Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 460
ตอนที่ 460 ฉกชิง
ภายในนครโบราณยุทธ์เต๋า เจ็ดโฉมงามจันทรากล่าวได้ว่าโด่งดัง
อย่างยิ่ง
ทางหนึ่ง ก็เพราะรูปโฉมที่เหนือลํ้า พวกนางทั้งหมดเป็นโฉมงามแต่
กําเนิด เปรียบดั่งภูติสวรรค์ที่เคลื่อนคล้อยลงมาสู่โลก นอกจากนี้
หุบเขาลึกลํ้าจันทรา ยังเป็นที่โปรดปรานของสํานักจากแดนวิญญาณ
อ้างว้าง
สํานักที่มาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง เรียกขานกันว่าตําหนักจันทรา
ทมิฬ ไม่มีผู้ใดทราบว่าความแข็งแกร่งแท้จริงเป็นเช่นไร กล่าวก็คือ
ไม่มีสํานักอื่นหาญกล้ายั่วยุหุบเขาลึกลํ้าจันทราอีกต่อไป
นอกจากนี้ ศิษย์ของหุบเขาลึกลํ้าจันทรา ยังได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
โดยตําหนักจารึกเทวะ ขณะนี้ได้พักอาศัยในคฤหาสน์จารึกของนคร
โบราณ
นครโบราณยุทธ์เต๋า ตลอดมาอยู่ภายใต้การควบคุมของตําหนักจารึก
เทวะ หลายสิ่งอย่างย่อมถูกสร้างขึ้นใหม่โดยตําหนักจารึกเทวะ
เช่นกัน
กล่าวได้ว่าครั้งนี้ ตําหนักจารึกเทวะคิดสร้างผลประโยชน์ครั้งยิ่งใหญ่
ฉินหยุนขณะนี้มุ่งหน้าสู่คฤหาสน์จารึกเทวะ ตัวเขาในตอนนี้หาได้มี
ความรู้สึกดีอันใดต่อพวกเขาหลงเหลือ
กระนั้นตําหนักจารึกเทวะก็ยังเชื่อถือได้ อย่างน้อยก็มีหลายคนที่
แสดงท่าทีอันดีงาม และวางตัวได้อย่างดีภายในตําหนักจารึกเทวะ
มีแต่ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจึงสามารถเข้านครโบราณ ดังนั้นแล้ว
ผู้แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ย่อมอยู่เพียงที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับเก้า
หลากหลายสํานัก รวมถึงตระกูลชนชั้นสูง ล้วนส่งศิษย์ระดับเก้าเข้า
มาคุ้มกันศิษย์รุ่นเยาว์ของสํานัก
หากมีข้อพิพาท ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ ขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้า และ
ราชันยุทธ์ ก็ไม่อาจเข้าเมืองแห่งนี้
ดังนั้นตําหนักจารึกเทวะ จึงได้ส่งขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า
มากมายเข้ามา ทั้งหมดนี้ก็เพื่อควบคุมความสงบของทั้งเมือง
แม้นครโบราณกว้างใหญ่และมีชีวิตชีวา แต่สิ่งปลูกสร้างกลับตํ่าเตี้ย
มากสุดมีกันเพียงสี่ถึงห้าชั้น มีแต่คฤหาสน์จารึกเทวะที่สูงที่สุด ด้วย
ความสูงระดับเก้าชั้น จึงเป็นสิ่งปลูกสร้างต้องตาของผู้คนแต่ไกล
มีแต่พื้นที่ส่วนเมืองของนครโบราณจึงมีสิ่งปลูกสร้าง สถานที่ห่างไกล
ออกไป เป็นป่ า สวน หรือไม่ก็ธารนํ้าและทะเลสาบ หากมองภาพรวม
เมืองแห่งนี้งดงามและนับว่าน่าอยู่อาศัยเป็นเวลานาน
โชคร้าย สถานที่แห่งนี้ถูกควบคุมเอาไว้โดยตําหนักจารึกเทวะ
ขณะฉินหยุนเดินไป เขาก็ตรวจสอบนครโบราณยุทธ์เต๋าไปด้วย
ตําแหน่งใดจึงอํานวยความสะดวกในการฝึกฝน? พวกมันจะเป็น
อย่างไร? เหตุใดนครโบราณแห่งนี้จึงยังคงอยู่?
“ไม่ได้สิ เราจะไปพบพวกเย่ว์หลานตอนนี้ไม่ได้ ต้องไม่สร้างความ
ลําบากแก่พวกนาง!” ขณะฉินหยุนเดินไป เขาค่อยนึกขึ้นได้ ว่าการ
ไม่พบพวกเชี่ยวเย่ว์หลานขณะนี้ถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ตัวตนของเขาเป็ นเรื่องละเอียดอ่อน หากศัตรูพบเห็นเข้า ย่อมต้อง
ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของพวกเชี่ยวเย่ว์หลาน
ตําหนักจารึกเทวะที่นี่เป็นหอคอยสูงเก้าชั้น สร้างขึ้นในรูปแบบที่
เหมาะสมกับนครโบราณ มันดูเรียบง่าย เก่าโทรมอย่างมีความขลัง
ไม่ได้เป็นสีทองเปล่งประกายเหมือนอย่างตําหนักจารึกเทวะที่เขา
เคยพบเห็นทั่วไป
ที่ตรงหน้าประตูใหญ่ของตําหนักจารึกเทวะ เป็นลานกว้างขนาดใหญ่
ที่นี่มีเอาไว้ใช้จัดงานนานาชนิดตามแต่สะดวก
ฉินหยุนมาถึง พบเห็นไหใหญ่สามสิบใบ อดไม่ได้ที่จะต้องหัวเราะ
ออก ไหพวกนี้ถึงกับมีให้ละเล่นในที่นี้!
ที่เมืองวิญญาณขั้วเหนือ ตําหนักจารึกเทวะสูญเสียไปมาก กระนั้น
พวกเขาก็หาได้ยอมแพ้ต่อการเป็ นเจ้ามือพนัน เพียงแต่เปลี่ยนกฎเกณฑ์
เดิมมีหนึ่งร้อยไห ขณะนี้เหลือสามสิบ จํากัดการลงเดิมพันที่สิบล้าน
เหรียญม่วง
จํานวนเหรียญม่วงที่สามารถชนะในแต่ละรอบมีจํากัด โดยอ้างอิง
จากจํานวนเงินที่ใช้ลงเดิมพัน
หากรอบที่เขาลงเล่น มีการวางเดิมพันที่ห้าสิบล้านเหรียญม่วงจาก
ทั้งหมด อย่างนั้นเมื่อเขาชนะก็จะได้รับแค่ห้าสิบล้านเหรียญม่วง
ด้วยวิธีการนี้ ไม่ว่าจะมีความสามารถทํานายท้าทายสวรรค์เพียงใด ก็
ไม่มีทางที่สร้างความเสียหายแก่ตําหนักจารึกเทวะได้
เพราะเปลี่ยนแปลงเหลือจํานวนไหเพียงสามสิบ คนจึงสนใจร่วมเล่น
กันมากขึ้น นี่ถือเป็นการเล่นพนันที่ตําหนักจารึกเทวะหยิบยกมาเป็น
เรื่องพื้นฐานสําหรับทุกเมือง และนี่ก็เป็นหนึ่งในหนทางการแสวงหา
เหรียญม่วงมหาศาลของตําหนักจารึกเทวะด้วย
หลังจากฉินหยุนสอบถามวิธีการเล่นครบถ้วน เขาค่อยรู้สึกว่าสมแล้ว
ที่เป็นตําหนักจารึกเทวะ เจ็บ จํา และนํามาเรียนรู้ พวกเขาจะไม่มีทาง
ติดกับอีก ไม่ว่าจะด้วยอะไร วิธีการนี้จะไม่ทําให้ตําหนักจารึกเทวะ
สูญเสียแม้เพียงนิด ทว่าอย่างน้อย เขาก็ต้องไม่ให้คนเหล่านี้หาเงิน
ง่ายกันจนเกินไปนัก!
ฉินหยุนไม่ได้สวมใส่หน้ากากหนังมนุษย์ เพียงสวมใส่ชุดสีดํา และ
หมวกปี กยาวสีดํา ขณะนี้ใบหน้ามีหนวดเคราไม่น้อย หากผู้อื่นที่ไม่
คุ้นเคยพบเจอ ย่อมไม่มีทางจดจําเขาได้โดยง่าย
เมื่อเขามาถึง พบเจอร่างคุ้นเคยสองคน หนึ่งในนั้นเป็นชายผอมบาง
สวมใส่ชุดดํา และสวมหมวกสานเอาไว้บนศีรษะ
อีกคนสวมใส่ชุดแดงโดดเด่น มือถือพัดเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลา เป็น
มู่หรงต้าเหริน คนผอมบางคือหงเหยียน!
สีหน้าพวกเขาคล้ายไม่สู้ดีนัก เห็นได้ชัดว่าเสียไปมากเพราะการ
พนันตรงหน้า ขณะนี้กําลังทะเลาะกันเอง
“เป็ดมู่หรง เจ้าคิดว่าเหรียญม่วงของข้าเสกขึ้นจากอากาศหรือ?”
ใบหน้าของหงเหยียนแดงกํ่า นํ้าเสียงกล่าวโกรธเคือง “เจ้าหยิบยืม
เหรียญม่วงข้าตลอด และยังไม่เคยจ่ายคืน ครั้งนี้รวมแล้วสามสิบ
ล้าน!”
มู่หรงต้าเหรินยิ้มตอบ “สามสิบล้านเหรียญม่วง ไม่น่านับเป็นอะไร
กับองค์ชายเจ็ดเลยนี่! เหตุใดจึงพูดกล่าวออกมากัน?”
“วาจาไร้สาระ สามสิบล้านเป็ นเงินมากมายสําหรับข้า!” หงเหยียน
ตะโกนดัง “ข้าสูญเสียไปแล้วหลายสิบล้าน! และเจ้า เมื่อใดคิดคืน
มันต่อข้า?”
“อย่าได้กังวล ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิต ย่อมคืนมันแก่เจ้าแน่!” มู่หรง
ต้าเหรินเผยรอยยิ้มเฉยชา
ขณะนี้ พวกเขาพลันพบว่ามีคนผู้หนึ่งสวมใส่หมวกปิ ดบัง ด้วยเพราะ
อีกฝ่ ายเข้ามาใกล้แล้ว เขาจึงตระหนักได้ว่าอีกฝ่ ายเป็นคนคุ้นเคย
เขาเร่งรีบดึงหงเหยียนเข้าใกล้และเอ่ยถาม “ไก่ตาแดง นี่เป็นน้องหยุน?”
หงเหยียนมองตาม พบว่าคุ้นเคยยิ่ง เขาจึงตอบ “เป็นไปได้!”
ฉินหยุนยิ้มกว้างและทักทายทั้งสอง
มู่หรงต้าเหรินและหงเหยียนหาได้โพล่งตะโกนอันใด พวกเขาเงียบ
ปากพร้อมเร่งรีบถอยฉากออกมา
“น้องหยุน เป็ นเจ้าจริงด้วย!” มู่หรงต้าเหรินยิ้มยินดี
“ข้าทราบว่าเจ้าต้องมา!” หงเหยียนถูไถมือพลางหัวเราะ “น้องชาย
พอจะมีเหรียญม่วงให้ข้าหยิบยืมหรือไม่? ไว้ข้าพลิกกระดานได้แล้ว
จะคืนกลับอย่างแน่นอน!”
“พวกท่านรู้จักแต่การเล่นพนัน!” ฉินหยุนบ่นพลางหัวเราะ “ชัดเจน
ว่านี่เป็นหลุมที่พวกท่านขุดขึ้นเอง ทั้งยังเต็มใจกระโดดลงไป!”
“เมิ่งจูชนะได้มาหลายร้อยล้านเหรียญม่วง!” หงเหยียนแค่นเสียง
“นางโชคดีล้นพ้น เพียงลงเงินน้อยนิด ได้กลับคืนมหาศาล เป็นนาง
โชคดีพบยอดฝีมือเข้า!”
มู่หรงต้าเหรินหันมองรอบ นําฉินหยุนไปยังสถานที่ซึ่งผู้คนบางตา
หงเหยียนเดินตามมาด้วย
“น้องหยุน หลงเย่ว์เหม่ย เป็นเด็กสาวผู้นั้นใช่หรือไม่?” มู่หรงต้าเหริน
เอ่ยถาม
หงเหยียนตื่นตะลึงเกือบตะโกนดัง “นี่… งั้นปรมาจารย์ผู้นั้น…”
ฉินหยุนยิ้ม หาได้ตอบกลับแต่อย่างใด นี่ทําเอาหงเหยียนและมู่หรง
ต้าเหรินเกิดความยินดี ขณะนี้ พวกเขาไม่ต่างอะไรกับมองเห็นสาย
ธารเหรียญม่วงไหลเข้าบัตรผลึกของตนเองแล้ว
“ข้าช่วยพวกท่านหาโชคลาภได้ แต่ข้าก็ต้องการให้พวกท่านช่วยเหลือ
ข้าด้วย อย่างนี้เป็นไร?” ด้วยเหรียญม่วงหลายพันล้านในมือ เขาไม่ได้
ขาดแคลนแต่อย่างใด
หงเหยียนและมู่หรงต้าเหรินต่างพยักหน้ารับ ตราบเท่าที่จะทําให้
ชนะพนันได้ ช่วยเหลือเล็กน้อยไม่นับเป็นอะไร
จํานวนเงินเดิมพันรอบนี้คือยี่สิบล้านเหรียญม่วง ตราบเท่าที่ลงไป
สักสองล้านเหรียญม่วง ก็เท่ากับชนะคว้าทั้งหมดมาได้
หงเหยียนและมู่หรงต้าเหริน หยิบยืมหนึ่งล้านจากฉินหยุน ซื้อหา
หมายเลขยี่สิบ
ฉินหยุนยืนด้านข้าง รอคอยให้ค่ายอาคมทํางาน จากนั้นเขาค่อยเริ่ม
งานของตนเอง
ครั้งนี้เป็นรอบสุดท้ายของวันแล้ว นับตั้งแต่เริ่ม ฉินหยุนคุ้นเคยกับ
เส้นทางของค่ายอาคมเป็นอย่างดี เขาใช้ความสามารถเทวะทะลุ
ทะลวง ใช้พลังจิตควบคุมนกในไหใหญ่ให้บินตามต้องการ
ในเมื่อมีไหเพียงสามสิบใบ เส้นทางเคลื่อนย้ายจึงเรียบง่าย เขาไม่
จําเป็นต้องซื้อสองหมายเลขเพื่อดักทางแต่อย่างใด
หลังจากค่ายอาคมใหญ่หยุดการทํางาน หลายคนขณะนี้ต่างรั้งลม
หายใจรอคอยผลลัพธ์
ฝาพอเปิ ดออก นกจึงบินออกจากไหหมายเลขยี่สิบ พวกเขาขณะนี้
ได้ยินเสียงหงเหยียนและมู่หรงต้าเหรินโห่ร้องยินดีพร้อมกอดกัน
กลมด้วยความตื่นเต้น
หาได้มีผู้ใดอิจฉาขณะมองผู้โชคดีสองคนนั้นไม่!
มู่หรงต้าเหรินและหงเหยียน ขณะนี้คาดหวังถึงวันพรุ่งนี้แล้ว พวก
เขากําลังจะสร้างโชคลาภก้อนโต
รอบที่หกของวันเสร็จสิ้น ผู้คนกระจายตัวกันไป
ฉินหยุนออกมาพร้อมหงเหยียนและมู่หรง เขาไม่ได้ไปพบเย่ว์หลาน
และคณะ ดังนั้นจึงคิดวางแผนรับชมพวกนางจากที่ไกลออกไป
หงเหยียนเข้านครโบราณยุทธ์เต๋ามานานพอสมควรแล้ว ดังนั้นจึง
คุ้นเคยเส้นทางในเมือง พาฉินหยุนเดินผ่านถนนมุ่งหน้าสู่โรงเตี๊ยม
บนเส้นทางหลัก เสียงผู้คนจอแจฉับพลันดังก้องอย่างกะทันหัน
ฉินหยุนหันควับมองตามไปยังเส้นทางตรงหน้า พบเห็นเป็นชายใน
ชุดขาวสีหน้าเคร่งเครียด กําลังขี่พยัคฆ์สีนํ้าเงินดําตัวยาวห้าเมตร
กําลังพุ่งทะยานออกด้วยท่าทีอหังการ
พยัคฆ์สีนํ้าเงินดํา ทั้งตัวเกิดเป็นประกายสายฟ้าโลดแล่น เมื่อใดมัน
วิ่งออก จะปลดปล่อยสายฟ้าออกมา ไม่เพียงแต่รวดเร็ว ท่วงท่ายัง
แข็งแกร่งอีกด้วย
หากโดนพุ่งปะทะเข้า หากไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสแล้ว!
ผู้คนบนเส้นทางไร้ทางเลือก จําต้องหลบ กับผู้ที่หาญกล้าก่อการหยิ่ง
ผยองเพียงนี้ หลายผู้คนย่อมไม่กล้าลองดีด้วย
“หุ่นเชิดสัตว์หรือ?” มู่หรงต้าเหรินเผยความริษยา
“คงเป็นเช่นนั้น! ชายคนนี้มาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง เป็นผู้ฝึกตน
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับสามที่แกร่งกล้า!” หงเหยียนกล่าวเสียงเบา
พยัคฆ์ที่พุ่งทะยานรวดเร็ว ฉับพลันจึงหยุดที่หน้าซุ้มแห่งหนึ่งข้าง
เส้นทาง ซุ้มแห่งนี้ประกอบด้วยผลไม้มีประกายสายฟ้า พวกมัน
สมควรเป็นผลไม้วิญญาณที่ครอบครองคุณลักษณะสายฟ้า
ชายชุดขาวใบหน้าผอมบาง ขณะนี้ยังคงอหังการ ตบที่หัวพยัคฆ์
ด้านล่าง เป็นสัญญาณบ่งบอกให้มันพุ่งเข้าไปได้
ซุ้มแห่งนั้นเป็นหญิงชราคนหนึ่งตั้งขึ้น เมื่อนางพบพยัคฆ์ร้ายพุ่งเข้า
มา จึงเร่งร้อนเก็บผลไม้
“ยายเฒ่า นําผลไม้นั่นออกมา!” ชายชุดขาวสีหน้าแปรเปลี่ยน นํ้าเสียง
เย็นเยือกกล่าวออก ดวงตาขณะนี้เปี่ ยมด้วยจิตสังหาร
ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าคนจากแดนวิญญาณอ้างว้างจะเป็นปฏิปักษ์ล้น
พ้นเพียงนี้ เขาเร่งรีบเดินเข้าไป
“ผลไม้วิญญาณสายฟ้านั่น เป็นข้าเพาะปลูกมันขึ้นมานาน ผลไม้
วิญญาณระดับราชันนี้ ขายให้ท่านได้ที่ราคาสองหมื่นเหรียญม่วงต่อ
ลูก!” หญิงชราเผยใบหน้าเปี่ ยมด้วยความหวาดกลัว
“ผลไม้น่ารังเกียจเช่นนั้น ถึงขั้นกล้าเรียกสองหมื่นเหรียญม่วงจากข้า
เลยงั้นหรือ? หน่ายจะมีชีวิตหรือไร? จงรีบนํามันออกมา สัตว์เลี้ยงข้า
จะได้กินมัน ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่อภัยให้แก่เจ้า!” ชายในชุดขาวมอง
ทางหญิงชราด้วยสายตาชั่วร้าย
“เป็นข้าทํางานหนักหนาเพาะปลูกมันขึ้น หากท่านคิดว่าแพงไป ก็
อย่าได้ซื้อแล้ว!” หญิงชราโกรธจัด นางไม่คิดว่าจะมีคนกล้าอวดดีถึง
เพียงนี้ภายในนครโบราณยุทธ์เต๋า
ฝูงชนที่รับชมไกลออกไป หาได้เข้าไปใกล้ หรือพูดจาส่งเสียง
อย่างไรแล้ว ชายชุดขาวตรงหน้าก็เป็นศิษย์จากแดนวิญญาณอ้างว้าง
เขาย่อมต้องมีผู้อาวุโสแข็งแกร่งรอคอยที่ภายนอก
“กล้าดีอย่างไรเสียมารยาทต่อข้าเพียงนี้!” ชายชุดขาวมีโทสะ ดาบ
ยาวปรากฏขึ้น ส่งมันบินออก คิดจ้วงแทงใส่หญิงชรา
ฝูงชนต่างไม่คาดคิด ว่าศิษย์ของแดนวิญญาณอ้างว้างจะอวดดีล้นพ้น
กล้าลงมือสังหารคนเป็นผักปลาในนครโบราณยุทธ์เต๋า
ดาบบินออกด้วยความเร็วสูงลํ้า ขณะที่เกือบจะสังหารหญิงชรา แสง
สีดําพลันสว่างวาบ คว้าดาบเล่มนั้นเอาไว้
ฉินหยุนปลดปล่อยพลังผ่านอากาศ ปัดป้องดาบเล่มนั้น ไม่ช้า เขาไป
ยืนหยัดตรงหน้าหญิงชรา มองชายชุดขาวด้วยสีหน้าเย็นเยือก กล่าว
ออกด้วยนํ้าเสียงอันดัง “ผู้ชั่วร้ายตรงหน้า ที่นี่คือนครโบราณยุทธ์เต๋า
เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของวิถียุทธ์แห่งเต๋า! หากหยิ่งผยองนัก เช่นนั้นจง
ไปอวดดีในนรก! หากเจ้าไม่ไป ข้าจะส่งเจ้าไปตามทางที่ควรไปเอง!”