Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 470 ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าสุดแกร่ง
ตอนที่ 470 ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าสุดแกร่ง
ฉินหยุนถอยฝี เท้า ขว้างโยนยันต์สะกดกายไปทางสระนํ้าสีทอง
ผู้ฝึกตนอสูรในสระนํ้าตื่นขึ้น พวกเขาคิดอยากกระโจนออกมา ทว่า
ร่างกายแข็งค้างไปแล้ว
เชี่ยวเย่ว์หลานเร่งรีบเข้ามา ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ทําการบั่นเศียรผู้
ฝึกตนกว่าสิบคน นางโจมตีรวดเร็ว เฉียบขาด และไม่ปรานี หาได้มี
ความลังเลแม้แต่น้อย!
นางมองทางสระนํ้าสีทองที่เต็มไปด้วยเลือด นํ้าเสียงเบากล่าวออก
“เสี่ยวหยุน คงต้องทําความสะอาดกันหน่อยแล้ว!”
ฉินหยุนเร่งรีบเข้าไป นําร่างออกมาจากสระนํ้า
สระนํ้าสีทอง เมื่อไม่มีสิ่งแปลกปลอม ขณะนี้เลือดเลือนหายอย่าง
รวดเร็ว
“เย่ว์หลาน เหมือนจําได้ว่าเจ้าใช้ดาบ! ไม่คิดว่าเลยว่าตอนนี้เปลี่ยน
มาใช้กระบี่แทนแล้ว!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“ข้าต้องใช้กระบี่เพื่อเรียนวิชาวายุสังหารหกกระบวนท่า!” เชี่ยวเย่ว์
หลานหัวเราะ “อาจารย์หยางสอนวิชายุทธ์กับข้ามากมายนัก”
“ในหุบเขาลึกลํ้าจันทรา นางไปได้ด้วยดีหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“แน่นอน!” เชี่ยวเย่ว์หลานมองศพเหล่านั้นและกล่าว “เร่งรีบไป
จัดการอีกสองสระนํ้าที่เหลือ!”
ชั่วขณะนี้ เขาค่อยพบว่าเชี่ยวเย่ว์หลานคัดลอกพลังโปร่งแสง ทําให้
ตัวนางโปร่งแสงได้
“เย่ว์เหม่ยไม่ควรได้คัดลอกวิญญาณยุทธ์นี้ของเจ้า!” ฉินหยุนอุทาน
ร้อง
“กระจกของนางคือวิญญาณยุทธ์ทองม่วง ดังนั้นจึงไม่สามารถคัดลอก
วิญญาณยุทธ์สีดํา! เด็กน้อยผู้นั้น หลังได้ทราบว่าวิญญาณยุทธ์ของ
ข้ามีพลังประหนึ่งเทพเจ้า แต่กลับไม่อาจคัดลอก ถึงกับโวยวายยก
ใหญ่!” เชี่ยวเย่ว์หลานสื่อสารกลับมาพร้อมยิ้มให้
ฉินหยุนนํานางผ่านประตูหินสู่อีกด้านหนึ่ง ก็เหมือนดังก่อนหน้านี้
เขาเร่งรีบลงมือ สังหารผู้คนด้านในจนหมดสิ้น
นํ้าภายในห้องหินนี้เป็นสีขาว เป็นสระหัวใจเต๋า เอาไว้ใช้เพื่อฝึกฝน
พลังจิต
ก่อนหน้านี้เป็นสระนํ้าสีทอง ใช้เพื่อบํารุงเลี้ยงฝึกฝนกายเนื้อ
ผู้คนในสระหัวใจเต๋า ก็เป็นผู้ฝึกตนอสูรเช่นกัน!
ฉินหยุนขณะนี้มั่นใจ ว่าสระนํ้าสุดท้ายก็สมควรเป็นผู้ฝึกตนอสูรแล้ว
บรรดาผู้ฝึกตนอสูรล้วนเป็นตระกูลสายเลือดทรงค่าจากแดนอสูร
อ้างว้าง พวกเขาต้องมอบผลประโยชน์มหาศาลแก่ตําหนักจารึกเทวะ
เพื่อมาฝึกฝนที่นี่ เป็นไปได้สูง ว่าพวกเขาอาจไม่ทราบด้วยซํ้าว่าที่
ภายนอกเกิดเรื่องอันใดขึ้น!
ในความเป็นจริง มีผู้คนน้อยนิดที่ทราบว่าสระนํ้าทั้งสามอยู่ที่ใด มี
แต่เบื้องบนของตําหนักจารึกเทวะที่ทราบ กระนั้นตอนนี้ ฉินหยุน
สังหารพวกเขาฉกชิงเอาแก่นเต๋ามาหมดสิ้น
หลังจากฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานเข้าถึงสระต้นกําเนิดเต๋า เรื่องราว
ง่ายดายดังก่อนหน้า พวกเขาสังหารผู้ฝึกตนอสูรด้านในจนหมดสิ้น!
สระต้นกําเนิดเต๋าเป็นนํ้าที่โปร่งใส บรรจุเอาไว้ซึ่งพลังวิญญาณเก้า
ตะวันอันหนาแน่น!
ฉินหยุนกําลังแยกวิญญาณยุทธ์พวกเขา ถึงขั้นสามารถเข้ามาถึงสระ
ทั้งสามเพื่อฝึกฝน วิญญาณยุทธ์ย่อมต้องดีเยี่ยม มีหลายคนที่ครอบครอง
วิญญาณยุทธ์ทองม่วง
“กลับกันดีกว่า ไปแจ้งต่อพี่จิ้ง จากนั้นค่อยกลับมาฝึกฝน!” เชี่ยวเย่ว์
หลานกล่าว
ฉินหยุนพยักหน้ารับ กลับไปยังห้องรากฐานค่ายอาคมพร้อมเชี่ยว
เย่ว์หลาน
เมื่อกลับมาแล้ว เขาใช้ฐานค่ายอาคมเปิ ดอาคมผนึกสระนํ้า เช่นนี้ จะ
ได้ไม่มีผู้อื่นเข้าไปรบกวนได้
สําหรับเขาและเชี่ยวเย่ว์หลาน พวกเขาสามารถผ่านม่านพลังเข้าไป
ด้วยความสามารถเทวะทะลุทะลวง
ด้วยพระสูตรหัวใจตะวันจันทราของฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลาน จะ
ยิ่งเป็ นการเร่งความเร็วการฝึกฝนมากขึ้น
ทั้งสองเข้าแช่กายในสระต้นกําเนิดเต๋า เริ่มการฝึกฝนร่วมกัน
ที่ประตูเมืองนครโบราณยุทธ์เต๋า ขณะนี้ยังมีผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์
เต๋าอยู่อีกมาก พวกเขาล้วนมาจากทั่วสารทิศของสามแดนอ้างว้าง
หลังพบว่าไม่อาจออกจากเมือง พวกเขาจึงไม่คิดบุ่มบ่ามเข้าไปอีก
ทางด้านผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่หกขึ้นไป พวกเขาไม่
หวั่นเกรงยามต้องเข้ามา
เพื่อจับตัวฉินหยุน คว้าเอาหนึ่งพันล้านเหรียญม่วง เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกตน
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋ายินดีเสี่ยงชีวิต ภายในใจพวกเขาล้วนเปี่ ยมด้วย
ความต้องการแรงกล้า
ตําหนักโทเทม ตําหนักจารึกเทวะ ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง สํานัก
จากแดนวิญญาณอ้างว้าง ราชันยุทธ์ทั้งหมดของพวกเขาพยายาม
อย่างหนักโจมตีค่ายอาคม ทว่าท้ายที่สุดก็ได้แต่จํายอมต้องถอย
พวกเขาได้แต่ส่งคนเข้าไป ทางหนึ่งก็เพื่อป้องกันทางออกเอาไว้ อีก
ทางหนึ่งก็เพื่อจับตัวฉินหยุน!
ในสายตาพวกเขา ฉินหยุนเปรียบดั่งมังกรอันลํ้าค่า!
ฉับพลันนี้ ยอดฝีมือหลายคนจากตําหนักโทเทมมาถึงประตูนครโบราณ
ยุทธ์เต๋า
ข้างกายพวกเขา มีชายหนุ่มชุดดําที่ต้องตาคนหนึ่ง!
ที่หน้าผากของชายหนุ่มชุดดํา มันมีอักขระสีดําสักเอาไว้ ดวงตาขาว
คู่นั้น ก็เปี่ ยมด้วยอักขระเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ เขายังมีใบหน้าหล่อเหลา เส้นผมยาวสีดําขลับ ยิ่งทําให้
ดึงดูดสายตาผู้คนได้มาก
ศิษย์รุ่นเยาว์ของตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ได้เห็นชายหนุ่มจาก
ตําหนักโทเทม ต่างหารือกันเองกันเสียงเบา
“นั่นเกาจี้หลงจากตําหนักโทเทม ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่แปด
อายุยี่สิบห้าปี ! ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่แปดด้วยอายุเพียง
เท่านี้ ช่างเป็นการท้าทายสวรรค์ยิ่งนัก!”
“ได้ยินว่าโทเทมของเขาเป็นโทเทมธรรมชาติ มันอยู่ตรงระหว่างคิ้ว
และดวงตา! ไม่มีผู้ใดทราบว่ามันเป็นโทเทมอะไร!”
“ตําหนักโทเทมคิดส่งเขาเข้าไปหรือ?”
“ไม่เพียงแต่ตําหนักโทเทม ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงล้วนมีคําสั่ง
เรียกรวมพลศิษย์ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่เหนือลํ้า ให้พวกเขาออกจาก
การเก็บตัวและมาที่นี่!”
“หากตระกูลอนุญาตเมื่อใด พวกเขาจะเข้าไปเมื่อนั้น! ข้าอยู่ขอบเขต
วรยุทธ์เต๋าระดับที่แปด ฉินหยุนเพียงขอบเขตวรยุทธ์ระดับที่สาม
เขาจะมีแรงต้านรับได้ไหวหรือ?”
“หากจับตัวฉินหยุนได้ อย่างนั้นจะได้รับสายเลือดและโทเทมของ
มัน!”
“การผสมผสานระหว่างสายเลือดราชสีห์สวรรค์และโทเทมราชสีห์
สวรรค์ ถือเป็นส่วนผสมที่เข้ากันได้ดีอย่างลึกลํ้าระหว่างโทเทมและ
สายเลือด พลังที่ได้รับย่อมต้องชวนสะพรึง ผู้ใดบ้างไม่ต้องการมัน?”
เกาจี้หลงยืนหยัดตรงหน้าประตูนครโบราณยุทธ์เต๋า มองที่ความ
วุ่นวายภายใน นํ้าเสียงเย็นเยือกกล่าวออก “ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับ
ที่เก้าเหล่านั้นเป็นขยะหรือไร? พวกมันไม่อาจกําราบขอบเขตวรยุทธ์
เต๋าระดับที่สามเอาไว้ได้ด้วยซํ้า!”
คํากล่าวของเขาเต็มไปด้วยความหยามเหยียด
“จี้หลง ระหว่างทางพวกเราบอกเรื่องราวของฉินหยุนไปแล้ว อย่าได้
ประเมินศัตรูตํ่าเกินไป!” หนึ่งในคนของตําหนักจารึกเทวะยํ้าเตือน
“เขามียันต์วิญญาณ มีอุปกรณ์เต๋า ข้าก็มี! ไม่เห็นมีอันใดให้ต้องหวาด
กลัว! ข้าเพียงแค่ต้องระวังความสามารถเทวะของมัน!” เกาจี้หลง
กล่าวคํา “กระทั่งว่ายิงข้าด้วยแก่นเต๋าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ข้าก็
ยังต้านรับได้ไหว!”
เมื่อผู้ฝึกตนอื่นได้ยินดังนี้ พวกเขาแทบไม่เชื่อหูตนเอง
พวกเขาล้วนได้ทราบ ว่าแก่นเต๋าระเบิดออกชวนสะพรึงเพียงใด กระทั่ง
ว่าเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ พวกเขาก็ยังต้องเผชิญแรง
กดดันมหาศาลจากการระเบิดแก่นเต๋าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ
หนึ่งในผู้อาวุโสตําหนักโทเทม ได้เห็นเกาจี้หลงมั่นใจ ดังนั้นจึงผ่อน
คลายไปมาก “จี้หลง เจ้ามีสองโทเทม สองวิญญาณยุทธ์ แต่เจ้าขาด
แคลนสายเลือด! หากจัดการฉินหยุนได้ เจ้าจะได้รับมรดกสายเลือด
อันแข็งแกร่งที่สุดมา!”
มุมปากเกาจี้หลงกระตุก เขามองทางผู้ฝึกตนสายเลือดและแค่นเสียง
“มรดกสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดค่อยคู่ควรกับข้า เกาจี้หลงผู้นี้! หาก
เป็นสายเลือดสวะ ให้ข้ามาก็มีแต่ทําข้าเสื่อมถอย!”
คํากล่าวนี้ ทําเอาผู้ฝึกตนสายเลือดมากมายมีโทสะ!
ที่เกาจี้หลงพูดกล่าว หมายความถึงหากเขาต้องการมรดกสายเลือด
ย่อมขอมาจากตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงเมื่อใดก็ได้ กระนั้น เขาไม่
คิดร้องขอ เพราะพวกมันอ่อนด้อยเกินไป
“จี้หลง ข้าฝากฝังเรื่องหาตัวฉินหยุนและควบคุมนครโบราณแก่เจ้า
แล้ว!” หนึ่งในราชันยุทธ์ตําหนักโทเทมตบที่ไหล่เกาจี้หลง “ทุกคน
เข้าไปได้”
“เจ้าคือผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าซึ่งแข็งแกร่งที่สุดของสามแดน
อ้างว้าง อย่าได้ทําพวกเราผิดหวัง!”
เกาจี้หลงยิ้มอย่างภาคภูมิ ก้าวเดินผ่านเข้าประตูเมือง
ผู้ฝึ กตนสายเลือดกล่าวอย่างเดียดฉันท์ “เพียงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับ
ที่แปด นับเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วหรือ? ขอบเขตวรยุทธ์
เต๋าระดับที่เก้าล้วนมีมากมาย พวกเขาหลายคนต่างมีสิทธิ์อวดอ้างตน
ว่าแข็งแกร่งที่สุดกันทั้งสิ้น!”
ได้ยินคําเช่นนี้ เกาจี้หลงหันมองทางฝูงชนที่ยืนด้านนอกเมือง นํ้าเสียง
เย็นเยือกกล่าวหาก “หากมีผู้ใดอ้างตนว่าเป็นขอบเขตวรยุทธ์เต๋าที่
แข็งแกร่งที่สุด จงบอกต่อข้า! ข้าจะได้สังหารมันไม่ว่าจะเป็นใครก็
ตาม!”
กล่าวคําจบ เขายิ้มเยาะพร้อมเข้าเมืองที่พังทลายไปหลายส่วนค้นหา
ตัวฉินหยุน!
ชายชราจากตําหนักโทเทมหัวเราะ “วิญญาณยุทธ์โทเทมคู่ของเกาจี้
หลง ค่อนข้างเหมาะสมกับโทเทมพอสมควร กระทั่งเผชิญหน้า
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า การจัดการอีกฝ่ ายก็ไม่ใช่เรื่องยาก!”
วิญญาณยุทธ์โทเทมที่ผสานกับโทเทม นั่นถือเป็นพลังที่ชวนสะพรึง
หากใช้งานมันให้ดี มันอาจเป็นการปลุกพลังสายเลือดจากโทเทมให้
ตื่นขึ้นมาได้
ผู้ฝึกตนสายเลือดส่วนใหญ่ ไม่มีผู้ใดตื่นรู้สายเลือดด้วยวิธีธรรมชาติ
พวกเขาปลุกมันหลังการถือกําเนิด โดยวิธีการแช่กายในสระเลือดซึ่ง
เป็นวิธีอันโหดเหี้ยม
เรื่องนี้เป็นข้อบ่งชี้ ที่ทําให้กําลังของสายเลือดอ่อนลง และพลังของ
สายเลือดที่สืบต่อกันเรื่อยมา ก็มีแต่อ่อนลงไปเรื่อย
ตําหนักจารึกเทวะและตําหนักโทเทม ล้วนตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ดี
และพวกเขาก็เป็นเพียงสองกลุ่มนอกตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงที่
ทราบเรื่องนี
ผู้อาวุโสจากตําหนักโทเทมมองทางราชันยุทธ์สายเลือดและกล่าว
“ไม่ส่งผู้ฝึกตนสายเลือดแกร่งกล้าเข้าไปหรือ? ด้วยผู้ฝึกตนสายเลือด
ที่เข้าไปแล้ว เจ้าคงไม่มีทางได้รับสายเลือดราชสีห์สวรรค์หรอก
กระมัง ฮ่าฮ่าฮ่า”
ผู้ฝึกตนโทเทมหัวเราะ “สายเลือดโดยธรรมชาติถือเป็นสมบัติลํ้าค่า
ของตระกูลพวกเจ้า มันถูกส่งต่อมาโดยสายเลือดดั้งเดิม! โดยเฉพาะ
ผู้ที่อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋า พวกเขาล้วนลํ้าค่า หากต้องตายที่นี่ เท่ากับ
พวกเจ้าต้องสูญเสียสายเลือดดั้งเดิมกันแล้ว!”
บรรดาผู้ฝึกตนตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงต่างมีโทสะ กระนั้นไม่อาจ
ตอบโต้คําใดกลับได้
“ตําหนักจารึกเทวะเล่า? ไม่ส่งคนเข้าไปเพิ่มหรือ? กลัวว่าคนของ
พวกเจ้าจะตายอยู่ด้านในนั้นหรือไร?” ชายชราจากตําหนักโทเทมเย้ย
หยันตําหนักจารึกเทวะพร้อมหัวเราะดัง
“พวกเขากําลังมา! พวกเจ้าเอาความสนใจที่มีไปลงที่เกาจี้หลงของ
พวกเจ้าเถอะ หากเขาตายที่ในนั้น คงน่าเสียดายแย่! อย่างไรแล้ว
ตําหนักโทเทมก็ไม่มีผู้ฝึกตนที่ตื่นรู้โทเทมของตนเองมากนักนี่!”
ราชันยุทธ์ตําหนักจารึกเทวะแค่นเสียงตอบกลับ
“ตําหนักจารึกเทวะ เรื่องนี้ต้องพูดกล่าว พวกเจ้าล้วนเป็นไอ้หน้าโง่!
เดิมมีสัมพันธ์อันดีกับฉินหยุนอยู่แล้ว ตอนนั้น พวกเจ้ามีโอกาส
ได้รับอักขระจากเขา สายเลือด และรวมถึงโทเทม! แต่แล้วกลับยอม
ปล่อยมือจากสมบัติลํ้าค่านี้มาเสียได้!”
ชายชราตําหนักโทเทมส่งเสียงเย้ยหยันดังลั่น “นับเป็ นเรื่องดี
ไม่เช่นนั้นผลประโยชน์คงตกไปอยู่กับตําหนักจารึกเทวะแล้ว อย่าง
นั้นพวกเราคงอิจฉาตาร้อนกันแย่!”
คนของตําหนักจารึกเทวะขณะนี้ แทบต้องหลั่งเลือดออกในหัวใจ!
เดิมฉินหยุนพึ่งพาตําหนักจารึกเทวะอย่างใหญ่หลวง แต่เบื้องบน
ตัดสินใจปล่อยมือจากฉินหยุน และยังทําการขับไล่ฉินหยุน ผลลัพธ์
ที่ได้คือเรื่องราวปัจจุบัน
ยิ่งเวลาผ่านไป ผู้ฝึกตนเริ่มเข้านครโบราณกันมากขึ้น
ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนเปรียบดั่งสมบัติสาธารณะ ผู้คนล้วนคิดอยากจับ
ตัวเขา
ฉินหยุนซ่อนตัวอย่างดีเยี่ยม และอยู่ระหว่างการฝึกฝนร่วมกับเชี่ยว
เย่ว์หลานในสระต้นกําเนิดเต๋า
“สถานที่แห่งนี้สมแล้วที่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
มันสามารถช่วยพวกเราฝึกฝนก้าวหน้าทะยานได้!” ฉินหยุนอุทาน
ขณะสัมผัสถึงพลังที่พรั่งพรู
“ดูเหมือนพวกเราจะก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้าได้อย่าง
รวดเร็ว!” เชี่ยวเย่ว์หลานเกิดความยินดีไม่น้อยเช่นกัน นางยิ้มกว้าง
“เสี่ยวหยุน ร่วมกันฝึกฝนในนครโบราณแห่งนี้ ก้าวสู่ขอบเขตวร
ยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าร่วมกันเถอะ!”