Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 719 คำสาปจิตวิญญาณ
ตอนที่ 719 คำสาปจิตวิญญาณ
ฉินหยุนและหลิงหยุนเอ๋อต่างหวาดกลัว เพราะวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
ถือเป็นวัตถุโบราณ หากมีบุคคลอยู่ภายในนั้นจริง เช่นนั้นย่อมต้อง
ไม่ใช่บุคคลทั่วไปอย่างแน่นอน
“ท่านคือใคร และเหตุใดท่านจึงอยู่ในนั้น?”
ฉินหยุนเร่งร้อนถาม เขาไม่อาจพบเห็นได้ว่าในไข่มุกเม็ดที่สามมีอัน
ใด ที่สัมผัสได้ก็เพียงแต่พบว่ามันมีสิ่งของอยู่ภายใน
บุคคลด้านในคือสตรี น้ำเสียงของนางแหบห้าวและเย็นเยือก มันเผย
ออกซึ่งความระแวดระวัง
“จงบอกต่อข้า เจ้าคือผู้ใด? หากเจ้าไม่ใช่เสี่ยวโหรว ข้าก็รับประกัน
ว่าเจ้าจะไม่ใช่เพียงพลาดได้รับสิ่งของภายในไข่มุกเม็ดที่สาม แต่จะ
เป็นเจ้าสูญเสียวิญญาณเทวะเก้าตะวัน!” สตรีผู้นั้นเอ่ยคำ
ฉินหยุนสบถต่อหญิงสาวภายในใจ วิญญาณเทวะเก้าตะวันถือเป็น
ชีวิตของเขา
“นามข้าคือฉินหยุน! และเสี่ยวโหรวที่ท่านกล่าวนั่นหมายถึงเซี่ยฉี
โหรวหรือ?” ฉินหยุนถามขึ้น
“เซี่ยฉีโหรว? ย่อมไม่ใช่ชื่อนาง! เป็นเซียนฉีโหรว!” สตรีด้านในเผย
ความโกรธเกรี้ยวเล็กน้อย “คล้ายว่าเจ้าฉกชิงวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
นี้มาจากเสี่ยวโหรว อย่างนั้น เจ้าก็ควรบอกลาวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
ได้แล้ว!”
“พี่สาว… รอสักประเดี๋ยว หากท่านคิดอยากนำวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
ไป เช่นนั้นรอให้ข้านำสิ่งของออกมาก่อน!”
ฉินหยุนร้องตะโกน เขาถึงขั้นกายแข็งทื่อพร้อมเกิดนึกเสียใจที่เปิด
ไข่มุกเม็ดที่สาม
“เจ้ายังจะมีอันใดดีในครอบครอง? ไม่ใช่ขยะทั้งสิ้นหรือไร?” สตรีผู้
นั้นแค่นเสียง นางคล้ายสามารถพบเห็นภายในวิญญาณเทวะเก้า
ตะวันได้ว่ามีอะไรคงอยู่
แต่เพียงไม่นาน สตรีผู้นั้นกลับตะโกนดังขึ้น “นี่เจ้าเป็นผู้ใด? ไข่มุก
เม็ดแรกถึงขั้นมีต้นกำเนิดเซียนถึงสอง ทั้ง… ทั้งยังมีกระทั่งนกกระจอก
ลึกล้ำเก้าสวรรค์ นั่นเป็นวิญญาณดวงตะวัน!”
“ข้าคือฉินหยุน ท่านไม่น่ารู้จักข้า! เซียนฉีโหรวที่ท่านกล่าวถึงคือ
เซี่ยฉีโหรว นางกลับชาติมาเกิดจึงเปลี่ยนนาม! และนางคือราชครู
ของข้า!”
ฉินหยุนปวดหัวไม่ใช่น้อย เพราะสตรีภายในนั้นยากพูดจาสื่อสาร
ด้วยได้
“ก็ได้ เช่นนั้นจงบอกต่อข้า เจ้าได้รับวิญญาณเทวะเก้าตะวันมาได้
อย่างไร?” อีกฝ่ายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงบลงบ้าง
แม้ว่าฉินหยุนไม่รู้จักสตรีผู้นี้ กระนั้นเขาก็ได้บอกนางไปหลายเรื่อง
นั่นรวมถึงแผนที่หลุมฝังเซียน และเรื่องการที่เขาได้รับการชี้นำให้
ฝึกฝนร่างเซียนอสูร
“หากเจ้าฝึกฝนร่างเซียนอสูรจริง เช่นนั้นข้าจะยอมเชื่อ!” สตรีด้าน
ในเอ่ยคำขึ้น
“ข้าจะยืนยันได้อย่างไร?”
ฉินหยุนต้องทำให้สตรีผู้นี้เชื่อใจตนเองให้ได้ ไม่เช่นนั้น ไม่เพียงแต่
จะสูญเสียวิญญาณเทวะเก้าตะวัน เขายังจะต้องสูญเสียสิ่งของภายใน
ไปด้วย
“เดิมข้าออกไปได้ ทว่าเจ้าอยู่ในแดนวิญญาณอ้างว้าง เมื่อใดข้าออกไป
เมื่อนั้นย่อมถูกดูดกลับไปยังแดนเซียนอ้างว้าง และตอนนี้ข้าก็ยังไม่
คิดเข้าสู่แดนเซียนอ้างว้าง!” สตรีผู้นั้นกล่าวออก
“ข้าอยู่ที่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ มันมีอาคมพิเศษที่ช่วยคุ้มกันการ
หยุดยั้งการรับรู้จากแดนเซียนอ้างว้างได้! ว่าไปแล้ว ท่านรู้จักปิงชิง
หรือไม่? นางเองก็อยู่ที่นี่!” ฉินหยุนพลันกล่าว
“ปิงชิงก็อยู่ที่นี่หรือ?” อีกฝ่ายเอ่ยถามอย่างตื่นตะลึง
“ใช่ ท่านคิดพบนางหรือไม่?” ฉินหยุนเกิดความยินดี หากเป็นเช่นนี้
เรื่องราวก็คงง่ายพูดคุยมากขึ้น
“ข้ายังไม่คิดอยากพบนาง! เจ้าอย่าได้บอกถึงเรื่องนี้เช่นกัน! และเจ้า
ต้องติดตั้งม่านพลังที่ดีเยี่ยม เมื่อใดข้าออกไป ปิงชิงย่อมรับรู้ถึงข้า
ได้! หากนางพบว่าเป็นข้า เจ้าและวิญญาณเทวะเก้าตะวันได้จบสิ้น
แน่!” สตรีในไข่มุกเม็ดที่สามกล่าว
ฉินหยุนจึงติดตั้งม่านพลังขึ้น
ห้องของเขาเดิมมีห้องลับ หลังติดตั้งค่ายอาคมม่านพลัง มันจึงยิ่ง
รัดกุมมากขึ้น
“พี่สาว ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว ท่านออกมาได้!” ฉินหยุนกล่าว
เขาไม่ทราบว่าเทพเจ้าองค์ใดที่ตนเองตอนนี้พูดคุยอยู่ บ่อยครั้งที่เขา
ต้องพบเจอแต่สตรีรุนแรงและมีนิสัยแปลกประหลาด
วิญญาณเทวะเก้าตะวันพลันปรากฏที่ข้อมือของฉินหยุน ไข่มุกเม็ดที่
สามมันกำลังปรากฏหมอกสีดำ
วูบ!
สตรีเส้นผมยาวสวมใส่ชุดสีดำปรากฏตัวยืนต่อหน้าฉินหยุน
พละกำลังของสตรีผู้นี้เลิศล้ำ และนางยังร่างกระทัดได้รูป กล่าวได้
ว่าเป็นสตรีผู้งดงามคนหนึ่ง!
ฉินหยุนมองที่ใบหน้าของนางก่อนจะเกิดความตื่นตะลึง ใบหน้า
ของสตรีผู้นี้มีแต่รอยแผลเป็นสีดำปกคลุม ราวกับมันถูกเผาไหม้มา
สภาพดูไปแล้วชวนให้ผู้คนหวาดกลัวยิ่ง
เพราะสตรีผู้นี้เสียรูปโฉมจนแทบกลับกลายเป็นอัปลักษณ์และชวน
หวาดกลัว กระนั้นดวงตาของนางที่เผย มันกลับงดงามอย่างยิ่ง
นางพอได้เห็นฉินหยุน น้ำเสียงกราดเกรี้ยวจึงดังขึ้น “ถึงกับเป็นตัว
บัดซบเช่นเจ้า!”
“ฉิบ! คิดไว้ไม่ผิดว่าเรื่องชาติภพก่อนจะนำปัญหามาให้อีกแล้ว!”
ฉินหยุนสบถภายใน
สตรีผู้นี้มองเขาเป็นตัวตนในชาติภพก่อน!
“พี่สาว ท่านอย่าได้โกรธไปแล้ว! ผู้ที่ท่านรู้จักเป็นข้าในชาติภพก่อน!”
ฉินหยุนเร่งร้อนกล่าว “ข้าไม่ทราบว่าชาติภพก่อนข้าไปทำอันใดไว้
ดังนั้นข้าถือว่าไม่ใช่เขา”
“เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวโหรว? นางถึงขั้นมอบวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
อันแสนสำคัญให้แก่ตัวตนบัดซบไร้ยางอายเช่นเจ้า!”
สตรีผู้นี้ยืดแขนออกมาวางประทับที่กายฉินหยุน ไม่ช้า นางค่อย
สัมผัสได้ถึงพลังของร่างเซียนอสูร
“เจ้าฝึกฝนร่างเซียนอสูรได้จริง! บุคคลเช่นเจ้าหาได้คู่ควรกับร่าง
เซียนอสูรไม่!”
ชัดเจนว่าสตรีผู้นี้เกลียดชังฉินหยุนเพียงใด กระนั้น เพราะความ
สัมพันธ์ระหว่างฉินหยุนและเซี่ยฉีโหรว นางจึงยังไม่มีอาการ
ต่อต้านรุนแรง
“พี่สาว นั่นเป็นตัวข้าในชาติภพก่อน! โปรดอย่าได้มองข้าเป็นเขา!”
ฉินหยุนกล่าวออกอย่างไม่ยินดี
“สุนัขที่กินอุจจาระตนเองย่อมไม่มีวันลืมว่ารสชาตินั้นเป็นเช่นไร
ตราบเท่าที่เจ้ามีใบหน้านี้ เจ้าก็ยังเป็นมันผู้นั้น!” อีกฝ่ายส่งเสียงแค่น
ดังออกมา
“หากเป็นอย่างนั้น ตอนนี้อย่างไรดี? ข้าสามารถนำสิ่งของภายใน
ไข่มุกเม็ดที่สามออกมาได้หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม เขาห่วงหาถึง
เรื่องนี้ไม่ใช่น้อย
“ไม่มีวัน!”
สตรีชุดดำยืดแขนของนางออกพร้อมกำที่ข้อมือฉินหยุน นาง
พิจารณาวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
ฉินหยุนย่อมได้เห็นเช่นกัน ว่ามือของสตรีชุดดำผู้นี้มีแต่รอยแผลเป็น
สีดำถูกเผาไหม้ปกคลุม สภาพของมันดูน่าหวาดกลัวยิ่ง
“พี่สาว ระดับการฝึกฝนของท่านสูงส่ง ท่านน่าจะรักษาอาการบาดเจ็บ
ตามร่างกายได้กระมัง?” ฉินหยุนเกิดความเห็นอกเห็นใจขึ้นมา
“มันไม่อาจรักษา ข้าจะเป็นเช่นนี้ไปตลอดกาลนาน กระทั่งว่ากลับ
ชาติมาเกิด ร่างกายของข้าก็ยังต้องเป็นเช่นนี้ เพราะมันคือตราประทับ
ที่จิตวิญญาณข้า!” สตรีชุดดำเผยเสียงที่ทั้งโกรธเกรี้ยวและสิ้นหวัง
น้ำเสียงของนางมีความดุดัน “และนี่ก็เป็นความผิดของเจ้า!”
ฉินหยุนนิ่งอึ้ง เขาพิจารณาใบหน้าของสตรีผู้นี้ซึ่งถูกเผาไหม้ ภายใน
หัวใจกลับกลายเป็นเกิดความรู้สึกสำนึกผิดขั้นรุนแรงจากก้นบึ้ง
“ข้า… ข้าต้องขออภัย!” ฉินหยุนได้แต่กล่าวคำนี้ออกไป
“ก็ได้ ข้าจะไม่นำวิญญาณเทวะเก้าตะวันไปจากเจ้าเป็นการชั่วคราว
ข้าจะรอดูว่าภายหน้าเกิดเรื่องอันใดขึ้น จากนั้นข้าจะมอบสิ่งของใน
ไข่มุกเม็ดที่สามให้! ไม่เช่นนั้น ข้าจะผนึกทั้งเม็ดแรกและเม็ดที่สอง!”
สตรีชุดดำพบเห็นความรู้สึกผิดในดวงตาฉินหยุน นางตัดสินใจกลับ
เข้าวิญญาณเทวะเก้าตะวันไป
“พี่สาว นามท่านเล่า?” ฉินหยุนถามขึ้น
“เรียกหาข้าเป็นพี่สาวโฉ่ว!” อีกฝ่ายตอบกลับมา
*โฉ่ว หมายความถึง อัปลักษณ์*
“นี่… นามนี้ไม่คล้ายดีเท่าใดแล้ว!” ฉินหยุนไม่กล้าเรียกหาด้วยนามนี้
“ว่าอะไร… เจ้าคิดเรียกหาข้าเป็นผู้งดงามงั้นหรือ? อย่างนั้นไม่ใช่เป็น
การเยาะเย้ยข้ายิ่งขึ้นไปอีกหรือไร?” สตรีชุดดำกล่าวคำจบ น้ำเสียง
นางค่อยอ่อนโยนลงก่อนจะกล่าว “เรียกข้าเป็นเหยาเฟิง!”
*เหยา หมายความถึง หินล้ำค่า, เฟิง หมายความถึง เศษเสี้ยว หรือ
ชิ้นส่วน นามนี้จึงหมายถึง เศษหินล้ำค่า*
ฉินหยุนคิดสอบถามถึงปิงชิงว่าเคยได้ยินนามสตรีผู้นี้มาบ้างหรือไม่
เขาคิดอยากทราบว่านางคือผู้ใด
“พี่สาวเหยาเฟิง ท่านคงอยู่ในวิญญาณเทวะเก้าตะวันมานานเพียงใด
กันแล้ว?”
ฉินหยุนต้องผิดหวัง เดิมเขาคิดว่าจะได้รับของดีจากภายในนั้น ทว่า
อีกฝ่ายกลับยึดครองไว้ไม่ส่งมอบ
“ข้าไม่อาจจำได้แล้ว! ตั้งแต่ข้าเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่คิดอยากมีชีวิตต่อไป
อีก ภายหลังข้าจึงซ่อนตัวที่นี่และหลับใหลจนกระทั่งถึงเมื่อครู่!”
เหยาเฟิงกล่าว
ถัดจากนั้น นางได้สอบถามต่อฉินหยุนอีกหลายเรื่องราวของโลก
ภายนอก
ไม่ว่านางถามอันใด ฉินหยุนล้วนตอบไปหมดสิ้น
ที่ทำฉินหยุนโล่งใจก็คือ เหยาเฟิงที่อยู่ในวิญญาณเทวะเก้าตะวัน นาง
ไม่ทราบว่าโลกภายนอกเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง
“พี่สาวเหยาเฟิง ในไข่มุกเม็ดที่สามมีอันใดกันหรือ?”
ฉินหยุนสงสัยอย่างยิ่ง แม้ว่าตอนนี้ยังไม่อาจได้รับ เขาก็ยังต้องการ
ทราบว่าของภายในดีเยี่ยมเพียงใด
“ข้าไม่บอก! ไข่มุกเม็ดที่สามอยู่ภายใต้อำนาจข้าควบคุม ดังนั้น
อย่าได้นำของของเจ้าใส่เข้ามา ไม่เช่นนั้น ข้ารับประกันว่าพวกมัน
จะหายไปหมดอย่างแน่นอน!” เหยาเฟิงกล่าว
“พี่สาวเหยาเฟิง ตอบข้าหน่อยเถอะ!” ฉินหยุนร้องขอ
“เลิกนึกถึงเรื่องนี้ได้แล้ว!” เหยาเฟิงสบถ “ข้าไม่เชื่อใจเจ้า ข้าจะไม่
ส่งมอบของล้ำค่าให้แก่ตัวบัดซบเช่นเจ้า! ลืมมันไปเสีย ข้าจะไป
นอนแล้ว!”
ฉินหยุนสบถภายในใจ ตอนนี้เขาได้แต่ต้องยอมปล่อยวาง
หยุนเอ๋อกล่าวขึ้นภายในมิติมายา “เสี่ยวหยุน สิ่งของภายในไข่มุก
เม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน สมควรเป็นสิ่งที่มารดาของ
พี่ฉีโหรวนำใส่เอาไว้! กระทั่งว่าพี่สาวเหยาเฟิงผู้นี้เต็มใจเข้าไปเอง
ทว่าพละกำลังของนางเลิศล้ำ อาจกระทั่งเหนือกว่าปิงชิง!”
ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงพยายามเกลี้ยกล่อมเหยาเฟิงให้บอกว่าสิ่งใด
อยู่ภายในไข่มุกเม็ดที่สาม
เหยาเฟิงไม่กล่าวตอบคำ กระทั่งสุดท้ายแล้วนางรำคาญจึงต่อว่าไป
ฉากหนึ่ง “หากเจ้ายังไม่หุบปาก ก็จงบอกลาวิญญาณเทวะเก้าตะวัน!”
ฉินหยุนไร้ซึ่งทางเลือกอื่นแล้ว
เขาเร่งรีบนำแผนที่หลุมฝังเซียนออกมา หยดเลือดลงไป เขาคิดอยาก
ถามต่อเซี่ยฉีโหรวถึงเรื่องนี้ กระนั้นแผนที่หลุมฝังเซียนกลับไม่มี
ปฏิกิริยาตอบสนองใด
“บ้าอะไรกันเนี่ย! ชาติภพก่อนข้ามีแต่ทำให้เรื่องราวพังพินาศ!” ฉิน
หยุนนั่งบนที่นอนก่อนจะสบถต่อชาติภพก่อนของตนเอง
“เสี่ยวหยุน ตัวเจ้าในชาติภพก่อนตายไปแล้ว!” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะ
พร้อมปลอบ “เจ้ามีแต่ต้องก้าวเดินต่อไป!”
“ข้าคาดหวังยิ่งนักที่จะได้เห็นว่าในไข่มุกเม็ดที่สามมีอันใด กระนั้น
สิ่งที่ได้รับ… ข้าไม่ได้เห็นอะไรแม้เพียงนิด!” ฉินหยุนกลิ้งไปมาบน
ที่นอนพร้อมโอดครวญ
เพราะตอนนี้ ต่อให้เขาคิดอยากเปิดไข่มุกเม็ดที่สี่ มันก็ยังไม่มีทาง
เป็นไปได้
นอกจากนี้แล้ว เขายังอาจต้องโดนการข่มขู่จากเหยาเฟิงอีก
“มันต้องมีทางสิ!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวคำ “จิตวิญญาณของเหยาเฟิงผู้
นี้โดนคำสาป เพราะเหตุนั้นนางจึงมีรูปโฉมเช่นนี้! พวกเราก็เพียง
ต้องหาทางถอนคำสาปให้แก่นาง!”
“นางคือเซียนที่ทรงอำนาจ ข้าหรือจะช่วยปัญหาที่กระทั่งตัวนางก็ไม่
อาจแก้ได้?”
ฉินหยุนยังคงกลิ้งไปมาพร้อมพล่ามบ่นไปเรื่อย ภายในใจของเขาทั้ง
ว้าวุ่นและไม่ยินดี
หลิงหยุนเอ๋อได้แต่ต้องกล่าวปลอบฉินหยุนไปเรื่อย
หลังพล่ามบ่นในห้องอยู่ชั่วระยะหนึ่ง ฉินหยุนที่สงบใจลงได้จึงค่อย
เดินออกจากห้อง
เพราะเขายังมีเรื่องสำคัญอื่นรอคอยอยู่ นั่นก็คือการไปยังเทือกเขา
นิราศจันทราเพื่อหาตัวหยางฉีเย่ว์
เมื่อเดินออกจากห้อง เขาจึงได้เห็นฉู่ปินอวี้ในห้องโถง อีกฝ่ายนำ
สตรีสองคนร่วมทางมาพร้อมเจี้ยนหมาง
สองสตรี หนึ่งสวมใส่ชุดกระโปรงสั้นสีแดงสด อีกหนึ่งสวมใส่ชุด
กระโปรงยาวสีดำ
สตรีกระโปรงสั้นสีแดงครอบครองเสน่ห์ดึงดูดเลิศล้ำ ยามเมื่อนาง
มองที่ฉินหยุน ดวงตาชุ่มชื้นของนางเผยความยินดีออก ผู้นี้คือเย่ว์
อู่หลัน นางก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สตรีผู้สวมใส่ชุดดำสีดำมีผิวพรรณสีน้ำตาลข้าว ร่างนั้นเผยออกซึ่ง
มัดกล้ามงดงามดังสตรีผู้อาจหาญ รอยยิ้มงดงามปรากฏชัด โฉมงาม
ที่เผยประกายกลางความมืดอันเย็นเยือกผู้นี้คือเทียนรั่วเหลิง
“พี่สาวใหญ่ พี่สาวรอง!” ฉินหยุนยินดีที่ได้พบพวกนาง เขาเร่งรีบ
เดินเข้าไปทักทายพลางหัวเราะ
“น้องชาย แม้ไม่ได้พบเจอกันนาน พวกเรากลับได้ยินเรื่องราวเจ้าไม่
ขาด!”
เย่ว์อู่หลันหัวเราะเบาก่อนจะก้าวเดินเข้ามาลูบสัมผัสที่ใบหน้าของ
ฉินหยุน