Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 517 เมฆนํ้าค้างแข็งและหลิวจันทรา
ตอนที่ 517 เมฆนํ้าค้างแข็งและหลิวจันทรา
ฉินหยุนนําเอาเขาหมาป่ าออกมาหลายสิบ
ได้รับชมเขาเหล่านี้ เย่ว์อู่หลันเผยความประหลาดใจไม่น้อย
“เขาของหมาป่ าเขาปี ศาจมีความแข็งยิ่ง มันมักจะนําไปใช้เพื่อสร้าง
อุปกรณ์ลึกลํ้า!”
“สิ่งนี้เป็นเขาของสัตว์ลึกลํ้า และนี่ถือเป็นส่วนที่แข็งที่สุดของร่าง
หมาป่ าเขาปี ศาจแล้ว!”
“เพราะเหตุนั้นข้าจึงเก็บพวกมันมากกว่าสิบไว้กับตัว”
ฉินหยุนยิ้มกล่าว เขามีพิมพ์เขียวกระบี่ลึกลํ้าในครอบครอง ดังนั้นจึง
มีความคิดโดยคร่าวว่าสามารถสร้างอุปกรณ์ลึกลํ้าขึ้นได้อย่างไร
“วัสดุสําหรับสร้างอุปกรณ์ลึกลํ้าหรือ? เสี่ยวหยุน อย่างนั้นแล้ว…
เหตุใดมันจึงเป็นอาวุธวิญญาณระดับราชัน?”
นางไม่ทราบเรื่องการสร้างวัตถุ
“กระบี่ที่ข้าคิดสร้างขึ้นให้พวกท่าน มันมีร่างเป็นอุปกรณ์ลึกลํ้า
ระดับต้น ทว่า การฝึกฝนของข้ายังตํ่า ดังนั้นจึงไม่อาจแกะสลักผัง
จารึกลึกลํ้าระดับสูงได้ ทําให้ไม่อาจสร้างอุปกรณ์ลึกลํ้าด้วยตัวเอง”
ฉินหยุนเคยสร้างอุปกรณ์ลึกลํ้า ทว่านั่นเพราะมีสื่อชิงเฉิงช่วยเหลือ
นอกจากนี้ อุปกรณ์ลึกลํ้านั่นยังไม่ใช่ผลงานที่สมบูรณ์พร้อม
มีแต่เขาต้องเข้าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณจึงสามารถทําได้!
สําหรับเขาที่เพิ่งก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า ขอบเขตวรยุทธ์
วิญญาณยังถือเป็ นเรื่องไกลห่าง
“เมื่อข้าก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ข้าจะสามารถลบอักขระ
วิญญาณที่ตัววัตถุ และแกะสลักอักขระลึกลํ้าเข้าแทนที่ เมื่อนั้นมัน
จะกลายเป็นอุปกรณ์ลึกลํ้า!”
ฉินหยุนนําเอาเหล็กกล้าหยวนลึกลํ้าออกมา และเริ่มกระบวนการ
จัดแจงวัสดุ
แต่แรก เทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลันเพียงเชื่อว่าฉินหยุนเป็นอาจารย์
จารึกในระดับเล็กน้อย
ครานี้ เมื่อพวกนางได้เห็นฉินหยุนครอบครองวัสดุจํานวนมาก พวก
นางจึงไร้ทางเลือกอื่น มีแต่ต้องเชื่อเท่านั้น
“เสี่ยวหยุน ข้ามีชิ้นเหล็กกล้านํ้าแข็งลึกลํ้าอยู่ สามารถใช้มันขัดเกลา
กระบี่ได้หรือไม่?”
เทียนรั่วเหลิงนําเอาเหล็กกล้านํ้าแข็งลึกลํ้าสีขาวหิมะออกจากกระเป๋ า
ขนาดของมันประมาณครึ่งตัวคน
“ย่อมได้!” ฉินหยุนพยักหน้ายิ้มรับ “เมื่อใดที่มันเสร็จ ตัวกระบี่จะ
กลายเป็นสีขาว!”
“เสี่ยวหยุน ข้าเองก็มีวัสดุอยู่!” เย่ว์อู่หลันส่งมอบก้อนหินสีเงินขนาด
ใหญ่แก่ฉินหยุน “สิ่งนี้เรียกว่าศิลาวงกตลึกลํ้า! ข้าไม่ทราบว่ามัน
เอาไว้ใช้ทําอะไร แต่มีคนเคยบอกว่าเอาไว้ใช้สําหรับการหลอม!”
“ตกลง ข้าจะช่วยพวกท่านทั้งสองขัดเกลาอาวุธขึ้นมาเอง!” ฉินหยุน
รับวัสดุทั้งสองมา
จากนั้น เขาจึงสอบถามถึงรูปร่างกระบี่ รวมถึงความต้องการอื่น
เย่ว์อู่หลันต้องการกระบี่ยาว ตัวกระบี่กว้างราวสองนิ้วคน แม้ว่าตัว
กระบี่ค่อนข้างเพรียวบาง แต่มันกลับหนักอึ้ง หากนําไปชั่ง สมควร
หนักสักหนึ่งหมื่นจิน!
สําหรับกระบี่ที่เทียนรั่วเหลิงต้องการ มันเป็นกระบี่ยาวสูงประมาณ
ตัวนาง ตัวกระบี่จะใหญ่ราวฝ่ ามือ ด้านหลังของกระบี่มีความหนายิ่ง
กว่าด้านหน้า และตัวกระบี่จะหนักกว่าหนึ่งหมื่นจิน
ความต้องการทั้งสองต่างคล้ายกัน นั่นก็คือนํ้าหนักที่ค่อนข้างมาก
ทว่า ความแตกต่างของตัวกระบี่ทั้งสองเรียกได้ว่ามากมายนัก
เพื่อเพิ่มนํ้าหนัก ฉินหยุนจําเป็นต้องใช้เหล็กกล้าหยวนลึกลํ้า และ
เหล็กมวลหนักลึกลํ้า
เทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน ทั้งสองย่อมมีเงินติดตัวอยู่ในบัตรผลึก
ม่วง ดังนั้นจึงสามารถทําการซื้อวัสดุโดยตรงจากตลาดของหอขุนเขา
ดาบกระบี่
วัสดุที่พวกนางเลือกซื้อ ทั้งหมดมีคุณภาพเบื้องต้น สาเหตุก็เพราะ
ราคาที่ถูกมาก
สาเหตุว่าทําไมเหล็กมวลหนักลึกลํ้า และเหล็กกล้าหยวนลึกลํ้าอยู่
ระดับต้น ก็เพราะพวกมันสามารถนํามาผ่านกระบวนการขัดเกลาให้
บริสุทธิ์ได้
ตราบเท่าที่ทําการหลอมให้ดี ส่วนที่ไม่บริสุทธิ์จะถูกกําจัดผ่านขั้นตอน
การขัดเกลา
หากเป็นก่อนหน้า ฉินหยุนจะไม่มีทางสร้างร่างต้นของอุปกรณ์ลึกลํ้า
ขึ้นมาได้
แต่ ณ เวลานี้ เขาครอบครองค้อนเทวะเก้าตะวัน!
เมื่อทําการหลอมวัสดุด้วยค้อนเทวะเก้าตะวัน มันจะทําให้เขาสามารถ
ประสบความสําเร็จสองเท่า ด้วยการลงแรงเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น!
นอกจากนี้ พลังอํานาจที่ปลดปล่อยออกจากค้อนเทวะเก้าตะวัน มัน
ยังส่งเสริมคุณภาพของวัสดุอย่างยิ่งยวด
ฉินหยุนค้นพบหลังจากที่สร้างยันต์ด้วยค้อนเทวะเก้าตะวัน อํานาจ
ของแผ่นยันต์ มันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ช่วงกลางวัน เต๋าฟานจะสอนสั่งฉินหยุน เทียนรั่วเหลิง และเย่ว์อู่หลัน
อย่างตั้งใจ
พวกเขาได้รับการชี้แนะวิธีการฝึกฝนจิต เพื่อสําหรับใช้ในเคล็ดวิชา
กระบี่พื้นฐาน สําหรับนําไปฝึกฝนวิชากระบี่ต่อไปในภายหน้า
ผ่านไปหลายวัน ฉินหยุนค่อยทราบเรื่องราวของการแข่งขันดาบ
กระบี่บุกโจมตีและตั้งรับ
ช่วงเดือนแรก สถาบันกระบี่ระดับต้นทั้งหมดจะตั้งป้องกัน
สถาบันดาบระดับต้นทั้งหมด จะรับหน้าที่ในการบุกรุกโจมตีสถาบัน
กระบี่!
หากสถาบันกระบี่ป้องกันได้สําเร็จ ก็เท่ากับได้รับแต้มไปครอง
หากสถาบันดาบไม่อาจจัดการศิษย์ทั้งหมดของฝ่ ายป้องกัน ก็เท่ากับ
พวกเขาพ่ายแพ้ แต้มของพวกเขาจะถูกลดทอน
หากสถาบันระดับต้นประสบความสําเร็จในการป้องกันสถาบันระดับ
เท่าเทียมกัน เช่นนั้นพวกเขาจะได้รับแต้มในปริมาณสองเท่า
หากสําเร็จการป้องกันสถาบัน จะได้รับสี่แต้ม
หากสถาบันทั้งบุกโจมตีและตั้งรับได้สําเร็จ ก็เท่ากับได้รับแปดแต้ม!
ทุกลานกว้าง จะมีสังเวียนขนาดหลายสิบเมตรปกคลุมด้วยอาคม
วิญญาณ เพื่อไว้ใช้สําหรับการบุกโจมตีและตั้งรับ!
สถาบันดาบมีโอกาสสองครั้งเพื่อเข้าโจมตีสถาบันกระบี่ระดับเดียวกัน
หากพวกเขาโจมตีสถาบันกระบี่ที่ระดับตํ่ากว่า เช่นนั้นพวกเขาอย่าง
มากชนะก็ได้เพียงหนึ่งแต้ม
สถาบันกระบี่ระดับต้นหากพ่ายแพ้ต่อสถาบันดาบระดับสูง พวกเขา
จะไม่เสียแต้มใด
ผลลัพธ์ที่ได้ สถาบันระดับสูง มักจะไม่เลือกโจมตีสถาบันระดับต้น
เพราะสามารถโจมตีได้วันละสองครั้ง พวกเขาย่อมต้องเลือกโจมตี
สถาบันที่สามารถมอบแต้มให้ได้มากที่สุดเข้าไว้
ในเดือนที่สองจะเป็นทางตรงกันข้าม สถาบันกระบี่จะเป็นฝ่ ายบุก
โจมตี และสถาบันดาบจะเป็นฝ่ ายตั้งรับ!
ทางฝ่ ายบุกโจมตี หากเลือกข้ามระดับเพื่อบุกโจมตี พวกเขาจะยิ่ง
ได้รับแต้มมากขึ้น
ทว่า สถาบันระดับสูงย่อมต้องแข็งแกร่งเป็ นเรื่องปกติ
สถาบันระดับต้นคิดชนะเหนือสถาบันระดับสูง ถือเป็ นเรื่องยากยิ่ง
สิบวันผ่านพ้นรวดเร็ว กระบี่ของทั้งเทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน ขณะนี้
ขัดเกลาจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ฉินหยุนกระทั่งสร้างชุดเกราะอ่อนด้วยอักขระแสงสองชุด
พวกมันครอบครองคุณสมบัติ ทั้งการป้องกันและรักษา
เทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน ช่วงกลางคืนพวกนางเองก็มาช่วยเขาทํา
การหลอมสร้างเช่นกัน
พวกนางได้เป็นประจักษ์พยาน ถึงการกําเนิดของอุปกรณ์วิญญาณ
ระดับราชัน ดังนั้นพวกนางจึงเชื่ออย่างหมดใจ ว่าฉินหยุนคืออาจารย์
จารึกวิญญาณระดับราชัน!
แม้พวกนางไม่ทราบเรื่องวิถีจารึกแห่งเต๋ามากนัก แต่พวกนางก็กล้า
บอก ว่าระดับอาจารย์จารึกของฉินหยุน แม้เทียบเคียงระดับเดียวกัน
ก็ยังสูงลํ้ากว่าผู้อื่น
นั่นก็เพราะฉินหยุน ใช้เวลาในการสร้างอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน
เพียงไม่นาน
พวกมันทั้งสอง ถูกขัดเกลาขึ้นจนสําเร็จภายในสิบวัน และทั้งสอง
ชิ้นงาน ล้วนเป็นงานคุณภาพสูงลํ้าทั้งสิ้น!
เทียนรั่วเหลิงยืนในห้องลับ ถือกระบี่ขาวราวหิมะที่สูงทัดเทียมนาง
เอาไว้ พลางเริ่มทําการรํากระบี่
“กระบี่นี้คล้ายเชื่อมต่อกับเลือดและเนื้อของข้า พลังที่ข้าสามารถ
ปลดปล่อยผ่านมัน กระทั่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อใช้งานอุปกรณ์เต๋า!”
เทียนรั่วเหลิงกระชับด้ามกระบี่แน่น นํ้าเสียงของนางเจือปนด้วย
ความตื่นเต้นยินดี
“น้องหยุน! เจ้าช่างเป็นอาจารย์จารึกอัจฉริยะยิ่งนัก! วิถีจารึกแห่งเต๋า
ของเจ้า ถึงขั้นเหนือลํ้าห่างไกลยิ่งกว่าฝีมือการต่อสู้!”
เย่ว์อู่หลันกําลังถือกระบี่สีเงินในมือ สีหน้าบ่งบอกชัดเจนถึงความ
อิ่มเอม
ที่ตื่นเต้นที่สุดอย่างไรแล้วก็เป็ นเย่ว์อู่หลัน นางคาดหวังได้ครอบครอง
อาวุธทรงพลังมานานยิ่งนักแล้ว
ครานี้นางค่อยได้ประสบผลดังที่คาดหวัง ถึงขั้นกอดฉินหยุนด้วย
ความยินดี กระทั่งจูบที่ใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ ายด้วยซํ้า
เทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน เคยหารือกันถึงพื้นเพดั้งเดิมของฉินหยุน
เป็นการส่วนตัว
พวกนางไม่ถามออกไป ดังนั้นจึงได้แต่ทราบว่าฉินหยุนไม่คิดเปิ ดเผย
อดีตออกมา
“ตั้งชื่อให้พวกมัน!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง
“กระบี่เมฆนํ้าค้างแข็ง!” เทียนรั่วเหลิงคิดนามของกระบี่ออกมาอย่าง
รวดเร็ว
“ข้าตั้งชื่อมันว่ากระบี่หลิวจันทรา!” เย่ว์อู่หลันยินดีล้นพ้น นางขณะนี้
กําลังรํากระบี่ไปรอบ
ฉินหยุนมองการรํากระบี่งดงามของนาง ฉับพลันนึกถึงคําหนึ่ง
ขึ้นมาได้ “ภายใต้แสงจันทร์ โลหิตล้นทะลักราวคลื่นยักษ์ถาโถม!”
หญิงสาวที่มีตัวตนอันซับซ้อนดังเช่นเย่ว์อู่หลัน ย่อมเหมาะสมกับคํา
กล่าวนี้
“ในการแข่งขันบุกโจมตีตั้งรับ พวกเราสามารถใช้งานอาวุธ แต่มัน
จะต้องเป็นอุปกรณ์ตํ่ากว่าระดับลึกลํ้า!”
ใบหน้าขาวนวลของเย่ว์อู่หลันยังประดับรอยยิ้มไม่ขาด “เสี่ยวหยุน
กระบี่ของพวกเราไม่ใช่อุปกรณ์ลึกลํ้าหรือ?”
“ในเมื่อไม่มีผังจารึกลึกลํ้า ดังนั้นจึงไม่อาจนับว่าเป็น!” ฉินหยุนยิ้ม
กล่าว “กระบี่ทั้งสองยังครอบครองความสามารถพิเศษ เมื่อใดต่อสู้
เมื่อนั้นจะสามารถดูดกลืนพลังภายในของผู้อื่น มาเพื่อทําการหล่อ
เลี้ยงพลังที่เจ้าของกระบี่ใช้งานออกไปได้!”
“มันสามารถดูดกลืนได้เมื่อสัมผัสกับอาวุธของผู้อื่น หรือไม่ก็แทง
ทะลุร่างของผู้อื่น!”
สาเหตุว่าทําไมพวกมันมีความสามารถเช่นนี้ ก็เพราะฉินหยุนได้
แกะสลักอักขระดวงดาวพิเศษในตัวกระบี่ พวกมันถูกเรียกขานว่า
เป็นอักขระดวงดาวดูดกลืนต้นกําเนิด
“สวรรค์!” ใบหน้างดงามของเทียนรั่วเหลิง ถึงกับเผยออกซึ่งความ
ประหลาดใจพร้อมกล่าว “น้องหยุน ด้วยระดับการจารึกนี้ของเจ้า
คิดเข้าร่วมห้าสํานักเซียนที่ยิ่งใหญ่ ยังไม่น่ามีปัญหาอันใดด้วยซํ้า!”
“เสี่ยวหยุน เจ้าแท้จริงกลับคิดไปเป็นคนสวนโอสถ นี่ออกจะเป็น
การละทิ้งพรสวรรค์ที่มีเกินไปแล้ว!” เย่ว์อู่หลันเร่งรีบพยักหน้ารับ
เห็นด้วย
ฉินหยุนเพียงยิ้มรับและส่ายศีรษะ ก่อนจะนําเอามีดบินออกมาห้าเล่ม
มีดบินเหล่านี้ ทั้งหมดขัดเกลาขึ้นจากแก่นวิญญาณระดับลึกลํ้า พวก
มันนับเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับราชันที่แกร่งกล้า
เขาใช้พลังจิตอันแข็งแกร่งของตนเอง รวมเข้ากับเคล็ดวิชาเทวะ
ควบคุม เพื่อสร้างเสริมให้มีดบินเหล่านี้ทรงอํานาจมากขึ้น
“พี่สาวรอง กระบี่ของท่านสามารถปลดปล่อยพลังที่สามารถชะงักงัน
คู่ต่อสู้ได้ แต่หากคิดใช้งาน ก็จําเป็นต้องสร้างความคุ้นเคยกับตัวอาวุธ
เสียก่อน!”
ที่สามารถทําได้ ก็เพราะพลังของศิลาลึกลํ้าสับสน
ฉินหยุนยังมีอักขระลึกลํ้าสับสน หากเขาแกะสลักอักขระลึกลํ้าสับสน
ในภายหน้า ผลของการทําให้คู่ต่อสู้มึนงง จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น
ฉินหยุนมองทางเทียนรั่วเหลิงและกล่าว “พี่สาวใหญ่ กระบี่เมฆนํ้าค้าง
แข็งของท่านสร้างขึ้นจากเหล็กกล้านํ้าแข็งลึกลํ้า มันค่อนข้างมี
ประโยชน์ยิ่งหากท่านปลดปล่อยพลังเยือกแข็งออกมา ภายหน้าให้
คุ้นเคยทําความเข้าใจกับมันให้ดี เช่นนั้นมันจะสามารถปลดปล่อย
พลังเยือกแข็งแรงกล้าออกมาได้”
ทั้งเทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน ขณะนี้ค่อยได้มีประสบการณ์ในการ
ครอบครองอาวุธปรับแต่งเฉพาะบุคคล ว่ามันแข็งแกร่งเพียงใด
นี่จริงเป็นอีกสาเหตุ ว่าทําไมอาจารย์จารึกจึงได้รับความเคารพอย่าง
สูงลํ้า!
ที่ภายนอก เต๋าฟานร้องตะโกนดัง “พวกเจ้าทั้งสามเร่งรีบออกมา ข้า
มีเรื่องบอกกล่าว!”
เทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน ต่างเร่งรีบเก็บกระบี่ของตน พร้อมก้าว
เดินออกจากห้องลับพร้อมฉินหยุนสู่ภายนอก
“วันพรุ่งนี้จะเริ่มการแข่งขันบุกโจมตีและตั้งรับแล้ว! กฎกลับกลายเป็น
เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน เดิมฝ่ ายตั้งรับสามารถต่อสู้สวนกลับได้”
“หลังจากที่กฎเกิดเปลี่ยนแปลง ฝ่ ายตั้งรับจะไม่สามารถตอบโต้การ
โจมตีได้!”
“แน่นอนว่า ระยะเวลาการบุกโจมตีมีการปรับเปลี่ยนให้สั้นลง จาก
ครึ่งชั่วยาม เหลือเพียงหนึ่งก้านธูป!
ไม่สามารถโจมตีตอบโต้ หมายความถึงพวกเขาได้แต่ต้องสกัดกัน
การโจมตีของศัตรูที่ดุดัน!
หากสามารถตอบโต้ ระหว่างการป้องกัน พวกเขายังมีโอกาสทําให้
ศัตรูเกิดความตื่นตะลึงได้
“กฎที่เปลี่ยนแปลงนี้ทําให้ข้าไม่ยินดีอย่างยิ่ง!” เทียนรั่วเหลิงเผย
เสียงเย็นเยือก
“นี่ข้าได้แต่ต้องตั้งรับ ไม่อาจตอบโต้สวนกลับเลยงั้นหรือ เลวร้าย
เกินไปแล้ว!” เย่ว์อู่หลันเผยความขื่นขมที่ไม่อาจปิ ดซ่อนผ่านใบหน้า
“ก็ไม่มีปัญหาอะไร! ที่ข้าเป็นกังวล คือจะมีหลายสถาบันที่คิดเข้า
โจมตีพวกเจ้า!”
“เพราะตระกูลหลงและตระกูลหยางออกปาก ว่าตราบเท่าที่มีผู้ใดทํา
ให้พวกเจ้าสิ้นสภาพในการต่อสู้ ศิษย์ของทั้งสถาบันแห่งนั้น จะได้รับ
กันมากมายถึงคนละยี่สิบล้านเหรียญม่วง!”
เต๋าฟานขมวดคิ้วพร้อมเผยความหนักอึ้งในใจ
บรรดาศิษย์ของสถาบัน ก็คือผู้ที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า
เย่ว์อู่หลันและเทียนรั่วเหลิงต่างบอกกล่าวว่าแม้เป็นห้าตระกูลใหญ่
หากศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าซึ่งเหนือลํ้า เมื่อไม่สามารถ
เข้าร่วมห้าสํานักดวงดาว พวกเขาจะถูกลดเงินเหลือเพียงหนึ่งล้าน
เหรียญม่วงต่อปี
ยี่สิบล้านเหรียญม่วงครานี้ สําหรับพวกเขาที่ข้นแค้น นับได้ว่าเป็น
ลาภทรัพย์ก้อนโต
มันคุ้มค่า ขนาดที่ทําให้พวกเขายินดีบุกเข้าโจมตีสถาบันกระบี่ระดับ
ต้น!
เต๋าฟานถอนหายใจ “หากพวกมันบุกโจมตีผู้ที่ระดับตํ่ากว่า พวกมัน
ก็จะได้เพียงแต้มหนึ่ง! หากเลือกโจมตีที่ระดับเท่าเทียมกัน ก็เท่ากับ
ว่าจะได้รับสองแต้ม ทางฝ่ ายพวกเราพ่ายแพ้ก็ไม่ได้สูญเสียอันใด
ใหญ่หลวง แต่พวกมันได้แต้มน้อย จึงคิดแสวงหาเหรียญม่วงทดแทน
ดังนั้น พวกมันคงกระหายคิดอยากโจมตีพวกเจ้ากันแทบขาดใจ!”
ฉินหยุนบังเกิดความโกรธเกรี้ยวจึงเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสฟาน เรื่องราวที่
คิดใช้อุปกรณ์เต๋าออกใบประกาศล่าค่าหัวจ้าวตระกูลหลงถึงไหนแล้ว
ขอรับ?”
“ตราบเท่าที่เจ้ายินดีจ่ายห้าร้อยล้านเหรียญม่วง ภูติหญิงจากเกาะ
จันทราปี ศาจ จะยินดีป่ าวประกาศข่าวคราวนี้ให้แก่เจ้า!” เต๋าฟาน
กล่าว “พวกนางถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เลยก็ว่าได้!”
ฉินหยุนไม่มีความน่าเชื่อถือใดดังเช่นตระกูลหลงและตระกูลหยาง
ดังนั้นหากเขาคิดตั้งค่าหัวสู่สาธารณะ ก็จําเป็นต้องหาวิธีการอื่นเพื่อ
หนุนเสริม
“หญิงสาวจากเกาะจันทราปี ศาจ กําลังจะมายังหอขุนเขาดาบกระบี่
ของพวกเราเพื่อซื้อหาแร่! หากเจ้าสามารถนําเอาห้าร้อยล้านเหรียญ
ม่วงออกมาได้ตอนนี้ จ้าวหอจะจัดแจงส่งมอบให้แก่นาง แล้วเจ้าก็
จะได้สนทนากับนางด้วย” เต๋าฟานกล่าว
“เช่นนั้นให้นางมา!” ห้าร้อยล้านเหรียญม่วง สําหรับฉินหยุนแล้ว ถือ
ว่ายังสามารถจ่ายได้ไหวอย่างไม่ลําบากอันใดนัก