Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 720 จันทราสีคราม
ตอนที่ 720 จันทราสีคราม
ฉู่ปินอวี้และเจี้ยนหมางออกไปจากห้องโถง
ฉินหยุนคว้ามือขาวนวลของเย่ว์อู่หลันเอาไว้พร้อมเผยยิ้ม “พี่สาว
รอง ที่เกาะจันทราปีศาจเป็นอย่างไรบ้าง?”
เทียนรั่วเหลิงกล่าวตอบ “เป็นไปได้ด้วยดี เรื่องนี้เจ้าวางใจอย่าได้
ห่วงอันใดไป!”
“น้องหยุน พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อบอกข่าวคราว! หยางฉีเย่ว์ยังคงอยู่ที่
เทือกเขานิราศจันทรา มีคนพบเห็นนาง และกระทั่งทำนางบาดเจ็บ
ได้!” เย่ว์อู่หลันกล่าว
ฉินหยุนพอได้รับฟัง เขายิ่งร้อนรนกล่าวถาม “แล้วอย่างไรต่อ? นาง
เล่า?”
“พวกเราไม่อาจทราบ หลังได้รับบาดเจ็บนางก็หนีหายไปแล้ว!”
เทียนรั่วเหลิงส่ายศีรษะ
“เย่ว์หลานต้องการให้พวกเรามาแจ้งเรื่องนี้ต่อเจ้า ว่าอย่าได้กังวลไป
อีกเดือนหนึ่ง เมื่อนั้นจะเป็นคืนจันทราสีคราม ดวงจันทราจะแปรเปลี่ยน
เป็นสีคราม และเมื่อนั้น อาการบาดเจ็บของหยางฉีเย่ว์จะฟื้นคืน
สมบูรณ์!” เย่ว์อู่หลันกล่าว
ฉินหยุนคิดตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังเทือกเขานิราศจันทราในทันที
“พี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง ข้าคิดอยากพาพวกท่านไปพบคนผู้หนึ่ง!”
ฉินหยุนยังจำคำย้ำเตือนของปิงชิงได้ เขาตัดสินใจนำเย่ว์อู่หลันและ
เทียนรั่วเหลิง มุ่งหน้าไปยังตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
นี่ก็เพราะตัวเขาต้องการทราบเช่นกัน ว่าเย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิง
มีชาติภพก่อนหรือไม่
เพียงไม่นาน เขานำทั้งสองไปยังตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
เพื่อเข้าพบกับปิงชิง
ฉินหยุนได้บอกต่อเรื่องราวที่ตนรู้จักเทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน
ตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว
ทันทีเมื่อเย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิงมาถึง ทั้งสองต่างรับรู้ได้ถึง
ความน่าสะพรึงอันเลิศล้ำของปิงชิง พวกนางย่อมทราบ ว่าพระราชวัง
เซียนยุทธภัณฑ์มีเซียนหลบซ่อนอยู่ ดังนั้นพวกนางจึงเผยความเคารพ
เป็นอย่างยิ่งออกมา
“ฉินหยุน การฝึกฝนของทั้งสองคล้ายประสบปัญหาอยู่บ้าง ให้ข้า
ช่วยพวกนางจัดการ น่าจะสักหลายวัน!” ปิงชิงกล่าว
“เข้าใจแล้ว!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ
“ข้าจะเข้าไปยังต้นกำเนิดเซียนพร้อมพวกนางทั้งสอง ช่วงเวลานี้
อย่าได้เข้ามารบกวนพวกเรา!” ปิงชิงกล่าวย้ำ
ไม่นานจากนั้น ฉินหยุนจึงขอให้เย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิงนำกระบี่
ออกมา
กระบี่ทั้งสองเป็นฉินหยุนสร้างขึ้นก่อนหน้านี้ และพวกมันก็เป็น
เพียงอาวุธวิญญาณระดับราชัน
เวลานี้ ฉินหยุนคิดอยากเสริมศักยภาพแก่พวกมันให้ขึ้นเป็นอาวุธลึกล้ำ
ปิงชิงที่นำสองสาวเข้าไปในสระเซียน ฉินหยุนจึงเริ่มทำการเสริม
กำลังแก่กระบี่ทั้งสอง
“หยุนเอ๋อ พี่สาวปิงชิงคิดทำอะไร?” ฉินหยุนเอ่ยถาม “ความรู้สึกข้า
บอกว่าเรื่องนี้มีลับลมคมนัย!”
“ข้าไม่อาจทราบ เซียนผู้นั้นภายนอกเย็นชา ทว่านางจะไม่มีทาง
คิดร้ายต่อเจ้า!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
ฉินหยุนเร่งรีบขัดเกลากระบี่ทั้งสองขึ้นเป็นอาวุธลึกล้ำ พร้อมแกะสลัก
อักขระโทเทมที่ตัวอาวุธ
กระบวนการขัดเกลาอุปกรณ์ของเขารวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะยาม
เมื่อแกะสลักโทเทม ระดับความวิจิตรกล่าวได้ว่าสูงล้ำ
เพียงสองวัน ปิงชิงนำเทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลันกลับออกมาจาก
สระเซียน
เมื่อขึ้นมากันแล้ว ฉินหยุนจึงกวาดตามองทางเทียนรั่วเหลิงและเย่ว์
อู่หลัน เพื่อมองหาว่าสีหน้าพวกนางจะเผยอาการผิดปกติใดหรือไม่
เย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิง ต่างเดินเข้ามากอดฉินหยุน ก่อนจะเอ่ย
คำลาตระเตรียมจากไป พวกนางมาพร้อมฮูจิงเซียน และตอนนี้ก็ใกล้
ถึงเวลาเดินทางกลับแล้ว
ฉินหยุนนำทั้งสองส่งที่นอกตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ก่อน
จะเร่งรีบเดินกลับเข้ามา
“พี่สาวปิงชิง พวกนางเป็นอย่างไรบ้าง?” ฉินหยุนถามขึ้น
“ก็ไม่มีอันใด! ทั้งสองต่างเป็นเด็กดี!” ปิงชิงมองทางที่ฉินหยุนพร้อม
กล่าว “ข้าเพียงช่วยพวกนางชี้นำความผิดพลาดในการฝึกฝน ทำให้
มันถูกต้อง และยังใช้บรรทมเซียนตะวันจันทราช่วยเหลือพวกนาง
เพิ่มพูนวิชายุทธ์!”
“ขอบคุณท่านแล้ว พวกนางต่างเป็นพี่สาวใหญ่และพี่สาวรองของ
ข้า!” ฉินหยุนกล่าวออกอย่างซาบซึ้ง
“ว่าอะไร? เจ้ากังวลว่าข้าจะทำร้ายพวกนางหรือไร?” ปิงชิงแค่นเสียง
กล่าวคำเย็นเยือก
“นั่นย่อมไม่ใช่!” ฉินหยุนหัวเราะก่อนจะเผยสีหน้าร้อนใจ “พี่สาว
ปิงชิง ข้าคิดไปยังเทือกเขานิราศจันทรา เพราะพี่หยางถูกพบตัว ทั้ง
นางยังได้รับบาดเจ็บ!”
“หากเจ้าไปตอนนี้ เจ้าก็ไม่อาจหาตัวนางได้พบ! ในวันที่จันทราสีคราม
ปรากฏขึ้น เจ้าจะสามารถสัมผัสถึงการเชื่อมต่อระหว่างจันทราโดย
อาศัยจิตแปรสภาพจันทราของเจ้าได้ จากนั้นเจ้าจึงค่อยสามารถ
สัมผัสถึงวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬของนาง!”
ปิงชิงกล่าวต่อ “ระหว่างช่วงเวลานี้ เจ้าก็ควรทำความคุ้นชินกับวิชา
ยุทธ์ที่มี รวมถึงพลังของขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลางเสียให้
ดี!”
ฉินหยุนร้อนใจไม่ใช่น้อย กระนั้นคิดไปก็ไม่ได้อะไร เขามีแต่ต้อง
ก้าวเดินต่อไป ดังนั้นตอนนี้ที่สมควรทำคือไปฝึกฝนร่วมกับปิงชิง
หลังจากที่เข้าสู่เขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์อีกครั้งหนึ่งแล้ว
เขาต้องประมือกับปิงชิงที่ภายในนั้นหลายครั้งครา
ผ่านการฝึกฝนอยู่หลายวัน ฉินหยุนค่อยคุ้นชินกับตนเองที่ขอบเขต
วรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง
การฝึกฝนกระดูกวิญญาณคือขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น และ
กระดูกวิญญาณ มันจะทำให้ตัวกระดูกสามารถกักเก็บพลังงานเอาไว้
ที่ภายในได้!
การฝึกฝนวิญญาณต้นกำเนิดจึงเป็นขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับ
กลาง วิญญาณต้นกำเนิดสามารถทำให้พลังจิตของผู้คนแข็งแกร่งขึ้น
ถัดจากนั้น จึงเป็นการฝึกฝนโลหิตจิตวิญญาณ
โลหิตจิตวิญญาณ คือสิ่งที่จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้น!
หากร่างเซียนและร่างอสูรมีความพากเพียร พวกเขาจะติดอยู่ที่ขั้นตอน
นี้อยู่หลายปีก่อนจะฝึกฝนโลหิตเซียนและโลหิตอสูรได้
ฉินหยุนในเวลานี้ได้ฝึกฝนร่างเซียนอสูร และเช่นกัน เขาได้ครอบครอง
โลหิตเซียนอสูรที่ทรงอำนาจ!
ด้วยเหตุนี้ ตัวเขาเวลานี้กล่าวได้ว่าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับ
สูงแล้ว
“พี่สาวปิงชิง ข้าในเวลานี้กล่าวได้ว่าเป็นขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ
ระดับสูงแล้วหรือยัง?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“เป็นเช่นนั้น! เพราะถัดจากนี้ คือการก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ
ระดับสูงสุด! นั่นก็คือการฝึกฝนผลึกแก้วเต๋าวิญญาณลึกล้ำ สิ่งนี้
กล่าวได้ว่ามันคือแก่นเต๋า ตราบเท่าที่เจ้าฝึกฝนผลึกแก้วเต๋าวิญญาณ
ลึกล้ำได้สำเร็จ เท่ากับเจ้าได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับ
สูงสุดแล้ว!”
“แล้วผลึกแก้วเต๋าวิญญาณลึกล้ำเอาไว้ทำอันใด?” ฉินหยุนคิดอยู่ครู่
พบว่าเรื่องราวนี้ตนไม่คล้ายเข้าใจเท่าใดนัก
“ประโยชน์มีมากมาย มันสามารถแปรเปลี่ยนพลังวิญญาณสู่พลังลึก
ล้ำโดยตรง พลังลึกล้ำจะช่วยแปรเปลี่ยนแก่นเต๋าของเจ้า ให้กลายเป็น
แก่นลึกล้ำ!”
“เท่ากับวิญญาณยุทธ์ของเจ้าจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในทุกสัดส่วน หลังจาก
ที่ควบแน่นแก่นลึกล้ำขึ้นได้ เจ้าจึงจะได้เป็นยอดยุทธ์ขอบเขตวรยุทธ์
ลึกล้ำ ถึงตอนนั้น เจ้าจะสามารถใช้พลังเต๋าลึกล้ำออกมาได้”
ปิงชิงพอกล่าวคำจบ นางจึงออกไปจากเขตแดนจินตภาพเซียน
ยุทธภัณฑ์
ฉินหยุนจึงตื่นขึ้นในห้องตนเอง พร้อมเร่งรีบเดินทางไปยังตำหนัก
พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เขาพยายามติดต่อหาเหยาเฟิง กระนั้นคล้าย
นางหลับใหลในห้วงลึก จึงไม่มีการตอบสนองใดกลับมา
เดิมฉินหยุนไม่คิดถามถึงเรื่องนี้ต่อปิงชิง ทว่าเขาเป็นกังวลว่าเหยาเฟิง
อาจก่อเรื่องที่นำเภทภัยมาสู่ตัวเขาได้
ด้วยเพราะต้องการทราบตัวตนของเหยาเฟิง เขาที่ไร้ซึ่งทางเลือกจึง
ต้องถามต่อปิงชิง
ก่อนฉินหยุนจะไปยังตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ เขาได้ทดลอง
หยดเลือดลงที่แผนที่หลุมฝังเซียน
กระนั้นเซี่ยฉีโหรวก็หาได้มีการตอบสนองใด
ด้วยไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว ฉินหยุนจึงมีแต่ต้องไปยังตำหนัก
พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
ภายในตำหนักใหญ่ ปิงชิงสวมใส่ชุดเบาบาง เป็นผ้าต่วนสีขาวรัดพัน
รอบหน้าอกของนางเอาไว้ ทั้งยังมีกางเกงขาสั้นได้รูป พวกมันเปรียบ
ดังชุดโปร่งแสงที่ปกปิดเรือนร่างของนางเอาไว้
เซียนที่เย็นเยือก ด้วยสวมใส่ชุดเช่นนี้ มันกลับดึงดูดล่อลวงผู้พบเห็น
ได้เป็นล้นพ้น
นางพอพบฉินหยุนมาถึง จึงเร่งรีบนำเอาชุดคลุมสีขาวมาสวมใส่ปิด
ทับ
“พี่สาวปิงชิง ท่านเคยได้ยินสตรีนามเหยาเฟิงมาก่อนหรือไม่?” ฉิน
หยุนเอ่ยถาม
“ไม่เคยได้ยิน” ปิงชิงคิดอยู่ครู่จึงส่ายศีรษะตอบคำ นางถามกลับ
“ผู้ใดกันหรือ?”
“ก็เป็นเพียงชื่อ!” นี่ถือว่าเกินกว่าที่ฉินหยุนคาดคิดไว้ เขานึกว่าปิงชิง
จะรู้จักนางเสียอีก
“นางเป็นสตรีที่เจ้ารู้จักอย่างนั้นหรือ?” ปิงชิงเอ่ยถาม เห็นได้ชัดว่า
นางใส่ใจเรื่องนี้
“กล่าวว่าเป็นคนรู้จักของข้าก็ได้ นางต้องคำสาป ผิวหนังทั้งร่างของ
นางได้กลับกลายเป็นสีดำ นอกจากนี้แล้ว นางยังมีแต่แผลเป็นถูกเผา
ไหม้ นางกล่าวว่าแม้กลับชาติมาเกิดได้สำเร็จ ตัวนางก็จะไม่มีวันหลุด
พ้นจากคำสาปนั่น!” ฉินหยุนกล่าวออกด้วยท่าทีเรียบเฉย กระนั้น
ภายในก็มีความรู้สึกผิดสุมอยู่เต็มอกแล้ว
เพราะคำสาปนั่น เห็นได้ชัดว่าเป็นผลจากตัวตนในชาติภพก่อนของ
เขา
ปิงชิงคิ้วขมวดเล็กน้อย นางก้าวเดินไปมาราวกับนึกย้อนถึงอะไร
บางอย่าง
“ข้าเคยเห็นคำสาปเช่นนี้เพียงแต่ในตำรา มันเป็นสิ่งที่มีแต่จอม
จักรพรรดิอสูรเซียนแห่งเขตแดนอสูรเซียนที่ทราบ! เหยาเฟิงผู้นี้ที่
เจ้ากล่าวถึง หากนางถูกคำสาปนั่นโจมตี อย่างนั้นก็ต้องไม่มีทางใช่
คนธรรมดาแน่แล้ว!”
“เพราะหากต้องการใช้คำสาปนี้ จอมจักรพรรดิอสูรเซียนจะต้องจ่าย
ด้วยราคาอันหนักหนา เขาจะต้องอยู่ในสภาพหลับใหลยาวนานนับ
หมื่นปีหากคิดลงมือถึงระดับนั้น!” ปิงชิงกล่าว
ฉินหยุนค่อยตระหนักได้ ว่าคำสาปนี้รุนแรงเพียงใด
“ไม่มีทางกำจัดมันเลยหรือ?” ฉินหยุนถามขึ้น
“ย่อมมี หากจอมจักรพรรดิอสูรเซียนถูกสังหาร คำสาปจะถูกคลาย
ออก กระนั้นนั่นไม่อาจเป็นไปได้! กระทั่งจอมจักรพรรดิเซียนอ้างว้าง
ก็ยังไม่อาจสังหารจอมจักรพรรดิอสูรเซียน ทั้งสองต่างเป็นตัวตนที่
ยากสังหารอย่างยิ่ง!” ปิงชิงกล่าว “นี่เจ้าไปพบบุคคลเช่นนั้นที่ใดกัน?
นางเป็นเซียนหรือ?”
“เป็นข้าพบนางในห้วงความฝัน!” ฉินหยุนเลือกที่จะกล่าวคำลวง
ออกไป
เซี่ยฉีโหรวและเหยาเฟิงต่างย้ำเตือนต่อเขา ว่าอย่าได้บอกปิงชิงถึง
เรื่องวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
“หากเจ้าคิดอยากช่วยเหลือนาง ทางเดียวก็คือกำจัดจอมจักรพรรดิ
อสูรเซียน… ซึ่งนั่นคือเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้!” ปิงชิงกล่าว
ฉินหยุนยิ่งผิดหวัง ปิงชิงไม่อาจจดจำเหยาเฟิงได้ ทว่าเหยาเฟิงราว
กับคุ้นเคยต่อปิงชิงเป็นอย่างดี
“เอาละ มาฝึกฝนร่วมกับข้าได้แล้ว!” ปิงชิงเอ่ยคำ พร้อมปล่อยพลัง
เซียนออกมาและฉุดฉินหยุนลงสู่สระเซียน
ฉินหยุนเวลานี้ฝึกฝนร่างเซียนอสูรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงต้อง
เป็นฝ่ายช่วยเหลือปิงชิงฝึกฝนบ้าง
ปิงชิงได้ทราบวิชาร่างศักด์ิสิทธ์ิเซียนอสูร ทั้งยังเข้าใจถึงการฝึกฝน
พลังเซียนเก้าวิวัฒน์ กระนั้น เพื่อเพิ่มความเร็วการฝึกฝน นางมีแต่
ต้องดึงฉินหยุนเข้าร่วมการฝึกฝนด้วยกัน
หลังจากปิงชิงและฉินหยุนฝึกฝนร่วมกันอยู่หลายวัน ปิงชิงค่อย
กล่าว “ฉินหยุน นี่เป็นเวลาเหมาะสมที่เจ้าจะเดินทางไปยังเทือกเขา
นิราศจันทราแล้ว อีกราวสิบวัน จันทราสีครามจะปรากฏ!”
ฉินหยุนปล่อยวางความสงสัยเรื่องเหยาเฟิงเอาไว้ ก่อนจะกลับไป
ตระเตรียมตัวสำหรับเดินทาง
เขายังคงมีจอมราชันดวงดาวอสูร พละกำลังของมันทัดเทียมราชัน
ยุทธ์ ดังนั้นปิงชิงจึงผ่อนคลายยามให้เขาเดินทางไป
ฉินหยุนมุ่งหน้าไปยังหอพิทักษ์กฎ พูดคุยกับเจี้ยนหลิงหลงและเหลียว
จิงเหมิง ผ่านไปครู่หนึ่งเขาค่อยกลับไปที่ห้องตนเอง
ฉินหยุนเมื่อกลับมาแล้ว เขาจึงนำเอาแผนที่หลุมฝังเซียนออกมาพร้อม
หยดเลือดลงไป เขาคิดอยากติดต่อเซี่ยฉีโหรว กระนั้นก็ไม่อาจทำได้
เขาได้แต่ต้องนอนทอดกายบนเตียง ควบคุมวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
ให้ปรากฏออกมา “พี่สาวเหยาเฟิง ท่านหลับใหลจริงหรือ? ข้ามีเรื่อง
คิดหารือกับท่าน!”
เหยาเฟิงผู้ซึ่งอยู่ในไข่มุกเม็ดที่สามหาได้ตอบสนองใดกลับมา
ฉินหยุนได้แต่ต้องส่งเสียงสื่อสารไปยังเหยาเฟิงหลายครั้งครา กระนั้น
ผลลัพธ์ก็เป็นเช่นเดิม
ครึ่งวันให้หลัง แผนที่หลุมฝังเซียนค่อยมีปฏิกิริยาตอบสนอง!
ฉินหยุนลุกพรวดจากที่นอน นำเอาแผนที่หลุมฝังเซียนออกมาวาง
กางบนโต๊ะ
“พี่ฉีโหรว หลายวันมานี้สภาพท่านไม่ดีหรือ?” ฉินหยุนถามอย่าง
ห่วงหา
“หลายวันที่ผ่านมาข้าได้เก็บตัวเข้าฝึกฝน! ว่าไปเจ้ามีเรื่องอันใด?”
เซี่ยฉีโหรวหัวเราะกล่าว “เสี่ยวหยุน ด้วยปิงชิงอยู่ข้างกายเจ้า ไม่ว่ามี
เรื่องอันใดล้วนปรึกษานางได้หรือไม่ใช่?”
“พี่ฉีโหรว ข้าได้เปิดไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวันแล้ว
กระนั้นภายในกลับมีคน…” ฉินหยุนบอกเล่าเรื่องราวของเหยาเฟิง
ให้เซี่ยฉีโหรวได้ฟัง
ได้ยินเช่นนี้ เซี่ยฉีโหรวเผยอาการตระหนกตกใจ นางเองก็คล้ายไม่
ทราบว่าจะถึงขั้นมีคนอยู่ภายในไข่มุกเม็ดที่สาม
“ข้าไม่ทราบว่านางคือผู้ใด ข้าไม่เคยได้ยินนามเหยาเฟิงมาก่อน!”
เซี่ยฉีโหรวครุ่นคิดไปพักหนึ่งจึงค่อยตอบคำกลับมา
“พี่ฉีโหรว ท่านเองก็ไม่ทราบหรือว่านางเป็นใคร?” ฉินหยุนถึงกับ
อึ้ง เขานึกว่าเซี่ยฉีโหรวจะทราบว่าอีกฝ่ายคือผู้ใดกันแน่
เพียงไม่นาน เซี่ยฉีโหรวจึงพูดถึงคำสาปเช่นเดียวกับที่ปิงชิงกล่าว
ก่อนหน้านี้
“พี่ฉีโหรว คงมีคนไม่มากที่เรียกหาท่านเป็นเสี่ยวโหรวกระมัง?” ฉิน
หยุนเอ่ยถาม “ในความทรงจำท่าน มีผู้ใดเรียกหาท่านเช่นนี้หรือไม่?”
“พี่สาวทั้งหลายของข้าล้วนเรียกข้าเช่นนั้นกันทั้งสิ้น กระนั้นเท่าที่ข้า
จำได้ ก็ไม่คล้ายจะมีผู้ที่โดนคำสาปของจอมจักรพรรดิอสูรเซียน
นอกจากนี้แล้ว ยังเป็นไปไม่ได้ด้วยที่นางจะเข้าไปอยู่ในวิญญาณเทวะ
เก้าตะวัน!” เซี่ยฉีโหรวกล่าว