Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 826 : หลงเทียนจี
ตอนที่ 826 : หลงเทียนจี
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยรับชมเรื่องราว นางไม่อาจช่วยเหลือ หากเป็นเพียงการสร้างยันต์ นางคงช่วยฉินหยุนสร้างกระดาษยันต์ได้ ตัวฉินหยุนเวลานี้ จึงได้แต่ต้องทำการขัดเกลาวัสดุด้วยตัวคนเดียว
“พี่ชาย ท่านสมควรสร้างอุปกรณ์เต่ำได้ง่ายดายแล้วกระมัง?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยถาม
“ครั้งที่สร้างอุปกรณ์เตขึ้นมาก่อนหน้านี้ ข้ามีพี่สาวหลิงหลงช่วยเหลือ ดังนั้นเรื่องราวจึงราบลื่น ตัวข้าเวลานี้สามารถสร้างด้วยตนเอง ทว่าเรื่องราวไม่ใช่ง่ายดาย” ฉินหยุนกล่าวตอบ
“ส่วนยากที่สุดคือการขัดเกลาวัสดุ ประสบการณ์สร้างอุปกรณ์เต่ำของข้ายังน้อยนิด ดังนั้นจึงไม่อาจขัดเกลาวัสดุสำหรับอุปกรณ์เตชั้นเลิศได้!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยิ้มกล่าว “พี่ชาย ท่านอย่างไรแล้วก็อยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ กระนั้นกลับสามารถสร้างอุปกรณ์เซ็ได้ เท่านี้ก็กล่าวได้ว่ายอดเยี่ยมแล้ว รอจนกระทั่งท่านได้กลายเป็นราชันยุทธ์เมื่อนั้นท่านย่อมต้องกลายเป็นอาจารย์จารึกเต๋ที่เลิศล้ำอย่างแน่นอน!”
“เย่ว์เหม่ย เจ้าต้องการอุปกรณ์เตหรือ? ลองบอกข้าดูได้ว่าตอนนี้สามารถสร้างให้แก่เจ้าได้หรือไม่” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“เรื่องนี้ไว้ภายหน้าพวกเราค่อยว่ากล่าวกันอีกทีหนึ่ง” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแลบลิ้นออก จากนั้นจึงเผยเสียงหัวเราะซุกซน
“เด็กน้อยผู้นี้ เจ้าคิดว่าระดับของข้ายังไม่พอสร้างอุปกรณ์เตที่ดีพอให้แก่เจ้าหรือ?” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“ย่อมไม่ใช่แล้ว!” เขียวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ
ฉินหยุนส่งถ่ายราชินีแมงมุมที่อยู่ภายในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรไปให้เหยาเฟิง อันดับแรก เขาต้องการให้เหยาเชิงข่มขู่ราชินีแมงมุม จากนั้นเขาจะให้หม้อเพื่อขัดเกลาวัสดุ
มิติภายในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรกว้างใหญ่ กระนั้น มิติภายในของวิญญาณเทวะเก้าตะวันใหญ่ยิ่งกว่า ภายในของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน มันยังขยายตามระดับการฝึกฝนของฉินหยุนนี่ถือเป็นเรื่องราวอัศจรรย์ประการหนึ่ง
ฉินหยุนกำลังลงค้อนต่อวัสดุ ตระเตรียมพวกมันสร้างขึ้นเป็นอุปกรณ์เต ตัวเขาเวลานี้ไม่มีวัสดุเพียงพอให้ใช้สอย ไม่เช่นนั้น เขาคงใช้วัสดุระดับราชันไปแล้ว
วัสดุระดับราชัน คือสิ่งจำเป็นสำหรับสร้างอุปกรณ์ราชัน จนกระทั่งถึงตอนนี้ ยังไม่เคยมีอาจารย์จารึกราชันผู้ใดปรากฏในแดนวิญญาณอ้างว้างเขตแดนนอก
อุปกรณ์ราชันทั้งหมดในแดนวิญญาณอ้างว้างเขตแดนนอก ล้วนวิวัฒนาการขึ้นจากอุปกรณ์เต๋า หากอุปกรณ์เต่มีความเลิศล้ำ และใช้วัสดุระดับราชันสร้างขึ้น นั่นถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดแก่การวิวัฒนาการ หากสะสมรวบรวมขัดเกลาสังเวยเป็นเวลายาวนานมากพอ มันจะสามารถวิวัฒนาการเป็นอุปกรณ์ราชัน ดังนั้นแล้ว อุปกรณ์ราชันจึงกลายเป็นสิ่งหายากมากล้ำ
ปลอกคอควบคุมสัตว์ที่ฉินหยุนกำลังสร้างขึ้น ก็กล่าวได้ว่าเป็นอุปกรณ์เต่ำ ทว่าฉินหยุนยังเป็นกังวล ว่าในระยะยาว มันจะไม่อาจควบคุมราชินีแมงมุมในอนาคตได้อีก
สองวันให้หลัง ฉินหยุนสุดท้ายแล้วจึงขัดเกลาร่างต้นขึ้นจนสำเร็จ ร่างต้นนี้เผยสีทองอ่อนจางหลังผสมรวมเข้ากับวัสดุพิเศษ มันสามารถใหญ่เล็กได้ตามใจนึก จึงเหมาะสมที่จะใช้เป็นปลอกคอสัตว์
ไม่ช้า ฉินหยุนจึงเริ่มแกะสลักอักขระ ฉินหยุนจำเป็นต้องแกะสลักอักขระดวงดาวและจันทราเพราะเขาขาดแคลนอักขระเด็ให้ใช้สอย
และเขายังไม่ทราบ ว่าอักขระดวงดาวและอักขระจันทราจะเกิดความขัดแย้งใดต่อกันหรือไม่เพียงแต่รู้สึกว่ามันจะดีกว่าหากพวกมันทำงานร่วมกันได้โดยอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
ตามประสบการณ์ที่มีและความเข้าใจของตนเอง ฉินหยุนสามารถตัดสินใจได้ ว่าอักขระใดควรอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่า และจะไม่สร้างความขัดแย้งต่อกัน เพื่อเสริมให้คุณภาพของมันมากมายยิ่งขึ้น
และการหยั่งรู้โดยอาศัยความเข้าใจของเขา ก็มักจะแม่นยำมาโดยตลอด กระทั่งเจี้ยนหลิงหลงยังต้องอิจฉาต่อเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
เป็นที่ทราบกันว่า อาจารย์จารึกจำเป็นต้องเก็บเกี่ยวผ่านประสบการณ์อันยาวนาน ค่อยพิจารณาตระหนักรู้ ถึงความเข้ากันได้และขัดแย้งต่อกันของอักขระ
อักขระมากมายที่เลิศล้ำ มันมักจะขัดแย้งต่อกัน ดังนั้นแล้ว ไม่ใช่ว่าเพียงใส่เข้าไปแล้วจะเกิดผลลัพธ์ที่ดี หากเกิดความขัดแย้ง มันจะไม่ส่งผลดีใดขึ้น จนสุดท้ายแล้วจะกลายเป็นตัวจำกัดประสิทธิภาพของอุปกรณ์
ดังนั้นแล้ว คิดสร้างพิมพ์เขียวของอุปกรณ์ จึงต้องผ่านการวิเคราะห์และทดลองเป็นเวลายาวนาน
ทว่าฉินหยุนหาได้ต้องการสิ่งเหล่านั้นไม่ เพียงมองที่อักขระ เขาจะเข้าใจพวกมันได้ไม่มากก็น้อยว่าเข้ากันได้หรือไม่ อย่างไรแล้ว นี่ก็ถือเป็นการหยั่งรู้โดยตัวฉินหยุนเอง ไม่ใช่ว่าเขามั่นใจ ว่าแกะสลักแล้วจะออกมาดีหรือไม่
แต่หากเขาทำสำเร็จ อักขระเหล่านั้นมักให้ผลลัพธ์ที่ดีมาโดยตลอด ตามการวิเคราะห์คาดเดาฉินหยุนจึงแกะสลักอักขระดวงดาวสามประเภท อักขระจันทราอีกสองประเภทบนปลอกคอควบคุมสัตว์ รวมถึงอักขระตะวันเก้าควบแน่น เพื่อใช้สำหรับการดูดกลืนพลังงานวิญญาณเก้าตะวัน เป็นการเสริมแหล่งพลังงานให้แก่สัตว์ที่ถูกควบคุม
“สงสัยนักว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร!” ฉินหยุนหยดเลือดที่ปลอกคอควบคุมสัตว์
กล่าวโดยสรุป ปลอกคอควบคุมสัตว์นั้นมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมเมื่อใช้กับสัตว์ ส่วนกรณีใช้งานกับมนุษย์ มันจะไม่ส่งผลใด ยิ่งไปกว่านั้น จะส่งผลย้อนกลับเข้าหาตัวผู้ใช้
ฉินหยุนส่งปลอกคอควบคุมสัตว์ให้แก่เหยาเฟิงในไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
เหยาเฟิงได้สะกดข่มราชินีแมงมุมด้วยพลังอันเลิศล้ำไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการใส่ปลอกคอควบคุมสัตว์จึงเป็นเรื่องง่ายดาย
ไม่นานหลังเหยาเฟิงใส่ปลอกคอควบคุมสัตว์ที่ราชินีแมงมุม ฉินหยุนจึงรับรู้ได้ถึงความเชื่อมโยงอันลึกล้ำกับราชินีแมงมุม
มันทำให้เขาสามารถออกคำสั่งแก่ราชินีแมงมุมเมื่อใดก็ได้ตามใจต้องการ และราชินีแมงมุมจะทำตามที่เขาสั่ง
กระนั้นฉินหยุนก็สัมผัสได้ ว่าราชินีแมงมุมทั้งไม่ยอมรับและไม่เต็มใจรับคำสั่งพร้อมปฏิบัติตาม นางคิดเมินเฉยจนถึงที่สุด
“เจ้านี้ ช่างมัน อย่างไรก็เป็นของข้าแล้ว!” ฉินหยุนนำราชินีแมงมุมออกมา
ได้เห็นฉินหยุนทำสำเร็จ เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเผยความยินดี ขึ้นบินบนร่างของราชินีแมงมุม
เหยาเฟิงส่งเสียงสื่อสารบอกต่อฉินหยุน “ราชินีแมงมุมสามารถขยายร่างเล็กใหญ่ แมงมุมตัวเล็กพวกนั้นไม่ใช่นางให้กำเนิด แต่เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายนาง!”
ฉินหยุนคิดอยากทดลองบอกต่อราชินีแมงมุมให้หดร่างลง ไม่ช้า ราชินีแมงมุมร่างยาวหลายเมตร จึงหดขนาดลงเหลือเท่าลูกม้า
“แมงมุมน้อย พวกแมงมุมตัวเล็กที่เจ้าปลดปล่อยออกไปอยู่ที่ใดแล้ว? พวกมันสามารถเรียกออกมาอีกได้หรือไม่?” ฉินหยุนสื่อสารกับราชินีแมงมุมโดยความคิด
ราชินีแมงมุมไม่ตอบ ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเผยความโกรธเคืองออกมา ฉินหยุนจึงควบคุมปลอกคอ ปลดปล่อยพลังออกจนส่งผลให้จิตวิญญาณราชินีแมงมุมเกิดความเจ็บปวด
ร่างกายรูปลักษณ์มนุษย์ของราชินีแมงมุม ขาของนางแปรเปลี่ยนเป็นขามังกร รูปร่างดูไปประหลาดไม่น้อย นางเวลานี้อยู่สภาพเยาว์วัย ดังนั้นในร่างจึงยังไม่มีพิษ
“เจ้าหรือนายท่านของข้า ผลประโยชน์อันใดที่เจ้าจะมอบให้ข้าได้?” สุดท้ายแล้ว ราชินีแมงมุมจึงเผยเสียงสตรีแหบห้าวกล่าวออก
“แม้ข้าไม่มอบผลประโยชน์ใดแก่เจ้า แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้?” ฉินหยุนกล่าวถามกลับ
“ข้าถูกบังคับให้ติดตามเพราะเจ้าตีตราทาสแก่ข้า หากไม่มอบผลประโยชน์ใดแก่ข้า ชีวิตนี้ก็ไร้ความหมาย ข้าจะได้ตายเสียเดี๋ยวนี้!” ราชินีแมงมุมกล่าว
“ก็ได้ เจ้าต้องการผลประโยชน์ใด?” ฉินหยุนคิดรอมชอม เขาจึงกล่าวถามออกไป
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยรับชม นางรู้สึกว่าเรื่องราวน่าสนใจ
“ข้าคิดอยากแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้! หากต้องการให้ข้าทำงาน เช่นนั้นก็มอบผลประโยชน์ด้านนั้นแก่ข้า! ข้าต้องการดูดกลืนพลังงานเพื่อแข็งแกร่งขึ้น ดีที่สุดคือให้ข้าได้กินเนื้อที่มีพลังงานแห่งสวรรค์อัดแน่น!” ราชินีแมงมุมกล่าว
“พลังงานภายในหินผลึกม่วงเหล่านั้นที่เคยอยู่ในหีบยักษ์ เจ้าดูดกลืนมันไปหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“เป็นข้าเอง ทว่านั่นไม่พอ!” ราชินีแมงมุมกล่าว
ฉินหยุนลอบหวาดกลัว ราวกับราชินีแมงมุมตัวนี้เป็นหลุมไร้ก้น!
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวถาม “แมงมุมตัวน้อยที่เจ้าปล่อยออกมา พวกมันเข้ากลืนกินอวัยวะภายในและแก่นเต๋า พลังงานเหล่านั้นส่งต่อมายังเจ้ากระมัง?”
“ข้าไม่อาจกลืนกินแก่นเต๋โดยตรง! ได้เพียงแต่ดูดกลืนเลือดของผู้คน! แก่นเต๋ยังคงกักเก็บไว้ภายในร่างแมงมุมน้อยพวกนั้น! หากข้าสามารถดูดกลืนพลังงานของแก่นเต๋ ข้าจะไม่มีทางอ่อนแอจนปล่อยให้เจ้าจับตัวข้าได้!” ราชินีแมงมุมกล่าว
ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้ม “เหมือนว่าเจ้าจะหิวโหยมานานยิ่งนัก!”
“ถูกต้องแล้ว! เจ้าต้องเลี้ยงดู เติมเต็มพลังงานให้แก่ข้า ไม่เช่นนั้น ข้าก็ยินดีที่จะตาย ข้าไม่คิดทำตามคำสั่งผู้ที่ไม่อาจเลี้ยงดูข้า!” ราชินีแมงมุมกล่าว
“กินเนื้อมังกรได้หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม มังกรทองคำที่เขาจับตัวได้ก่อนหน้า เหยาเฟิงลงมือสังหารไปเรียบร้อยแล้ว วิญญาณมังกรและแก่นมังกรถูกแยกออก ทว่าร่างกายยังคงอยู่
“เจ้ามีอย่างนั้นหรือ?” ราชินีแมงมุมเอ่ยถาม
ก่อนหน้า นางได้เห็นว่าฉินหยุนปลดปล่อยเลือดมังกรอันแข็งแกร่ง นางจึงเผยความหวาดกลัว
ฉินหยุนขอให้เหยาเฟิงส่งเนื้อมังกรออกมาจำนวนหนึ่ง ที่ได้รับ เป็นเนื้อมังกรน้ำหนักราวหนึ่งพันจีน
ทันทีที่ได้เห็นเนื้อมังกรกองโตตรงหน้า ราชินีแมงมุมจึงกระโจนเข้าเริ่มกัดกินโดยไม่รีรอ
“นำแมงมุมน้อยก่อนหน้านี้ออกมา ให้พวกมันส่งแก่นเต่ำมาให้ข้า! หากทำตามที่ข้าสั่งด้วยดีเช่นนั้นจะให้เจ้าได้กินเนื้อมังกรทุกช่วงระยะเวลาที่กำหนด!” ฉินหยุนกล่าว
แมงมุมพิษมังกรมีศักยภาพมากล้ำ ยามใดที่แข็งแกร่งขึ้น พิษที่พวกมันปลดปล่อยออกย่อมชวนสะพรึง และพวกมันยังครอบครองความเร็วมาก
“ฉินหยุน เมื่อใดแมงมุมพิษมังกรแข็งแกร่งขึ้น ใยที่นางสานขึ้นมาจะชวนสะพรึงอย่างยิ่ง เจ้าสามารถแกะสลักที่ใยนั้นเพื่อสร้างขึ้นเป็นค่ายอาคมขนาดใหญ่ได้เ” เหยาเฟิงกล่าว
ฉินหยุนเกิดความยินดีอยู่ภายในยามได้รับฟัง
“ข้าควบคุมแมงมุมน้อยเหล่านั้นติดตามพวกมันไปอยู่ เวลานี้พวกมันจะยังไม่โจมตี แต่จะติดตามและรอคอยโอกาสที่สมควรแก่การลงมือ!” ราชินีแมงมุมกล่าว
“ได้ อย่างนั้นแล้วนับแต่นี้เจ้าชื่อจูจูก็แล้วกัน!” ฉินหยุนกล่าว
“จูจู หมายถึง แมงมุม”
“ข้าไม่คิดอยากได้ชื่อนั้น!” ราชินีแมงมุมพลันเผยเสียงเกรี้ยวกราด
“ หรือจะเอาเป็นหมูอ้วนจูจู? ข้าว่าชื่อนี้ก็ไม่เลว!” เสี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะคิกคัก
“จู ที่แปลว่าหมู กับ จูที่แปลว่าแมงมุม เป็นคำพ้องเสียงกัน
“เย่ว์เหม่ย เจ้าตั้งชื่อให้นางแล้วกัน!” ฉินหยุนกล่าว
“นางเป็นแมงมุมที่สามารถวิ่งไปมาบนเส้นใย เอาเป็นหวังจงหัวก็ไม่เลว!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยคิดพลางกล่าว “หรือเอาเป็นหวังจู? หวังหลง? อืม…. หวังหลง นามนี้ออกจะโหดเหี้ยมดีไม่น้อย!”
“หวังจงหัว แปลว่า แมลงชื่นชอบเส้นใย, หวังจู แปลว่าหมูเส้นใย, หวงหลง แปลว่ามังกรเส้นใย”
“เลิกเล่นคำว่าหวังได้แล้ว!” ฉินหยุนหยิกแก้มเชียวเย่ว์เหม่ย
“นามข้า ย่อมเป็นข้าตั้งแล้ว!” ราชินีแมงมุมโกรธเคืองไม่น้อยยามได้ยินนามน่าขันเหล่านั้น “แม้ข้าเป็นแมงมุมพิษมังกร ทว่าเลือดมังกรในกายข้าหนาแน่นนัก แช่ข้าย่อมเป็นหลง นามจึงเป็นหลงเทียนจี!”
“ หลงเทียนจี หมายความถึง สตรีมังกรสวรรค์”
“ เทียนจี? ไก่ฟ้าสวรรค์หรือไร?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหัวเราะ
“ เทียนจี สามารถฟังผิดเป็นคำว่าไก่สวรรค์”
“ หุบปากเจ้าได้แล้ว!” ราชินีแมงมุมตะโกนตอบ
ฉินหยุนเร่งรีบยิ้มกล่าว “ตกลง ตกลง หลงเทียนจีก็หลงเทียนจี!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยแลบลิ้นออกให้หลงเทียนจีพร้อมกล่าว “ข้ายังคิด ว่าแมงมุมน้อยน่ารับฟังยิ่งกว่า ให้ข้าเรียกเป็นแมงมุมน้อยนับแต่นี้ก็แล้วกัน!”
“นามข้าคือหลงเทียนจี!”
“แมงมุมน้อย!”
ฉินหยุนเร่งรีบดึงเชี่ยวเย่ว์เหม่ยให้เลิกรา เขาเป็นกังวล ว่าหลงเทียนจีจะฆ่าตัวตายเพราะโกรธแค้นอย่างไม่มีที่ลง เชี่ยวเย่ว์เหม่ยย่อมทราบ จึงหยุดหยอกล้อหลงเทียนจี
“ราชินีเทียนจี เจ้าสมควรยิงใยได้กระมัง? ใยแมงมุมย่อมยิงออกจากกัน เช่นนั้นก้นอยู่ที่ตรงใด?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย
“ข้ายังวิวัฒนาการไม่สมบูรณ์ ตอนนี้ข้าไม่มีก้นใดทั้งนั้น!” หลงเทียนจีตอบโต้ด้วยโทสะ “หากข้ายิงใยได้ เช่นนั้นจะมัดเจ้าไว้เป็นผู้แรก! โดยเฉพาะเจ้า ข้าจะมัดปากก่อนอื่นใด!”
“หือ… นี่เจ้าถึงกับไม่มีกัน!” เชี่ยวเย่ว์เหมยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดัง
“รอจนข้าแปลงกายเป็นมนุษย์ เส้นใยของข้าจะออกจากฝ่ามือ ไม่จำเป็นต้องใช้กัน!” หลงเทียนจีเผยเสียงกราดเกรี้ยว
“เทียนจี เร่งรีบกินเนื้อมังกรแล้ว ข้าจะได้ไล่ตามพวกมันเหล่านั้นไป! พวกมันเป็นคนของตระกูลหลง เวลานี้น่าจะเร่งรีบเดินทางไปยังฐานลับของตระกูลหลง!” ฉินหยุนเร่งรีบกล่าว “เจ้าต้องนำทางพวกเราไปหาพวกมัน!”