Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 710 เดินทางกลับ
ตอนที่ 710 เดินทางกลับ
ห้องโถงโดยสารเรือบินของเปาเฉิงโฉ่ว คณะครึ่งเซียนได้เห็นฉินหยุน
พาเจี้ยนหลิงหลงขึ้นมาด้วย พวกเขาเกิดคำถามกันขึ้นมา
เจี้ยนรั่วหยานพอได้เห็นเจี้ยนหลิงหลง นางอึ้งไปวูบพร้อมถาม “ผู้
อาวุโสหลิงหลง!”
ฉู่ปินอวี้และแม่เฒ่าหม่าเร่งรีบเข้ามาทักทายเจี้ยนหลิงหลง เพราะนาง
ถือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะขอบเขตจักรพรรดิยุทธ์ นางคือ
อาจารย์จารึกเต๋าที่มีพรสวรรค์
เปาเฉิงโฉ่วยิ้มกล่าว “ผู้อาวุโสหลิงหลง ขอบคุณแล้วที่นำฉินหยุนมา
ส่งขึ้นเรือบิน!”
ผู้คนต่างคิด ว่าเจี้ยนหลิงหลงมาที่นี่ก็เพื่อบอกลาฉินหยุนและเจี้ยน
รั่วหยาน
“ไม่ต้องมากมารยาทไป พวกเราล้วนเป็นพวกเดียวกัน!” เจี้ยนหลิง
หลงกล่าว
“เป็นเช่นนั้น!”
เปาเฉิงโฉ่วไม่ได้เก็บคำพูดมาคิดอะไรมากนัก เขารู้สึกว่าในเมื่อเป็น
พันธมิตรร่วมกัน ก็เป็นปกติที่จะเรียกผู้อื่นดังเช่นคนของตนเอง
เจี้ยนรั่วหยานกล่าวเสียงเบา “ผู้อาวุโสหลิงหลง พวกเราจะออกเรือ
ในไม่ช้า ท่านยังมีเรื่องอื่นหรือ?”
เจี้ยนหลิงหลงนั่งบนเก้าอี้พลางกล่าว “ข้าจะตามเจ้ากลับไปนครเซียน
ยุทธภัณฑ์!”
“โอ… ท่านคิดไปเป็นแขกของนครเซียนยุทธภัณฑ์หรือ?” เจี้ยนรั่ว
หยานเอ่ยถามอย่างตระหนกตกใจ
“ยินดีแล้ว ยินดี!” เปาเฉิงโฉ่วยิ้มกล่าว
ฉินหยุนเอ่ยคำขึ้น “จ้าวสำนัก ผู้อาวุโสหลิงหลงตัดสินในออกจาก
ตำหนักเซียนดาบ และมาเข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์ของพวกเรา!
ภายหน้า นางจะเป็นคนของนครเซียนยุทธภัณฑ์เราขอรับ!”
เปาเฉิงโฉ่วที่ยังคงยิ้ม ขณะนี้มองทางฉินหยุนอย่างงุนงง เขาเอ่ยถาม
ด้วยน้ำเสียงตระหนก “นี่เรื่องจริง? ได้อย่างไรกัน?”
ฉู่ปินอวี้ แม่เฒ่าหม่า และผู้อื่นต่างมองหน้ากันเองอย่างไม่อาจนึกเชื่อ
ว่าเรื่องที่ฟังเป็นความจริง
“เป็นความจริง ข้าคิดเข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์ ยินดีต้อนรับข้า
หรือไม่?” เจี้ยนหลิงหลงยิ้มกล่าวต่อเปาเฉิงโฉ่ว
“นี่… เรื่องนี้… ก็ต้องยินดีอยู่แล้ว!” เปาเฉิงโฉ่วหันมองทางฉินหยุน
“เป็นฉินหยุนเชิญข้าให้เข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์ และนครเซียน
ยุทธภัณฑ์ก็ได้รับต้นกำเนิดเซียนไปไม่น้อย กล่าวได้ว่าสภาพแวดล้อม
ย่อมดีกว่าตำหนักเซียนดาบเป็นไหน!” เจี้ยนหลิงหลงยิ้มกล่าว “คง
ไม่แปลกที่ข้าจะเข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์กระมัง?!”
แม้เจี้ยนหลิงหลงกล่าวเช่นนี้ ทว่าเปาเฉิงโฉ่วและคณะต่างยังคิดว่า
เรื่องราวกะทันหันเกินไป ที่เจี้ยนหลิงหลงจะเข้าร่วมนครเซียน
ยุทธภัณฑ์ในเวลาเช่นนี้
เป็นที่ทราบกันว่าเจี้ยนหลิงหลงมีชื่อเสียงเลิศล้ำในตำหนักเซียนดาบ
นางคืออาจารย์จารึกเต๋าเยาว์วัย และยังครองพรสวรรค์สูงส่ง อีกทั้ง
ยังมีจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า
“นี่เจี้ยนสือเทียนทราบเรื่องนี้หรือไม่?” เปาเฉิงโฉ่วเอ่ยถาม
“เขาย่อมทราบ!” เจี้ยนหลิงหลงมองทางฉินหยุนพร้อมยิ้มกล่าว “เขา
เองก็เห็นด้วยที่ให้ข้าเข้าร่วมนครเซียนยุทธภัณฑ์ อย่าได้กังวลว่า
เรื่องนี้จะเป็นการยั่วยุเขาแต่อย่างใด!”
เปาเฉิงโฉ่วพอได้ยินเช่นนี้ เขาค่อยสงบใจลงได้ ใบหน้าเวลานี้กลาย
เป็นเปื้อนยิ้มยินดี “เช่นนั้นก็วิเศษ นับว่าดี! เมื่อใดพวกเรากลับไป ข้า
จะจัดแจงตำแหน่งผู้อาวุโสให้ แน่นอนว่าย่อมได้รับการดูแลเป็น
อย่างดีเยี่ยม!”
“เช่นนั้นก็ตามนี้!” เจี้ยนหลิงหลงทราบ ว่านครเซียนยุทธภัณฑ์อย่างไร
แล้วก็ต้องต้อนรับนาง
ถัดจากนั้น เจี้ยนหลิงหลงและเจี้ยนรั่วหยานจึงออกจากโถงโดยสาร
แยกย้ายไปยังห้องของพวกนาง
ผู้อื่นเองก็เดินกลับไปยังห้องพักตนเอง
ฉินหยุนและเปาเฉิงโฉ่วยังอยู่ที่ห้องโถง เพราะเขายังมีเรื่องที่คิดอยาก
หารือกับฉินหยุนเป็นการลำพัง
“ฉินหยุน งานประลองยุทธ์ครั้งนี้เจ้าแสดงศักยภาพได้ยอดเยี่ยมยิ่ง
นัก ทั้งยังชนะได้รับต้นกำเนิดเซียนมาถึงสาม!”
เปาเฉิงโฉ่วยามกล่าวถึงเรื่องนี้ค่อนข้างยินดีไม่น้อย
เขายิ้มพลางตบไหล่ฉินหยุน เขากล่าว “ดังที่เคยกล่าวไว้ ในเมื่อได้รับ
อันดับหนึ่ง นครเซียนยุทธภัณฑ์ย่อมมอบรางวัลอันล้ำค่าและลึกลับ
ให้แก่เจ้า!”
“จ้าวสำนัก ท่านพอจะมอบต้นกำเนิดเซียนให้แก่ข้าได้หรือไม่
ขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ย่อมต้องได้!” เปาเฉิงโฉ่วกล่าวคำจบจึงนำเอาบอลสีขาวขนาดครึ่ง
ตัวคนออกมา “นี่เป็นต้นกำเนิดเซียนที่ถูกผนึกเอาไว้ เมื่อใดที่กะเทาะ
เปลือกนอกออก ผนึกจะคลาย และมันจะควบแน่นออกมาเป็นพลังงาน
เซียน!”
ฉินหยุนวางต้นกำเนิดเซียนเอาไว้ในไข่มุกเม็ดแรกของวิญญาณเทวะ
เก้าตะวัน นี่ก็เพื่อให้โมโมและกระต่ายหยกสามารถดูดกลืนพลังงาน
เซียน เมื่อใดหยางหยางตื่นขึ้น เมื่อนั้นนางจะได้ดูดกลืนพลังงานเซียน
เช่นกัน
“อย่าได้ให้ผู้อื่นทราบเรื่องนี้!” เปาเฉิงโฉ่วกล่าวเตือน “ข้าเองก็จะ
เก็บเป็นความลับ!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับพร้อมยิ้มถาม “จ้าวสำนัก แล้วรางวัลลึกลับคือ
อันใดกันขอรับ?”
เปาเฉิงโฉ่วหัวเราะกล่าว “นี่รางวัล เจ้าต้องชอบมันแน่ เป็นจารึก
วิญญาณ!”
“จริงหรือขอรับ? จ้าวสำนัก นี่ท่านได้จารึกวิญญาณนี้มาอย่างไร
กัน?” ฉินหยุนเอ่ยถามพลางตื่นเต้นยินดี
“เรื่องจริงแท้! จารึกวิญญาณนี้หลงเหลือไว้โดยกลุ่มเซียน! ครั้งนาน
มาแล้ว กองทัพเซียนจากแดนเซียนอ้างว้าง พวกเขาเหล่านั้นมีอาจารย์
จารึกที่แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งที่รับผิดชอบสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์”
“อาจารย์จารึกเหล่านั้นต่างครอบครองจารึกวิญญาณราชันอุปกรณ์
ภายหลังจึงหลงเหลือทิ้งไว้หนึ่ง จนกระทั่งถึงตอนนี้ ข่าวคราวเรื่องนี้
ก็ไม่เคยเผยแพร่สู่ภายนอก!” เปาเฉิงโฉ่วนำเอาไข่มุกสีขาวออกมาส่ง
มอบให้แก่ฉินหยุน
ภายในไข่มุกสีขาว คือจารึกวิญญาณราชันอุปกรณ์ซึ่งถูกผนึกไว้
“จารึกวิญญาณราชันอุปกรณ์สามารถช่วยเหลือเจ้ายามแกะสลัก
อักขระที่อาวุธหรือชุดเกราะ ทั้งนี้ยังรวมถึงอุปกรณ์โทเทม มันจะ
ช่วยเสริมความเร็วและความวิจิตรแก่เจ้าได้อย่างมหาศาลนัก! ตอนนี้
เจ้ามีจารึกวิญญาณถึงสอง และทั้งคู่ต่างทรงพลังยิ่ง!” เปาเฉิงโฉ่ว
หัวเราะกล่าว
ก่อนหน้านี้ เปาเฉิงโฉ่วได้ขับไล่ฉินหยุนออกจากสำนัก ความรู้สึก
ผิดได้เกาะกุมหัวใจเขาเอาไว้ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น
ตอนนี้ฉินหยุนได้ช่วยเหลือให้ได้รับต้นกำเนิดเซียนมาจำนวนหนึ่ง
ดังนั้นแล้ว เปาเฉิงโฉ่วจึงตัดสินใจยอมส่งมอบจารึกวิญญาณอันล้ำ
ค่าให้แก่ฉินหยุน
“ขอบคุณจ้าวสำนักขอรับ!” ฉินหยุนยิ้มรับพร้อมคำนับอีกฝ่าย
“ฉินหยุน เจ้าช่างยอดเยี่ยมนัก นี่เจ้าชักชวนเจี้ยนหลิงหลงมาได้
อย่างไรกัน? สตรีผู้นั้นเลื่องลือกันว่าดุร้ายไม่น้อย!” เปาเฉิงโฉ่วลด
เสียงเบาเอ่ยถาม
“ข้าบอกต่อนาง ว่าจิงเหมิงต้องการอาจารย์เพื่อชี้แนะ นางรู้สึกว่า
ตนเองค่อนข้างเหมาะสม เช่นนั้นจึงยอมตกลง! ยิ่งไปกว่านั้น นคร
เซียนยุทธภัณฑ์ของเราก็มีความอุดมสมบูรณ์พร้อม ด้วยต้นกำเนิด
เซียนมากมายที่พวกเราถือครอง!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“เป็นเช่นนั้น!” เปาเฉิงโฉ่วพยักหน้ายิ้มรับ
ฉินหยุนเดินไปยังห้องว่างหนึ่งบนเรือบิน ก่อนจะนอนบนเตียง
“เมื่อใดกลับไป ก่อนอื่นคือการฝึกฝนร่างเซียนอสูร และก้าวสู่
ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง!”
“เสี่ยวหยุน ไม่ใช่ว่าเจ้าได้ความสามารถเทวะแม่น้ำมาหรือ? เร่งรีบ
ผสานรวมกับมันเร็วเข้า!” หลิงหยุนเอ๋อพลันเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
“วิญญาณยุทธ์ขยะ!” ฉินหยุนนำเอาไข่มุกผนึกวิญญาณสีน้ำเงินที่มี
วิญญาณยุทธ์ความสามารถเทวะออกมา
“หยุดพล่ามบ่นได้แล้ว เร่งรีบผนวกรวมกับมัน! ความสามารถเทวะ
ล้วนไม่มีใดด้อยค่า!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวเร่ง “มันย่อมต้องมีวิธีการใช้
อันชาญฉลาดอยู่แน่!”
หากผู้อื่นต้องการผสานรวมกับวิญญาณยุทธ์ความสามารถเทวะ
เช่นนั้นก็ต้องไปหาตัวอาจารย์ขัดเกลาวิญญาณให้ช่วยเหลือ
กระนั้น ฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ เขาสามารถ
ดูดกลืนวิญญาณยุทธ์และความสามารถเทวะอย่างง่ายดาย
ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนยังได้ดูดกลืนวิญญาณยุทธ์ความสามารถเทวะ
ทรมาน ตอนนี้เขาสามารถปลดปล่อยพลังทำให้ผู้อื่นเจ็บปวดรวด
ร้าวได้ ทว่าเป็นเขายังไม่ค่อยมีโอกาสให้ใช้งานได้มากนัก
หลังผนวกรวม ฉินหยุนจึงทดสอบโดยการควบแน่นมวลน้ำในมือ
“ไร้ค่าอย่างแท้จริง แม้ไม่มีความสามารถเทวะนี้ ข้าก็ยังใช้งานยันต์
ควบแน่นน้ำให้เกิดผลลัพธ์เดียวกันขึ้นมาได้!” ฉินหยุนบุ้ยปากกล่าว
“เสี่ยวหยุน วิญญาณยุทธ์ความสามารถเทวะบางอย่างอาจดูไร้ค่า
กระนั้นมันเป็นเพราะไม่มีวิญญาณยุทธ์ความสามารถเทวะที่จะใช้
งานร่วมด้วยอย่างเหมาะสมต่างหาก! เจ้าควรทราบ ว่าเมื่อใดสอง
ความสามารถเทวะผนวกรวมกัน เมื่อนั้นพลังที่พวกมันปลดปล่อย
ออกจะรุนแรงยิ่ง!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
ฉินหยุนคิดว่าอย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้รับอันใด
“ทั้งหมดนี่เป็นเพราะราชันแคว้นเยี่ยตัวบัดซบนั่น เป็นมันที่มอบ
วิญญาณยุทธ์สวะเช่นนี้ให้แก่ข้า!” ฉินหยุนสบถเสียงเบา
“มันผู้นั้นยังมีชีวิต!” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะซุกซนออกมา
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ หลังจากราชันแคว้นเยี่ยบาดเจ็บหนัก เขายัง
มีชีวิตรอดและถูกเก็บเอาไว้ในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร
สาเหตุว่าทำไมฉินหยุนยังไม่สังหารราชันแคว้นเยี่ย ก็เพราะอีกฝ่าย
ยังมีต้นกำเนิดเซียนในครอบครอง
แน่นอนว่าทุกคนต่างคิด ว่าราชันแคว้นเยี่ยสิ้นชีพไปแล้ว
เรือบินลำใหญ่ของเปาเฉิงโฉ่ว ในที่สุดค่อยกลับถึงนครเซียนยุทธภัณฑ์
มันร่อนลงจอดที่ภายในพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
ฉินหยุนเมื่อกลับมาถึง เขาจึงเร่งรีบมุ่งหน้าไปยังตำหนักพระราชวัง
เซียนยุทธภัณฑ์
ในช่วงที่ผ่านมาซึ่งฉินหยุนไม่อยู่ ปิงชิงคล้ายรู้สึกเปล่าเปลี่ยว ก่อน
หน้า เป็นฉินหยุนแวะเวียนมาพูดคุยกับนางบ่อยครั้งจนเกินไป
ฉินหยุนพอเข้ามาในตำหนัก เขาจึงได้เห็นปิงชิงที่สวมใส่ชุดกระโปรง
สีขาว กำลังนั่งอยู่ข้างสระเซียนหันหลังมาให้
“ผลการแข่งขันประลองยุทธ์เป็นอย่างไร? เจ้าได้อันดับหนึ่งหรือไม่?”
น้ำเสียงเย็นชาของปิงชิงเอ่ยถามขึ้น
“พี่สาวปิงชิง หากข้าไม่ได้อันดับหนึ่งก็คงไม่มีหน้ามาพบท่านแล้ว!”
ฉินหยุนยิ้มกล่าว เขาเดินเข้าไปเชื่องช้าพร้อมเอ่ยคำ “ครั้งนี้ผลการ
เก็บเกี่ยวกล่าวได้ว่าดีเยี่ยม นอกจากนี้แล้วยังเกิดหลายเรื่องราว…
พวกคนของเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้างคิดมาจับตัวข้า จนกลายเป็น
เกิดศึกครั้งใหญ่ที่ตำหนักเซียนดาบ!”
ปิงชิงหันกลับมาเชื่องช้าพร้อมคิ้วขมวดเอ่ยถาม “อย่างนั้นแล้วเกิด
อะไรขึ้นอีก?”
ฉินหยุนนั่งลงกับพื้น เขามองที่รูปลักษณ์ของปิงชิงซึ่งอยู่ไกลออกไป
อย่างกระจ่างชัด พร้อมเริ่มบอกเล่ารายละเอียดของเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ปิงชิงพอได้ยินว่าฉินหยุนได้รับต้นกำเนิดเซียนมาจำนวนหนึ่ง นาง
ค่อยเผยรอยยิ้มที่ยากพบเห็น ชัดเจนว่าต้นกำเนิดเซียนก็มีประโยชน์
แก่นางอย่างมหาศาลเช่นกัน
“หากเจ้าได้รับต้นกำเนิดเซียน อย่างนั้นแล้วก็จงใช้มันให้ดี!” ปิงชิง
กล่าว “ข้าจะไปหารือกับเปาเฉิงโฉ่ว ว่าจะนำต้นกำเนิดเซียนอีกสอง
มาใช้อย่างไรดี เป็นข้าคิดเชื่อมต่อพวกมันเข้าด้วยกัน ทำให้พลังงาน
เซียนทั่วทั้งนครเซียนยุทธภัณฑ์หนาแน่นยิ่งขึ้น!”
“ตามแต่ท่าน!”
ฉินหยุนไม่คิดยุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ เขานำเอาไข่มุกผนึกวิญญาณสีทองม่วง
ออกมาพร้อมกล่าว “พี่สาวปิงชิง นี่คือวิญญาณยุทธ์จันทราระดับทอง
ม่วง หากข้าคิดอยากแปรเปลี่ยนจิตสู่จันทรา ใช้สิ่งนี้ได้ใช่หรือไม่?”
ปิงชิงรับไข่มุกไป พิจารณามันก่อนพยักหน้า “หากเจ้าใช้งานวิญญาณ
ยุทธ์จันทรา คิดเลื่อนระดับน่าจะเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น ให้ข้าคิดหา
หนทางที่ช่วยเจ้าเลื่อนระดับโดยราบรื่นเสียก่อน!”
“พี่สาวปิงชิง ข้ายังจับตัวชายคนหนึ่งได้ เป็นราชันแคว้นเยี่ย ภายใน
อุปกรณ์มิติเก็บของของมันมีต้นกำเนิดเซียน ท่านมีวิธีทำให้มันส่ง
มอบมาหรือไม่?” ฉินหยุนนำเอาหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร
ออกมา
“นำตัวมันออกมา ข้ามีวิธี!” ดวงตาของปิงชิงเผยแสงดุร้ายออกมาวูบ
ทำเอาฉินหยุนต้องขนลุก
เขาเร่งรีบนำเอาราชันแคว้นเยี่ยออกจากหม้อราชสีห์สวรรค์สะกด
มังกร
ราชันแคว้นเยี่ยนอนกับพื้น แขนขาทั้งหมดสิ้นสภาพ ร่างกายมีแต่
บาดแผลสาหัส
เขาคือครึ่งเซียน ชีวิตย่อมทนทายาด ดังนั้นจึงไม่มีทางตายโดยง่าย
ยามได้เห็นฉินหยุน ราชันแคว้นเยี่ยจึงสบถออกอย่างกราดเกรี้ยว
“ฉินหยุน ไอ้ตัวบัดซบ เจ้าต้องไม่ได้ตาย…”
ก่อนจะกล่าวคำจบสิ้น คลื่นอากาศเย็นเยือกที่อัดแน่นด้วยโทสะจึง
ทะลักล้นออก ปากของราชันแคว้นเยี่ยแข็งค้างเกิดสะเก็ดน้ำแข็ง ไอ
น้ำเย็นเยือกรุนแรงเผยออก นี่คืออากาศเย็นเยือกที่ปิงชิงปล่อยออกมา
ราชันแคว้นเยี่ยหันมองทางปิงชิงอย่างยากลำบาก ความหวาดกลัวไร้
สิ้นสุดปรากฏในดวงตา เขาคือครึ่งเซียน แม้ได้รับบาดเจ็บ ก็ยัง
สัมผัสได้ถึงพลังเซียนชวนสะพรึงของปิงชิง
มีแต่เซียนที่แท้จริงจึงมีพลังเซียนอันเหนือล้ำเช่นนี้ได้!
ราชันแคว้นเยี่ยไม่คาดคิด ว่าเซียนที่อยู่ในนครเซียนยุทธภัณฑ์
แท้จริงจะยังเยาว์และงดงามได้เพียงนี้
ปิงชิงกดมือของนางลงที่ศีรษะราชันแคว้นเยี่ย เสียงแค่นเย็นเยือกดัง
ออก ราชันแคว้นเยี่ยร้องออกอย่างเจ็บปวด ศีรษะนั้นปริแตกแยก
ออกโดยพลังจิตทรงพลัง
พลังจิตซึ่งถูกปลดปล่อย สิ่งของภายในอุปกรณ์มิติเก็บของของ
ราชันแคว้นเยี่ยจึงกระจายออกมา
ปิงชิงพบเห็นต้นกำเนิดเซียนจึงเผยเสียงหัวเราะเย็น ถึงตอนนี้ ราชัน
แคว้นเยี่ยได้ตายจากไปแล้วโดยสภาพดวงตาเบิกกว้างแข็งค้าง
“ตายเช่นนี้? ตัวบัดซบผู้นี้มีอุปกรณ์เซียน เหตุใดมันจึงไม่ออกมา?”
ฉินหยุนรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย
เขาเดินเข้าไปเตะร่างราชันแคว้นเยี่ยหลายครั้ง ก่อนจะใช้พลังของ
วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ทำการดูดกลืนโลหิตเซียนของราชันแคว้น
เยี่ยเข้าสู่แก่นเต๋าตะวันทมิฬ