Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 492 ค้อนเทวะเก้าตะวัน
ตอนที่ 492 ค้อนเทวะเก้าตะวัน
ฉินหยุนเกิดความยินดีเมื่อทราบว่าหยางฉีเย่ว์อยู่ใกล้เคียง ก่อนหน้านี้
เขายังเป็นกังวลว่านางจะถูกส่งไปยังพื้นที่อันตราย
“แล้วพี่หยางอยู่ที่ใด? ข้าจะได้ไปพบนางโดยทันที!” ฉินหยุนเร่งร้อน
ถามโมโม
“นางไม่ได้บอก เพียงแต่บอกว่าให้พี่ชายให้สัมผัสทางจิต ถึงวิญญาณ
ดวงตะวันบนฟ้า!” โมโมกล่าวตอบ “เร่งรีบทดลองดู บางทีท่านอาจ
ได้รับวิญญาณดวงตะวันอีกหนึ่ง!”
โดยทันที ฉินหยุนปลดปล่อยพลังจิตเข้าหาวิญญาณดวงตะวัน
ใช้เวลาเพียงไม่นาน พลังจิตของเขาก็สื่อสารกับวิญญาณดวงตะวันได้!
ที่ชวนประหลาดใจที่สุด ก็คือวิญญาณดวงตะวันฉับพลันปะทุออก
ซึ่งแสงร้อนแรง ทําเอาดวงตาทุกคนแทบมืดบอดไปวูบ
ฉินหยุนขณะนี้ฝืนลืมตา มองไปยังวิญญาณดวงตะวันที่ลอยอยู่ไกล
ออกไป มันกําลังพุ่งตกลงมาเปรียบดังดาวหางที่มีแสงลากยาว
“มันกําลังหนี!”
ภายในใจฉินหยุนบังเกิดความไม่อยากเชื่อ เขาคิดว่าสมควรได้รับ
วิญญาณดวงตะวัน ผู้ใดจะทราบกันว่าวิญญาณดวงตะวันกลายเป็น
ไม่ยอมรับเขาโดยทันทีเสียอย่างนั้น
ด้วยความไม่คิดยอมแพ้ เขาฉุดเฉียวอวี้ไล่ตามมันไป
หลายผู้คนขณะนี้ที่อยู่กลางอากาศ ล้วนไล่ตามวิญญาณดวงตะวันกัน
ทั้งสิ้น
ฉินหยุนหาได้หวั่นเกรงเรื่องไม่อาจหาวิญญาณดวงตะวันพบไม่ ด้วย
ยันต์ตามรอยตะวันในมือ หากมันหลบซ่อน สุดท้ายเขาก็ต้องหาจน
พบ
ฉินหยุนและเฉียวอวี้ขณะนี้วิ่งลัดผ่านป่ า กระนั้นความเร็วก็ไม่ได้ยิ่ง
หย่อนไปกว่าผู้อื่น
ทางด้านเหวินรั่วเฉินนั้นบินผ่านอากาศ แม้ความเร็วของเขามากลํ้า
ทว่าตอนนี้ก็คลาดสายตาจากเป้าหมายไปเสียแล้ว เป็นเขาไม่ทราบว่า
วิญญาณดวงตะวันหายตัวไปที่ใด
ด้วยยันต์ตามรอยตะวัน ฉินหยุนสามารถทราบตําแหน่งที่ตั้งของ
วิญญาณดวงตะวันได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อฟ้าใกล้สาง เขาได้เห็นร่างงดงามกลางอากาศ เป็นร่างในชุดสีขาว
สง่างาม ไม่ใช่ใครอื่น เป็นหยางฉีเย่ว์!
“พี่หยาง!” ฉินหยุนเร่งรีบส่งเสียงทางจิตสื่อสารขณะลอยขึ้นฟ้า
หยางฉีเย่ว์พอได้เห็นฉินหยุน นางค่อยถอนหายใจโล่งอก
หลังจากนางเคลื่อนย้ายมายังสวนโบราณ นางพบว่าฉินหยุนไม่ได้
อยู่ข้างกาย มันทําให้นางทั้งกังวลและเป็นห่วงหาต่อฉินหยุน
หยางฉีเย่ว์และฉินหยุนพบกันแล้วจึงค่อยลงสู่พื้น นางได้เห็นเฉียวอวี้
ฉินหยุนบอกเล่า นางจึงทราบว่าเกิดเรื่องราวใดบ้าง
“พี่หยาง ท่านเป็นคนที่ยอดเยี่ยมนัก ถึงกับไม่ขับไล่ข้าออกไป!”
เฉียวอวี้ยิ้มให้แก่หยางฉีเย่ว์
เมื่อนางได้เห็นร่างงดงามของหยางฉีเย่ว์อยู่ร่วมกับฉินหยุน นางจึง
เป็นกังวลยิ่ง ว่าฉินหยุนจะเขี่ยนางให้พ้นทาง
หยางฉีเย่ว์ยิ้มตอบ “เจ้าช่วยเสี่ยวหยุนไว้ ถือเป็นผู้มีพระคุณ เหตุใด
ข้าต้องขับไล่ไสส่งเจ้า? วางใจได้ เมื่อพวกเราได้รับวิญญาณดวงตะวัน
พวกเราจะพาเจ้าออกจากสวนโบราณแห่งนี้!”
นางขณะนี้ยังได้ทราบ ถึงสาเหตุที่เฉียวอวี้ถูกนํามายังสถานที่แห่งนี้
นั่นก็เพื่อเป็ นเครื่องผลิตทารก ในฐานะสตรีเพศ มันทําเอานางอดไม่ได้
ที่จะเกิดความเห็นใจ
เฉียวอวี้ขณะนี้ทราบ ว่าเหตุใดฉินหยุนไม่คิดอะไรยามเมื่ออยู่กับนาง
ก็เพราะเขามีหญิงสาวงดงามเหนือลํ้ามากมายรายล้อม
ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงใช้ยันต์ตามรอยตะวัน ออกไล่ตามวิญญาณ
ดวงตะวันต่อเนื่อง
ผ่านไปหลายวัน ฉินหยุนในที่สุดค่อยพบวิญญาณดวงตะวัน มัน
หลบซ่อนอยู่ด้านในรอยแยกลึกของภูเขา
“พี่หยาง วิญญาณดวงตะวันนี้คล้ายยากครอบครอง!” ฉินหยุนมอง
ไปยังส่วนลึกของรอยแยกขณะคิ้วขมวดกล่าวคํา
“ข้าทดลองดูหลายครั้งแล้ว ไม่ทราบเช่นกันว่าจะกําราบมันได้
อย่างไร!” หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจพลางส่ายศีรษะ
เฉียวอวี้กล่าวขึ้น “ตลอดช่วงเวลาหลายปี ในสวนโบราณ หลายผู้คน
ต่างพบเจอวิญญาณดวงตะวัน กระนั้นไม่มีผู้ใดทราบว่าต้องทําอย่างไร
จึงได้รับมัน!”
ฉินหยุนคิดอยู่ครู่ก่อนจะส่งโมโมไปสอบถามหยางหยาง
หยางหยางเป็นนกกระจอกเก้าสวรรค์จากวิญญาณดวงตะวัน ดังนั้น
นางย่อมทราบถึงสาเหตุ
โมโมเร่งรีบตอบกลับมา “พี่ชาย หยางหยางบอกว่าท่านต้องเข้าไป
ในลูกไฟยักษ์นั่นแล้วใช้พลังจิต!”
ฉินหยุนขมวดคิ้วมุ่นขณะมองทางเฉียวอวี้และเอ่ยถาม “เฉียวอวี้ เคย
มีผู้ใดเข้าไปในลูกไฟยักษ์นั่นมาก่อนหรือไม่?”
“ภายในเลยหรือ? มีคนคิดลอง แต่พวกเขาไม่อาจแม้เข้าใกล้ลูกไฟ
ยักษ์นั่น เมื่อเข้าใกล้ พวกเขาจะถูกผลักกระเด็นกลับมา!” เฉียวอวี้
ส่ายศีรษะ “ไม่เคยมีผู้ใดทําสําเร็จมาก่อน!”
“งั้นให้ข้าลอง รอข้าอยู่ที่นี่อย่าไปไหน!” ฉินหยุนกล่าวคําจบ จึง
กระโดดเข้ารอยแยกไป
“เสี่ยวหยุน ระวังด้วย!” หยางฉีเย่ว์เร่งรีบเอ่ยเตือน
ไม่นานหลังจากฉินหยุนกระโดดลงมา วิญญาณดวงตะวันฉับพลัน
พุ่งลอยขึ้นกลางท้องฟ้า
“ไอ้เจ้านี่คิดทําอะไรกันแน่? หรือภายในจะเป็นตัวตนซุกซนกัน?”
ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะสบถก่นด่าเมื่อเห็นวิญญาณดวงตะวันลอยสูง
กลางท้องฟ้า
ขณะนี้วิญญาณดวงตะวันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง มันสาดส่องแสง
สว่างไปทั่วทั้งท้องฟ้ายามใกล้รุ่งสาง นี่หมายความถึงผู้ใดล้วนพบ
เห็น และพวกเขาย่อมต้องเร่งรีบมาที่นี่
ขณะนี้ฉินหยุนทะยานขึ้นท้องฟ้า พุ่งขึ้นเป็นเส้นตรงสู่ลูกไฟยักษ์
ด้วยความเร็วสูงลํ้า!
เมื่อเข้าใกล้ลูกไฟขนาดยักษ์ เขาไม่รู้สึกถึงความร้อนแรงแต่อย่างใด
เพียงแต่รู้สึกว่ามันอุ่นเล็กน้อย
โดยเฉพาะเมื่อเข้ามาในลูกไฟยักษ์แล้ว ความรู้สึกขณะนี้ฉับพลัน
รู้สึกราวกับแช่กายในบ่อนํ้าพุร้อนท่ามกลางเหมันต์ฤดู
หยางฉีเย่ว์และเฉียวอวี้ได้เห็นฉินหยุนพุ่งเข้าไปในตัวลูกไฟยักษ์
พวกนางทั้งสองต่างเกิดความยินดีส่งเสียงร้องออกมา
ขณะฉินหยุนเข้าสู่ด้านในลูกไฟยักษ์ เขาจึงได้เห็นค้อนอันหนึ่งลอย
อยู่ภายใน!
ตัวค้อนมีความงดงามอย่างยิ่ง แสงสว่างสีทองเรืองรองจากตัวมัน
แม้ดูเหมือนค้อนหลอมธรรมดาทั่วไป กระนั้นพื้นผิวของมันกลับ
สลักเอาไว้ซึ่งอักขระที่งดงาม โดยเฉพาะด้ามจับ มันมีการแกะสลัก
มังกรและหงส์อมตะเอาไว้
ฉินหยุนยื่นมือออก พยายามคว้าที่ด้ามจับตัวค้อน กระนั้นก็ยังไม่
คล้ายสําเร็จ
เขาเร่งรีบหยดเลือดใส่มัน ทว่าก็ยังไม่ได้ผล!
“โมโม ถามเจ้าเป็ดน้อยนั่นว่าจะกําราบเจ้าค้อนนี้จากวิญญาณดวง
ตะวันได้อย่างไรที!” ฉินหยุนเร่งรีบส่งเสียงสอบถามถึงโมโม
โมโมเร่งร้อนถาม พร้อมตอบกลับ “หยางหยางบอกว่า พวกเราต้อง
ทําให้ค้อนนี้ยอมรับเสียก่อน! นางยังบอก ว่านี่คือค้อนเทวะเก้าตะวัน
เป็นวัตถุที่ทรงพลังอํานาจอย่างยิ่ง!”
ฉินหยุนนึกอยู่ครู่ขณะกําที่ด้ามค้อน จากนั้น เขาหลับตาลงพร้อมใส่
จิตสํานึกตนเองสู่ค้อนเทวะเก้าตะวัน!
อย่างรวดเร็ว เขาสัมผัสถึงค้อนเทวะเก้าตะวัน มันเต็มเปี่ ยมไปด้วย
ความรู้สึกเดียดฉันท์ต่อตัวเขา!
“ไอ้เจ้านี่แท้จริงปรามาสต่อตัวเรา! ทั้งที่เราครอบครองทั้งวิญญาณ
เทวะเก้าตะวันและวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ!”
ฉินหยุนรับรู้ได้ถึงความภาคภูมิที่ทะลักออก เขาเร่งรีบปลดปล่อย
พลังวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ โคจรมันเข้าสู่ค้อนเทวะเก้าตะวัน
หลังจากค้อนเทวะเก้าตะวันผสานเข้ากับพลังของตะวันทมิฬ ขณะนี้
มันเริ่มส่องแสงเจิดจ้ามากขึ้น นอกจากนี้ ยังเกิดขึ้นเป็นประกายแสง
ร้อนแรงเผาไหม้ พลังของมันเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงปกคลุม
รอบตัวฉินหยุน
เช่นนี้ นี่คือการปะทะระหว่างค้อนเทวะเก้าตะวันและฉินหยุน ว่า
ใครจะเป็นผู้มีชัยเหนือกว่า!
ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงพลังตะวันทมิฬที่ผสานทะลวงผ่านเข้าไปยัง
ค้อนเทวะเก้าตะวันทีละน้อย หากค้อนเทวะเก้าตะวันสามารถผสาน
รวมกับพลังตะวันทมิฬของเขาได้ เช่นนั้นหมายความถึงเขาลงมือได้
สําเร็จ!
และขณะนี้ พลังเปลวเพลิงก็ปลดปล่อยออกมาจากค้อนเทวะเก้า
ตะวัน มันกําลังแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขา
หากร่างกายของเขาเปี่ ยมล้นด้วยพลังเปลวเพลิงนี้ เมื่อถึงจุดหนึ่ง เขา
จะถูกเผาไหม้จนตายตก
กระบวนการนี้สําหรับฉินหยุนคล้ายยาวนานยิ่ง แม้เขาครอบครอง
สายเลือดราชสีห์สวรรค์ แต่อัคคีเพลิงของดวงตะวันที่ปลดปล่อย
ออกจากค้อนเทวะเก้าตะวันนี้ มันแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายเขาอย่าง
เข้มข้น เป็นผลให้ร่างกายเขารู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการเผาไหม้
เขาผู้ซึ่งกําลังอดทนต่อความเจ็บปวด เกิดความรู้สึกคิดอยากยอมแพ้
ทุกเมื่อชั่ววินาที ตราบเท่าที่เขาปล่อยมือจากด้ามจับค้อนนี้ เขาก็จะ
ไม่ต้องแบกรับความเจ็บปวดอีกต่อไป
ไม่เพียงแต่เขาปะทะเข้ากับค้อนเทวะเก้าตะวัน เขายังต้องต่อสู้ทาง
จิตใจด้วย!
“ไม่ว่าอะไรต้องอดทนให้ได้ ไม่อย่างนั้นความเจ็บปวดทั้งหมดที่
อดทนมาจนถึงตอนนี้จะกลายเป็นสูญเปล่า!” ฉินหยุนกัดฟันแน่น
หลับตาลง ร้องครวญครางออกด้วยความเจ็บปวด
ตู้ม!
ฉินหยุนได้ยินเสียงดังสนั่น มันมาจากภายนอกของลูกไฟยักษ์ มีคน
โจมตีที่ลูกไฟยักษ์นี้แล้ว!
“หรือเหวินรั่วเฉินมาถึงแล้ว?” ฉินหยุนพอคิดเช่นนี้เขายิ่งเกิดความ
กังวล นี่ก็เพราะหยางฉีเย่ว์ยังอยู่ที่ภายนอก
หยางฉีเย่ว์ย่อมต้องเข้าปะทะกับเหวินรั่วเฉิน นี่ยิ่งทําเขาเป็นกังวล!
ชั่วขณะนี้ ภายในใจเขาเกิดความท้อถอย ไม่เพียงแต่ต้องอดทนต่อ
ความเจ็บปวด เขายังต้องเป็นห่วงหยางฉีเย่ว์ที่อาจพ่ายแพ้ต่อเหวินรั่ว
เฉิน!
“พี่หยุน พี่หยางสื่อสารต่อข้าเมื่อครู่ บอกให้ท่านอดทนต่อไป ขณะนี้
นางยังสามารถรั้งสถานการณ์ภายนอกเอาไว้ได้!” โมโมกล่าวดังขึ้น
“ได้!” ฉินหยุนตอบรับ ชั่วขณะนี้ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความ
เจ็บปวด เป็ นเขาเกือบจะยอมแพ้ที่ตรงนี้แล้ว
เขาไม่ทราบ ว่ากระบวนการนี้จะต้องใช้เวลาอีกยาวนานเพียงใด เขา
เพียงทราบว่าพลังเปลวเพลิงที่ปลดปล่อยออกจากค้อนเทวะเก้าตะวัน
มันกําลังอ่อนแรงลงทีละน้อย ขณะนี้เขาสามารถควบคุมมันได้มาก
ขึ้นทีละนิด
วูบ!
ค้อนเทวะเก้าตะวันสั่นไหว เกิดขึ้นเป็นสายลมกรีดร้องโหยหวน
ฉินหยุนถือค้อนเทวะเก้าตะวันไว้ในมือ พยายามกวัดแกว่งมันอยู่
หลายครั้ง ขณะนี้ภายในใจของเขาบังเกิดความรู้สึกตื้นตันขึ้นมา
เขาได้รับวิญญาณดวงตะวันสําเร็จเรียบร้อยแล้ว!
ที่ภายนอก หยางฉีเย่ว์และอีกหลายคนล้วนได้เห็น ลูกไฟยักษ์กําลัง
หดขนาด ราวกับมันพร้อมจะระเบิดออกได้ทุกเมื่อ!
กระนั้น ลูกไฟกลับไม่ระเบิด เพียงแต่หดขนาดลงไปเรื่อย
ลูกไฟยักษ์หดขนาดจนกระทั่งปรากฏร่างคนผู้หนึ่ง พลังของลูกไฟ
คล้ายถูกดูดเข้าไปในกายของฉินหยุน!
ลูกไฟยักษ์เลือนหาย ปรากฏเป็นคนผู้หนึ่ง!
นอกจากนี้ อีกฝ่ ายยังเป็นฉินหยุนที่ทุกคนต่างคุ้นหน้า!
หยางฉีเย่ว์พอได้เห็นสีหน้าฉินหยุน นางทราบแล้วว่าลงมือสําเร็จ
ขณะนี้เกิดความยินดีขึ้นภายในอย่างอดไม่ได้
ฉินหยุนออกมาแล้ว เขามองลงเบื้องล่าง เดิมเป็นภูเขาและผืนป่ า
ขณะนี้หลังผ่านศึกครั้งใหญ่ พวกมันราบเตียนเป็นพื้นที่โล่งกว้าง!
เขายังได้เห็นที่พื้น ขณะนี้หยางฉีเย่ว์มีรอยคราบเลือดที่แขนเสื้อและ
หัวไหล่ ชัดเจนว่านางได้รับบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้!
“เสี่ยวหยุน ข้ายังสบายดี!” หยางฉีเย่ว์เผยเสียงเบา กระนั้นก็อดไม่ได้
ที่จะไอออกมาหลายครั้งเป็นเลือดหย่อมหนึ่ง
ฉินหยุนกลายเป็นเคร่งเครียดเร่งรีบเข้าไปพยุงร่างหยางฉีเย่ว์ ชั่วเวลา
นี้ หลายคนได้ปิ ดล้อมพวกเขาเอาไว้แล้ว!
“พี่หยาง ด้วยกําลังของท่าน สมควรรับมือกับเหวินรั่วเฉินได้อย่างไม่
มีปัญหา แต่นี่ท่านบาดเจ็บหนักยิ่ง! เป็นเพราะพวกมันกระหนํ่าโจมตี
ท่านหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงลุ่มลึก จิตสังหารรุนแรงแผ่ออกจาก
ร่างของเขา
เหวินรั่วเฉินมองที่ฉินหยุนพร้อมตะโกน “ฉินหยุน จงส่งวิญญาณ
ดวงตะวันที่ได้รับมา ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะไม่มีใครได้รอดชีวิต!”
“ฉินหยุน จงรีบส่งวิญญาณดวงตะวันมา!” เฉียนเฉ่าเอ่ยเสียงเย็น “แม้
จ้าวตําหนักใหญ่ที่แดนยุทธ์อ้างว้างบอกพวกเราว่าอย่าได้ตั้งตนเป็น
ศัตรูกับเจ้า ทว่าสถานการณ์ตอนนี้แปรเปลี่ยนไปแล้ว เพราะเจ้า
ได้รับวิญญาณดวงตะวันที่พวกเราไล่ตามหามาเนิ่นนาน!”
คํากล่าวของเฉียนเฉ่าจากตําหนักจารึกเทวะ หมายความถึงพวกเขา
จะเข้าร่วมการแย่งชิงด้วย!
ฉินหยุนกระชับอ้อมกอดหยางฉีเย่ว์แน่น เขากําลังโคจรพลังสู่ร่างกาย
ของนาง เขาเอ่ยถามเสียงเบา “เฉียวอวี้เล่า?”
“นางไม่เป็นไร อยู่ในมิติเก็บของของข้า!” หยางฉีเย่ว์พบเห็นพวกตน
ถูกปิ ดล้อม สีหน้าขณะนี้เคร่งเครียด
เหวินรั่วเฉินมองทางหยางฉีเย่ว์ที่ทั้งสง่างามและงดงาม ดวงตาของ
มันเต็มไปด้วยราคะแรงกล้า โฉมงามเช่นหยางฉีเย่ว์ คือสิ่งที่มันถวิล
หามาเนิ่นนานแล้ว
กระนั้น หยางฉีเย่ว์กลับอยู่ในอ้อมกอดฉินหยุน เรื่องนี้ชวนริษยา
เกินไปแล้ว!
“ฉินหยุน หากเจ้าไม่ส่งวิญญาณดวงตะวันมา ข้ารับประกันว่าเจ้าจะ
ได้เป็นประจักษ์พยานถึงความตายของผู้หญิงคนนั้น!” เหวินรั่วเฉิน
เผยรอยยิ้มโฉดชั่วอย่างไม่ปิ ดบัง
เฉียนเฉ่าแค่นเสียง “ฉินหยุน เจ้ายังมัวคิดอะไร? ไม่เห็นหรือว่า
สถานการณ์เป็นอย่างไร? เจ้าคงไม่คิดหรอกนะว่าลําพังเจ้าจะหลบหนี
จากพวกเราได้!”
หางตาฉินหยุนกระตุก นํ้าเสียงของเขากล่าวเบาทว่าเย็นเยือก จิต
สังหารแรงกล้าล้นทะลักออก “ข้ากําลังคิดหาทางสังหารสวะเช่น
พวกเจ้าทั้งหมด!”