Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 488 หุ่นเชิดจระเข้
ตอนที่ 488 หุ่นเชิดจระเข้
เด็กสาวเดินถึงข้างกายฉินหยุน รับชมใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่ถูก
ปิ ดบังเอาไว้ จากนั้นนางจึงนําเอามีดเล่มน้อยออกมาจากข้างเอว เฉือน
เข้าที่นิ้วตนเอง
เลือดหยดจากบาดแผล มันจมหายเข้าไปในก้อนหิน
“ข้ายินดีซื้อที่ราคาหนึ่งแสนเหรียญม่วง! เจ้าต้องการให้ข้าใช้บัตรผลึก
หรือเป็นเหรียญม่วงของจริง?” ฉินหยุนเอ่ยถามสีหน้าเฉยชา
“นี่… มันมีมูลค่าหนึ่งแสนเหรียญม่วงจริงหรือ?” เด็กสาวชุดขาว
พบว่าเรื่องนี้ยากจะเชื่อ นางรู้สึกว่าได้สักสองถึงสามหมื่นเหรียญ
ม่วงก็ดีมากแล้ว
ขณะนี้ กลับได้มากมายถึงหนึ่งแสนเหรียญม่วง
ผู้คนล้วนไม่เชื่อ เพราะกระทั่งพวกเขาเสี่ยงชีวิตออกล่าและสังหาร
สัตว์อสูร พวกเขาอย่างมากก็ได้เพียงหนึ่งหมื่นเหรียญม่วงเท่านั้น
ผู้จัดการเฉียนเฉ่าเร่งรีบเดินเข้ามา พิจารณาก้อนหินให้ถี่ถ้วน เขาขมวด
คิ้วกล่าว “ตามปกติแล้ว มีแต่วัสดุวิญญาณระดับราชันจึงสามารถ
ดูดกลืนเลือดมนุษย์ หากเป็นวัสดุระดับนั้นจริง ย่อมต้องเป็นสิ่งหา
“เด็กน้อย เหตุใดเจ้าไม่ขายให้แก่ข้าที่หนึ่งแสนห้าหมื่นเหรียญม่วง
กันเล่า?” เฉียนเฉ่าเผยรอยยิ้มเสแสร้ง
“ข้าให้ที่สองแสนเหรียญม่วง!” ฉินหยุนดื่มไวน์เข้าเต็มปาก พลาง
ตะโกนบอกออกไปอย่างไม่ยี่หระโดยไม่แม้จะมองที่เฉียนเฉ่า
“ข้าซื้อที่สามแสนเหรียญม่วง!” เฉียนเฉ่าเร่งร้อนตะโกน ด้วยฐานะ
คนของตําหนักจารึกเทวะ เขาย่อมไม่หวาดเกรงผู้ใด
“ห้าแสนเหรียญม่วง!” ฉินหยุนยิ้ม “ผู้จัดการเฉียน ยอมปล่อยมือจาก
มันเสีย!”
ผู้คนที่ชั้นแรกแห่งนี้ล้วนกายแข็งทื่อ!
พวกเขาต่างมองฉินหยุนและเฉียนเฉ่าด้วยอาการตื่นตะลึง
พวกเขาไม่คาดคิด ว่าวัตถุที่เมื่อครู่ไม่มีผู้ใดต้องการ ขณะนี้ราคาถึง
หลายแสนเหรียญม่วง
และยังมากถึงห้าแสนเหรียญม่วง!
สําหรับผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าในสวนโบราณ มูลค่าเท่านี้เรียก
ได้ว่าความมั่งคั่ง!
เด็กสาวชุดขาวถึงกับอึ้ง นางขณะนี้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดบิดาและปู่
ของตนยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อหินก้อนนี
“เจ้าช่างเหลี่ยมจัดนัก หินก้อนนี้สามารถใช้เพื่อขัดเกลาอุปกรณ์วิญญาณ
ระดับราชัน และมูลค่าของมันสมควรสูงนับล้านเหรียญม่วง แต่แล้ว
แรกเริ่มกลับเสนอที่หนึ่งแสนเหรียญม่วงงั้นหรือ?” เฉียนเฉ่าแค่นเสียง
ฉินหยุนมองที่เด็กสาวชุดขาวและกล่าวคํา “เด็กน้อย ข้ายินดีซื้อหิน
ก้อนนี้ที่หนึ่งล้านเหรียญม่วง!”
“ข้าให้หนึ่งล้านสองแสน!” เฉียนเฉ่าเร่งรีบตะโกน
ผู้คนขณะนี้ต่างมองกันเองอย่างตื่นตะลึง ราวกับหลุดเข้ามาในความ
ฝัน หินทรุดโทรมเมื่อครู่ ขณะนี้มูลค่าทะยานถึงหลักล้านเหรียญม่วง
แล้ว!
“เด็กน้อย จงขายให้แก่ข้า!” เฉียนเฉ่ากล่าวด้วยนํ้าเสียงคุกคาม
“ไม่! ข้าจะขายมันแก่ลุงท่านนี้ เพราะเขาคือผู้แรกที่พบเห็นมูลค่า
ก้อนหินในมือข้า!” เด็กสาวชุดขาวเผยความหวาดกลัวต่อสายตาที่
จับจ้องของเฉียนเฉ่า กระนั้นนางก็ยังกล้ามากพอที่จะกล่าวคําออก
เด็กสาวมองที่ฉินหยุนพร้อมกล่าวหนักแน่น “ท่านลุง ข้าจะขายให้
ท่านที่หนึ่งแสนเหรียญม่วง! ข้าไม่ต้องการหนึ่งล้านนั่น!”
“เด็กน้อยสารเลว เหนื่อยหน่ายมีชีวิตแล้วหรือ?” เฉียนเฉ่ามีโทสะ
แรงกดดันเข้าสะกดข่มเด็กสาวชุดขาว นางกระทั่งถอยจนถึงกําแพง
พร้อมอาการตัวสั่น
“เจ้าต้องการซื้อจริงหรือ? เหตุใดจึงข่มขู่เด็กสาวตัวน้อยเช่นนั้น? ช่าง
ไม่มีมารยาทยิ่งนัก!” ฉินหยุนแค่นเสียงเผยความโกรธเคือง นํ้าเสียง
กล่าวบอกต่อเด็กสาวในชุดขาวอย่างอ่อนโยน “น้องสาว ขายหิน
ก้อนนี้แก่เขา!”
เด็กสาวในชุดขาวกัดริมฝีปาก มองฉินหยุนด้วยดวงตาสุกสว่าง ลังเล
อยู่ครู่หนึ่ง นางค่อยพยักหน้ารับ
เฉียนเฉ่าใช้จ่ายถึงหนึ่งล้านสองแสนเหรียญม่วงเพื่อซื้อหินดังกล่าว
แม้เด็กสาวชุดขาวได้รับหนึ่งล้านสองแสนเหรียญม่วงในบัตรผลึก
นางกลับไม่ยินดีแม้แต่น้อย
ก่อนหน้านี้ ผู้คนที่นี่คิดแต่รังแกนาง แต่แล้วตอนนี้กลับเผยทีท่าคิด
ฉกชิงเหรียญม่วงไปจากนาง
“ท่านลุง ท่านจ่ายค่าอาหารเหล่านี้หรือยัง?” เด็กสาวชุดขาวนั่งข้าง
ฉินหยุน
“ยัง” ฉินหยุนยิ้ม
“เช่นนั้นให้ข้าเลี้ยงท่าน… ให้ข้ากินกับท่านด้วย ได้หรือไม่?” เด็ก
สาวชุดขาวกล่าวเสียงหวาน
“แน่นอน!” ฉินหยุนหัวเราะรับ “เจ้านามว่าอะไร?”
“ข้าฉื่อซินซิน!” เด็กสาวชุดขาวกล่าวคําจบ นางก็ใช้มือน้อยนั่นคว้า
เอาตะเกียบขึ้นมาเริ่มกินอาหาร บ่งบอกถึงว่านางหิวโซมากมายเพียงใด
ผู้คนขณะนี้ต่างริษยา พวกเขาไม่คาดคิด ว่าเด็กสาวจะกลายสภาพ
เป็นผู้รํ่ารวยในพริบตา ทั้งยังเลี้ยงอาหารผู้อื่นที่มูลค่าหลายแสน
เหรียญม่วงด้วยซํ้า
ขณะเดียวกัน พวกเขาต่างก็กล้าบอก ว่าฉินหยุนเหนือลํ้าเพียงใด ไม่
เพียงแต่แยกแยะวัสดุสําหรับการขัดเกลาที่ดีหรือเลว ทั้งยังรํ่ารวยอีก
ด้วย
โต๊ะฉินหยุนค่อนข้างใหญ่ นอกจากนี้เขายังสั่งอาหารมาหลายจาน
แต่แรก กระทั่งว่ากินคนเดียว ก็คงต้องใช้เวลานานกว่าจะกินหมดสิ้น
แม้ฉื่อซินซินอายุราวสิบสามปี นางก็ไม่ได้กินนานมากนัก แต่ก็กิน
อาหารและขนมเข้าไปไม่ใช่น้อย
“ท่านลุงชื่นชอบกินสิ่งใดกัน? อย่าได้มากมารยาทแล้ว รีบสั่งมากิน
เร็วเข้า!” ฉื่อซินซินดื่มกินจนอิ่มเอม ขณะนี้ใบหน้าเผยรอยยิ้มหวาน
ฉินหยุนยิ้มตอบ หันไปสั่งอาหารโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
ฉื่อซินซินคิดอยากเลี้ยงฉินหยุนเป็นการขอบคุณ เพราะฉินหยุนไม่
อาจซื้อหินของนาง นี่เป็นความผิดที่ติดค้างอยู่ในใจของนาง
นอกจากนี้ นางยังรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณฉินหยุน!
ฉินหยุนย่อมทราบความคิดของฉื่อซินซิน ดังนั้นจึงไม่กล่าวอันใดมาก
ทั้งยังไม่ปฏิเสธความหวังดีของนาง เพราะบางครั้งการรับความหวัง
ดีของผู้อื่น ก็ทําให้ทั้งผู้รับและผู้ให้ต่างยินดีทั้งคู่
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองจึงร่วมดื่มกินอย่างสุขสันต์
เมื่อฉื่อซินซินได้เห็นฉินหยุนสั่งอาหารเพิ่ม นางรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง
ขณะนี้ถึงกับนั่งแกว่งขาบนเก้าอี้เล่นไปมา
ขณะนี้เอง เด็กหนุ่มหล่อเหลาห้าคนสวมใส่ชุดหรูหรา และหญิงสาว
สามคนสวมใส่ชุดงดงามพลันเดินเข้ามา
ฉื่อซินซินพอได้เห็นชุดที่งดงามของหญิงสาวทั้งสาม ใบหน้าของ
นางเผยความอิจฉา อดไม่ได้ที่จะมองหญิงสาวทั้งสามบ่อยครั้ง
เมื่อฝูงชนได้พบเห็นเด็กหนุ่มและหญิงสาวเหล่านั้น เสียงพลันเงียบ
ลง ราวกับไม่กล้ากล่าวอันใดออกมาดัง
นี่ก็เพราะ เหล่านี้ตรงหน้าเป็นศิษย์ของสํานักเก้าตะวัน!
ฉินหยุนเพียงประหลาดใจเล็กน้อยยามที่เห็นลวดลายบนชุดหรูหรา
พวกเขาพอนั่งลง บริกรของโรงเตี๊ยมจึงเข้ามารับรอง
ศิษย์เหล่านี้มาเพื่อสั่งอาหารและดื่มกิน
ไม่มีผู้ใดกล้ายั่วยุสํานักเก้าตะวันในที่แห่งนี้ กระทั่งตําหนักจารึกเทวะ
ก็ยังต้องให้ความยําเกรงพวกเขา
ชายชุดสีนํ้าเงินกินไปพลางกล่าว “สงสัยนักว่าฉินหยุนนั่นแข็งแกร่ง
เพียงใด ถึงขั้นทําให้ตําหนักโทเทม ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง และ
ตําหนักจารึกเทวะสูญเสียใหญ่หลวงเพียงนั้น!”
“ไม่ต้องกล่าวถึงคนพวกนั้น กระทั่งสํานักเก้าตะวันของเรายังสูญเสีย
ไปไม่น้อย!” บทสนทนาลื่นไหลไปขณะเด็กหนุ่มหนึ่งในนั้นหัวเราะ
เสียงเย็น “เป็นไปได้ว่าเพราะพวกมันอ่อนแอกันเกินไป!”
หญิงสาวชุดแดงกล่าว “ย่อมไม่! พวกเขาล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ระดับที่เก้า ขณะที่ฉินหยุนอยู่เพียงระดับที่ห้าหรือไม่ก็หก ฉินหยุน
ย่อมไม่มีทางอ่อนแออย่างแน่นอน!”
เด็กหนุ่มผอมแห้งในชุดสีแดงเผยสีหน้ารังเกียจเปี่ ยมล้น “นั่นก็เพราะ
พวกมันล้วนเป็นสวะ! หากเป็นข้าบุกโจมตี คงทําให้ฉินหยุนนั่น
คุกเข่าร้องขอความเมตตาแล้ว!”
“ข้าย่อมไม่เชื่อเจ้า! ตัวเจ้าเพียงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม เจ้า
มั่นใจแต่ใดว่าสามารถจัดการฉินหยุนนั่นได้? ข้าได้ยินว่าฉินหยุนคือ
ผู้ที่จัดการผู้ฝึกตนสายเลือดขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าได้!” หญิง
สาวงดงามทรงเสน่ห์ในชุดสีเขียวหัวเราะคิกคักเสียงเบา
ภายในสวนโบราณ หลายต่อหลายคนล้วนได้ยินชื่อเสียงลือนามของ
ฉินหยุน
ในช่วงหลายวันมานี้ ศิษย์ของตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ตําหนัก
โทเทม และอีกหลายสํานักล้วนเข้ามา
แม้พวกเขาล้วนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม กระนั้นก็มี
ชื่อเสียงในหมู่ผู้คนในพื้นที่ไม่น้อย
ทุกคนล้วนให้การต้อนรับพวกเขา อย่างไรแล้ว พวกเขาก็เป็นผู้มี
เบื้องหลังยิ่งใหญ่
เด็กหนุ่มร่างผอมสูงในชุดสีแดงเผยเสียงดังเหยียดหยัน “ฮ่าฮ่า ข้าอยู่
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามก็ใช่ แต่หุ่นเชิดจระเข้ของข้าสามารถ
จัดการได้แม้ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ! กับฉินหยุนนั่น ให้หุ่นเชิดข้า
ลงมือสักสิบชั่วลมหายใจก็พร้อมที่จะขุดฟันมันออกมากองบนพื้น
ได้ครบทุกซี่แล้ว!”
“มนุษย์จระเข้ของข้าคือหนึ่งในความวิเศษ! ในสวนโบราณแห่งนี้
ไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์ใดที่แกร่งกล้า เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า มันก็ไม่อาจ
จัดการหุ่นเชิดจระเข้ของข้าได้!” เด็กหนุ่มชุดสีทองกินไปพลางพูด
ไปพลางอย่างอหังการ
ฉินหยุนขณะนี้เพียงแต่ยิ้มกับตนเอง ปากยังคงเคี้ยวอาหารต่อเนื่อง
หญิงสาวทรงเสน่ห์ไม่กล่าวอันใดต่อ เพียงรับฟังคําคุยโวของเด็ก
หนุ่มชุดสีทอง ศิษย์ผู้อื่นของสํานักเก้าตะวันล้วนเงียบปากลงเช่นกัน
“เมื่อใดข้าพบวิญญาณดวงตะวันและออกไปได้ เมื่อนั้นสิ่งแรกที่คิด
ทํา คือจะไปยังนครโบราณยุทธ์เต๋า จับตัวฉินหยุนและกินมันทั้งเป็น
เช่นนั้นข้าจะได้รับสายเลือดราชสีห์สวรรค์ของมัน ฮ่าฮ่าฮ่า!” เด็ก
หนุ่มชุดทองหัวเราะดัง
ชั่วขณะนี้ ชายในชุดสีนํ้าเงินมองทางพวกฉินหยุน พบว่าอีกฝ่ ายกิน
อาหารมากหน้าหลายตาพร้อมฉื่อซินซิน พวกเขาถึงขั้นกินกันไม่
หยุดขณะสั่งต่อเนื่อง
ศิษย์ผู้อื่นของสํานักเก้าตะวันมองตามไป พบว่าเรื่องราวชวนไม่สบ
อารมณ์
นี่ก็เพราะมูลค่าที่ฉินหยุนและฉื่อซินซินกินกันอยู่นั้น แทบจะถึงสอง
แสนเหรียญม่วงแล้ว!
พวกเขายากจะเข้าใจยิ่งนักว่ามันเป็ นเรื่องราวอันใด!
พอได้ทราบว่าฉื่อซินซินได้รับมากว่าหนึ่งล้านเหรียญม่วง ขณะนี้
พวกเขาต่างเกิดความริษยา
เด็กหนุ่มชุดสีทองพร้อมหุ่นเชิดจระเข้ก้าวเดินไป นั่งลงตรงเก้าอี้ที่
โต๊ะของพวกฉินหยุน เขาคิดหยิบอาหารอีกฝ่ ายขึ้นมากินอย่างไร้
มารยาท
ตะเกียบพอยื่นออก สีหน้าฉินหยุนมืดมน ปลดปล่อยพลังจิตเข้ารั้ง
มือของเด็กหนุ่มชุดสีทองเอาไว้ เป็นการห้ามปรามอีกฝ่ าย
“ข้าสั่วจินเฟยจากสํานักตะวันทอง อยู่ลําดับที่เจ็ดของสวนโบราณ
แห่งนี้! อาหารพวกนี้ข้ากินสักครึ่งคําก็ไม่ได้หรือ?” สั่วจินเฟยเผย
ท่าทีโกรธเคืองกล่าวเสียงเบา
“ไม่ได้!” ฉินหยุนตอบกลับอย่างเฉยชา
สั่วจินเฟยหรี่ตาลง มองที่ฉื่อซินซินพร้อมกล่าว “เด็กน้อย เจ้าไม่คิดว่า
เหรียญม่วงที่มีมากเกินไปหรือ? ให้ข้าเก็บไว้ให้แก่เจ้าเป็นอย่างไร?
ไม่อย่างนั้น ข้ารับประกันว่าเจ้าจะไม่มีทางออกไปพ้นจากตําหนัก
จารึกเทวะได้!”
ฝูงชนมากมายพอได้เห็นเรื่องราว พวกเขาค่อยเข้าใจ ว่าบุคคลจาก
สํานักเก้าตะวันก็ทําตัวเป็นขอทานได้เช่นกัน!
“ข้า… ข้า…” ฉื่อซินซินทราบความน่ากลัวของสํานักเก้าตะวันเป็น
อย่างดี นางขณะนี้มีทรัพย์สิน ทว่าไม่มีกําลังพอให้ปกป้องมันเอาไว้
นางไม่คิดสร้างปัญหาให้แก่ฉินหยุน จึงนําเอาบัตรผลึกสีม่วงออกมา
และส่งไป
สั่วจินเฟยหัวเราะขณะยื่นมือไปรับ กระนั้น เขากลับพบว่าฉินหยุน
คว้าบัตรผลึกเอาไว้เสียก่อน
“ซินซิน หากเจ้ามอบให้แก่เขา เจ้าจะจ่ายค่าอาหารเหล่านี้อย่างไร?
เจ้าบอกแล้วว่าจะเลี้ยงข้า!” ฉินหยุนยิ้มพลางส่งบัตรผลึกกลับคืนแก่
ฉื่อซินซิน
สั่วจินเฟยลุกขึ้นยืนกล่าวอย่างมีโทสะ “สารเลวนัก กล้าดีอย่างไรทํา
ตัวอหังการต่อหน้าข้า นายน้อยสั่วผู้นี้! หากเจ้ามีความกล้า เช่นนั้น
จงเอ่ยนามออกมา!”
“นามข้าคือฉินหยุน!” ฉินหยุนมองที่สั่วจินเฟยพร้อมยิ้มรับ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าจะบอกว่าเป็นฉินหยุนผู้นั้น?” สั่วจินเฟยหัวเราะดัง
ผู้อื่นล้วนกายแข็งทื่อไปวูบก่อนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฉินหยุนอยู่เกินกว่าขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม มันไม่มีทางเข้า
มาได้!”
“ใช่ ข้าพบเห็นคนโง่งมมาก็มาก แต่กลับไม่เคยพบเจอหน้าโง่เช่นนี้
ถึงขั้นอวดอ้างว่าเป็นฉินหยุนหรือ? ไม่หวั่นเกรงถูกกินทั้งเป็นหรือ
ไร!”
“หากมันเป็นฉินหยุน ข้าจะกินมันทั้งเป็นเอง!”
ผู้คนล้วนส่งเสียงอึกทึกหัวเราะเป็นการใหญ่
หญิงสาวเดินเข้ามาพร้อมยิ้มซุกซน “กล่าวตามตรง ข้านับถือฉินหยุน
อย่างไรแล้ว เขาก็ก่อเรื่องสะเทือนฟ้าสะท้านแดนดินไปมาก! กระนั้น
เจ้ากลับไม่คล้ายฉินหยุนแม้เพียงนิด!”