Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 476 ในที่สุดก็ได้พบ
ตอนที่ 476 ในที่สุดก็ได้พบ
สีหน้าของหานเฝิงหู่แปรเปลี่ยน ขณะนี้มองที่แม่เฒ่าหลิง เขาเอ่ยถาม
ด้วยนํ้าเสียงลุ่มลึก “อย่าบอกนะว่าพวกนั้นออกมากันแล้ว?”
สีหน้าของผู้คนจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง รวมถึงตําหนักโทเทม
ล้วนแปรเปลี่ยนยิ่งยวด ใบหน้านั้นเปี่ ยมด้วยความหวาดกลัว!
“พวกเขา… ยังมีเหลืออยู่ในแดนอ้างว้างหรือ?” ราชันยุทธ์สายเลือด
เอ่ยถามด้วยความสะพรึง
“ตลอดมา! ลูกศรเทพกําราบตะวันเลือนหาย พวกเขาไม่ติดข้อจํากัด
ใดอีก ขณะนี้ล้วนออกมากันจนสิ้น!” หลังจากแม่เฒ่าหลิงกล่าวคํา
นางมองที่ฉินหยุน
ฉินหยุนพอได้ยินดังนี้ เขาพอคาดเดาได้ว่ากลุ่มที่แกร่งกล้านี้คือผู้ใด
กระนั้นก็ยังไม่แน่ใจ
หานเฝิงหู่ฉับพลันสูดลมหายใจเข้าลึก “สามแดนอ้างว้างจะไม่เป็น
ปึ กแผ่นกันอีกแล้วหรือนี่?”
กระทั่งราชันยุทธ์จากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ตําหนักโทเทม และ
กองกําลังอื่นยังเผยอาการสั่นกลัวกันออกมา!
แม่เฒ่าหลิงกล่าวต่อ “ฉินหยุน การที่ลูกศรเทพกําราบตะวันหายไป
ถือเป็ นเรื่องชวนประหลาดใจยิ่ง เพียงปุบปับพวกมันถึงกับหายไป
จากแดนยุทธ์อ้างว้าง! เจ้าไม่ทราบว่าในเก้าแดนอ้างว้าง มันมีสํานัก
ทรงพลังสุดหยั่ง พวกเขาคงอยู่มาตั้งแต่โบราณกาล นามว่าสํานักเก้า
ตะวัน!”
ครั้งแรกที่ฉินหยุนได้ยินนามสํานักเก้าตะวัน เป็นอู่หมิงซวีบอกต่อเขา!
ในแดนเทพอ้างว้างที่แกร่งกล้า มีเก้าสํานักที่เรืองอํานาจ พวกเขา
ควบคุมดวงตะวันทั้งเก้าเอาไว้!
สาขาของสํานักเก้าตะวัน มีกระจายอยู่ทั่วทุกหัวมุมของเก้าแดน
อ้างว้าง พวกเขาเป็นสํานักโบราณที่แกร่งกล้า
กระนั้นด้วยบางสาเหตุ สํานักเหล่านั้นกลับกลายเป็นเลือนหาย
หลงเหลือเอาไว้เพียงตํานาน!
อู่หมิงซวีได้กล่าวเอาไว้ ว่าเก้าดวงตะวันได้ส่งวิญญาณยุทธ์สู่เก้า
แดนอ้างว้าง เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกสํานักทั้งเก้าได้ครอบครอง
หานเฝิงหู่กล่าว “สํานักเก้าตะวันคงอยู่ในแดนวิญญาณอ้างว้างมา
โดยตลอด ตําหนักจารึกเทวะของพวกเรามีเก้าผู้อาวุโสใหญ่ พวกเขา
คล้ายจะมาจากสํานักเก้าตะวัน และยังรับหน้าที่ใหญ่หลวงในตําหนัก
จารึกเทวะ นี่เทียบเท่ากับพวกเขาเป็นตัวแทนจากสํานักเก้าตะวัน!”
แม่เฒ่าหลิงพยักหน้า “ทุกแดนอ้างว้างจําต้องมีสํานักเก้าตะวัน! แดน
ยุทธ์อ้างว้าง แดนปี ศาจอ้างว้าง และแดนสัตว์อสูรอ้างว้างในปัจจุบัน
มีทั้งสิ้นแดนละสาม รวมแล้วจึงเป็นเก้า! แดนวิญญาณอ้างว้างมีห้า
และแดนอสูรอ้างว้างมีสี่ รวมแล้วก็เป็นเก้าเช่นกัน!”
“ลูกศรเทพกําราบตะวันปรากฏในแดนยุทธ์อ้างว้าง ทําการสะกด
สํานักเก้าตะวันของสามแดนอ้างว้างเอาไว้! ดังนั้นสํานักทั้งเก้าจึง
หลบหนี เข้าสู่แดนอ้างว้างลึกลับโบราณของตนเอง และพวกเขาก็
ติดอยู่ในเขตแดนอ้างว้างเหล่านั้นมาโดยตลอด จนกระทั่งถึงวันนี้ก็
ไม่อาจเข้าสู่สามแดนอ้างว้างได้”
“พวกเขาขณะนี้สามารถออกมาได้ และยังคิดมายังนครโบราณยุทธ์
เต๋าโดยเร็วที่สุดด้วย!”
ฉินหยุนขมวดคิ้วและถามกลับ “แม่เฒ่าหลิง เช่นนั้นท่านคิดบอก
กล่าวว่า…”
“ออกจากนครโบราณเสีย ข้าและสหายของเจ้าจะไปจากที่นี่อย่าง
ปลอดภัย!” แม่เฒ่าหลิงกล่าว
“ไม่!” ฉินหยุนตอบกลับอย่างเด็ดขาด
เชี่ยวเย่ว์หลานคิดเช่นเดียวกับฉินหยุน นางไม่ยินดีที่จะไปจากนคร
โบราณยุทธ์เต๋า!
แม่เฒ่าหลิงถอนหายใจ “ฉินหยุน เจ้าต้องคิดให้ถี่ถ้วน สํานักเก้าตะวัน
คือต้นกําเนิดวิถีเต๋า! พวกเขาเชี่ยวชาญทุกแขนง ทั้งมรดกวิชายุทธ์
สายเลือดแกร่งกล้า โทเทม การจารึก ความสามารถเทวะ วิชาลึกลับ
และอีกหลายสิ่งอย่าง!”
หานเฝิงหู่พยักหน้ารับ “ในแดนวิญญาณอ้างว้าง สํานักเก้าตะวันเป็น
ตัวตนลึกลับ ศิษย์ของพวกเขาล้วนแข็งแกร่ง!”
“ข้าหาได้หวั่นเกรงไม่!” ฉินหยุนตอบกลับ “ให้พวกนั้นมา! ข้าพยายาม
อย่างหนักเพื่อได้เมืองแห่งนี้ ย่อมไม่ปล่อยมันไปแน่!”
แม่เฒ่าหลิงขมวดคิ้ว “เอาอย่างนี้เป็นไร? ให้ข้าเจรจากับพวกเขา เจ้า
แบ่งปันนครโบราณยุทธ์เต๋าร่วมกับพวกเขาเป็นไร?”
“ไม่! ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิต จะไม่ยอมแบ่งแม้สักนิดของนครโบราณ
ยุทธ์เต๋า!” ฉินหยุนเผยนํ้าเสียงหนักแน่น
แม่เฒ่าหลิงและแม่เฒ่าตู้ ทั้งสองเผยความลําบากใจ พวกนางทราบว่า
เชี่ยวเย่ว์หลานและไค่เซียงจิ้งยังอยู่ในเมือง ดังนั้นจึงคิดอยากพาทั้ง
สองออกไปโดยเร็วที่สุด
แม่เฒ่าตู้กล่าว “ฉินหยุน ข้าจะส่งศิษย์คนหนึ่งเข้าไปหารือรายละเอียด
กับเจ้า อย่างนี้เป็นไร?”
“ตกลง!” ฉินหยุนรับปาก เขาทราบว่าศิษย์ที่ส่งมา ก็เพื่อมาพูดคุยกับ
เชี่ยวเย่ว์หลาน
จากรถลากของแม่เฒ่าตู้ หญิงสาวก้าวเดินออก นางสวมใส่ชุดขาว มี
ผ้าปิ ดบังใบหน้า ดวงตาสุกสว่าง กระจ่าง และงดงามคู่นั้น แทบจะ
เผยความเจิดจรัสออกมา
กระโปรงขาวของหญิงสาว รวมกับเส้นผมยาวพลิ้วไหวกับสายลม
ราวกับนางผสานเข้ากับสายลมแห่งธรรมชาติ คลื่นจิตวิญญาณก่อ
เกิดรอบตัว ยิ่งทําให้ขับเน้นความงดงามของนางมากขึ้น
ฉินหยุนเพียงได้เห็นดวงตาของหญิงสาว เขาก็ทราบว่าเป็นหยางฉีเย่ว์!
ตัวตนอันงดงาม แทบเสมือนไม่ใช่สิ่งที่ควรมีอยู่จริง ราวกับธรรมชาติ
ขัดเกลารวมความงามเอาไว้ที่นาง นี่คือบุคคลที่เขาคุ้นเคยด้วย!
ตั้งแต่ที่วิญญาณยุทธ์ของหยางฉีเย่ว์เกิดปัญหา ฉินหยุนก็ไม่ได้พบ
กับนางอีกเลย
ขณะนี้ ในที่สุดเขาก็ได้พบ ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะเกิดความตื่นเต้น
ยินดี พร้อมกันนี้ ความรู้สึกอันซับซ้อนได้ไหลผ่านในใจของเขา
หยางฉีเย่ว์ร่อนลงกับพื้นเชื่องช้า จากนั้นค่อยลอยอย่างนุ่มนวลเข้าใน
ตัวเมือง
เมื่อหานเฝิงหู่ได้เห็นหยางฉีเย่ว์เข้าเมือง เขาพลันกล่าวออก “แม่เฒ่า
หลิง… หลังเข้าเมืองไปแล้ว ผู้คนไม่อาจออกมาได้ สําหรับเหตุผล
นั้น ข้ายังไม่มั่นใจนัก!”
“ว่าอะไร? เหตุใดไม่บอกให้เร็วกว่านี้!” สีหน้าแม่เฒ่าหลิงแปรเปลี่ยน
นางขณะนี้ร้องตะโกน คว้าคอเสื้อของหานเฝิงหู่เอาไว้อย่างไม่กลัว
เกรง
“เป็ นเจ้าบอกไม่ใช่หรือว่าทราบสถานการณ์ที่นี่ดี? ดังนั้นจึงคิดว่า
เรื่องนี้ก็ทราบ!” หานเฝิงหู่เร่งร้อนแก้ตัว
“อย่างนั้น… ควรทําอย่างไรต่อดี?” แม่เฒ่าตู้เผยความกังวล
นางทราบความสัมพันธ์ระหว่างหยางฉีเย่ว์และฉินหยุน ได้เห็นหยาง
ฉีเย่ว์เข้าเมือง มันทําเอานางรู้สึกราวกับโดนสุนัขคว้าชิ้นเนื้อไป ราว
กับนางจะไม่มีทางได้หวนคืนมาอีก
“ท่านผู้หญิง ที่นี่ไม่เหมาะนักที่พวกเราจะหารือกัน ไปหาที่อื่นกัน
ดีกว่า!” ฉินหยุนยิ้มกว้างให้หยางฉีเย่ว์
หยางฉีเย่ว์ไม่ปกปิ ดความยินดีผ่านดวงตางดงาม รอยยิ้มอ่อนจางทว่า
งดงามปรากฏที่ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุม
ด้วยเหตุนี้ แม่เฒ่าหลิงและแม่เฒ่าตู้จึงได้แต่เกิดความหนักอึ้งในใจ
ขณะมองหยางฉีเย่ว์จากไปพร้อมฉินหยุนและบุคคลในชุดดํา
ฉินหยุนพาหยางฉีเย่ว์เข้าสู่ด้านในป่ าลึก
หยางฉีเย่ว์ขณะนี้ถอดผ้าคลุมหน้าออกแล้ว ใบหน้างดงามขาวนวล
ของนาง ปรากฏรอยยิ้มที่มุมปาก
นางเข้าไปคว้าเอาหมวกคลุมศีรษะเชี่ยวเย่ว์หลานออก “พวกเจ้าทั้ง
สองช่างกระทําการท้าทายสวรรค์นัก!”
เชี่ยวเย่ว์หลานถองที่สีข้างฉินหยุนและหัวเราะ “พี่หยาง! เสี่ยวหยุน
คิดถึงท่านมาก!”
“อาจารย์หยาง ไม่พบกันนานยิ่งนัก!” ฉินหยุนเกาศีรษะพลางยิ้ม
หยางฉีเย่ว์หยิกใบหน้าของเขาพร้อมแสร้งโกรธ ดวงตานี้เปี่ ยมด้วย
ความคะนึงหาพร้อมกล่าวเสียงเบา “ฉินหยุน ตั้งแต่เจ้ามายังแดนยุทธ์
อ้างว้าง ควรปกปิ ดตัวเองให้มากกว่านี้! ดูเจ้าทําเข้า ยั่วยุกองกําลัง
ใหญ่โตวุ่นวายไปทั่ว!”
เชี่ยวเย่ว์หลานเอ่ยปากพร้อมใบหน้าที่เปี่ ยมด้วยจิตสังหาร “ยังมีอัน
ใดต้องหวั่นเกรง? เมื่อใดพวกเราแข็งแกร่งขึ้นในภายหน้า พวกเราจะ
สังหารพวกมันให้หมดสิ้น! ทั้งหมดนี่ก็เพราะพวกมันคิดอยาก
ครอบครองสิ่งของจากสามีข้า พวกมันคือผู้ที่ก่อการต่อเสี่ยวหยุน
ก่อน เป็นพวกมันต้องสูญเสียใหญ่หลวงกลับไปครั้งแล้วครั้งเล่า
กระนั้นก็ยังไม่มีผู้ใดเข็ดหลาบ!”
“ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เสี่ยวหยุนจะเดินทางไปไหนเพียงลําพัง! ตั้งแต่
เขายังเยาว์ เขาก็ต้องเผชิญหลายเรื่องราวผ่านความพยายามหนักหนา
ของตนเอง ขณะนี้ถึงวันที่เขาได้รับทุกสิ่งอย่าง แต่แล้วกลับมีกลุ่ม
คนที่ความสามารถแกร่งกล้า คิดอยากพรากสิ่งที่เสี่ยวหยุนพยายาม
อย่างหนักเพื่อได้รับมา”
“หากข้ามีกําลัง ข้าจะสับร่างพวกมันออกเป็นชิ้น แล้วเอาเนื้อพวก
มันไปให้สุนัขกินจนหมดสิ้น!”
หยางฉีเย่ว์หัวเราะ “เย่ว์หลาน เจ้าช่างปกป้องสามีตัวน้อยได้ดีนัก!”
“ถูกต้องแล้ว! เพราะเขาคือวีรบุรุษในใจข้า คือผู้ที่ช่วยเหลือข้าตั้งแต่
ยังเยาว์!” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยรอยยิ้มไม่ปิ ดบัง พร้อมเข้าไปจูบที่แก้ม
ฉินหยุน
หยางฉีเย่ว์ยื่นมือขาวนวลออก หยิกที่ใบหน้าฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์
หลาน “พวกเจ้าช่างเหมาะสมราวกับฟ้าประทานมอบให้! กระนั้นก็
ยังมีอีกหลายเรื่องให้ต้องระมัดระวัง!”
“ข้าทราบ!” เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ
“เหอะ! พวกเจ้าหาได้เคยฟังคําข้าไม่!” หยางฉีเย่ว์เผยเสียงถอนหายใจ
ขื่นขมกล่าวออก “หลังจากเข้าสู่นครโบราณยุทธ์เต๋า ผู้คนไม่อาจ
ออกไป นี่คือเรื่องอันใด? อย่าบอกว่าเป็นฝีมือพวกเจ้า?”
เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าวตอบ “พี่หยาง ด้วยรากฐานค่ายอาคม เสี่ยวหยุน
สามารถควบคุมอาคมมากมายได้จากที่นั่น! กล่าวได้ว่านครโบราณ
นี้เป็นของเสี่ยวหยุนแล้ว!”
“แต่… สํานักเก้าตะวันบัดซบนั่นคิดเข้ามา นี่คงเป็นศึกที่หนักหนา
อีกครั้งหนึ่งแน่!”
หยางฉีเย่ว์เผยความตระหนกขณะมองที่ฉินหยุน “เป็นความจริง
หรือ?”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ “เป็นความจริง! ข้าพบเจอรากฐานค่ายอาคม
นครโบราณแห่งนี้ และสามารถควบคุมค่ายอาคมจากด้านในนั้นได้!
ขณะนี้ เรื่องราวยากลําบากที่สุด คือการปกป้องนครโบราณแห่งนี้
เอาไว้!”
เชี่ยวเย่ว์หลานเผยความยินดี “พี่หยาง พื้นที่ซึ่งเสี่ยวหยุนและข้า
ลําบากไปมากเพื่อได้มา พวกเราย่อมไม่มอบมันแก่ผู้ใด!”
“พวกพี่ใหญ่เซี่ยเองก็บาดเจ็บเพราะเรื่องนี้ และสระนํ้าทั้งสามก็อยู่
ที่นี่ แช่กายในสระเหล่านั้น จะทําให้สามารถก้าวทะยานอย่างเลิศลํ้า!
เสี่ยวหยุนและข้าฝึกฝนสามแก่นเต๋า ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันพวกเราก็
ก้าวจากขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามถึงระดับที่ห้าได้แล้ว!”
“อย่างนั้นแล้วแผนการตอนนี้คิดทําอย่างไรต่อ?” หยางฉีเย่ว์คิ้วขมวด
เอ่ยถาม
ฉินหยุนตอบกลับ “ปกป้องเมืองแห่งนี้จากศัตรูที่คิดบุกเข้ามา จากนั้น
ค่อยฝึกฝนจนถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า! สระนํ้าทั้งสามเพียงพอ
ให้หลายคนได้ฝึกฝนร่วมกัน! พละกําลังพี่ใหญ่เซี่ยแกร่งกล้า หากเขา
ได้ฝึกฝนถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หกหรือเจ็ด ด้วยดาบต้นกําเนิด
ของเขา ย่อมสังหารผู้คนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับต้นได้!”
เชี่ยวเย่ว์หลานรั้งแขนหยางฉีเย่ว์เอาไว้พร้อมยิ้ม “พี่หยาง ท่านควรอยู่
ร่วมฝึกฝนกับพวกเราด้วย! ใช่แล้ว น่าจะคิดหาทางเรียกเย่ว์เหม่ย ซือ
เยี่ย และพี่เฟยหลิงมาด้วย พวกเราจะได้ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ระดับที่เก้าพร้อมกัน!”
“พี่หยาง สถานการณ์ของประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ขณะนี้เป็นอย่างไร
บ้างแล้ว?” เมื่อฉินหยุนได้ฟังคําถามนี้ หัวใจของเขาเผยความหนักอึ้ง
หยางฉีเย่ว์ตบที่ไหล่ฉินหยุน ริมฝี ปากเผยยิ้มขณะกล่าว “เมื่อเกิดเรื่อง
ขึ้นกับประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ แม่เฒ่าตู้ได้บอกกล่าวต่อผู้อาวุโสนาม
อู่หมิงซวีที่เป็นอาจารย์จารึกให้ไปที่นั่น นางบอกต่อข้า ว่าให้บอก
เจ้าอย่าได้เป็นกังวลถึงเรื่องนี้!”
ฉินหยุนพอได้ยิน เขาเผยสีหน้าตื่นเต้นยินดีออกอย่างไม่ปิ ดบัง “ผู้
อาวุโสอู่ไปที่นั่นแล้ว? วิเศษนัก!”
“ผู้อาวุโสอู่นี้แข็งแกร่งหรือ?” เชี่ยวเย่ว์หลานเร่งรีบเอ่ยถาม
“แข็งแกร่งยิ่ง! ครั้งที่ข้าเข้าสู่สุสานเซียน เป็ นเขาช่วยสังหารราชันยุทธ์
ทั้งหมดที่เข้าไป เขาสามารถสังหารราชันยุทธ์เหล่านั้นดังผักปลา!”
ฉินหยุนยิ้มตอบ
“วิเศษนัก เมื่อใดข้าจะมีพลังแกร่งกล้าเช่นนั้นบ้างกัน?” เชี่ยวเย่ว์หลาน
เผยความอิจฉาขณะเอ่ยถาม
หยางฉีเย่ว์กล่าวเสียงเบา “ฉินหยุน อย่าได้บอกพวกท่านยายตู้ว่าเจ้า
สามารถควบคุมค่ายอาคม! ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะหาทางบังคับให้เจ้า
เปิ ดทางแก่ค่ายอาคม!”
นางครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน คิดว่าเป็ นเรื่องดีที่ฉินหยุนและคณะ
จะได้มีความก้าวหน้าอย่างยิ่งยวด!
แท้จริงแล้ว นับตั้งแต่นางเข้ามาในนครโบราณ นางทราบว่าไม่อาจ
ห้ามปรามฉินหยุนได้แต่แรก
อย่างไรแล้ว นางก็รู้จักฉินหยุนเป็นอย่างดี นอกจากนี้ เชี่ยวเย่ว์หลาน
ยังดื้อรั้นไม่ต่างอะไรกับฉินหยุน บอกให้ทั้งสองปล่อยวาง ไม่มีทาง
ใช่เรื่องง่าย
“พี่หยาง ช่วยคิดหาทางให้เย่ว์เหม่ยมาที่นี่กันดีกว่า ข้าคิดอยากลงโทษ
แม่เด็กจอมซนนั่นเสียบ้าง!” ขณะนางนึกถึงน้องสาว รอยยิ้มอบอุ่น
จึงเผยที่ใบหน้า
หยางฉีเย่ว์กล่าวตอบ “ท่านยายหลิงและท่านยายตู้กําลังรอข้าที่
ภายนอก ถึงตอนนั้น คนที่จะเข้ามาพูดคุยด้วยน่าจะเป็นพี่ชิงเฉิง มาดู
กันว่านางสามารถช่วยพวกเราเป็นการลับได้หรือไม่!”
หยางฉีเย่ว์และเชี่ยวเย่ว์หลานไม่ทราบ ว่าฉินหยุนและสื่อชิงเฉิงมี
สัมพันธ์อันดีต่อกันเพียงใด พวกนางเพียงทราบ ว่าพวกเขาแค่เป็น
คนที่คุ้นหน้ากันเท่านั้น
ฉินหยุนยิ้มกว้าง “นางย่อมต้องช่วยเหลือแล้ว! บอกนาง ว่าข้าขอให้
ทํา! จริงด้วย ให้นางช่วยหาพี่สามฮั่วด้วยจะดียิ่งนัก ข้าอยากได้คนที่
เชื่อใจได้มาเข้าร่วม!”
“พวกเราจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและรวดเร็วไปด้วยกัน ได้ต่อสู้กับ
สํานักเก้าตะวันที่กําลังมาถึงไปด้วยกัน!”
ใบหน้าของเชี่ยวเย่ว์หลานเผยความเย็นเยือกขณะกล่าวออก “ไม่ว่า
มันเป็นใคร พวกมันคิดฉกชิงเมืองจากมือพวกเรา ดังนั้นโทษคือ
พวกมันทั้งหมดล้วนต้องตาย!”