Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 484 กระจกมารกลืนกิน
ตอนที่ 484 กระจกมารกลืนกิน
เมื่อหยางฉีเย่ว์ได้เห็นฉินหยุนลุกขึ้นยืน นางเร่งรีบประคองร่างของ
เขาลงพร้อมบอกกล่าว “พักผ่อนไป ข้าจัดการเอง!”
ร่างมังกรดําที่ทะยานมาไม่ใหญ่มาก ขนาดตัวยาวประมาณสิบเมตร
และครอบครองออร่ามังกรอันแข็งแกร่ง ขณะนี้มันปลดปล่อยเสียง
คํารามกราดเกรี้ยวพร้อมพุ่งเข้าหาหยางฉีเย่ว์
หยางฉีเย่ว์จับจ้องมังกรดําที่พุ่งเข้ามา ดาบในมือจึงกวัดแกว่ง ปลดปล่อย
พลังภายในสีดํารูปลักษณ์จันทร์เสี้ยว
พลังภายในควบแน่นที่ตัวดาบ ด้วยเสียง วูบ วูบ ไม่กี่ครั้ง ดาบพลัง
ภายในจันทร์เสี้ยวบินลัดผ่านอากาศ เข้าขัดขวางมังกรดําเอาไว้
“นี่เป็นวิญญาณยุทธ์มังกรดํา! วิญญาณยุทธ์ของชายคนนี้เป็นวิญญาณ
ยุทธ์สีดํา!” ฉินหยุนตระหนักได้ขณะเผยความกังวลต่อหยางฉีเย่ว์
มังกรดําตัวนี้ คือวิญญาณยุทธ์ที่ชายชราปลดปล่อยออกมา อีกฝ่ าย
สะกดพลังของมังกรดําเอาไว้ให้ตํ่ากว่าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ดังนั้น
มันจึงสามารถเข้านครโบราณยุทธ์เต๋า
นอกจากนี้ สิ่งที่เขาทําขณะนี้ถือเป็นอันตรายยิ่ง หากวิญญาณยุทธ์
ได้รับบาดเจ็บ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะสูญเสียมันไป
เวลานี้ บรรดาชายชราของทั้งสามสํานักล้วนปรากฏตัวกันออกมา
ครบถ้วนแล้ว พวกเขากําลังลอยกลางอากาศ รับชมการต่อสู้เบื้องล่าง
หลังจากผสานรวมเข้ากับวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬ ไม่เพียงแต่หยาง
ฉีเย่ว์ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เจ็ด นางยังได้รับความสามารถ
วิญญาณยุทธ์อย่างความสามารถเทวะ พละกําลังของนางขณะนี้ เทียบ
เท่าได้กับขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับเก้าที่แกร่งกล้า
กระนั้นตอนนี้ ยามต้องเผชิญหน้ากับมังกร นางพบว่าเป็ นเรื่องยาก
ลําบาก
ฉินหยุนพักผ่อนครู่หนึ่งค่อยฟื้นคืนกําลังมาได้ จากนั้นจึงนําเอาปืน
ใหญ่ราชันลึกลํ้าออกมา
หากหยางฉีเย่ว์ยังต่อสู้กับมังกรดําตัวนั้นต่อไป นางจะต้องพ่ายแพ้
อย่างแน่นอน
ปื นใหญ่ราชันลึกลํ้าขณะนี้เล็งไปที่มังกรดํา เขาเริ่มสื่อสารบอกต่อ
หยางฉีเย่ว์
“พี่หยาง ข้าจะเริ่มแล้ว!” ฉินหยุนร้องบอก “ระวังแรงระเบิดด้วย!”
กล่าวคําจบ ปื นใหญ่ในมือเขาสั่นเล็กน้อยพร้อมยิงลูกปื นใหญ่พุ่ง
ทะยาน
กระสุนปื นใหญ่ยิงอย่างแม่นยําเข้าที่หัวของมังกรดํา!
มังกรดํา เดิมบินไล่ล่าหยางฉีเย่ว์ ขณะนี้ถูกแรงระเบิดเข้าปะทะ ส่ง
ร่างนั้นล้มลงไปกลิ้งกับพื้น
ถัดจากนั้น ฉินหยุนระดมยิงต่อเนื่อง กระทั่งนําแก่นเต๋าของขอบเขต
วรยุทธ์เต๋าออกมายิง!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
แรงระเบิดต่อเนื่องหลายครั้ง เกิดขึ้นเป็นฝุ่นดินฟุ้งกระจายในอากาศ
ปกคลุมทั้งพื้นที่
หยางฉีเย่ว์ค่อยทราบ เป็นนางประเมินพลังอํานาจปื นใหญ่ราชันลึก
ลํ้าของฉินหยุนตํ่าเกินไป มันถึงขั้นสามารถทําให้มังกรดําตัวนั้นอยู่
ในสภาพอเนจอนาถได้
“คิดหนีหรือ?” นางพบว่ามังกรคิดหลบหนี ดังนั้นจึงเร่งรีบพุ่งทะยาน
หยางฉีเย่ว์คํารามร้องเบา ดาบยาวในมือถูกขว้างออก มันควบแน่น
เอาไว้ซึ่งออร่าสีดําขณะพุ่งทะยานไล่หลังมังกรดํา
ขณะดาบทะลวงผ่านอากาศ รอยแยกลึกพลันปรากฏในพื้นเบื้องล่าง
เมื่อคมดาบยาวเกิดการสั่น ออร่าเย็นเยือกสีดําจึงทะลักออก เป็นผล
ให้เกิดชั้นนํ้าแข็งขึ้นบนพื้น
ฉินหยุนตื่นตระหนกต่อพลังความเย็นแกร่งกล้าของหยางฉีเย่ว์ เขา
ยังอดไม่ได้ที่จะสั่นกลัว
มังกรถูกจ้วงแทง มันคํารามร้องและร่วงหล่นกับพื้น!
โดยทันที ฉินหยุนทะยานกายไปใช้เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ ผนึก
มังกรดําตัวนั้นเอาไว้ในไข่มุกผนึกวิญญาณขนาดใหญ่!
ชายชราผู้ซึ่งปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์มังกรดําออกมา ขณะนี้สีหน้า
ซีดเผือด วิญญาณยุทธ์ของเขาไม่มีอีกต่อไปแล้ว!
เดิมเขาคิดว่าหากปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกไป จะสามารถควบคุม
มันเพื่อต่อสู้ ชัยชนะย่อมลอยให้เห็นอยู่ตรงหน้า
ถึงตอนนั้น กระทั่งว่าไม่อาจออกจากเมืองก็ไม่สําคัญอีกต่อไป ที่ต้อง
ทําก็เพียงแค่เข้าไปในห้องค่ายอาคมและควบคุมมันเอาไว้
แต่แล้วตอนนี้ มังกรได้รับบาดเจ็บ และยังถูกฉินหยุนจับตัวเอาไว้!
หยางฉีเย่ว์มองที่ชายชราทั้งสามคน นํ้าเสียงของนางเย็นเยือกพร้อม
จิตสังหารล้นพ้น “พวกเจ้าคิดหรือว่าแค่นี้สามารถจัดการพวกเราได้?
ช่างอ่อนต่อโลกยิ่งนัก!”
และมันก็เป็นสิ่งที่ทั้งสามคนจากสํานักเก้าตะวันคิดจริง
เพราะพวกเขาได้เห็นว่าผู้ช่วยเหลือของฉินหยุนจากไปหมดแล้ว
พวกเขาจึงคิด ว่าฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ลําพังย่อมเอาชนะได้ง่ายดาย
กระนั้นพวกเขากลับคาดการณ์ผิด ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ยังคง
แข็งแกร่ง!
“ส่งวิญญาณยุทธ์ของข้าคืนมา! ข้าจะยอมบอกความลับของนคร
โบราณให้!” ชายชราที่สูญเสียวิญญาณยุทธ์ ขณะนี้เผยสีหน้าน่า
เกลียดและซีดเผือดกล่าวคําออก
“ย่อมได้ บอกความลับของนครโบราณมาก่อน!” หยางฉีเย่ว์ตะโกน
ตอบ
“มาตรงนี้ แล้วข้าจะบอกความลับให้! อาจมีผู้อื่นอยู่ภายในนคร
โบราณ ข้าเกรงว่าพวกมันอาจได้ยินเข้า!” ชายชรากัดฟันแน่น
เพราะม่านพลังแยกพวกเขาออกจากกัน หยางฉีเย่ว์จึงไม่หวั่นเกรง
ขณะทะยานร่างเข้าไปใกล้
ฉินหยุนไม่ได้วางใจ เขาตามติดด้านหลัง
หยางฉีเย่ว์พอเข้าไปใกล้ ชายชราอีกสองคนพลันนําเอากระจก
ออกมาส่องที่หยางฉีเย่ว์!
กระจกทั้งสองบานปลดปล่อยแสงสีดําออกมาสองสาย แสงสีดํา
เหล่านี้ทะลวงผ่านม่านพลัง ส่องสว่างที่ร่างของหยางฉีเย่ว์ เกิดขึ้น
เป็นเส้นไหมสีดํารัดพันกายนางเอาไว้!
“พวกเจ้า! คนโป้ปด!” หยางฉีเย่ว์คํารามกราดเกรี้ยว
“ฉินหยุน จงรีบนําวิญญาณยุทธ์ข้ากลับคืนมา ไม่อย่างนั้นหญิงสาวผู้
นี้จะถูกกลืนกินโดยแสงสีดําและถูกทําลายจนสิ้น!” ชายชราที่ใบหน้า
ซีดเผือดเผยรอยยิ้มชั่วร้าย
หยางฉีเย่ว์พอได้เห็นฉินหยุนคิดเข้ามาใกล้ นางเร่งร้อนตะโกน
“เสี่ยวหยุนอย่าเข้ามา! นี่คืออักขระมารกลืนกิน แสงสีดําที่พวกมัน
ปลดปล่อยออกมาจะแปรเปลี่ยนเป็นแสงมารรัดพันรอบผู้คน หาก
สัมผัสมัน เจ้าก็ติดกับแล้ว!”
“ข้าจะช่วยท่านอย่างไร?” ฉินหยุนขมวดคิ้วถาม
เขาตั้งใจเข้าโจมตีที่เส้นแสงสีดํา ทว่ามันไร้ผล
ร่างกายของหยางฉีเย่ว์โดนปกคลุมเอาไว้ด้วยเส้นแสงสีดําจํานวน
มาก ใบหน้าของนางกําลังซีดเผือดทีละน้อย
“คิดหรือว่าจะทําลายกระจกมารกลืนกินของพวกเราได้!” ชายชรา
หัวเราะ “เลิกพล่ามได้แล้ว รีบส่งวิญญาณยุทธ์ข้ามา และจงมาเป็นข้า
ทาสของข้า!”
“สารเลว!” ฉินหยุนคํารามกราดเกรี้ยว ขว้างโยนเชือกสีทองออก
ความสามารถเทวะทะลุทะลวงผสานเข้ากับเชือกสีทอง เมื่อมัน
ทะลวงผ่านม่านพลัง มันจึงรัดพันร่างกายของสามชายชราเอาไว้!
สีหน้าของชายชราทั้งสามแปรเปลี่ยน พวกเขาพยายามดิ้นรน พวก
เขาไม่คาดคิด ว่าด้วยกําลังมหาศาลของตนเอง ก็ยังไม่อาจเป็นอิสระ
จากเชือกนี้ได้
“เส้นเอ็นมังกร!” ชายชราร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัว
“จงเข้ามา!” ฉินหยุนดึงสุดแรง ใส่พลังความสามารถเทวะทะลุ
ทะลวงเข้าไปเพิ่ม ฉุดเอาร่างของชายชราทั้งสามเข้ามาภายใน
“อ๊าก!”
ชายชราทั้งสามกรีดร้อง ระดับการฝึกฝนพวกเขาสูงส่ง แรงกดดันยิ่ง
แกร่งกล้าเป็นเงาตามตัว ร่างกายขณะนี้เริ่มมีควันลอยฟุ้งขึ้นมา
กระจกในมือของชายชราสองคน ตอนนี้ถูกทําลายจนสิ้นเพราะการ
ดิ้นรน
หยางฉีเย่ว์ขณะนี้ดิ้นรนเป็นอิสระจากแสงสีดําแล้ว
ชายชราทั้งสามล้มกับพื้น กลิ้งไปมาพลางกรีดร้องขณะร่างกาย
ปรากฏหมอกควันฟุ้ง
เพราะพวกเขาถูกโจมตีโดยพลังของค่ายอาคม พลังของพวกเขาจึง
สึกกร่อนและลอยฟุ้งออกมาอย่างต่อเนื่อง
ฉินหยุนเร่งรีบพุ่งทะยานเข้าไป นําเอาวิญญาณยุทธ์และแก่นเต๋าของ
ชายชราทั้งสองออกมา เป็นวิญญาณยุทธ์ตะวันระดับทองม่วง และ
วิญญาณยุทธ์ดวงดาวระดับทองม่วง นี่ถือเป็นวิญญาณยุทธ์ที่เลิศลํ้า
อย่างยิ่ง
หยางฉีเย่ว์พอได้เห็นสภาพชวนสังเวชของชายชราทั้งสามที่เข้ามา
ด้านในนครโบราณ นางจึงรู้สึกวางใจ พร้อมหันไปยิ้มให้แก่ฉินหยุน
“เจ้าถึงกับหาทางได้! เมื่อครู่คิดว่าจบสิ้นกันเสียแล้ว!”
“พวกมันรู้ความลับของนครโบราณ แต่ด้วยสภาพของพวกมันขณะนี้
ย่อมไม่เผยออกมาแน่!” ฉินหยุนถอนหายใจ “นครโบราณแห่งนี้
กว้างใหญ่ หากคิดค้นหาความลับนั่น อาจต้องใช้เวลายาวนานนัก!”
หยางฉีเย่ว์คิดอยู่ครู่หนึ่ง “เสี่ยวหยุน เจ้าทราบอักขระที่สามารถใช้
ควบคุมผู้คนได้หรือไม่?”
“จริงด้วย!” ฉินหยุนร้องตอบ “แต่นี่จะได้ผลหรือ? พวกเขาล้วนเป็น
ผู้ฝึกตนแข็งแกร่งกันทั้งสิ้น!”
“แกะสลักอักขระลงที่หน้าผากพวกมัน น่าจะได้ผล!” หยางฉีเย่ว์
โบกมือไหววูบ ส่งคลื่นอากาศสีดําเข้าหยุดยั้งชายชราทั้งสาม
“เจ้านําเอาวิญญาณยุทธ์และแก่นเต๋าพวกมันออกมาหมดสิ้นแล้ว
ขณะนี้เหลือเพียงแต่พลังจิตที่แกร่งกล้า ข้าจะทําให้พลังจิตพวกมัน
อ่อนแรง เจ้าค่อยใช้อักขระพิเศษนั่น!”
ฉินหยุนนําเอาปากกาลึกลํ้าสะท้อนจิตออกมา เริ่มทําการแกะสลัก
อักขระลุ่มหลงที่หน้าผากของชายชรา
ชายชราถูกสะกดเอาไว้โดยพลังสีดําของหยางฉีเย่ว์ ร่างกายไม่
สามารถขยับ พลังจิตขณะนี้ได้รับความเสียหายรุนแรง
“พวกเจ้าคิดหรือว่าจะจัดการพวกเราได้?” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ท้ายที่สุด
พวกเจ้าก็แค่แส่มาหาความตาย!”
ทั้งสามสํานักเดิมมากันหลายคน แต่หลังจากได้เห็นดวงตะวันสีแดง
ปรากฏ พวกเขาจึงส่งคนกลับสํานักเพื่อจัดแจงเตรียมเดินทางสู่แดน
วิญญาณอ้างว้าง
ดังนั้นจึงมีแต่ชายชราทั้งสามคน และขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า
อีกกว่าสิบคนที่อยู่ต่อ
เพียงไม่นาน ฉินหยุนแกะสลักอักขระลุ่มหลงเรียบร้อย เมื่อเรียกใช้
งานมัน ดวงตาของชายชราจึงกลายเป็นพล่าเลือน
“ความลับของนครโบราณยุทธ์เต๋าคืออะไร?” หยางฉีเย่ว์เร่งรีบเอ่ยถาม
“มันมียันต์และอาคมเคลื่อนย้ายอยู่ที่ฐานของนครโบราณยุทธ์เต๋า!
ยันต์นั้นสร้างขึ้นโดยสํานักเก้าตะวันร่วมแรง มันสามารถใช้เพื่อ
ค้นหาวิญญาณดวงตะวันในสวนโบราณได้!”
“อาคมเคลื่อนย้ายใช้ทําอะไร?” หยางฉีเย่ว์มองที่ฉินหยุน นาง
ประหลาดใจไม่น้อยขณะเอ่ยถามต่อ
“อาคมเคลื่อนย้าย สามารถเคลื่อนย้ายผู้คนโดยตรงไปยังสวนโบราณ
ในอาณาเขตของสามแดนอ้างว้าง และจะไม่มีการจํากัดระดับการฝึก
ตน ผู้ใดล้วนสามารถเข้าไปได้!” ชายชราตอบกลับ
ฉินหยุนถามต่อ “สํานักเก้าตะวันลําดับที่เก้าจบสิ้นได้อย่างไร?”
“เพราะพวกมันคิดยึดครองนครโบราณและยันต์ดังกล่าว อีกแปด
สํานักจึงร่วมมือทําลายพวกมัน!”
“อีกแปดสํานักซ่อนตัวที่ใด?” หยางฉีเย่ว์เอ่ยถามอีกครั้ง
ชายชรานําเข็มทิศออกมา “เข็มทิศนี้ จะแสดงถึงแปดแดนอ้างว้าง
ลึกลับโบราณ ที่สํานักเก้าตะวันทั้งแปดตั้งอยู่ในสามแดนอ้างว้าง”
หยางฉีเย่ว์รับเข็มทิศทองคําพลางเผยเสียงยินดี “จงรีบนําเอาสมบัติ
วิเศษลํ้าค่าพวกเจ้าออกมา!”
นางพอกล่าวคําจบ ชายชราหมดสิ้นสติ ถูกสังหารทิ้งโดยแรงกดดัน
ของค่ายอาคมใหญ่
“น่าจะถามให้เร็วกว่านี้!” หยางฉีเย่ว์เผยความไม่ยินดีขณะเตะร่าง
ชายชรา
ฉินหยุนยิ้ม “พี่หยาง หากพวกเราบอกให้มันนําของออกมาก่อนหน้า
พวกเราอาจไม่ทราบความลับของนครโบราณ! อย่างน้อยในความ
สูญเสียพวกเราก็ยังได้รับ!”
“นั่นก็จริง ด้วยเข็มทิศนี้ พวกเราจะค้นหาสํานักเก้าตะวัน จากนั้น
ค่อยตบทรัพย์พวกมันเมื่อถึงเวลา!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มกว้าง
ฉินหยุนนั่งกับพื้น มองไปยังท้องฟ้าสีคราม เขากล่าว “ในที่สุดก็ยึด
นครโบราณแห่งนี้ไว้ได้โดยสมบูรณ์!”
“ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าและราชันยุทธ์ล้วนกําลังไปจากสาม
แดนอ้างว้างในอีกไม่ช้า เจ้าสามารถตั้งม่านพลังรอบประตูเมือง เพื่อ
ไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาอีกได้!” หยางฉีเย่ว์กล่าว
ฉินหยุนพยักหน้ารับ “ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณก็มีผลด้วยใช่
หรือไม่?”
“ผู้ฝึกตนที่เพิ่งก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณไม่ได้รับผลแต่อย่างใด
แต่หากก้าวหน้าเมื่อใด เมื่อนั้นจึงมีผล!” หยางฉีเย่ว์ตอบคํา “ขอบ
เขตวรยุทธ์วิญญาณ อีกไม่นานก็ต้องย้ายออกจากสามแดนอ้างว้าง!”
“พลังของเก้าตะวันช่างน่ากลัวนัก ถึงขั้นควบคุมสามแดนอ้างว้างได้
โดยสมบูรณ์!” ฉินหยุนถอนหายใจ
“เก้าดวงตะวันให้กําเนิดแดนดินด้วยพลังยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าพวกมัน
ย่อมต้องแข็งแกร่ง!” หยางฉีเย่ว์มองตะวันสีแดงบนฟ้าพร้อมยิ้มออก
“เสี่ยวหยุน นับแต่นี้ เจ้าจะต้องปกป้องเก้าดวงตะวันไว้ให้ดี!”