Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 676 ไข่มุกพลังเต๋า
ตอนที่ 676 ไข่มุกพลังเต๋า
ฉินหยุนไม่คิดอะไรมากพลางกล่าว “ข้าไม่ทราบแน่ชัดว่าปัญหาอยู่ที่
ตรงไหน คิดว่าน่าจะต้องรู้แจ้งและเข้าใจก่อนจึงค่อยสามารถเปลี่ยน
จิตของข้าสู่จันทราได้!”
“ก็อาจเป็นเช่นนั้น หากเจ้าสามารถหาตัวหยางฉีเย่ว์ นางจะช่วยเจ้า
ได้เอง” ปิงชิงกล่าว “พลังจิตของเจ้าถึงอาการตีบตัน ข้าไม่อาจ
ช่วยเหลือเพิ่มเติมได้อีก การฝึกฝนร่วมคงต้องจบลงที่เท่านี้”
หลังจากพูดคุยกันเรียบร้อย แสงสว่างวูบจึงปรากฏต่อหน้าสายตาฉิน
หยุน เขากลับคืนสู่สระเซียนที่เขตแดนจินตภาพเซียนยุทธภัณฑ์แล้ว
ปิงชิงไม่อยู่ที่นี่ เป็นนางออกไปจากเขตแดนจินตภาพก่อน
ฉินหยุนเร่งรีบออกจากเขตแดนจินตภาพ ตื่นขึ้นในห้องตนเอง
“น่าเหลือเชื่อจริง ๆ เราเข้าไปยังห้วงความฝันของผู้อื่นจากเขตแดน
จินตภาพ เป็นความรู้สึกที่ชวนให้น่าทึ่งนัก!”
ฉินหยุนไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ยังคิดว่าเรื่องราวชวนน่าทึ่งอยู่ดี
“ลึกลงไปในใจนาง ปิงชิงยังคงเชื่อใจเจ้า นอกจากนี้ นางยังมีความรู้สึก
ให้แก่เจ้าอย่างลึกล้ำ!” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะ “เจ้าเล่า มีเจตนาคิดอยาก
ผลักนางกดลงกับพื้นบ้างหรือไม่? นางคือภูติดวงดาวตัวจริงเสียงจริง
เลยนะ!”
“อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระ!”
ฉินหยุนที่ลุกขึ้นจากที่นอน เขาจึงเร่งรีบไปชำระกาย จากนั้นค่อย
เปลี่ยนเป็นชุดสีน้ำเงิน มุ่งหน้าสู่ตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
เขาเร่งรีบเข้าสู่ภายใน ได้เห็นปิงชิงกำลังนั่งอยู่ข้างสระเซียน นาง
กำลังดูดกลืนพลังงานเซียนเพื่อฝึกฝน
ฉินหยุนก้าวเดินเข้าไปพร้อมยิ้มกล่าว “พี่สาวปิงชิง ท่านต้องการเม็ด
ยาพลังเซียนเก้าวิวัฒน์เลยหรือไม่?”
“ไม่จำเป็นแล้ว ข้าสามารถฝึกฝนร่วมกับเจ้า วิธีการนี้รวดเร็วกว่า!”
ปิงชิงกล่าว “พวกเราจะฝึกฝนร่วมกันในบรรทมเซียนตะวันจันทรา
พวกเราจะไม่ใช้บรรทมเซียนตะวันจันทราเพื่อเข้าสู่มิติกาลอวกาศ
ตะวันจันทรา แต่จะเพียงใช้บรรทมนั่นเพื่อทำให้ดูดกลืนพลังงาน
เซียนได้มากขึ้น”
“วิเศษ!”
ฉินหยุนรับคำยินดี เขาติดตามปิงชิง จมสู่ด้านล่างสระเซียน เข้าสู่
ภายในต้นกำเนิดเซียน และนั่งลงด้วยกันที่บรรทมเซียนตะวันจันทรา
“ข้าจะเริ่มแล้ว!” ปิงชิงยื่นมือของนางออกมา
ฉินหยุนคิดอยากฝึกฝนร่วมกับปิงชิงมาโดยตลอด เพื่อที่จะได้ดูดกลืน
พลังเซียนเก้าวิวัฒน์มาบำรุงเลี้ยงร่างกายได้มากขึ้น ตอนนี้ ในที่สุด
ความต้องการของเขาค่อยได้เป็นจริงแล้ว
ปิงชิงเริ่มใช้งานพระสูตรหัวใจตะวันจันทรา เข้าสู่สภาวะการฝึกฝน
ร่วมกับฉินหยุน
ฉินหยุนนึกย้อนถึงครั้งแรกที่ตนได้ดูดกลืนพลังต้นกำเนิดเซียน เขา
ไม่คาดคิด ว่าอัตราการดูดกลืนยามฝึกฝนร่วมนั้นจะเร็วได้มากขึ้นไป
อีกหลายเท่า
“นี่คือพลังงานเซียนที่พี่สาวปิงชิงชักนำมา พวกเจ้าทั้งสองฝึกฝนร่วม
ความเร็วมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เสี่ยวหยุน เจ้าควร
คว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ดี เมื่อใดนางฝึกฝนร่วมกับเจ้าสักชั่วระยะเวลา
หนึ่ง นางคงไม่คิดต่อต้านเจ้าอีก ถึงตอนนั้นค่อย… หึหึหึ”
“เจ้าเลิกพูดกล่าวเช่นนั้นได้แล้ว!”
ฉินหยุนสบถเบา เขาไม่ทราบเลยว่าตนเองมีวิญญาณเต๋าเช่นนี้ได้
อย่างไร นางเป็นภูติน้อยที่งดงาม กระนั้นกลับเอาแต่หยอกเย้าเรื่อง
เช่นนี้ต่อเขาไม่หยุดหย่อน
ฉินหยุนสัมผัสได้ ว่าพลังงานเซียนปริมาณมหาศาลได้ไหลหลั่งสู่ใน
กาย จากนั้นด้วยวิญญาณเทวะเก้าตะวัน เขาจะแปรเปลี่ยนพลังงาน
เซียน ให้กลายเป็นพลังเซียนเก้าวิวัฒน์อย่างรวดเร็ว ถัดจากนั้นพวก
มันจึงค่อยไหลไปยังร่างของปิงชิง และโคจรอยู่ภายในร่างกายของ
นาง
ทุกครั้งที่มีการถ่ายเท พลังเซียนเก้าวิวัฒน์จะเพิ่มพูนมากขึ้น คุณภาพ
ของมันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะหลังโคจรภายในร่างกายของปิง
ชิง มันจะนำพามาซึ่งพลังงานเซียนแข็งแกร่งปริมาณมากเพื่อหล่อ
เลี้ยงร่างกายฉินหยุน
การฝึกฝนร่วมในโลกแห่งความจริง พวกเขาต้องมีความสัมพันธ์ต่อ
กันอย่างใกล้ชิด พวกเขาจะรับรู้ถึงหัวใจที่เต้นอยู่ของอีกฝ่าย นับเป็น
ความงดงามประการหนึ่งของวิชานี้
หลังจากฉินหยุนและปิงชิงได้ฝึกฝนร่วมกันอยู่หลายวัน ทั้งสองต่าง
ได้ตระหนักว่าสิ่งที่ได้รับช่างมากมายนัก
“หากเป็นแบบนี้ต่อไป อีกไม่นานเจ้าก็สามารถฝึกฝนร่างเซียนได้!”
ปิงชิงยังสัมผัสได้ ถึงผลประโยชน์ที่นางได้รับจากพลังเซียนเก้า
วิวัฒน์ ดังนั้นนี่จึงถือเป็นผลประโยชน์ที่ได้รับต่อกันทั้งสองฝ่าย
“ได้เวลาที่ข้าจะต้องไปเข้าร่วมงานประลองยุทธ์แล้ว!” ฉินหยุนเผย
ยิ้มยินดีกล่าวคำ
ปิงชิงนำฉินหยุนออกจากต้นกำเนิดเซียนสู่เบื้องบน
“พี่สาวปิงชิง ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วอย่างแน่นอน ไม่นานจากนั้น
ข้าจะไปยังแดนเซียนอ้างว้างเพื่อช่วยเหลือท่านค้นหาดาวดวงนั้น!”
ฉินหยุนกล่าวออกด้วยสีหน้าที่เด็ดเดี่ยว
“ไม่จำเป็น เจ้าเพียงดูแลตนเองให้ดีก็พอแล้ว!” ปิงชิงกล่าวเสียงเย็น
ฉินหยุนไม่ตอบกลับใดอีก เขาเพียงหันกายกลับและเดินออกไปยัง
ประตู
ปิงชิงมองที่แผ่นหลังของฉินหยุนด้วยสีหน้าซับซ้อน จากนั้นนางจึง
ถอนหายใจเสียงเบาออกมา
ฉินหยุนเมื่อออกจากตำหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์แล้ว เขาจึง
เร่งรีบมุ่งหน้าไปยังหอใหญ่ของหอพิทักษ์กฎ
ศิษย์หลายคนของหอพิทักษ์กฎต่างอยู่ที่นี่ ความแข็งแกร่งของพวก
เขา ต่างอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลางและระดับสูง
เมื่อมาถึง เขาจึงได้เห็นเจี้ยนรั่วหยาน เย่ว์ผูเฟิง และหลงเฉียวเฟิง
“พวกเจ้า… เลื่อนระดับพลังแล้ว?” ฉินหยุนมองที่เจี้ยนรั่วหยานและ
คณะพร้อมเผยอาการตื่นตกใจ
“แต่เจ้ายังไม่!” เจี้ยนรั่วหยานตื่นตะลึง “ไม่ใช่ว่าเจ้ามีเม็ดยาลึกล้ำ
วิญญาณต้นกำเนิดและแก่นเต๋าดวงดาวมากมายหรือไร?”
แม่เฒ่าหม่าและเปาเฉิงโฉ่วอยู่ที่นี่เช่นกัน พวกเขาต่างสัมผัสได้ ว่า
ฉินหยุนยังอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น เรื่องนี้ทำเอาพวกเขา
รู้สึกแปลกใจไม่ใช่น้อย
หากเขาก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง และฝึกฝนวิญญาณ
ต้นกำเนิดได้ อย่างนั้นออร่าต้องมีร่องรอยของพลังงานจากวิญญาณ
ต้นกำเนิด
“พลังจิตที่ข้าฝึกฝนค่อนข้างพิเศษ!” ฉินหยุนถอนหายใจกล่าวตอบ
“ด้วยเหตุนี้ ข้าก็ยังคงเป็นเช่นเดิม! พวกเจ้าบอกข้าว่าอย่าได้แปร
เปลี่ยนจิตสู่จันทรา และขณะนี้ข้าพบว่ามันเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะเลื่อน
ระดับพลังได้!”
เปาเฉิงโฉ่วกล่าว “ฉินหยุน พิจารณาให้ดีอีกครั้ง หากเจ้าทำลายพลัง
จิตที่ฝึกฝนตอนนี้ ด้วยท่านผู้อาวุโสสูงสุดช่วยเหลือ เจ้าจะสามารถ
สร้างพลังจิตขึ้นใหม่ได้อย่างปลอดภัยและมั่นคง!”
“ข้าขอปฏิเสธ!” ฉินหยุนกล่าว
“ฉินหยุน เจ้ามั่นใจหรือว่าสามารถต้านทานการรุกรานของพลังหยิน
ชั่วร้ายได้?” เจี้ยนรั่วหยานเกิดกังวลห่วงหาขึ้นมา
“แน่นอน ข้ามั่นใจ!” ฉินหยุนยิ้มตอบ “จริงด้วย แล้วเรื่องงานประลอง
ยุทธ์เล่า?”
แม่เฒ่าหม่ากล่าว “กฎมีการเปลี่ยนแปลง พวกเขากล่าวว่าศิษย์ขอบเขต
วรยุทธ์วิญญาณระดับต้นจำนวนมากตกตาย ดังนั้นศิษย์ที่อยู่ระดับ
กลางและระดับสูงจึงสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้!”
“อย่างนั้นไม่ใช่ทำข้าเสียเปรียบหรือ?” ฉินหยุนคิ้วขมวดกล่าวคำ
“ฉินหยุน อย่าได้ห่วงไป! ข้าจะเอาชนะพี่หู่และคว้าเอาอันดับหนึ่งมา
แทนเจ้าเอง!” เจี้ยนรั่วหยานตบไหล่ฉินหยุนพร้อมกล่าว “จาก
สถานการณ์ตอนนี้ ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่มีคุณสมบัติพอเป็นตัวแทนแก่
นครเซียนยุทธภัณฑ์เพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน!”
ฉินหยุนหันมองทางบรรดาศิษย์ที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับ
กลางและสูงพลางแค่นเสียงกล่าวคำ “ล้อข้าเล่นหรือ? แม้ข้าอยู่
ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้น ข้าก็ยังสามารถสังหารศิษย์ร่างเซียน
ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูงได้ อย่างนั้นข้าจะไม่เหมาะสมเป็น
ตัวแทนนครเซียนยุทธภัณฑ์ได้อย่างไร?”
“แต่ศิษย์ร่างเซียนเหล่านั้นหาได้แข็งแกร่งไม่! สาเหตุที่ข้าพ่ายแพ้ต่อ
ศิษย์ร่างเซียนก็เพราะขาดความระวัง ไม่อย่างนั้นแล้ว ข้าย่อมต้อง
เอาชนะศิษย์ร่างเซียนได้เช่นกัน!” เจี้ยนรั่วหยานแค่นเสียงเบา
แม่เฒ่าหม่ากล่าว “ฉินหยุน เจ้าไม่ต้องกังวลไป ตราบเท่าที่ผ่านการ
ทดสอบของพวกเรา เจ้ายังสามารถขึ้นสู้ได้!”
บรรดาศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลางและสูงของหอพิทักษ์
กฎ พวกเขาภาคภูมิในตนเองอย่างถึงที่สุด พวกเขารู้สึกว่าแม้เป็น
เจี้ยนรั่วหยาน ก็ยังไม่มีทางเอาชนะพวกเขาได้
“ตำแหน่งมีเพียงสี่!” แม่เฒ่าหม่ากล่าว “วิธีการทดสอบง่ายดาย มัน
เป็นการทดสอบโดยรวม!”
ฉินหยุนค่อนข้างมั่นใจ
“การทดสอบแรกคือพลังเต๋า! เป็นการตรวจหาความแข็งแกร่งพลัง
เต๋าของเจ้า!” แม่เฒ่าหม่านำไข่มุกออกมา มันดูอ่อนนุ่มและยืดหยุ่น
“หากเจ้าบีบไข่มุกนี้อย่างแรง เจ้าจะสามารถทำให้มันเปล่งสีออกมา
ได้สี่สี มีสีน้ำเงิน สีเงิน สีทอง และสีม่วง อย่างน้อยต้องได้แสงสีทอง
จึงผ่านการทดสอบ!” แม่เฒ่าหม่ากล่าว
ที่แห่งนี้มีศิษย์ห้าสิบคนรอคอยการทดสอบ พวกเขาต่างเป็นศิษย์ที่
ยอดเยี่ยมซึ่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลางและสูง และยัง
เป็นคนของหอพิทักษ์กฎ
พวกเขาเริ่มตั้งแถวกันเข้าไปบีบไข่มุกกันทีละคน
ฉินหยุนพบว่าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลางเหล่านี้ ไม่ต่าง
อะไรกับเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม พวกเขาทำได้เพียงแค่ให้แสงสีเงิน
สว่างออกมา
ศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูงที่พยายามบีบอย่างแรง จึงค่อย
ทำให้ไข่มุกส่องแสงสีทองออกมาได้
ศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลางกว่าสามสิบคนถูกคัดออก!
ในที่สุดจึงค่อยถึงคราวเจี้ยนรั่วหยาน นางคว้าที่ไข่มุก เผยเสียงเบา
จากริมฝีปาก จากนั้นจึงปลดปล่อยพลังเต๋าแรกเริ่มสู่ฝ่ามือ พร้อมบีบ
อย่างรุนแรงที่ไข่มุกดังกล่าว
ไม่ช้า ไข่มุกได้แปรเปลี่ยนเป็นสีเงิน จากนั้นทีละน้อย มันค่อยเผยสี
ทองออกมา แสงสีทองสุกสว่างในที่สุดค่อยปรากฏโดยไม่อ่อนด้อย
ไปกว่าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูงเหล่านั้น!
“เจี้ยนรั่วหยานผ่านการทดสอบแรก!” แม่เฒ่าหม่ากล่าวด้วยอาการ
พึงพอใจ
ใบหน้าเจี้ยนรั่วหยานเผยความภาคภูมิ นางไม่ลืมหันกลับมายิ้มให้
ฉินหยุนอย่างพึงพอใจ
บรรดาศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลางต่างรู้สึกอับอาย
เพราะเจี้ยนรั่วหยานเพิ่งเลื่อนระดับพลังมา กระนั้นพลังเต๋าของนาง
กลับไม่อ่อนด้อยไปกว่าพวกเขา!
ถัดจากนั้นจึงเป็นคราวของหลงเฉียวเฟิงและเย่ว์ผูเฟิง แม้พวกเขาเพิ่ง
เลื่อนระดับพลังมาได้ ก็ยังสามารถทำให้ไข่มุกเปล่งแสงสีทองออกมา
กระนั้นระดับความสว่างออกจะด้อยกว่าเจี้ยนรั่วหยาน
“ถึงคราวข้าแล้ว!” ฉินหยุนม้วนแขนเสื้อขึ้นพร้อมหัวเราะเบา “ไม่
น่าจะยากอะไร!”
“ฉินหยุน จริงจังหน่อย นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ข้ายังเกือบทำกระดูกหัก
เพราะออกแรงบีบ!” เจี้ยนรั่วหยานแค่นเสียงบอกออกมา
“ไม่ง่ายเลยสักนิด!” ใบหน้าของเย่ว์ผูเฟิงยังคงซีดเซียว เมื่อครู่เขาทุ่ม
สุดแรงและระเบิดออกไปในคราวเดียว ยังทำได้เพียงแค่ให้มันส่อง
แสงสีทองอ่อนจางออกมา
ฉินหยุนเบ้ปากกล่าว “จะอย่างไรข้าก็สังหารศิษย์ร่างเซียนไปไม่ใช่
หรือ? บางทีอาจทำไข่มุกนี้แตกก็ได้!”
เจี้ยนรั่วหยานเผยสีหน้าไม่คิดเชื่อ “เจ้าเพียงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ
ระดับต้น แข็งแกร่งก็ใช่ แต่ไม่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น อย่างดีก็ได้เท่า
ข้าที่ทำให้ส่องแสงสว่างสีทอง!”
“หากข้าบีบไข่มุกนี้ให้กลายเป็นสีม่วง เจ้าต้องเรียกข้าพี่หยุนนับแต่นี้
รวมทั้งเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ค่อนขอดข้าอีก!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“หากเจ้าทำได้จริง ข้าจะยอมทำตามที่ว่า!” เจี้ยนรั่วหยานยังไม่ยอมรับ
นางไม่เชื่อว่าฉินหยุนจะบีบไข่มุกจนแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงได้
ฉินหยุนคว้าไข่มุกเอาไว้พร้อมพ่นลมออกจมูก จากนั้นเขาจึงปล่อย
พลังภายในกระดูกวิญญาณ ควบแน่นเป็นพลังเต๋าแรกเริ่มเก้าสมบูรณ์
อันแกร่งกล้า
ร่างกายของเขาพลันระเบิดซึ่งออร่า พลังกระจายพัดทั่วทั้งภายใน
ห้องโถง
ไข่มุกดังกล่าว ทันทีได้แปรเปลี่ยนเป็นสีทอง จากนั้น มันค่อยแปร
เปลี่ยนเป็นสีม่วง เพียงไม่นาน มันจึงส่องแสงสว่างสีม่วงสุกสว่าง
ออกมา
เส้นผมผู้คนต่างต้องยุ่งเหยิงเพราะแรงพัดพาเมื่อครู่ พวกเขาเวลานี้ยัง
ต้องถลึงตาจับต้องไข่มุกสีม่วงอย่างไม่อาจวางตา!
พลังเต๋าของฉินหยุน ถึงขั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าบรรดาขอบเขตวรยุทธ์
วิญญาณระดับสูง!
บรรดาศิษย์ที่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูง ต่างรู้สึกกันว่าพวก
ตนฝึกฝนไปอย่างไร้ค่าก็ไม่ปาน
“ฉินหยุน พอได้แล้ว!” แม่เฒ่าหม่าเร่งรีบตะโกน “ไข่มุกนั่นแพงล้ำ
และไม่ง่ายสร้างมันขึ้นมา!”
ฉินหยุนจึงหยุดที่เพียงเท่านี้
“โชคดีนักที่ยังไม่แตก!” แม่เฒ่าหม่าเร่งรีบเข้ามาตรวจสอบสภาพ
ไข่มุก
ฉินหยุนปาดเช็ดจมูกตนเองพลางหันมองที่เจี้ยนรั่วหยาน เขายิ้ม
กล่าว “น้องหยาน พี่หยุนของเจ้าแข็งแกร่งหรือไม่?”
“เจ้า… เจ้าคนโรคจิตวิปริต!” เจี้ยนรั่วหยานหน้าแดงก่ำ นางเชื่อว่า
ตนเองสามารถเอาชนะฉินหยุนได้หลังก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ
ระดับกลาง
กระนั้นนางกลับไม่คาดคิด ว่านางจะต้องพ่ายแพ้ก่อนทันได้ประมือ
กันจริงเสียอีก!