Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 707 เผยตัวจอมราชัน
ตอนที่ 707 เผยตัวจอมราชัน
ฉินหยุนที่ออกจากหอคอยของเจี้ยนหลิงหลง เขามาถึงพื้นที่รอบนอก
ของลานกว้าง จึงได้เห็นว่ามันถูกขวางกั้นเอาไว้ด้วยหมอกสีดำ
หมอกสีดำนี้มาพร้อมพลังคุกคามและกลิ่นแปลกประหลาด ทำให้ผู้
เข้าใกล้ต่างต้องรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง
“พิษ!”
ฉินหยุนพอดมกลิ่นมัน เขาสัมผัสได้ถึงพลังพิษที่รุกล้ำสู่ร่างกายใน
ทันที พลังพิษเหล่านี้สามารถดูดกลืนได้โดยวิญญาณยุทธ์อสรพิษ
เขามองไปยังที่ไกลออกไป ตอนนี้บอลสีดำขนาดใหญ่ไม่มีอีกต่อไป
เขาจึงสงสัย ว่าบอลสีดำขนาดใหญ่นั้นจะระเบิดออกเป็นการปล่อย
แก๊สพิษเหล่านี้ออกมา
“พวกอสูรของเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้างต้องเตรียมบุกโจมตีมาเป็น
เวลานานแล้วแน่ เพราะเหตุนั้นพวกมันจึงสร้างบอลสีดำลูกใหญ่นั่น
ขึ้นมา!”
หลิงหยุนเอ๋อกล่าวเตือน “เสี่ยวหยุน เมื่อใดเข้าไปแล้ว เจ้าต้องมอง
สถานการณ์ให้กระจ่างก่อนค่อยลงมือ!”
“ข้าจะระวัง!”
ฉินหยุนที่อยู่ในสภาพโปร่งแสง เวลานี้เร่งรีบรุกคืบสู่ลานกว้าง
ตำหนักเซียนดาบกลับกลายเป็นสถานที่เย็นเยียบและเงียบงัน
บรรดาศิษย์ของตำหนักเซียนดาบต่างรวมตัวกันที่ลานกว้าง หลังจาก
แก๊สพิษปรากฏ ตำหนักเซียนดาบจึงกลายเป็นสถานที่รกร้างโดย
ปริยาย
ฉินหยุนเร่งรีบมุ่งหน้าไปที่ลานกว้าง
ทันทีเมื่อมาถึง เขาได้เห็นเจี้ยนสือเทียนถือดาบคลุกคลานอยู่กับพื้น
ครึ่งตัว ดาบนั้นปักไว้กับพื้น เขาคว้าด้ามดาบเอาไว้คิดพยายามยัน
กายยืนขึ้น
ทั้งร่างกายเจี้ยนสือเทียนมีแต่บาดแผลโชกเลือด อาการบาดเจ็บนั้น
สาหัสไม่น้อย
เจี้ยนหลิงหลงอยู่ทางด้านหลัง นางนั่งอยู่กับพื้น ใบหน้าซีดเผือดราว
คนตาย เสื้อผ้าของนางฉีกขาด ชัดเจนว่าเพิ่งรับศึกครั้งใหญ่มา
ชายชราเส้นผมสีทองยืนหยัดที่ตรงหน้าเจี้ยนสือเทียน ดูจากตำแหน่ง
การยืน ชายชราสมควรเป็นผู้นำเหล่าอสูรแล้ว
เจี้ยนหลิงหลงคำรามเกรี้ยวกราด “พวกเจ้าบอกไม่ใช่หรือ ว่าจะให้
เวลาข้าหนึ่งชั่วยาม? เหตุใดจึงลงมือ?”
ชายชราเส้นผมสีทองหัวเราะเสียงเย็น “เป็นเจี้ยนสือเทียนที่ลงมือ
ก่อน! ตาเฒ่านี่มีความสามารถไม่น้อย แม้ถูกพิษก็ยังสามารถใช้ดาบ
แทงข้าได้!”
“แต่ก็แลกด้วยการที่มันเกือบตาย! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เบื้องหลังชายชราเส้นผมสีทอง เป็นครึ่งเซียนของหุบเขาเซียนโอสถ
และขุนเขาเซียนอัคคีครามยืนอยู่ พวกเขาถูกถอนพิษเรียบร้อยแล้ว
ขณะนี้ให้ความร่วมมือกับเหล่าอสูร
“พวกเจ้ามันตัวบัดซบ!” เจี้ยนสือเทียนสบถเสียงเบา
กระทั่งราชันแคว้นมู่แห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้ายังยืนด้านหลังชาย
ชราเส้นผมสีทอง
ฉินหยุนหลบซ่อนตัวไกลออกไป นำเอาปืนใหญ่ราชันลึกล้ำออกมา
“ไม่ทราบแล้วว่าปืนใหญ่ราชันลึกล้ำครั้งนี้จะแสดงอำนาจได้เพียงใด
หากผู้อาวุโสหลิงหลงไม่บาดเจ็บ เมื่อเรายิงปืนใหญ่ นางย่อมต้องลง
มือ นางจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้!”
ฉินหยุนถือปืนใหญ่ราชันลึกล้ำในมือ เป้าหมายที่เล็งไปย่อมเป็น
อสูรซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในที่นี้
“อย่างน้อยระดับครึ่งเซียนยังลงมือได้! วางใจและโจมตี หาก
สถานการณ์พลิกกลับ บรรดาครึ่งเซียนเหล่านั้นย่อมต้องลงมือแน่!”
หลิงหยุนเอ๋อกล่าวต่อ “เจี้ยนสือเทียนถูกพิษ กระนั้นก็ยังโจมตีได้
เป็นพลังของเขาถูกจำกัดเอาไว้ระดับหนึ่งเท่านั้น!”
ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก ควบคุมปืนใหญ่ราชันลึกล้ำยิงกระสุน
ปืนใหญ่ออกไป
ลูกปืนใหญ่สีดำขลับทะยานออกพร้อมร่อนลงที่ตรงกลางกลุ่มคณะ
ชาวอสูร!
ตู้ม!
อัคคีเพลิงระเบิดออก มาพร้อมกับพลังทำลายล้างและพลังผลาญอสูร!
ที่น่าสะพรึงที่สุด ยังคงเป็นพลังแห่งความเที่ยงธรรมที่ฉินหยุนถ่ายเท
เข้าใส่ลูกปืนใหญ่ พวกมันผสานรวมเข้ากับพลังของอักขระเต๋าทำลาย
ล้าง และอักขระเต๋าผลาญอสูรได้สมบูรณ์แบบ พลังอำนาจยิ่งเท่าทวี
ส่งผลรุนแรงทำร้ายต่ออสูรเหล่านั้น
บริเวณพื้นที่ซึ่งกลุ่มคณะชาวอสูรยืนอยู่ กลับกลายเป็นทะเลเพลิง
อสูรใดที่อ่อนด้อย พลันต้องเร่งรีบร้องตะโกนเจ็บปวด
โดยเฉพาะที่ระดับขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ เพียงอึดใจร่างเหล่านั้นก็
ถูกผลาญไหม้จนตายตก
เจี้ยนหลิงหลงผู้ซึ่งนั่งกับพื้น ขณะนี้ค่อยเผยอาการตื่นตะลึง
นางย่อมตระหนักได้ว่าการโจมตีนี้เป็นฉินหยุนลงมือ นางจึงตะโกน
ดัง “พวกเจ้าที่ยังเคลื่อนไหวได้ บุกโจมตี! กวาดล้างพวกมัน!”
ตู้ม ตู้ม! ตู้ม ตู้ม!
ฉินหยุนยิงลูกปืนใหญ่ต่อเนื่อง ทำให้บรรดาอสูรที่ยังเหลือรอดต้อง
ถอยร่นเพราะแรงระเบิด เช่นกัน พลังแห่งความเที่ยงธรรมได้ส่งผล
ให้พวกมันร้อนรน
แน่นอนว่าอสูรที่แข็งแกร่งเพียงรู้สึกไม่ใคร่สบายเท่าใดนัก ลูกปืน
ใหญ่ของฉินหยุนสร้างความเสียหายแก่พวกมันเหล่านั้นได้จำกัด
หลังเกิดแรงระเบิดปะทุหลายครั้งต่อเนื่อง ผู้ที่ต้องบาดเจ็บรุนแรง
ส่วนใหญ่คืออสูรขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ และขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ
โดยเฉพาะขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ เหล่านั้นแทบถูกสังหารตายคาที่
กันจนสิ้น
และขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ก็แทบไม่หลงเหลือเรี่ยวแรงให้ต่อสู้กลับ
แล้ว
ลูกปืนใหญ่ของฉินหยุนดูดกลืนพลังจากผลึกแก้วชีวิตไปมหาศาล
ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาดีเยี่ยม พวกมันยังส่งผลกระทบต่อขอบเขตราชัน
ยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์ไม่น้อยเช่นกัน
เจี้ยนหลิงหลงทะยานนำหน้า นางเริ่มเข่นฆ่าสังหารกลุ่มอสูรโฉดชั่ว
ครึ่งเซียนกว่าสิบคนของตำหนักเซียนดาบต่างร้องตะโกนดัง ดาบ
ต้นกำเนิดเผยออก พวกเขาบุกซึ่งหน้าเข้าปะทะฝูงชนฝ่ายศัตรูเข่นฆ่า
สังหาร
มีแต่บรรดาชาวอสูรที่ได้รับผลกระทบ ผู้ทรยศเช่นหุบเขาเซียนโอสถ
หาได้รับผลกระทบใดไม่
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาเพียงรับชมไม่ยุ่งเกี่ยว เลือกถอยห่างและรับชม
คนของตำหนักเซียนดาบปะทะกับกลุ่มชนชาวอสูร
เพื่อกวาดล้างเหล่าอสูร เจี้ยนหลิงหลงแทบไม่คิดหยุดพัก นางนำเอา
แก่นเต๋าราชันยุทธ์อสูรเหล่านั้นออกมาก่อนจะเริ่มขว้างปา!
เพียงอึดใจ แรงระเบิดรุนแรงจึงปะทุออก
โชคดี ที่บรรดาศิษย์ระดับการฝึกฝนต่ำต่างอยู่ในม่านพลังของลาน
ประลอง และม่านพลังนั้นแข็งแกร่งยิ่ง
และระดับครึ่งเซียน จักรพรรดิยุทธ์ รวมถึงราชันยุทธ์ ต่างอยู่นอก
ม่านพลังเพื่อคุ้มกัน
แม้พวกเขาบาดเจ็บกันไปไม่ใช่น้อย ขณะนี้ปากไม่คิดพล่ามบ่น
เพราะพวกเขาบาดเจ็บ ทว่าอสูรเหล่านั้นตายตก!
ที่ลานกว้างในตำหนักเซียนดาบ ครึ่งเซียนกว่าสิบคนที่ติดพิษต่าง
กล้ำกลืนความขื่นขมต่อสู้กับชาวอสูร ทั้งลานกว้างตกสู่สถานการณ์
ทางการศึกรุนแรง
กว่าครึ่งของสิ่งปลูกสร้างในตำหนักเซียนดาบพังทลาย คลื่นพลังงาน
รุนแรงได้กวาดให้พื้นราบเตียน
และนี่ยังเป็นสำนักเซียนเดียวในประวัติศาสตร์ ที่ต้องประสบเหตุ
ร้ายแรงถึงเพียงนี้!
ไม่นานจากนั้น ทั้งลานกว้างค่อยกลับกลายเป็นสงบลง
เจี้ยนสือเทียนและครึ่งเซียนผู้อื่นต่างบาดเจ็บกันไปไม่ใช่น้อย
นอกจากนี้แล้ว พวกเขายังติดพิษ ดังนั้นจึงทำได้แต่ต้องเร่งรีบนั่งกับ
พื้นสะกดฤทธ์ิของพิษร้ายลงไป
ขอบเขตครึ่งเซียนถูกผนึกพลังส่วนใหญ่เอาไว้ พวกเขาตอนนี้อยู่
เพียงขอบเขตราชันยุทธ์ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะสะกด
พิษเหล่านี้เอาไว้ได้
หากพวกเขาปิดค่ายอาคม ฟื้นคืนพลังระดับครึ่งเซียน เช่นนั้น
สถานการณ์จะกลับกลาย
ทว่าเรื่องราวจะกลายเป็นอันตรายยิ่ง
เพราะยังมีกลุ่มคนทรยศเช่นหุบเขาเซียนโอสถและคณะทำตัวเป็น
พยัคฆ์ร้ายรอกลืนกินเหยื่อ พิษของพวกเขาถูกถอนกันไปแล้ว หาก
ทำให้ได้รับพลังระดับครึ่งเซียนกลับมา เช่นนั้นตำหนักเซียนดาบ
อาจถูกกวาดล้าง
เจี้ยนหลิงหลงมีแต่บาดแผลทั่วทั้งร่าง นางนั่งกับพื้นขณะเริ่มฟื้นคืน
พลัง
หลังฝุ่นควันเลือนหาย พื้นที่จึงค่อยกลับมามองเห็น ที่นั่น มีแต่ร่าง
ไร้ชีวิตของบรรดาผู้ฝึกตนอสูร ตูเทียนตี้ก็สิ้นชีพในการศึกตึงเครียด
เมื่อครู่นี้เช่นกัน
ผู้ฝึกตนดาบกล่าวได้ว่าเป็นตัวตนต่อต้านสวรรค์อย่างแท้จริง แม้ถูก
พิษ พวกเขาก็ยังสามารถใช้ดาบต้นกำเนิดเข้าทำการสังหารเข่นฆ่าผู้
ฝึกตนอสูรจำนวนมากได้
กระทั่งเจี้ยนหลิงหลง ยังสังหารผู้ฝึกตนอสูรครึ่งเซียนไปถึงสอง
ครึ่งเซียนหุบเขาเซียนโอสถเวลานี้ค่อยหัวเราะกล่าวคำออก “ฉินหยุน
เจ้าคงเป็นผู้ที่ลอบโจมตีเมื่อครู่ใช่หรือไม่? ช่างยอดเยี่ยมนัก เจ้าถึง
ขั้นพลิกกลับสถานการณ์ เป็นฝ่ายสังหารผู้แข็งแกร่งจากเขตแดนลึก
ล้ำอสูรอ้างว้าง!”
เจี้ยนสือเทียนและเปาเฉิงโฉ่วตื่นตะลึง พวกเขาไม่คาดคิด ว่าการระเบิด
ครั้งนั้นจะเกิดขึ้นเพราะฉินหยุน
พลังเหล่านั้นยอดเยี่ยม ทำร้ายบรรดาอสูรไปได้ไม่น้อย กระทั่งครึ่ง
เซียนอสูรยังต้องได้รับผลกระทบ
พวกเขายอมรับ ว่าการโจมตีอย่างกะทันหันของฉินหยุนเป็นการเปิด
โอกาสให้ตอบโต้ ทำให้พวกเขาสามารถกวาดล้างผู้ฝึกตนเต๋าอสูรได้
ในคราวเดียว
กระนั้น หุบเขาเซียนโอสถและราชันแคว้นมู่พร้อมคณะผู้ทรยศยังคง
อยู่!
ราชันแคว้นมู่หันมองทางเปาเฉิงโฉ่วพร้อมเผยยิ้มโฉดชั่ว “เจ้าผู้แซ่
เปา เจ้าครอบครองต้นกำเนิดเซียนถึงสาม สมควรทราบใช่หรือไม่ว่า
ขณะนี้ควรทำอะไร?”
ผู้คนของตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้าเริ่มตะโกน “ฉินหยุน
จงเร่งรีบปล่อยหลงเชี่ยนออกมา!”
หลงเชี่ยน เป็นเจี้ยนหลิงหลงลงมือสังหารไปเรียบร้อยแล้ว
ฉินหยุนยังคงหลบซ่อนในเงามืด เขาไม่คิดเผยตัวออกมา
หุบเขาเซียนโอสถ ขุนเขาเซียนอัคคีคราม ราชันแคว้นมู่ รวมถึงครึ่ง
เซียนผู้อื่นต่างยืนหยัดตรงหน้าเจี้ยนสือเทียนและคณะ พวกเขา
กระจายตัวสร้างเป็นวงล้อม
ครึ่งเซียนหุบเขาเซียนโอสถเผยเสียงเย็นเยือก “ฉินหยุน หากเจ้าคิด
อยากเห็นเปาเฉิงโฉ่วและครึ่งเซียนตำหนักเซียนดาบสิ้นชีพที่นี่
เช่นนั้นจงหลบซ่อนตัวต่อไป!”
“ฉินหยุน เร่งรีบไสหัวออกมา ไม่เช่นนั้นพวกเราจะสังหารตาเฒ่า
ครึ่งเซียนพวกนี้! เมื่อใดถึงเวลานั้น บาปกรรมของเจ้าจะดำเนินไป
อย่างไม่มีสิ้นสุด!” ราชันแคว้นมู่ตะโกนดัง
เจี้ยนสือเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมตะโกน “ฉินหยุน ไม่ว่าเกิด
อันใดขึ้นต่อพวกเรา เจ้าจงหลบซ่อนตัวต่อไป!”
“ตราบเท่าที่กำลังเสริมมาถึง พวกมันก็มีชะตาแต่ต้องตาย! พวกมัน
จากหุบเขาเซียนโอสถต่างเกลียดชังตำหนักเซียนดาบและนครเซียน
ยุทธภัณฑ์มาเนิ่นนาน นี่เป็นโอกาสดีที่พวกมันจะได้ใช้สะสางแค้น
และสังหารต่อพวกเรา!”
“ดังนั้นพวกมันย่อมไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย หากพวกมันไม่
สังหารพวกเรา เช่นนั้นภายหน้าพวกเราย่อมล้างแค้น จะอย่างไร
พวกเราก็ต้องตาย!”
เปาเฉิงโฉ่วถอนหายใจกล่าว “ฉินหยุน หากเจ้าเผยตัว จะไม่มีผู้ใด
ช่วยเหลือเจ้าได้อีก จงหลบซ่อนตัวต่อไป รอคอยจนกำลังเสริม
มาถึง! พวกเราจะหาทางถ่วงเวลาไว้!”
ครึ่งเซียนหุบเขาเซียนโอสถตะโกนเกรี้ยวกราด “หยุดพูดจาไร้สาระ!
ฉินหยุน จงเร่งรีบเสนอหน้าออกมา ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารเปาเฉิง
โฉ่วเป็นผู้แรก!”
“ตระกูลหลงจงฟัง หากเจ้ายังคิดอยากเห็นหน้าหลงเชี่ยน เช่นนั้นจง
ออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ไม่เช่นนั้น มันตาย!” เสียงฉินหยุนดังก้อง
เหนือฟากฟ้าลานกว้าง
ภายในม่านพลังลานประลองยุทธ์ ชี่เม่ยเหลียนที่ได้ยิน นางตื่นเต้น
ยินดี กระนั้นก็ยิ่งเป็นกังวล
ตระกูลหลงแคว้นมังกรทะยานฟ้าและแคว้นมหาดวงดาว ต่างยังมี
ราชันยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์มากมาย พวกเขาเป็นขั้วอำนาจใหญ่
หากพวกเขาจากไป เช่นนั้นจะเป็นการลดแรงกดดันของฉินหยุน
อย่างมหาศาล
ผู้คนตระกูลหลงทราบดีแก่ใจ ฉินหยุนเป็นตัวตนที่กล้าสังหารหลง
เชี่ยน เพราะก่อนหน้านี้เขาได้เคยทำเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน หลัง
หารือกันครู่หนึ่ง พวกเขาจึงค่อยตอบรับ
“พวกเราจะไม่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ และจะเพียงนิ่งเฉยรับชม!” ชาย
ชราตระกูลหลงกล่าวคำ
จากนั้น พวกเขาจึงสลายตัวกันไปตามมุมขอบของลานกว้าง
หลิงหยุนเอ๋อสบถเบา “พวกมันเหล่านี้คิดรับชมเรื่องราว หากเจี้ยน
สือเทียนและคนของหุบเขาเซียนโอสถสู้กันจนตาย เช่นนั้นตระกูล
หลงจะกลายเป็นผู้คว้าชิ้นปลามันที่สุดในตอนท้าย!”
“สังเวยครึ่งเซียนผู้หนึ่งแลกกับสามต้นกำเนิดเซียน พวกมันกล้าทำ
แน่!”
ขั้วอำนาจใหญ่ที่เหลือต่างคิดเช่นเดียวกันนี้
อำนาจที่หุบเขาเซียนโอสถถือครองตอนนี้มีไม่น้อย หากต้องแบ่งสัน
ปันส่วน พวกเขาจะกลายเป็นถูกบั่นทอนเหลือเล็กจ้อย โดยเฉพาะ
กับชิ้นปลามันที่สุดอย่างต้นกำเนิดเซียน และฉินหยุนที่ยังมีชีวิต
ครึ่งเซียนหุบเขาเซียนโอสถกลับกลายเป็นยอมอดกลั้น เดินเชื่องช้า
เข้าหาเปาเฉิงโฉ่ว เขาแค่นเสียงกล่าว “ฉินหยุน หากเจ้าไม่ออกมา
เช่นนั้นเปาเฉิงโฉ่วก็มีชะตาต้องตายที่นี่!”
“ข้ากำลังจะออกไปแล้ว!” ฉินหยุนกล่าวคำจบ ฉับพลันจึงปรากฏตัว
ด้านหลังเปาเฉิงโฉ่ว
ขณะเดียวกัน วัตถุขนาดใหญ่ยักษ์พลันเคลื่อนคล้อยลงจากฟากฟ้า
วัตถุชิ้นใหญ่นี้ คือจอมราชันดวงดาวอสูร!