Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 515 ดาบกระบี่บุกโจมตีและตั้งรับ
ตอนที่ 515 ดาบกระบี่บุกโจมตีและตั้งรับ
คนของตระกูลหลงและหยางเกิดสํานึกเสียใจ กระนั้นสีหน้าก็เขียวคลํ้า
แต่เดิม พวกเขาลงแรงไปอย่างมหาศาล จนกระทั่งบีบบังคับให้เบื้อง
บนของหอขุนเขาดาบกระบี่ยอมร่วมมือ
ทั้งหมดก็เพื่อ ให้ฉินหยุนและคณะออกพ้นจากตัวเมือง พวกเขาจะ
ได้มีโอกาสก่อการลงมือ
หากพวกเขาทําสําเร็จ เท่ากับพวกเขาสามารถครอบครองอุปกรณ์เต๋า
ทั้งยังจะสามารถจัดการเทียนรั่วเหลิง
กระนั้นตอนนี้ พวกเขาไม่อาจแม้ได้สัมผัสอุปกรณ์เต๋า กระทั่งเทียน
รั่วเหลิงก็ยังไม่ถูกพรากเอาชีวิต
ที่เลวร้ายที่สุดคือตระกูลหลง อาจารย์ยุทธ์ของพวกเขาสองคน ขณะนี้
สิ้นสภาพด้วยฝีมือฉินหยุน
กล่าวได้ว่า นี่เป็นความเสียหายหนักหนาที่สุดในรอบหลายปี ของ
ตระกูลหลง
เย่ว์อู่หลันเข้าถึงด้านหลังฉินหยุน สํารวจอาการบาดเจ็บของเขา
หญิงชราสองคนซึ่งถูกส่งมาจากตระกูลเย่ว์ คิดเข้าไปนําเย่ว์อู่หลัน
ให้ถอยห่างออกมา
แต่ตอนนี้ ทุกผู้คนได้พบเห็นศักยภาพเหนือลํ้าของฉินหยุน พวกนาง
ทั้งสองต่างคิด ว่าหากให้เย่ว์อู่หลันได้อยู่ร่วมฉินหยุนอาจไม่แย่ดังที่
คิด บางทีนางอาจถึงขั้นได้รับอุปกรณ์เต๋ามาครอบครอง
ด้วยเหตุนี้ พวกนางจึงไม่คิดก้าวก่ายเรื่องของเย่ว์อู่หลันอีก
ไม่นานหลังจากเย่ว์อู่หลันถึงข้างกายฉินหยุน หลงหยวนเหว่ยที่พิกล
พิการเผยสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็ นเย็นเยือก นําเอาบ้องไม้ไผ่ขนาดเล็ก
ออกมา
ฟุ่ บ! ฟุ่ บ! ฟุ่ บ!
เข็มสีดําขนาดเล็กยิ่งจํานวนหนึ่ง ฉับพลันยิงเข้าหาเย่ว์อู่หลัน!
ผู้ฝึกตนหลายคนในที่นี้เป็นพยาน รับชมเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากด้านข้าง
พวกเขาต่างพบเห็น ว่าเย่ว์อู่หลันกําลังถูกอาวุธลับเข้าเล่นงาน!
เย่ว์อู่หลันตั้งระวังอยู่นานแล้ว แสงสว่างสีทองเรืองรองปรากฏจาก
กายนาง ทําการสกัดเข็มสีดําขนาดเล็กที่ใกล้ถึงลําคอเอาไว้ได้สําเร็จ!
“สารเลวนัก เป็ นเจ้าใช้อาวุธลับจริง!”
เย่ว์อู่หลันพอกล่าวคําจบ นางจึงทะยานร่าง ลูบไล้ที่ศีรษะของหลง
หยวนเหว่ยเบามือ
จากนั้นเสียงอะไรแตกหักพลันดังขึ้น
ด้วยอะไรไม่ทราบ ศีรษะของหลงหยวนเหว่ยปริแตกแยกออก!
หลงหยวนเหว่ยสิ้นชีพทั้งสภาพนั้น!
เพียงเย่ว์อู่หลันลูบไล้บางเบา ศีรษะของอีกฝ่ ายถึงขั้นปริแตกแยกออก
จนถึงแก่ความตาย!
สิ่งนี้เป็นเคล็ดวิชาประหลาด ขนาดทําเอาฉินหยุนต้องอึ้งกายแข็งทื่อ!
“เย่ว์… เย่ว์อู่หลัน เป็ นเจ้าลงมือสังหารหลงหยวนเหว่ย!” อาจารย์
ยุทธ์ที่สิ้นสภาพแล้วของตระกูลหลงคํารามดัง
คําอีกฝ่ ายเพียงเพิ่งกล่าวจบ เย่ว์อู่หลันก็ทะยานเข้าหาแล้ว!
มือขาวนวลของเย่ว์อู่หลัน ตบเข้าที่ศีรษะของผู้อาวุโสตระกูลหลง
เพียงการลูบสัมผัสเบามือ ศีรษะอีกฝ่ ายจึงระเบิดออกเป็นก้อนเลือด
เนื้อ
เย่ว์อู่หลันไม่คิดหยุด ฝ่ ามือของนางเคลื่อนเข้าหาศีรษะของชายชรา
อีกคนหนึ่งจากตระกูลหลง
ครานี้ ชายชราไม่แม้มีเวลาให้พูดกล่าวอันใด ศีรษะนั้นได้ระเบิด
กระเด็นกระจายไปแล้ว
ภาพฉากที่เกิดขึ้นชวนผู้คนขนลุก กระนั้น เย่ว์อู่หลันเพียงกล่าวอย่าง
ซุกซน “พวกมันล้วนพิการถ้วนหน้า ให้ข้าจบชีวิตแสนอนาถาของ
พวกมันถือเป็นการช่วยเหลือ! พวกมันย่อมต้องสํานึกในบุญคุณข้า
อย่างแน่นอน!”
สองหญิงชราจากตระกูลเย่ว์ ขณะนี้เผยสีหน้าราวเห็นภูตผี พวกนาง
เดิมคิดว่าจะต้องเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้น กระนั้นกลับจบสิ้นลงง่ายดาย
พวกนางทั้งสองเดิมคิดให้เย่ว์อู่หลันเข้าใกล้ชิดฉินหยุน นางอาจจะมี
โอกาสได้รับอุปกรณ์เต๋าภายหน้าก็เป็นได้
แต่แล้วเรื่องราวเกินคาดคิดกลับเกิดขึ้น ไม่นานหลังเย่ว์อู่หลันเข้ามา
ใกล้ คนทั้งสามจากตระกูลหลงก็สิ้นชีพกันถ้วนหน้า!
เทียนรั่วเหลิง ไม่คล้ายแปลกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น!
เพราะหากนางทราบว่าหลงหยวนเหว่ยใช้อาวุธลับ นางก็คงบันดาล
โทสะออกมาไม่ต่างกัน
เย่ว์อู่หลันหยิบจับบ้องไม้ไผ่น้อยขึ้นมารับชม ยิงเอาเข็มสีดําเคลือบ
พิษออกมาจํานวนหนึ่ง เป้าหมายเป็นหยางไห่เผิงซึ่งบาดเจ็บอยู่ไม่
ไกลออกไป
ฟิ่ ว! ฟิ่ ว!
เข็มพิษทิ่มแทงเข้าที่ลําคอหยางไห่เผิง พร้อมกันนี้ ลําคอของอีกฝ่ าย
จึงถูกย้อมเป็นสีดํา!
“พิษดีไม่น้อย!”
เย่ว์อู่หลันกล่าวคําจบ นางจึงทะยานกลับคืนสู่ด้านในประตูเมืองเพื่อ
หลบซ่อน
ผู้คนตระกูลหยางบังเกิดโทสะ เร่งร้อนเข้าช่วยเหลือขับพิษออกจาก
ร่างหยางไห่เผิง ริมฝีปากก็สาปแช่งเย่ว์อู่หลันไม่ขาดปาก
เซียงเต๋าเข้าไปคว้าตัวฉินหยุน นําเขากลับคืนสู่ด้านในประตูเมือง
“พวกเจ้าทั้งสาม กลับไปได้แล้ว!” เซียงเต๋าเป็นกังวล ว่าหากปล่อย
ให้เรื่องเลยเถิดกว่านี้ ท้องฟ้าอาจเปลี่ยนสีเกิดเภทภัย
ผู้คนของตระกูลหลงขณะนี้ถูกสังหารหมดสิ้นแล้ว!
สองคนเป็นอาจารย์ยุทธ์ อีกหนึ่งเป็นขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ศิษย์แห่ง
ตําหนักพฤกษาดวงดาว!
ตระกูลหลู่ที่ส่งมาทั้งหมด ก็ถูกกําจัดอย่างสิ้นซาก!
อาจารย์ยุทธ์จากตระกูลหยางและตระกูลเทียน ต่างก็ถูกสับฟันเอา
แขนออก เป็นการทําให้พวกเขาเสื่อมเสียหน้าตาไม่ใช่น้อย!
ตระกูลหยางและตระกูลหลง เป็นสองในห้าตระกูลใหญ่ ขณะนี้ถูก
ยั่วยุอย่างร้ายแรงโดยฉินหยุน เย่ว์อู่หลัน และเทียนรั่วเหลิง
ด้วยฐานะจ้าวหอกระบี่ เรื่องราวที่เกิดขึ้น มันทําให้เขารู้สึกราวกับ
เพิ่งยั่วยุตระกูลใหญ่ไปด้วยตนเอง
เรื่องราวเช่นนี้ ถือว่าเป็ นเรื่องที่อาจสร้างความโกลาหลอย่างมหาศาล
แก่แคว้นมหาดวงดาว
ทางด้านผู้มารับชม พวกเขาได้เป็นประจักษ์พยานตั้งแต่เริ่มจนสิ้นสุด
ขณะเดินกลับ พวกเขายังพูดคุยกันเองอย่างออกรสชาติ อาการตื่นตะลึง
ยังคงมีอย่างไม่ขาด ทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้ สมควรถูกบอกเล่าแก่มิตร
สหายและครอบครัวเพื่อกระจายต่อ
* * *
หอขุนเขาดาบกระบี่ เขตทิศใต้ซึ่งสถาบันกระบี่ตั้งอยู่
ฉินหยุน เทียนรั่วเหลิง และเย่ว์อู่หลัน กลับมาถึงสถาบันกระบี่กัน
ถ้วนหน้าแล้ว พวกเขากําลังอยู่ในห้องโถงเล็กแห่งหนึ่ง
“ผู้อาวุโสเย่ว์เหลียงและเทียนฉั่ว พวกเจ้าเป็นผู้ลงมือสังหารใช่
หรือไม่?” เซียงเต๋ามองทางฉินหยุนและคณะ คิ้วขณะนี้ขมวดพลาง
เอ่ยถาม
“เรื่องนี้จะเป็นไปได้อย่างไร?” ฉินหยุนเอ่ยตอบ
“ถูกต้อง พวกเราหาได้มีข้อพิพาทใดกับพวกเขา เหตุใดพวกเราต้อง
ลงมือสังหารทั้งสองคนนั้น?” เย่ว์อู่หลันเร่งรีบเสริมคํา
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่มีทางยอมรับ! กล่าวตามตรง ทําให้มั่นใจว่าทุกอย่าง
สะอาดเรียบร้อยไม่มีใดให้สืบสาวก็พอ!”
“จ้าวหอ ขอขอบคุณในคําชี้แนะของท่านขอรับ!” ฉินหยุนกล่าวพร้อม
ยิ้มตื้นตัน
เซียงเต๋าถอนหายใจ “เต๋าฟานเป็นสหายเก่าของข้าเอง เขามาพบข้า
บอกต่อข้าให้ช่วยเหลือพวกเจ้า! ดังนั้นคนที่ควรได้รับคําขอบคุณ
ควรเป็ นเขา!”
“สองผู้อาวุโสตระกูลหลง ขณะนี้อยู่ในหออาวุโส พวกเขาจะหาทาง
จัดการพวกเจ้าต่อเนื่อง เต๋าฟานจะไม่มีทางขัดขืน ไม่เช่นนั้นทั้งเขา
และพวกเจ้ามีแต่ชะตาต้องถูกขับไล่ออกจากหอขุนเขาดาบกระบี่!”
“พวกเจ้าขณะนี้เป็นเพียงศิษย์นอก ตราบเท่าที่ขัดขืนต่อกฎอย่าง
ร้ายแรง เมื่อนั้นพวกเขาจะมีเหตุผลให้ขับไล่พวกเจ้าออกไป!”
ได้ยินคํากล่าวของเซียงเต๋า ฉินหยุนและคณะจึงทราบ ว่าตระกูลหลง
ครอบครองอิทธิพลในหอขุนเขาดาบกระบี่ไม่ใช่น้อย
“จ้าวหอ พวกเราต้องทําอย่างไรจึงสามารถเป็นศิษย์หลัก?” เทียนรั่ว
เหลิงเอ่ยถาม ขณะนี้นางค่อยตระหนักได้ถึงความสําคัญของการเป็น
ศิษย์หลัก
“ก็เหมือนดังสํานักอื่น ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ และกลายเป็น
อาจารย์ยุทธ์! พวกเจ้าเพิ่งเข้าร่วมหอขุนเขาดาบกระบี่ ดังนั้นอย่าได้
เร่งร้อนคิดเรื่องนี้มากนัก”
“จ้าวหอ พละกําลังของหอขุนเขาดาบกระบี่เลิศลํ้าหรือไม่? ท่าน
สามารถปกป้องพวกเราได้จริงหรือ?” เย่ว์อู่หลันเอ่ยถามด้วยความ
เป็นกังวล
“ตราบเท่าที่ไม่ได้กระทําการขัดขืนต่อกฎอย่างร้ายแรงภายในหอ
ขุนเขาดาบกระบี่ ข้าก็ยังสามารถช่วยเหลือพวกเจ้า! เพราะเหตุนั้น
พวกเจ้าต้องปฏิบัติตัวตามกฎอย่างเคร่งครัด!”
เซียงเต๋าเทนํ้าชาพลางกล่าวต่อ “หอขุนเขาดาบกระบี่ ประกอบด้วย
ห้าหอ โดยยกเว้นหออาวุโส ในทุกหอ จะมีจ้าวหอซึ่งมีสิทธิ์ขาด
สูงสุด!”
“ทางด้านผู้อาวุโสของหออาวุโส พวกเขาบางคนจะรับหน้าที่จัดการ
เรื่องราวเล็กน้อย บางครั้งก็รับหน้าที่ชี้แนะแก่จ้าวหอ หรือไม่ก็ทํานุ
บํารุงป้อนงานให้แก่หอขุนเขาดาบกระบี่! สิทธิ์ที่ผู้อาวุโสได้รับ ถือ
ว่ามีหลากหลายไม่ใช่น้อย!”
“จ้าวหอของหออาวุโส เป็นจ้าวสํานักหอขุนเขาดาบกระบี่! เขาไม่
ค่อยปรากฏตัวมากนัก กระทั่งข้ายังไม่พบเจอเขามานับสิบปี แล้ว
บางทีอาจกําลังฝึกฝนอยู่ภายในสํานักเซียนสักแห่งหนึ่ง”
ถึงคราวนี้ ฉินหยุนและคณะค่อยได้ทราบเรื่องราวของหอขุนเขาดาบ
กระบี่ขึ้นมาบ้าง
เซียงเต๋ากล่าวเสริม “ในสถานที่ซึ่งศิษย์หลักของหอกระบี่และหอดาบ
พักอาศัยอยู่ มันคือสนามแห่งการสังหารระดับราชัน คนเหล่านั้น
กําลังแข่งขันกัน เพื่อได้รับโอกาสในการเข้าร่วมสํานักเซียน”
“หากพวกเจ้ามีฝีมือเพียงพอ พวกเจ้าก็มีโอกาสได้เข้าร่วมสํานักเซียน!”
เทียนรั่วเหลิงเอ่ยถาม “สํานักเซียนใดที่พวกเราจะเข้าร่วมได้?”
“นครเซียนยุทธภัณฑ์ หรือไม่ก็ตําหนักเซียนดาบ! ทั้งสองสํานัก ล้วนมี
ความสัมพันธ์อันดีกับหอขุนเขาดาบกระบี่ของเรา!”
กล่าวคําจบ เซียงเต๋ายกถ้วยชาขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะก้าวเดินไปยัง
ประตูห้องโถงเล็ก
“ข้าคิดกลับแล้ว พวกเจ้าต้องฟังคําชี้แนะของเต๋าฟานให้ดี!”
ฉินหยุนและสองสาว ร่วมเดินไปส่งอีกฝ่ ายออกจากสถาบันกระบี่
เย่ว์อู่หลันกล่าวเสียงเบา “อสูรแฝดตระกูลจีคงถูกพาตัวไปแล้ว! หวัง
ว่าสองคนนั่นจะปิ ดปากเงียบได้ดี”
ฉินหยุนส่ายศีรษะพลางยิ้ม “ตระกูลจีเป็นกังวล ว่าหากปล่อยอยู่กับ
พวกเราต่อไปอาจเกิดเภทภัยขึ้นมาได้”
“ตระกูลจีช่างมองการไกลนัก!” เย่ว์อู่หลันยิ้มกล่าว “นี่ก็นับว่าดี พวก
เราสามคนถือว่ายั่วยุตระกูลใหญ่กันถ้วนหน้า!”
“พลังอํานาจของหอขุนเขาดาบกระบี่ถือว่าไม่เลว พวกเขาต้องการเป็น
สํานักที่แกร่งกล้า คิดตั้งตัวให้ทัดเทียมกับห้าสํานักดวงดาว ดังนั้น
พวกเขาจึงไม่เคยเผยความอ่อนแอใดแม้เป็นห้าตระกูลใหญ่! ตราบ
เท่าที่พวกเราอยู่ที่นี่ พวกเราก็จะปลอดภัยไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง”
เทียนรั่วเหลิงกล่าวออกมา
เย่ว์อู่หลันยิ้มบาง “ฉินหยุน รั่วเหลิง เหตุใดพวกเราไม่ทําอย่างนี้ ใน
เมื่อพวกเราร่วมทุกข์ด้วยกันแล้ว เช่นนั้นก็สาบานเป็นพี่น้องกันเลย
เป็นอย่างไร?”
“วิเศษนัก! ไม่ว่าจะด้วยอะไร ข้าก็ถูกตระกูลเทียนทอดทิ้งแล้ว ทาง
ด้านตระกูลเทียน ข้าหาได้มีเรื่องใดให้กังวลไม่!” เทียนรั่วเหลิงเผย
รอยยิ้มบางออกมา
“ฉินหยุน เจ้าเล่าคิดอย่างไร? เจ้าคงไม่มองเหยียดต่อน้องสาวทั้งสอง
คนตรงหน้านี้หรอกใช่หรือไม่?” เย่ว์อู่หลันเขย่าแขนฉินหยุนพร้อม
พึมพํา “พี่ฉิน พี่ฉิน… หากท่านตกลง พวกเราจะได้สาบานเป็นพี่น้อง
ร่วมกัน!”
“ก็นะ… แค่ก แค่ก!” ฉินหยุนกระแอมไอดังพลางยิ้ม “อันที่จริงข้า
น่าจะอ่อนกว่าพวกเจ้า!”
“เรื่องนี้เป็นไปได้?” เย่ว์อู่หลันถามออกด้วยความตื่นตะลึง
เทียนรั่วเหลิงพบว่าเรื่องนี้ยากแก่การเชื่อ เพราะฉินหยุนแข็งแกร่งยิ่ง
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอ่อนเยาว์กว่าพวกนางทั้งสอง
พวกนางต่างคิด ว่าฉินหยุนสมควรอายุราวสามสิบปี ได้แล้ว
เต๋าฟานเพิ่งกลับมาถึง ขณะนี้เผยความโล่งใจยามได้เห็นฉินหยุน
และคณะปลอดภัยดี
“พวกเจ้าทั้งสามช่างเป็นไม้กวนเรียกหาเภทภัยโดยแท้ ถึงขั้นก่อ
ปัญหาใหญ่ กระนั้นกลับพูดจาหัวร่อต่อกระซิกกันได้ ไม่คล้ายจะ
เห็นว่ากังวลต่อเรื่องที่ก่อไปแม้เพียงนิด!” เต๋าฟานส่ายศีรษะพลางยิ้ม
“ผู้อาวุโสฟาน ท่านเชื่อหรือไม่หากฉินหยุนผู้นี้กล่าวอ้างว่าอ่อนเยาว์
กว่าพวกเรา?” เย่ว์อู่หลันเผยความไม่ยินดีออกมาเล็กน้อย “ข้าขณะนี้
อายุยี่สิบหก!”
“ข้ายี่สิบเจ็ด!” เทียนรั่วเหลิงเผยเสียงเย็น
เต๋าฟานนําแผ่นจานออกมาพร้อมกล่าว “วางมือพวกเจ้าลงที่แผ่นจาน
นี้ แล้วมันจะแสดงอายุพวกเจ้าออกมาให้ได้เห็น!”
ที่ตรงกลางแผ่นจาน มันมีผลึกแก้วชิ้นหนึ่งประดับเอาไว้
เทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน ต่างวางมือลงบนแผ่นจานเพื่อตรวจสอบ
อายุตนเอง และอายุของพวกนาง ก็เป็นจริงดังที่พวกนางกล่าวออก
คราวฉินหยุนทดสอบ มันเผยเลขยี่สิบเอ็ดออกมา!
เย่ว์อู่หลัน เทียนรั่วเหลิง และผู้อาวุโสฟาน ขณะนี้ตื่นตะลึง!
พวกเขาเดิมคิดว่าฉินหยุนสมควรอายุราวยี่สิบห้าปี !
กระนั้น อีกฝ่ ายกลับอ่อนเยาว์เพียงยี่สิบเอ็ด
“แปลกหรือ?” ฉินหยุนยิ้มกว้าง
“ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าด้วยอายุเพียงยี่สิบเอ็ดหาได้แปลก!
เพียงแต่คนที่แข็งแกร่งเช่นเจ้า หาได้ยากยิ่งนัก!”
เย่ว์อู่หลันหยิกที่ใบหน้าฉินหยุนพร้อมเผยรอยยิ้มอ่อนหวาน “น้องชาย
เร่งรีบเรียกหาข้าเป็นพี่สาว ไม่นึกเลยว่าเจ้าเป็ นเจ้าหนูคนหนึ่ง ถึงขั้น
ลวงหลอกบอกต่อข้าว่ามีภรรยาแล้ว!”
เต๋าฟานกล่าวขึ้น “หลายวันนี้พวกเจ้าไปพักผ่อนกันเสีย ฟื้นฟูอาการ
บาดเจ็บให้กลับคืนมาดังเดิม! ข้าจะได้เริ่มแนะนําพวกเจ้าถึงการฝึกฝน
เคล็ดวิชากระบี่พื้นฐาน!”
แม้ว่าในสถาบันกระบี่มีคนเพียงสาม กระนั้นพวกเขาต่างแข็งแกร่ง
และครองศักยภาพสูงลํ้า
เต๋าฟานคล้ายกระชุ่มกระชวยยิ่งนักยามนึกถึงอนาคตของสถาบัน
กระบี่ในภายหน้า
“ภายในสิบวัน จะมีงานแข่งขันดาบกระบี่บุกโจมตีและตั้งรับ! หาก
ได้รับอันดับหนึ่ง สถาบันกระบี่หรือสถาบันดาบ จะส่งมอบรางวัล
ลํ้าค่ามาเป็นสิ่งตอบแทนให้!”
“แน่นอนว่า เป็นไปไม่ได้ที่สถาบันกระบี่ลําดับที่เก้าอย่างพวกเราจะ
ได้รับอันดับหนึ่ง ดังนั้นเข้าร่วมให้ได้หนึ่งในยี่สิบอันดับแรกก็นับว่า
น่าพึงพอใจแล้ว!”
“หากเจ้าไม่อาจเข้าถึงยี่สิบอันดับแรก ก็จําเป็นต้องไปขุดแร่ในเหมือง
สักครึ่งปี ! หากพวกเราได้ตําแหน่งรั้งท้าย พวกเจ้าจะต้องทํางานให้แก่
หอขุนเขาดาบกระบี่ โดยการขุดเหมืองเป็นเวลาหนึ่งปี ครึ่ง!”
เย่ว์อู่หลันพอได้ยินจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล “การได้ยี่สิบอันดับ
แรกนั้นยากหรือไม่?”
เต๋าฟานเผยสีหน้าเคร่งเครียด “ก็ไม่ยากนัก แต่ก็ไม่ได้ง่าย! นี่เป็ นเพราะ
สามอันดับแรกของหอขุนเขาดาบกระบี่ จะเข้าร่วมการแข่งขันอย่าง
พร้อมหน้ากัน!”
“ด้วยเหตุนี้ พวกเจ้าจึงต้องพยายามให้ดีที่สุดเมื่อถึงเวลา ไม่อย่างนั้น
แล้ว พวกเจ้าก็จําเป็นต้องไปขุดเหมืองกันสักครึ่งปี !”