Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 485 ยันต์ตามรอยตะวัน
ตอนที่ 485 ยันต์ตามรอยตะวัน
ฉินหยุนทราบว่าเก้าตะวันตกอยู่ในอันตราย วิญญาณดวงตะวันของ
เก้าดวงตะวันกระจัดกระจายสู่เก้าแดนอ้างว้างยิ่งใหญ่ ขณะนี้เขาพบ
พวกมันเพียงหนึ่ง
เขานําเอานกกระจอกลึกลํ้าเก้าสวรรค์ออกมาวางในฝ่ ามือ เจ้าตัวน้อย
น่ารักนี้เสมือนลูกเป็ดน้อย มันกระพือปี กไปมาไม่หยุด
“เหมือนนางจะหิวแล้ว!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มอ่อนกล่าวคํา
ฉินหยุนนําเนื้อมังกรออกมาวางในจานใบใหญ่
นกกระจอกเก้าสวรรค์ขณะนี้พุ่งเข้าใส่ อ้าปากเล็กจ้อยพร้อมพ่นเอา
กระแสอัคคีเพลิงออกมา มันกําลังเผาย่างเนื้อมังกรก่อนจะกินด้วย
ท่าทีเป็นสุข
“เปลวเพลิงของเจ้าตัวน้อยนี่แกร่งกล้านัก!” ฉินหยุนอุทานขณะมอง
จานที่ถูกเผาเป็นก้อนสีดํา
“นี่คือสัตว์เทวะ! แม้นางตัวเล็กแค่นี้ แต่ทั้งหมดล้วนแกร่งกล้าอย่าง
ยิ่ง!” หยางฉีเย่ว์ตอบ
ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงตัดเนื้อมังกรอีกราวหนึ่งร้อยจิน ก่อนจะป้อน
เจ้าตัวน้อยจนอิ่มท้องได้
หลังจากนกกระจอกเก้าสวรรค์กินอิ่ม มันหลับตาลงพร้อมเข้าสู่ห้วง
นิทรา ฉินหยุนเร่งรีบนํานางกลับคืนสู่วิญญาณเทวะเก้าตะวัน
“พี่หยาง เหตุใดท่านไม่ตั้งชื่อให้นางกันเล่า!” ฉินหยุนเอ่ยคําขึ้น
“นางคือวิญญาณดวงตะวันจากดวงตะวันตัวจริง ดังนั้นเป็ นหยางหยาง
ก็แล้วกัน!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มกล่าว “เจ้าคิดว่าชื่อนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
*หยาง หมายความถึง ดวงตะวัน หรือ พระอาทิตย์*
“ไม่เลว!” ฉินหยุนยิ้มตอบขณะกล่าวคําทวนซํ้าสองครั้ง
ในไข่มุกเม็ดแรก มีภูติน้อยนามโมโม นั่นก็เป็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก
น่ารักอีกหนึ่ง
ฉินหยุนปลดปล่อยโมโมออกมา นางบอกว่าต้องการพบหยางฉีเย่ว์
เขาเองก็ไม่ทราบว่าเพราะอันใด
“ภูติอสูร!” หยางฉีเย่ว์ร้องอุทาน
นางพลันนึกย้อนกลับไปเมื่อหลายปี ก่อน
ครั้งนั้น ฉินหยุนประมูลภูติอสูรตัวหนึ่งได้จากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
ผลลัพธ์ที่ได้ ฉินหยุนมีข้อพิพาทกับผู้อาวุโสสถาบันยุทธ์ชิงเสวียน
จนกระทั่งถูกขับไล่ออกมา
“นี่คือภูติที่เจ้าซื้อมาจากสถาบันยุทธ์ชิงเสวียนหรือ? ได้ยินว่านางเป็น
ถึงพระแม่!” หยางฉีเย่ว์มองภูติน้อยน่ารักในมือขณะเกิดความชื่นชอบ
ขึ้นมา
โมโมพยักหน้ารับ นํ้าเสียงอ่อนหวานเผยออก “สวัสดีพี่หยาง ข้าชื่อ
โมโม! เป็นภูติระดับพระแม่ ท่านพอจะช่วยเหลือข้าได้หรือไม่? โท
เทมจันทราทมิฬของท่านสําคัญกับข้ามาก ข้าคิดอยากคัดลอกมัน
ให้แก่ตัวเอง!”
“ไม่มีปัญหา!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มรับอ่อนโยน ขณะลูบใบหน้าภูติน้อย
ด้วยนิ้วมือ
โมโมเพียงกล้าออกมาหลังได้ทราบว่าหยางฉีเย่ว์พูดคุยได้ด้วยง่าย
“ขอบคุณพี่หยาง!” โมโมยิ้มหวานตอบกลับ
“ยินดีแล้ว เมื่อใดโทเทมข้าต้องการวิวัฒนาการ คงต้องขอให้เจ้า
ช่วยเหลือเช่นกัน!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มตอบ
“ยินดีอย่างยิ่ง!” โมโมพยักหน้ารับ ปี กโปร่งแสงขณะนี้กระพือออก
พระแม่แห่งเหล่าภูติสามารถทําให้โทเทมวิวัฒนาการด้วยความเร็ว
สูงลํ้าได้
หากผู้ฝึกตนได้รับโทเทม การวิวัฒนาการมันไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขา
จําเป็นต้องใช้ทรัพยากรอย่างมหาศาลและเวลา
“พี่หยาง ข้ามักต้องการสัตว์เลี้ยงที่แกร่งกล้ามาโดยตลอด ไม่คิดเลย
ว่าคราวนี้จะได้เจ้าสิ่งน่ารักเหล่านี้ไว้ในครอบครอง!” ฉินหยุนยิ้ม
อย่างช่วยไม่ได้ออกมา
กระต่ายหยก นกกระจอกเก้าสวรรค์หยางหยาง และภูติอสูรโมโม
เหล่านี้เรียกได้ว่าแกร่งกล้าและเหนือลํ้า
หยางฉีเย่ว์หัวเราะ “เจ้าอย่าได้ให้กระต่ายน้อยนั่นทราบเชียวว่าเจ้าคิด
ว่านางน่ารักน่าชัง ไม่เช่นนั้นนางได้โกรธเจ้าแน่!”
“ให้ข้าส่งคืนนางแก่ท่าน!” ฉินหยุนนําเอากระต่ายน้อยออกมา
“อย่าได้ นางคิดติดตามเจ้า!” หยางฉีเย่ว์เร่งรีบกล่าว
“พี่หยาง ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวน้อยนี่ยากเลี้ยงดูหรือ?” คิ้วของฉินหยุนขมวด
เผยออกว่าสิ่งที่ตนคิดขณะนี้ไม่ดีนัก
“มันไม่ใช่แค่ไม่ง่ายเลี้ยงดู แต่ยังน่ารําคาญอีกด้วย! แต่ก็ไม่ใช่เรื่อง
ยากเกินไป ในเมื่อเจ้าไม่มีอะไรให้นางได้กิน นางก็คงจะหลับต่อไป
อีกชั่วระยะหนึ่ง!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มเก้กัง
ตลอดมา โมโมคิดอยากปลุกกระต่ายน้อยมาเล่นด้วย กระนั้น กระต่าย
น้อยตะกละเกินไป ทันทีเมื่อนางตื่นขึ้น ฉินหยุนจะต้องยากลําบาก
ค้นหาอาหารให้นางได้กิน
โมโมเผยนํ้าเสียงเบา “พี่ชาย หากข้ามีโทเทมจันทราทมิฬ ท่านก็ไม่
จําเป็นต้องกังวลเรื่องอาหารการกินของข้าอีกต่อไป! ด้วยโทเทม
จันทราทมิฬ ข้าสามารถควบแน่นหยดแก่นจันทรา เมื่อถึงเวลานั้น
ทั้งข้าและกระต่ายน้อยจะกินมันได้!”
“จริงหรือ? วิเศษยิ่งนัก!” ฉินหยุนเผยเสียงยินดี
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์พาโมโมกลับมายังฐานค่ายอาคม
หยางฉีเย่ว์และโมโมไปอยู่ในห้องลับเดียวกัน เพื่อให้โมโมได้คัดลอก
โทเทมจันทราทมิฬ
ทางด้านฉินหยุน เขาอยู่ห้องลับอีกห้องหนึ่ง กําลังหลอมเสาอาคม
ด้วยกําลังของเขา ทําให้สามารถสร้างได้เพียงอาคมวิญญาณระดับ
ราชัน หากค่ายอาคมฝังเอาไว้กับเสา มันจะเพียงพอให้สกัดการโจมตี
จากขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณได้
หากเขาต้องการขวางประตูของนครโบราณยุทธ์เต๋าเอาไว้ เขาก็ต้อง
ขวางการโจมตีของผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณเอาไว้ให้ได้
เสียก่อน
ไม่อย่างนั้น ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณจะทําลายค่ายอาคม
วิญญาณที่ภายนอกประตู
ฉินหยุนใช้เวลาหลายวันกว่าจะขัดเกลาเสาอาคมทั้งเก้า โดยใช้ทั้ง
อักขระจันทราและดวงดาว ขณะนี้เขาสามารถใช้งานค่ายอาคมของ
นครโบราณ เพื่อทําการดูดกลืนพลังให้แก่รากฐานของค่ายอาคมได้
เมื่อขัดเกลาเรียบร้อย เขาจึงเร่งรีบมุ่งหน้าไปยังประตูเมือง จัดแจง
ติดตั้งเสาทั้งหลาย จากนั้นจึงเปิ ดค่ายอาคมใหญ่สําหรับป้องกันให้
ทํางาน
ในช่วงหลายวันมานี้ ข่าวคราวเรื่องราวที่เกิดขึ้นในนครโบราณยุทธ์
เต๋า ได้กระจายไปทั่วทั้งแดนยุทธ์อ้างว้าง
แม้ตําหนักโทเทมสูญเสียใหญ่หลวง กระนั้นพวกเขายังไม่คิดปล่อย
วางการตั้งค่าหัวแก่ฉินหยุน
ผู้ฝึกตนตําหนักโทเทมยังมีขอบเขตวรยุทธ์เต๋าหลงเหลืออีกมาก
อย่างไรแล้ว ที่นี่ก็คือสามแดนอ้างว้าง พวกเขาย่อมไม่ปล่อยวาง
รากฐานที่สร้างมานานให้เลือนหาย
กระทั่งสํานักอื่น รวมถึงตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ต่างก็หลงเหลือผู้
ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า พร้อมขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณจํานวนหนึ่ง
หรือก็คือ ในอีกไม่ช้า ผู้แข็งแกร่งที่สุดของสามแดนอ้างว้าง จะเป็นได้
แค่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณเท่านั้น
หลังจากฉินหยุนกลับไปยังฐานค่ายอาคม โมโมและหยางฉีเย่ว์ก็
ออกจากห้องลับพอดี
“พี่หยุน ข้าได้รับโทเทมจันทราทมิฬสําเร็จเรียบร้อยแล้ว!” โมโมยิ้ม
หวานแสดงความยินดี
“หากมีหยดแก่นจันทรามากพอ เช่นนั้นก็ปลุกกระต่ายน้อยนั่นมา
เล่นด้วยได้!” ฉินหยุนยิ้มตอบ
หยางฉีเย่ว์ยิ้ม “เมื่อมีหยดแก่นจันทราเพียงพอ ถึงตอนนั้น กระทั่ง
กระต่ายน้อยนั่นก็คงไม่ยินดีติดตามข้าแล้ว!”
โมโมกลับสู่วิญญาณเทวะเก้าตะวัน เริ่มทําการควบแน่นหยดแก่น
จันทรา
หลังจากให้อาหารหยางหยาง ฉินหยุนจึงเก็บนางไว้ในไข่มุกเม็ดแรก
ร่วมกับโมโม
หยางหยางคือวิญญาณดวงตะวัน และก็เป็นนกกระจอกเก้าสวรรค์
เป็นสัตว์เทวะ
ตอนนี้ด้วยเพราะยังเด็ก จึงสามารถละเล่นกับโมโมได้โดยไม่สนอื่นใด
“เจ้าเป็ดน้อยนี่เป็นสัตว์เทวะจริงหรือไม่?” ฉินหยุนมองที่หยางหยาง
ขณะนี้กําลังเล่นสนุกขณะเอ่ยถามอย่างสับสน
“วางใจได้ หยางหยางยังเติบโตได้อีกมาก! เมื่อนางเติบโตขึ้น ความ
ทรงจําของนางจะตื่นรู้ขึ้นมา และเมื่อนั้นนางจะกลายเป็นนกกระจอก
เก้าสวรรค์ที่เกรียงไกร!” หยางฉีเย่ว์ขณะนี้คล้ายค้นหาอะไรบางอย่าง
ในฐานค่ายอาคม
พวกเขาทราบจากชายชราถึงความลับของนครโบราณที่ซุกซ่อน
เอาไว้
“ตรงนี้เหมือนจะเป็นเส้นทางลงไป!” หยางฉีเย่ว์เคาะแผ่นอิฐที่พื้น
เป็นการค้นหาอย่างตั้งใจ
ทางด้านฉินหยุน เขาโคจรพลังจิตสู่ฐานค่ายอาคม ใช้งานตัวอาคม
เพื่อสัมผัสถึงมัน
เพียงไม่นาน หยางฉีเย่ว์พบเห็นบางอย่าง นางตะโกนเสียงเบา “เสี่ยว
หยุน ตรงนี้มีอะไรอยู่ด้านล่าง รีบเข้ามายกก้อนอิฐขึ้นเร็ว!”
ฉินหยุนเร่งรีบเดินเข้าไป นําเอาก้อนอิฐยกขึ้นให้แก่หยางฉีเย่ว์ เขา
ค่อยตระหนักได้ตอนนี้ ว่าเบื้องล่างก้อนอิฐมันมีอักขระจํานวนมาก
สลักเอาไว้
“นี่เป็นผนึก! ต้องทําลายมันถึงจะเปิ ดประตูดินได้!” หยางฉีเย่ว์โอด
ครวญ
นางคิ้วขมวด “เสี่ยวหยุน อักขระเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นอักขระจันทรา
ล้วนยากแก่การทําลายทั้งสิ้น!”
“ให้โมโมจัดการได้!” ฉินหยุนเผยรอยยิ้ม
โมโมและหยางหยาง ขณะนี้วิ่งเล่นในมิติกว้างของไข่มุกเม็ดแรก
ปี กของนางขยับเคลื่อนไหวรวดเร็ว ขณะกําลังวิ่งเล่นสนุกสนาน
พลันถูกฉินหยุนเรียกตัวออกมา
นางแลบลิ้นออกด้วยความไม่ชอบใจที่ถูกขัด จากนั้นจึงเร่งรีบทําลาย
ผนึก ทําให้ผนึกไม่อาจคงสภาพ จากนั้นจึงกลับไปเล่นกับหยางหยาง
ต่อโดยไม่คิดรอ
“โมโมช่างยอดเยี่ยมนัก!” หยางฉีเย่ว์อุทาน “ไม่นึกเลยว่าภูติพระแม่
จะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย!”
“ท่านอยู่กับนางก็หลายวัน ไม่ได้พูดคุยกับนางเลยหรือ?” ฉินหยุน
ยิ้มกล่าว “เด็กคนนั้นกระทั่งทราบวิธีการซ่อมแซมอักขระ นางถือว่า
แข็งแกร่งมาก!”
“ช่วงที่อยู่กับนาง เป็นนางที่ถามข้าหลายต่อหลายคําถาม!” หยางฉี
เย่ว์ผลักเปิ ดประตู
หลังจากแผ่นหินสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ถูกยกขึ้นมา จึงเกิดเป็นรูกว้าง
ราวสองเมตรลึกลงไปในพื้นดิน
“ให้ข้าไปก่อน!” ฉินหยุนกล่าว
“ไปด้วยกัน!” หยางฉีเย่ว์กล่าวคําไม่คิดรอคําตอบ เข้ากอดฉินหยุน
ไว้พร้อมกระโดดลงไป
ฉินหยุนกอดหยางฉีเย่ว์ตอบ ขณะนี้เขาได้สูดกลิ่นหอมเข้าไปพร้อม
ยิ้มกล่าว “พี่หยาง ข้าไม่นึกว่าร่างกายท่านยอดเยี่ยมเพียงนี้ ถึงกับ
ดีกว่าพี่หลัน!”
หยางฉีเย่ว์หัวเราะ “เสี่ยวหยุน เจ้าพบสาวงามมามาก ใครกันมีรูปร่าง
ดีที่สุดเล่า?”
“เรื่องนี้…” ฉินหยุนอึกอัก
“บอกความจริงต่อข้าแล้วข้าจะไม่โกรธ!” หยางฉีเย่ว์กอดฉินหยุน
แน่นขณะเคลื่อนคล้อยลงสู่ด้านล่าง
“พี่สาววิญญาณร้ายวารี!” ฉินหยุนบุ้ยริมฝีปาก “จากนั้นเป็นท่าน!”
หยางฉีเย่ว์ยิ้ม “ไม่นึกเลยว่าเจ้าสนใจพี่สุ่ยเพียงนั้น กระทั่งทราบ
รูปร่างของนาง!”
นางไม่ทราบว่าฉินหยุนและสุ่ยเทียนสื่อเคยใกล้ชิดกันมาก่อน
สุ่ยเทียนสื่อบ่อยครั้งจะเข้ามาพัวพันกับฉินหยุน กระทั่งฉวยโอกาส
จากเขา ดังนั้นฉินหยุนจึงทราบรูปร่างของนางเป็นอย่างดี
“ข้าสงสัยนักว่าพี่สาววิญญาณร้ายวารีกับพี่สาวซาลาเปานึ่งจะยังอยู่
ที่นี่หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยคํา
“ย่อมไม่ พวกนางอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ย่อมต้องไปยังแดน
วิญญาณอ้างว้างแล้ว! วางใจเถอะ ภายหน้าย่อมต้องได้พบกันอีก
แน่!” หยางฉีเย่ว์แค่นเสียงเบา “เหมือนเจ้าสนิทสนมกับพวกนางพอ
ตัวเลยนี่!”
“เป็นเช่นนั้น อย่างไรแล้วข้าก็เป็นอาจารย์จารึกที่หล่อเหลา พวกนาง
ล้วนคิดอยากฉวยโอกาสจากข้ากันทั้งสิ้น!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง
หยางฉีเย่ว์หยิกที่แก้มฉินหยุนไปทีหนึ่งค่อยหัวเราะออก “เช่นนั้น
พี่หยางคนนี้ขอฉวยโอกาสต่อเจ้าในภายหน้าบ้าง อย่าได้คิดปฏิเสธ
ข้าเชียว!”
“ย่อมไม่อยู่แล้วขอรับ!” ฉินหยุนยิ้มตอบ
หยางฉีเย่ว์ยังคงกอดฉินหยุนไว้ ทั้งสองเคลื่อนลงสู่ด้านล่าง ขณะนี้
รับรู้ถึงลมหายใจของกันและกัน อดไม่ได้ที่จะมองอีกฝ่ ายด้วยความ
ลึกลํ้าภายใน
ฉินหยุนได้เห็นริมฝีปากของหยางฉีเย่ว์ระยะใกล้ ขณะนี้มันกําลัง
เคลื่อนเข้ามาราวกับนางคิดจูบเขา มันถึงกับทําเอาความคิดภายในใจ
ของเขาว่างเปล่าและร่างกายแข็งทื่อ
ริมฝีปากเมื่อใกล้บรรจบลง เท้าทั้งสองก็สัมผัสพื้นแล้ว ในที่สุดก็ถึง
ปลายทางเบื้องล่าง
หยางฉีเย่ว์คล้ายเพิ่งได้สติก่อนจะคลายอ้อมกอดฉินหยุน ราวกับไม่มี
อันใดเคยเกิดขึ้น นางกล่าวคําด้วยสีหน้าที่ไม่แปรเปลี่ยนแม้เพียงนิด
“ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายสมควรอยู่ที่นี่!”
ห้องใต้ดินแห่งนี้กว้างใหญ่ พอลงมาถึงแล้ว แสงสว่างรอบห้องจึง
ลุกโชนสว่างไสว
ฉินหยุนกระแอมไอกระดากใจขณะสํารวจมองโดยรอบ สิ่งที่ได้เห็น
คือยันต์ตามรอยตะวัน!
ยันต์ตามรอยตะวันลอยอยู่กลางอากาศ สีของมันเป็นสีทอง แสง
สว่างสีทองสาดส่องเป็นประกายเรืองรองออกมา
“ด้วยยันต์นี้ พวกเราจะสามารถค้นหาวิญญาณดวงตะวันในสวน
โบราณได้!” ฉินหยุนก้าวเดินออกไป คว้าเอายันต์นั้นมาไว้ในมือ