Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 830
ตอนที่ 830 : นายใหญ่ผู้รักชอบเรื่องสนุก
ไปเกือเซียนกล่าวเสียงเบา “นายท่าน ไม่ใช่ว่ามีเรื่องสำคัญคิดประกาศหรือ?”
นางพยายามดึงความสนใจผู้อื่นจากเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้น หากเรื่องราวดำเนินไป ฉินหยุนอาจเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบก็เป็นได้
นายใหญ่หลงเผยคำ “ข้ามีเรื่องสำคัญประกาศจริง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการเชื้อเชิญของตระกูลหลง ทว่าตอนนี้เรื่องราวสามารถรอได้!”
ฉินหยุนได้ยินคำของนายใหญ่หลง ฉับพลันจึงนึกอะไรขึ้นได้ เมื่อหลายวันก่อน ตระกูลหลงทำการติดต่อไปยังแดนเซียนอ้างว้าง และแดนเซียนอ้างว้างได้ส่งครึ่งเซียนที่แข็งแกร่งเดินทางมา ตระกูลหลงย่อมต้องนำเรื่องนี้หยิบยกขึ้นมาพูดกล่าว
สาเหตุที่ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยมายังบริเวณคฤหาสน์ราชันมังกร ก็เพื่อค้นหาว่าภายในตระกูลหลงเกิดเรื่องอันใดขึ้น เพื่อที่จะได้หาทางแทรกซึมเข้าไป
และเวลานี้ นายใหญ่หลงแห่งหอแมกไม้มังกรก็กำลังพูดกล่าวถึงการเชื้อเชิญจากตระกูลหลงนี่ถือเป็นโอกาสอันดี
นายใหญ่หลงย่อมเป็นคนของตระกูลหลง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ทราบหลายเรื่องราวที่เป็นความลับ
เช่นกัน หอแมกไม้มังกรแห่งนี้สร้างขึ้นโดยใช้ต้นไม้มังกร นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผู้ใดล้วนสามารถหามาได้ และฉินหยุนตอนนี้ ก็ยังไม่เข้าใจว่านายใหญ่หลงผู้นี้เป็นคนบุคลิกเช่นไร หากมองแต่ภายนอกอีกฝ่ายหล่อเหลาและเป็นคนหนุ่มที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง
เฟิงอู่ฉิวมองทางฉินหยุนพร้อมกล่าว “เจ้าควรเร่งรีบยืนยันได้แล้ว ว่าเป็นจ้าวสำนักประตูจารึกอะไรนั้นจริงหรือไม่ หากเจ้ายืนยันได้ว่าเข้าใจวิถีจารึก ก็ถือว่าข้าพ่ายแพ้ไป!”
ฉินหยุนเผยยิ้มกล่าว “ง่ายดายนัก ให้ข้าทำยันต์เป็นการยืนยันก็แล้วกัน”
ครานี้เอง ชายชราผู้หนึ่งก้าวเดินออกมาเผยยิ้มกล่าว “แม้ว่าประตูจารึกนั้นไม่ใช่สำนักที่มีชื่อเสียง แต่ด้วยฐานะจ้าวสำนัก อย่างน้อยก็ต้องเชี่ยวชาญอักขระเต๋บ้าง ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางเป็นจ้าวสำนักได้! ทำยันต์ธรรมดาออกจะเป็นเรื่องง่ายเกินไปแล้ว!”
เห็นได้ชัด ว่าชายชราผู้นี้อยู่ฝ่ายเฟิงอู่ฉิว ทางด้านเฟิงอู่ฉิวเป็นถึงหัวหน้าเหล่าศิษย์ของสำนักเรียน และยังเป็นถึงราชันยุทธ์เยาว์วัย นอกจากนี้แล้ว เขายังมีสัมพันธ์อันดีกับรุ่นเยาว์ของตระกูลหลง
กล่าวได้ว่า เขาเป็นผู้ได้รับการไว้หน้าถือตาไม่ใช่น้อย แม้กระทั่งรุ่นเฒ่าชรายังต้องไว้หน้าให้แก่เขา และเวลานี้ ผู้เฒ่าชราหลายคนต่างยืนหยัดข้างเฟิงอู่ฉิว ประกาศว่าฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเป็นพวกลวงโลก
ทางด้านเฟิงอู่ฉิวที่ก่อเรื่องถึงเพียงนี้ ก็เพื่อกอบกู้หน้าตาให้แก่ผู้ใต้บัญชาตนเอง ทำเช่นนี้เขาจะได้เกียรติไม่น้อย ภายหน้าจะยิ่งมีแต่ผู้ติดตามเขาอย่างโง่งมมากยิ่งขึ้น
“นายใหญ่หลง แขกผู้ทรงเกียรติสองท่านนี้เป็นข้ารับมา” ไปเกือเซียนเผยคำเบา นางคิดอยากให้นายใหญ่หลงคลี่คลายสถานการณ์
นายใหญ่หลงและไปเกือเซียนต่างทราบ ว่าฉินหยุนมีมากมายถึงหนึ่งหมื่นล้านเหรียญม่วงในครอบครอง สำหรับสถานที่แห่งนี้ถือว่าเป็นแขกทรงคุณค่า
“น้องเฟิง เรื่องนี้ปล่อยไปเป็นไร?” นายใหญ่หลงเผยความเห็น
“พี่ใหญ่หลง มีคนลวงโลกปรากฏตัวในพื้นที่ของท่าน ข้าย่อมไม่อาจปล่อยสิ่งที่เห็นอยู่ตำตาผ่านไปได้! ชายผู้นี้มองอย่างไรก็เป็นพวกหลอกลวง ด้วยยังเยาว์เพียงนี้ ระดับการฝึกฝนหาได้สูงส่งใด ไม่ดังนั้นจึงไม่มีทางเป็นจ้าวสำนัก แม้เป็นสำนักเล็กน้อยก็ไม่มีทาง!” เฟิงอู่ฉิวยังคงยึดมั่นในความคิดตนเองและกล่าวออกอย่างฉะฉาน
“นายใหญ่หลง ขอบคุณท่านแล้วที่พูดแทนข้าให้ ทว่าข้าเองก็ไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปได้! ตัวข้าโดนผู้อื่นกล่าวหา ดังนั้นจึงต้องยืนยัน ไม่เช่นนั้น ข้าจะยังทำตัวเป็นจ้าวสำนักประตูจารึกได้เช่นไร?” ฉินหยุนเผยยิ้มกล่าว
มีคนเสนอเหรียญม่วงมาให้เช่นนี้ เขาจะปล่อยให้นายใหญ่หลงขัดลาภได้อย่างไร! นายใหญ่หลงยื่นมือไปทางไปเกือเซียน สีหน้าบ่งบอกว่าเลยตามเลย
“จ้าวสำนักจอมปลอม ได้เวลาเริ่มพิสูจน์ตนเองแล้ว! หากเจ้าสามารถสร้างยันต์เต๋ ข้าจะยอมรับว่าเจ้าเป็นจ้าวสำนักประตูจารึกอะไรนั่น! เช่นกัน ข้ายังจะมอบให้หนึ่งพันล้านเหรียญม่วงและขออภัยต่อเจ้า!” เฟิงอู่ฉิวกล่าวด้วยน้ำเสียงอันดัง
“เรื่องนี้ พวกเราเพียงสนุกกันสองคนได้อย่างไร ต้องให้หลายคนได้ร่วมสนุกกันแล้ว หากเดิมพันกันเพียงสองคงน่าเบื่อแย่! สหายเจ้าคล้ายมีมากมาย ในเมื่อเหล่านั้นไม่เชื่อเช่นกัน ก็ให้วางเดิมพันด้วยเป็นไร?” ฉินหยุนเผยยิ้ม
“เจ้าหนู เจ้ามีเหรียญม่วงมากพอรับการท้าพนันจากพวกเราหรือ?” ผู้หนึ่งแค่นเสียงเอ่ยถาม
“ถูกต้องแล้ว พี่ใหญ่อู่ลำพังก็เดิมพันหนึ่งพันล้าน กระนั้นเจ้ากลับยังโลภไม่รู้จักพอ!” ชายหนุ่มลิ่วล้อกล่าวคำขึ้น
“ต้องขออภัย ข้ามีหมื่นล้าน พวกเจ้าสิบคนวางเดิมพันด้วยกันเลย เช่นนั้นกล้าหรือไม่?” ฉินหยุนยื่นมือ ส่งบัตรผลึกม่วงให้ไปเกือเซียนพร้อมยิ้มกล่าว “ผู้ดูแลไปย่อมยืนยันได้!”
ครานี้เอง บรรดาผู้เฒ่าชราต่างสูดลมหายใจเย็นเยือกเข้าปอด กับคนหนุ่มเช่นนี้ที่ส่งมอบหนึ่งหมื่นล้านเหรียญม่วงออกไปได้ ทั้งยังกล้าเดิมพันต่อพวกเขาทั้งหมด เห็นได้ชัดว่ามีพื้นเพอันยิ่งใหญ่
เฟิงอู่ผิวนิ่งอึ้ง แม้เป็นเขาก็มีเพียงสองพันล้านในมือ และเหล่านั้นเป็นการให้หยิบยืมชั่วคราวโดยสำนักเชียนราชันสายลมเพื่อเข้าร่วมงานนี้ เมื่อใดกลับไป เขาต้องส่งมอบกลับคืน
ฉินหยุนเผยเสียงหัวเราะ “แม้ประตูจารึกของข้าจะเป็นสำนักเล็กไร้ซึ่งชื่อเสียง ทว่าหมื่นล้านหาได้มากมายอันใดไม่!”
เฟิงอู่ฉิวและชายหนุ่มหลายคนข้างเคียง รวมถึงชายชราที่พูดกล่าวให้ท้าย เวลานี้พบว่าเรื่องราวยากเกินเชื่อแล้ว
นายใหญ่หลงกล่าวด้วยคิ้วขมวด “น้องชายท่านนี้ บัตรที่ส่งมานั้นมีเกินกว่าหนึ่งหมื่นล้านจริงทว่านั่นก็ไม่ใช่ข้อยืนยันว่าเป็นจ้าวสำนัก! นี่ยิ่งจะทำให้ผู้คนสงสัยในสถานะจ้าวสำนัก ว่าเหตุใดทรัพย์สินเหล่านั้นจึงได้มาจากการพนัน!”
นายใหญ่หลงพยักหน้าให้ผู้อื่น ชายชราหลายคนที่นี้ล้วนเป็นตัวตนสูงส่งจากฝักฝ่ายทั้งหลายพวกเขาย่อมเชื่อคำกล่าวนี้
“ในเมื่อนายใหญ่หลงไม่ได้ห้ามปรามใด เช่นนั้นลงเดิมพันกันอีกหน่อยเป็นไร?” ฉินหยุนลอบสงสัย เพราะนายใหญ่หลงผู้นี้ช่วยเหลือเขาในทางลับ น่าจะเป็นการคิดสอนสั่งแก่เฟิงอู่ฉิวที่สร้างเรื่อง
“สหายผู้นี้มีหนึ่งหมื่นสองพันล้าน แต่อย่าได้คิดว่าจะข่มขวัญข้าได้! แม้เป็นจำนวนมากมายเกินหมื่นล้าน ข้าก็มองว่าเพียงเท่านั้น ข้าย่อมลงเดิมพันด้วยแล้ว!” นายใหญ่หลงกล่าวแค่นเสียง “อย่าได้คิดว่าจะกลับคืนคำพูดยามเมื่อถึงเวลา ไม่เช่นนั้นสหายน้อยอย่าได้คิดออกไปพ้นจากหอแมกไม้มังกร!”
เขียวเย่ว์เหม่ยที่พิจารณามอง นางย่อมทราบอย่างรวดเร็วว่านี่เป็นนายใหญ่หลงคิดช่วยเหลือนางจึงเข้ามาดึงฉินหยุนพร้อมกล่าวคำเบา “จ้าวสำนัก พวกเราควรไปกันได้แล้ว! หากพวกมันสงสัย ก็ปล่อยให้สงสัยกันต่อไป! อาการบาดเจ็บท่านเพิ่งหายดี สร้างยันต์เต่เป็นภาระเกินไป ท่านอาจต้องพ่ายแพ้!”
“อย่าได้คิดหนี!” เฟิงอู่ฉิวเร่งรีบเข้ามาขวางเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
บรรดาผู้เฒ่าชราต่างขวางทางกันไว้เช่นเดียวกัน
เช่นนี้ ผู้คนจึงยิ่งคิด ว่าฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยก็แค่พวกลวงโลก ก่อนหน้านี้มาดมั่น กระนั้นตอนนี้ยามได้เห็นนายใหญ่หลงคิดเล่นด้วยกลับคิดหนี
พบเห็นนายใหญ่หลงร่วมละเล่น เฟิงอู่ฉิวและลิ่วล้อทั้งห้า รวมถึงชายชราอีกหลายคนต่างตัดสินใจร่วมสนุก
“ข้าจะเดิมพันด้วยก็ได้ แต่พวกเจ้าต้องส่งมอบเงินเดิมพันให้แก่นายใหญ่หลงเสียก่อน ให้เขาเป็นผู้รับประกัน ไม่เช่นนั้น ข้าเกรงว่าพวกเจ้าจะก่อการไร้ยางอายยามพ่ายแพ้!” ในเวลานี้ฉินหยุนไม่เผยรอยยิ้มใดที่ใบหน้าแล้ว
“ไม่มีปัญหา!” เชิงอู่ฉิวเผยยิ้มอหังการ “ข้าคิดอยากเห็นนัก ว่าเจ้าจะมีเล่ห์กลอันใดให้ใช้งาน!”
ไม่ช้า เฟิงอู่ฉิวและชายหนุ่มหลายคน รวมถึงผู้เฒ่าชราต่างส่งมอบหนึ่งพันล้านให้แก่นายใหญ่หลง ฉินหยุนนึกยินดีภายใน แม้เขาไม่ทราบว่าเหตุใดนายใหญ่หลงช่วยเหลือ กระนั้นก็ชัดเจน ว่าอีกฝ่ายคิดอยากคบค้าด้วย
แม้นายใหญ่หลงผู้นี้เป็นคนของตระกูลหลง ทว่าฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเวลานี้ ต่างต้องการอาศัยผู้แข็งแกร่งในตระกูลหลงเพื่อลักลอบเข้าไปอยู่พอดี
ฉินหยุนนำเอาโต๊ะออกมาพร้อมเริ่มลงมือ
ตอนนี้เอง ชายชราจึงเดินเข้ามาและกล่าว “ใช้กระดาษยันต์ของข้า! ข้าคืออาจารย์จารึกเต๋าและที่นี่ยังมีอาจารย์จารึกลึกล้ำอีกหลายคน พวกเขาจะได้รับชมเจ้าทำยันต์ขึ้น!”
นายใหญ่หลงเผยยิ้ม “แม้ข้าไม่ใช่อาจารย์จารึก แต่หากเป็นการพูดกล่าวว่าผู้ใดใช่อาจารย์จารึกเต๋าหรือไม่นั้น ย่อมไม่ใช่ปัญหาใหญ่!”
ฉินหยุนพิจารณากระดาษยันต์ พบว่าไม่มีปัญหาใด มันถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุที่ดี เช่นนี้จึงทำให้ฉินหยุนผ่อนคลายได้มาก เขาตัดสินใจไม่ใช้ปากกาลึกล้ำสะท้อนจิต แต่กลับนำมีดแกะสลักเรียบง่ายออกมาเล่มหนึ่ง
ฉินหยุนเริ่มสร้างยันต์เต๋อัคคีธรรมดา เขาเพียงแค่แกะสลักอักขระเต๋อัคคีระดับต้น เหล่านี้เป็นเจี้ยนหลิงหลงมอบไว้ให้ แม้เป็นอักขระเตระดับต้น ทว่าก็เหมาะแก่การฝึกฝน
ฉินหยุนแกะสลักอักขระได้ง่ายดาย ฝีมือระดับนี้ ย่อมต้องเป็นอาจารย์จารึกเต๋าที่เก่งกาจ
ฉินหยุนแกะสลักอักขระเต๋อัคคีจำนวนหลายชุดเรียบร้อย ทั้งยังแกะสลักอักขระดวงดาวเป็นการเสริมกำลัง เช่นนี้จะยิ่งเพิ่มพูนอำนาจให้แก่ยันต์เต๋อัคคี
สุดท้ายแล้ว เขาจึงแกะสลักอักขระลึกล้ำลงไปอีกจำนวนหนึ่ง เวลาทั้งกระบวนการเสร็จสิ้นภายในครึ่งชั่วยาม
ความเร็วที่พบเห็นเวลานี้ มันทำให้อาจารย์จารึกหลายคนที่นี่ต่างต้องนึกถึง
“เรียบร้อยแล้ว!” ฉินหยุนเก็บเครื่องมือของตนพร้อมกล่าว “นายใหญ่หลง ท่านพิจารณามัน
นายใหญ่หลงก้าวเดินเข้าไป รับมาชมพร้อมขมวดคิ้ว “หากไม่ผิดพลาด นี่คืออักขระเต๋อัคคีนอกจากนี้แล้ว ยังมีอักขระดวงดาว? ถึงขั้นมีผู้สามารถแกะสลักอักขระเต๋และอักขระดวงดาวรวมด้วยกันในระยะเวลาอันสั้นเพียงนี้เลยหรือนี่!”
ได้ยินคำกล่าวนายใหญ่หลง เฟิงอู่ฉิวและชายหนุ่มทั้งหลายต่างหัวใจบีบรัด สีหน้าพวกเขาเวลานี้แปรเปลี่ยน
ตอนนี้เอง อาจารย์จารึกเต๋หลายคนต่างเดินเข้ามา พวกเขาอุทานนับครั้งไม่ถ้วนยามพบเห็นยันต์เต่อัคคีนี้ “สิ่งนี้คือยันต์เต๋อัคคีของจริง ระดับความวิจิตรของอักขระเต่ำและดวงดาวยังสูงล้ำ!”
“ประตูจารึกหรือ? ข้าไม่เคยได้ยินนาม แท้จริงถึงขั้นมีอาจารย์จารึกเต๋เก่งกาจเพียงนี้ ด้วยระดับที่เผยให้เห็น ก่อตั้งสำนักเล็กและได้ขึ้นเป็นจ้าวสำนักย่อมไม่ใช่เรื่องเกินเลย!”
นายใหญ่หลงเผยยิ้ม “จ้าวสำนักหยุน ข้ามองคนผิดพลาดเองแล้ว! ความพ่ายแพ้ย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย เหรียญม่วงเหล่านี้เป็นของท่าน!”
คำกล่าวจบ เขาจึงส่งมอบเหรียญผลึกม่วงทั้งหมดที่ได้รับมาให้แก่ฉินหยุน
“นี่ พี่ใหญ่หลง พวกมันอาจโกง…” สีหน้าเฟิงอู่ฉิวเขียวคล้ำ บรรดาลิ่วล้อข้างกายต่างเผยสีหน้าราวพบเห็นผีสาง เวลานี้ไม่ต่างอะไรกับคนตาย เหรียญม่วงเหล่านั้นเป็นทางตระกูลหรือสำนักมอบให้ พวกเขาถึงกับต้องสูญเสียพวกมันจนหมด
“ไม่อาจเป็นไปได้ คิดคดโกงต่อหน้าข้ายิ่งไม่มีทาง!” นายใหญ่หลงเผยยิ้ม “น้องเฟิง พวกเรายอมต้องเป็นบุรุษที่ชื่อตรงและยอมรับถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ราชันยุทธ์เยาว์วัยเช่นเจ้า หนึ่งพันล้านเหรียญม่วงคงไม่น่าต้องตระหนี่ถี่เหนียวกระมัง! แล้วก็ไม่ใช่ข้าเองก็เสียไปหนึ่งพันล้านหรือไร? ผลลัพธ์ออกมาเป็นว่า พวกเราได้พบเจออาจารย์จารึกเต๋เยาว์วัย ทั้งยังเป็นถึงจ้าวสำนัก นี่จึงเป็นผลกำไรครั้งใหญ่อย่างแท้จริง!”
ได้ยินคำกล่าวนี้ เฟิงอู่ฉิวจึงสบถด่าทอไปนับหมื่นครั้งอยู่ภายใน
แม้เขาพ่ายแพ้ กระนั้นเกียรติไม่อาจเสื่อมเสีย โดยเฉพาะกับคนเฉกเช่นเฟิงอู่ฉิวที่ชื่นชอบการอวดโอ่เป็นชีวิตจิตใจ หากพ่ายแพ้ ก็ต้องเป็นการพ่ายแพ้อย่างมีเกียรติ เขาจึงหันไปยิ้มให้แก่ฉินหยุน “จ้าวสำนัก ถือว่าพวกเราได้เป็นมิตรสหายต่อกันผ่านความขัดแย้ง! เรื่องราวเบาะแว้ง ก่อนหน้าหวังว่าท่านคงอภัยแก่พวกเราได้!”