกมันไว้ พร้อมกินเม็ดยาราวกับลูกกวาดแสนหวานก็ไม่ปาน
เซียนหลจึงกล่าว “เจ้าผู้แซ่หยุน เหตุใดเจ้าจึงไม่ได้รับบาดเจ็บใด? จะบอกว่าเจ้าไม่พบเจออันใดระหว่างทางมาที่นี่เลยหรือ?”
เซียนหลจึงทราบดี ว่าฉินหยุนครอบครองความสามารถโปร่งแสง ทว่านางจงใจเอ่ยถาม เพื่อต้องการทราบว่าฉินหยุนจะตอบสนองเช่นไร
“ข้าครอบครองพลังแห่งความเที่ยงธรรม วิญญาณร้ายและอสูรกายล้วนหลบเลี่ยง เป็นปกติที่พวกมันจะไม่ถลําเข้ามาใกลุ่!” ฉินหยุนกล่าว
“หากเป็นเช่นนั้น เจ้าจงไปที่ตรงนั้นข่มขวัญตัวบัดซบเหล่านั้นให้พ้นทาง!” หลงฉวนอู่กล่าวเสียงเย็น
“พวกมันแข็งแกร่ง หากไม่ตอบสนองอย่างที่คิดเล่า? เมื่อใดข้าตาย พวกเจ้าก็ตระเตรียมโดนพวกมันพบเจอ พร้อมความตายที่พุ่งเข้าหาได้เลย!” ฉินหยุนยิมกล่าว
ตอนนี้เอง ครึ่งเซียนสองคน รวมถึงจักรพรรดิยุทธ์กว่าสิบคนจึงพุ่งทะยานไปทางพระราชวัง พวกเขาเหล่านี้เป็นคนของสํานักมังกรฟ้า ล้วนครอบครองอุปกรณ์และยันต์ที่ดีไว้กับตัว พลังอํานาจการต่อสู้พวกเขาสูงล้ํา ฉินหยุนยังคาดหวัง ว่าพวกเขาจะลงมือได้สําเร็จ
เขาคิดอยากเข้าไปในพระราชวังแห่งนั้นแรงกล้า เมื่อใดได้เข้าไป เขาจะตัดเชือกที่ตัวทิ้ง ปล่อยให้ผู้คนเหล่านี้ต้องเคว้งคว้างที่ภายนอกอย่างไร้จุดหมาย ถึงตอนนั้น อีกหลายคนต้องตกตาย
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม กลุ่มคนที่ลงมือเรียบร้อยจึงกลับมา
“อสูรกายพวกนั้นถูกกวาดล้างหมดแล้ว! ประตูนั้นยากเปิดออกยิ่ง จําเป็นต้องใช้แรงร่วมผสาน!” ชายชรากล่าวคําขึ้น กลุ่มคนจึงตกลงเข้าไปร่วมด้วยช่วยกันเปิดประตู
ฉินหยุนถูกหลงฉวนคู่จับจ้องไม่คลาดสายตา เขาไม่อาจหนีไปตอนนี้ เซียนหมูจิ้งเองก็เชื่อว่าฉินหยุนย่อมคิดหนี ดังนั้นนางจึงจ้องมองเขาไม่ห่าง
เพียงไม่นาน ฉินหยุนจึงมาถึงหน้าประตูพระราชวังพร้อมกลุ่มคน ที่แห่งนี้มีร่างอสูรกายใหญ่ยักษ์กองใหญ่ ร่างกายพวกมันคล้ายมนุษย์ ทว่าผิวหนังเป็นสีดําสนิท เลือดเป็นสีเขียว รวมถึงมีเมือกเหนียวข้นไหลออกจากร่างกาย
ประตูใหญ่นี้สูงกว่าร้อยเมตรเป็นสีดําสนิท หาได้มีอักขระใดแกะสลักไว้ นั่นหมายความถึงไม่มีม่านพลังหรือค่ายอาคมใด
“ประตูช่างใหญ่นัก… ไม่กลัวว่าจะมีอะไรใหญ่โตภายในนี้หรือไร?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“พวกเราจะเปิดเพียงช่องเล็กแคบ เมื่อนั้นเจ้าจงเร่งรีบเข้าไปสํารวจ!” ครึ่งเซียนกล่าวคําเสียงเย็น
ฉินหยุนไหวไหล่ไม่กล่าวคําอื่นใดอีก คนกลุ่มนี้ตระเตรียมร่วมมือกันเปิดช่องว่างขนาดเล็ก สําหรับให้เพียงแค่บุคคลเข้าไปได้
ฉินหยุนถูกผลักเข้าสู่ด้านใน สายลมเย็นเยือกพัดพาออกจากรอยแยกประตู กระนั้นท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ มันมีแต่จะทําให้ผู้คนขนลุก
ฉินหยุนเข้าผ่านรอยแยกที่ประตู พบเห็นว่าภายในเป็นสีดําสนิทเช่นกัน มันไม่มีสิ่งใดคงอยู่ เขาจึงก้าวเดินไปอย่างระวังทุกฝีก้าว เพราะเขากังวลว่ามันอาจมีสิ่งใดโผล่พรวดออกมาโจมตี
ขณะเขากังวลอยู่นั้นเอง อะไรบางอย่างจึงเข้ามาใกล้ เขาที่สัมผัสถึงอันตราย ร่างกายจึงส่องประกายแสงเจิดจ้า พื้นที่รอบด้านถูกส่องสว่าง กระนั้นเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความเย็นเยียบแล่นปราดผ่านกระดูกสันหลัง
ห้องโถงกว้างเบื้องหน้าแห่งนี้ มันมีหลายคนอยู่ภายใน
ผู้คนเหล่านี้ถูกนําดวงตาออก ทั้งยังมีกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง เสื้อผ้าถูกฉีกขาด ฟันยื่นยาวและแหลมคม ออร่าที่เผยออกมีแต่พลังมารอันชั่วร้าย ผิวหนังเป็นสีดําสนิท รูปลักษณ์นี้ไม่ว่าผู้ใดพบเจอย่อมต้องหวาดกลัว
ฉินหยุนถึงกับกายแข็งที่อ นับเป็นโชคดีที่เขาครอบครองพลังแห่งความเที่ยงธรรม ทําให้อสูรกายเหล่านี้ไม่อาจหาญกล้าเข้ามาใกล้
“พวกมันมีจํานวนนับหมื่น! เหตุใดจึงมีมากมายเพียงนี้? ทั้งยังแข็งแกร่งยิ่ง!”
หลิงหยุนเอ่อกล่าว “ดีกว่าหากสังหารพวกมันเสียก่อน!”
ฉินหยุนน่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกออกมา เผยซึ่งพลังจิตจันทราทมิฬ ทําการควบคุมกระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกลอยออกเพื่อโจมตี
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกแทงทะลวงทุกร่างของอสูรกาย พร้อมกลืนกินวิญญาณร้ายภายในกายพวกมัน เหล่านี้ล้วนเป็นพลังงานช่วยซ่อมแซมตัวกระบี่
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกโบยบิน จ้วงแทงสับฟันทั่วทิศ สังหารบรรดาอสูรกายเหล่านี้รวดเร็ว พร้อมเข้ากลืนกินวิญญาณร้ายของพวกมันจนหมดสิ้น
ฉินหยุนเร่งรีบทะยานร่างออก ยิ่งไปซึ่งพลังแห่งความเที่ยงธรรมที่แปรสภาพเป็นสายลมร้อนแรง ทําการเผาไหม้ร่างกายบนพื้นให้เป็นเถ้าธุลี
เพียงไม่นาน จํานวนอสูรกายนับหมื่นตัวเหล่านี้จึงถูกกวาดล้าง ฉินหยุนถือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกในมือ เขารับรู้ได้ถึงพลังงานภายในตัวกระบี่
“ยังคงไม่พอ มันจําเป็นต้องดูดกลืนจิตวิญญาณและวิญญาณอีกมากมายกว่าจะฟื้นตัวได้โดยสมบูรณ์!” 思い出 なんか いらんหยุนกล่าวอยู่ภายใน
หลังกวาดล้างสังหารอสูรกายหมดสิ้น ฉินหยุนจึงเดินเข้าไปในห้องโถงกว้างใหญ่แห่งนี้ พบเห็นประตูบานใหญ่เปิดออกกว้างที่ด้านหนึ่งของห้องโถง ฉินหยุนเดินผ่านประตูดังกล่าวเข้าไปที่พบเป็นโถงทางเดินมืดมิด
“อะไรอยู่ด้านในกันนะ!”
ฉินหยุนน่าหินส่องแสงออกมาและโยนมันออกไปด้านหน้า เมื่อโยนออกไปแล้ว หินส่องแสงจึงดับวูบ มันถูกโจมตีโดยอะไรบางอย่างจนต้องหยุดชะงัก และมันก็ไม่มีเสียงร่างกายขยับหรือว่ากลไกใด
เช่นนี้ ฉินหยุนจึงนําหุ่นเชิดวัชระออกมา เขาครอบครองพวกมันแปดตัวจากกลุ่มคนของเขตแดนลึกล้ํา หลังทําการปรับปรุงเสียใหม่จึงสามารถควบคุมพวกมัน
ตามปกติเขามักจะใช้สิ่งพวกนี้เพียงแต่ในทางลับ หากผู้คนของเขตแดนลึกล่าหรือตระกูลหลงทราบเข้า พวกเขาเหล่านั้นคงต้องคลุ้มคลังอย่างแน่นอน
หุ่นเชิดวัชระรุกคืบเข้าทําการสํารวจ มันสามารถใช้เพื่อหากับดักหรือกลไกได้ ฉินหยุนพบว่าเรื่องราวน่าขัน เพราะตัวเขาเองตอนนี้ที่เป็นผู้เบิกทาง กลับใช้งานหุ่นเชิดเพื่อเบิกทางสํารวจให้ตนอีกที่หนึ่ง
“ภายในพระราชวังแห่งนี้ช่างน่าสงสัยนัก ความรู้สึกที่รับรู้ได้มีแต่ความน่าสะพรึงกลัวโถมเข้ามา!” ฉินหยุนไม่ทราบเรื่องราวใดของพระราชวังแห่งนี้ หากเขายังคิดสํารวจต่อไป เช่นนั้นก็ต้องใช้เวลามากมายมหาศาล
ครั้น!
ขณะหุ่นเชิดวัชระก้าวเดินไปผ่านโถงทางเดินยาว มันพลันถูกโจมตีด้วยลูกธนู ร่างกายถูกลูกธนูทะลุ ก่อนที่ลูกธนูดังกล่าวจะระเบิดออก เป็นผลให้ร่างของมันแหลกออกเป็นเสี่ยง
ฉินหยุนยิ่งหวาดกลัว หุ่นเชิดวัชระแข็งแกร่ง มันสามารถต้านรับการโจมตีจากราชันยุทธ์ได้ด้วยซ้ํา กระนั้น ตอนนี้กลับถูกบดขยี้แหลกออกเป็นเสียง
“ภายในนี้ช่างมีกับดักมากมายนัก!” ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก เขาไม่กล้าเดินสํารวจไปต่อ
เขานําเอาเปลือกหอยเสียงสื่อสารออกมา รายงานกลับไปยังคนของสํานักมังกรฟ้าถึงเรื่องราวที่พบเจอ ทันทีที่กลุ่มคนได้รับรู้ พวกเขาจึงเข้ามาผ่านรอยแยกที่ประตู พร้อมนําหินส่องแสงมาส่องสว่างทั่วทั้งห้องโถง พลังพิจารณาสถานการณ์ถี่ถ้วน พวกเขาจึงค่อยตามไปยังทิศทางที่ฉินหยุนอยู่
ฉินหยุนยืนรอที่ปากทางเข้าโถงทางเดิน เขากล่าว “ข้าได้พิสูจน์ทราบ ว่ามันมีกับดักลูกธนูยิงออกมา หากมีหุ่นเชิด เช่นนั้นทดลองดูว่ามันมีกับดักอื่นใดอีกหรือไม่!”
ครึ่งเซียนผู้หนึ่งนําเอาหุ่นเชิดออกมา ส่งพวกมันเข้าไปยังโถงทางเดินเพื่อพิสูจน์ เรื่องราวเป็นไปอย่างลื่นไหล
“ดูเหมือนจะมีกับดักเพียงแค่หนึ่ง และเมื่อครู่ก็ถูกใช้งานไปแล้ว!” ฉินหยุนหัวเราะพร้อมกําวเดินออกไป ผ่านโถงทางเดินสายยาวแห่งนี้ ไม่ช้าเขาจึงพบห้องโถงอีกแห่งหนึ่ง มันมีก้อนศิลาสูงราวสองถึงสามเมตรมากมายในห้องโถงแห่งนี้ เขาไม่ทราบว่าพวกมันเอาไว้ใช้ท่าอันใด
“ที่นี่ปลอดภัย?” ครึ่งเซียนเอ่ยถามขณะควบคุมหุ่นเชิดหันมองทางศิลาเหล่านั้น
ฉินหยุนไม่ตอบ ทว่าครึ่งเซียนผู้นั้นเร่งรีบเข้ามารับชม ผู้อื่นต่างตามติด พวกเขาล้วนคิดอยากเร่งรีบรับชมห้องโถงแห่งนี้เพื่อดูว่ามีของดีใดคงอยู่หรือไม่
ก้อนศิลาที่นี่ไม่เผยออร่าใดออกมา กระนั้นพวกมันกลับให้ความรู้สึกประหลาดแก่ผู้คน เซียนหลจึงใช้ดาบเซียนของนางโจมตีใส่ก้อนศิลา ทว่าก็ทําได้เพียงแค่ฝากรอยแผลเอาไว้ นางไม่มีพลังพอทําลายพวกมันได้
“ศิลาเหล่านี้แข็งแกร่งนัก!” เซียนหมูจิ้งอุทาน
บรรดาครึ่งเซียนของสํานักมังกรฟ้าต่างเริ่มทดลองโจมตีก้อนศิลาด้วยอาวุธตนเอง กระนั้นคิดฝากรอยแผลไว้ก็ยังเป็นเรื่องยาก
“ภายในต้องมีของวิเศษคงอยู่อย่างแน่นอน!” ครึ่งเซียนกล่าวตะโกนออกเสียงดัง
ฉินหยุนใช้งานเนตรวิญญาณสมบูรณ์ รับชมภายในก้อนศิลาที่พบเห็นเป็นเพียงภาพร่างสีดํา ยากจะกล่าวได้ว่าที่พบเห็นเหล่านี้คืออันใดกันแน่