Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 436 สุ่ยเทียนสื่อ
ฉินหยุนไปยังบ้านพักของเว่ยจงเจิ้ง พบว่าอีกฝ่ายขณะนี้สวมใส่ชุดอย่างเป็นทางการ กำลังนั่งอยู่บริเวณโต๊ะหินในสวนที่อากาศหนาวเย็น สายตาจับจ้องตำราอย่างเคร่งเครียด
“จ้าวสำนัก!” ฉินหยุนตะโกนร้องด้วยความยินดี
“เสี่ยวหยุน ข้าไม่เห็นเจ้านานนับเดือน เก็บตัวฝึกฝนเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” เว่ยจงเจิ้งยิ้มตอบ “ดูมีความสุขเช่นนี้ คืบหน้าบ้างแล้วหรือ?”
ฉินหยุนหันมองรอบก่อนพยักหน้าให้ “เป็นข้าเลื่อนระดับสำเร็จแล้วขอรับ!”
เว่ยจงเจิ้งเร่งรีบวางตำราในมือ รับชมฉินหยุนด้วยสายตาไม่อาจเชื่อ “นี่เรื่องจริง? เหตุใดข้าไม่อาจสัมผัสออร่าขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามจากกายเจ้า?”
“ข้าซ่อนเร้นมันเอาไว้ขอรับ!” ฉินหยุนหัวเราะร่วน
หลังจากวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬวิวัฒนาการ เขาสามารถปกปิดออร่าทั้งหมดในร่างไม่ให้ปลดปล่อยออกไปได้
กระทั่งราชันยุทธ์เช่นเว่ยจงเจิ้ง ยังไม่อาจสัมผัสถึง
เว่ยจงเจิ้งเร่งร้อนฉุดฉินหยุนเข้าในตัวบ้านพัก เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “เจ้าเลื่อนระดับเมื่อใด?”
ฉินหยุนตอบ “จริงด้วย! จ้าวสำนัก ปรากฏการณ์ประหลาดที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ บางทีอาจเกิดเพราะข้าเลื่อนระดับหรือขอรับ?”
เว่ยจงเจิ้งเดินไปมาในห้องอย่างว้าวุ่น ใบหน้าขณะนี้เผยซึ่งความจมดิ่งในห้วงความคิด
เขาคิดอยู่พักหนึ่งค่อยกล่าว “ดูเหมือนปรากฏการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ อาจเกี่ยวข้องกับการเลื่อนระดับของเจ้าจริง!”
“เหตุใดข้าเพียงเลื่อนระดับต้องเกิดปรากฏการณ์ใหญ่โตเพียงนั้น? นั่นถือเป็นเรื่องใหญ่เกินไปแล้ว!” ฉินหยุนก่อนหน้านี้ได้แต่สงสัย ขณะนี้ได้ทราบว่าเว่ยจงเจิ้งก็คิดเห็นเช่นกัน กระทั่งเขายังยากจะเชื่อ
“เหตุผลข้าย่อมไม่ทราบแน่ชัด! ช่วงจังหวะเวลาเมื่อครู่แทบพร้อมกัน มันจะต้องมีความเชื่อมโยงถึงกันแน่!”
เว่ยจงเจิ้งกล่าวต่อ “บางทีนี่อาจเกี่ยวข้องกับวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬของเจ้า!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬของเขาเกินสามัญสำนึก ไม่อาจมองมันด้วยความเห็นทั่วไปได้
เว่ยจงเจิ้งยิ้มกว้าง “ในเมื่อเลื่อนระดับได้สำเร็จแล้ว ข้าก็คงไม่ต้องใช้เวลาทุกวี่วันอ่านตำราค้นหาหนทางอีกต่อไป!”
“ขอบคุณจ้าวสำนักที่สละเวลายากลำบากขอรับ!” ฉินหยุนหัวเราะร่วน “ข้าจะพยายามอย่างหนัก หาเหรียญม่วงมาคืนแก่ท่านโดยเร็วที่สุด!”
“ก็แค่สามสิบล้านเหรียญม่วง! เจ้าอย่าได้ห่วงแล้ว เป็นเจ้าช่วยพวกเราติดตั้งค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสี เรื่องนี้ถือว่าตอบแทนกันไป!” เว่ยจงเจิ้งหัวเราะ
ค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสี มีมูลค่านับร้อยล้านเหรียญม่วง และในภายหน้า มันจะนำพามาซึ่งผลประโยชน์ใหญ่โตแก่ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์
เว่ยจงเจิ้งขณะนี้อารมณ์ดียิ่ง เพราะครั้งได้เห็นฉินหยุนก้าวหน้ามาอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง เหตุการณ์เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานเองด้วยซ้ำ
ด้วยเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน ฉินหยุนทำลายคำสาปวิญญาณยุทธ์สีดำ ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามได้สำเร็จ!
“เสี่ยวหยุน การเลื่อนระดับของเจ้ารวดเร็วเกินไป ข้าเกรงว่าพื้นฐานอาจไม่มั่นคง!” เว่ยจงเจิ้งเอ่ยคำ “เจ้าฝึกฝนสามแก่นเต๋า และยังมีวิญญาณยุทธ์สีดำ กระนั้นความเร็วในการก้าวหน้ากลับมากล้นเช่นนี้ กระทั่งเหนือล้ำว่าผู้ฝึกตนที่มีหนึ่งวิญญาณยุทธ์ด้วยซ้ำ”
ฉินหยุนเกาศีรษะยิ้มตอบ “ข้าใช้ค่ายอาคม ชักนำพลังเก้าดวงตะวันมาบำรุงเลี้ยงร่างกาย มูลค่าที่ต้องใช้ถือว่าล้นพัน เป็นเงินนับหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง…”
“เป็นเจ้าทราบตนเองดี ข้าสมควรคิดมากเกินไป!” เว่ยจงเจิ้งยิ้ม “ในช่วงวันถัดจากนี้ ข้าจะไปเก็บตัวฝึกฝนสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง!”
ฉินหยุนไปจากบ้านพักของเว่ยจงเจิ้ง กลับสู่สวนสมุนไพร
ทันทีเมื่อกลับมาถึง กลิ่นหอมอ่อนจางลอยมา เป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวของสื่อชิงเฉิง มันเป็นกลิ่นเดียวกับหยดเซียนม่วง
“พี่สาวซาลาเปานึ่ง ท่านมาแล้ว!” ฉินหยุนก้าวเดินเข้าอาคารทองแดง ได้พบสื่อชิงเฉิงสวมใส่ชุดสีดำ ขณะนี้นั่งในห้องโถงพร้อมผ้าปิดหน้าสีดำ การแต่งกายเช่นนี้ชวนให้ความรู้สึกลึกลับยิ่ง
เขาค่อนข้างผิดหวังที่ไม่ได้พบเชี่ยวเย่ว์หลานและหยางฉีเย่ว์
“เย่ว์หลานกับอาจารย์หยางเล่า?”
สื่อชิงเฉิงยืนขึ้น “พวกนางทั้งสอง ขณะนี้ยังคงเก็บตัวเลื่อนระดับสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง เมื่อออกมาแล้วข้าจะพามาอย่างแน่นอน!”
“เจ้าหนู มั่นใจแล้วหรือที่คิดติดตามพวกเราไปยังหลุมฝังเซียน?”
ย้อนกลับไปตอนฉินหยุนทำการหลอมในห้องลับร่วมกับสื่อชิงเฉิง พวกเขาได้หารือเรื่องนี้กันแล้ว
“แน่นอน!” ฉินหยุนเร่งรีบตอบ
“นี่ออกจะไม่สะดวกอยู่บ้าง ผู้คนของหุบเขาลึกล้ำจันทราเราล้วนเป็นสตรี มันคงไม่ดีหากข้าพาบุรุษเช่นเจ้าไป! เอาอย่างนี้เป็นไร? เจ้าแต่งกายเป็นหญิงสาวน่าจะดีไม่น้อย!”
หลันเฟิงจินและเฟิงหงหลันพอได้ยินดังนี้ ทั้งสองเอามือป้องปากหัวเราะอย่างไม่อาจอดกลั้น
“อาจารย์อย่าได้กังวล ด้วยสาวงามสองรุ่นของแดนเหนืออยู่ที่นี่ หงหลันและพี่ชิงเฉิง ย่อมต้องช่วยแปลงโฉมท่านให้เป็นผู้งดงามไร้ผู้ใดเทียบได้คนหนึ่ง!” หลันเฟิงจินยิ้มกว้างจนแทบถึงหู
สื่อชิงเฉิงยิ้มหวานอย่างมีเลศนัย “เจ้าหนูน้อย ดูไปเจ้ามีรูปลักษณ์ไม่เลว หลังแต่งตัวสักหน่อย ย่อมต้องเป็นโฉมงามผู้หนึ่งได้!”
ฉินหยุนกรอกตามองพวกนางตรงหน้าพลางแค่นเสียง “ข้าย่อมไม่ ต่อให้ตายก็ไม่! พี่สาวซาลาเปานึ่ง เพียงบอกว่าข้าเป็นผู้ติดตามหรืออะไรทำนองนั้น ท่านออกไปจากหุบเขาลึกล้ำจันทรามาชั่วระยะเวลาหนึ่ง เป็นเรื่องปกติที่จะมีผู้ติดตามคนสนิท!”
“นี่ไม่ดีนัก เพราะสถานะผู้ติดตามถือว่าต่ำต้อย ผู้อื่นจะไม่ยอมให้ผู้ติดตามได้เข้าสู่สถานที่อย่างเขตแดนอ้างว้าง! เอาอย่างนี้เป็นไร ให้ข้าบอกว่าเป็นสัตว์เลี้ยงเพศชายของข้า พวกเขาน่าจะเห็นดีด้วย” สื่อชิงเฉิงยิ้มกว้าง
“ไม่มีปัญหา เช่นนั้นค่ำคืนนี้ให้ข้ารับใช้ท่านอย่างไรดี?” ฉินหยุนแสยะยิ้ม
“เจ้ายังคิดเล่นด้วย! ข้าย่อมไม่เล่นด้วยแล้ว!”
หลังหารือกันพักหนึ่ง ฉินหยุนนำชุดเกราะออกมาสวมใส่ รวมถึงหน้ากากหนังมนุษย์ แปรเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนให้ดูเป็นผู้คนดาษดื่น
เขายิ้มและกล่าวคำ “ไปกัน!”
“รูปโฉมเช่นนี้… ดีที่สุดหากเจ้าไม่บอกว่าเป็นสัตว์เลี้ยงเพศชายของข้า ผู้อื่นย่อมไม่มีทางเชื่อ! เอาเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็แล้วกัน!” สื่อชิงเฉิงเผยท่าทีรังเกียจออกมา
“เช่นนั้นพี่สาว เร่งรีบไปกันได้แล้ว!” ฉินหยุนยิ้มตอบ
สื่อชิงเฉิงและฉินหยุน ออกเดินทางไปจากประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ มุ่งหน้าสู่เมืองบริเวณรอบนอกของเทือกเขาเมฆมังกร
ก่อนฉินหยุนจะออกไป เขาได้บอกต่อผู้อาวุโสที่สอง ให้แจ้งต่อเว่ยจงเจิ้ง ว่าจะออกไปภายนอกสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ด้วยฉินหยุนได้หยอกล้อกับสื่อชิงเฉิงทุกวี่วัน ทำเอาเขายินดีไม่น้อย
เพราะบ่อยครั้งที่ได้หยิกใบหน้างดงามอีกง่าย ทั้งยังเป็นใบหน้าที่สนุกแก่การหยิก ทำเอาเขากลายเป็นเสพติดไปเสียแล้ว
สื่อชิงเฉิงใช้เวลาหลายวัน กว่าจะพาฉินหยุนมาถึงเมืองวิญญาณขั้วเหนือ
ที่แห่งนี้ คือเมืองวิญญาณซึ่งอยู่ใกล้เทือกเขาเมฆมังกรที่สุด ในช่วงเวลานี้ มียอดฝีมือมากมายมารวมตัวกัน พวกเขาล้วนมาที่นี่ เพื่อรอคอยให้หลายสำนักมารวมตัว มุ่งหน้าไปยังเทือกเขาเมฆมังกรโดยพร้อมกัน
เมืองวิญญาณขั้วเหนือ ถือเป็นเมืองระดับวิญญาณ เดิมค่อนข้างไร้ชีวิตชีวา ขณะนี้กลับกลายเป็นหนาแน่นไปด้วยยอดฝีมือจากทั่วทุกหนแห่งรวมตัวกัน ทำเอาทั้งเมืองกลายเป็นจอแจครึกครื้น
แม่เฒ่าตู้ทราบ ว่าฉินหยุนต้องการร่วมทางไปยังเทือกเขาเมฆมังกรด้วย และนางก็หาได้ปฏิเสธใด กลับกัน เป็นนางยินดียอมให้เขาติดตามด้วยซ้ำ เพราะนางถือว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับฉินหยุนไม่น้อย
ตั้งแต่ที่หุบเขาลึกล้ำจันทราได้รับค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสี แม่เฒ่าตู้ยิ่งมายิ่งมั่นใจ ถึงกับมีการคัดเลือกศิษย์กันใหม่เพื่อรับหน้าที่ดูแลแปลงสมุนไพรโดยเฉพาะ
แน่นอนว่า พวกเขาต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างเงียบงัน
แม่เฒ่าตู้ สื่อชิงเฉิง บรรดาผู้อาวุโสและศิษย์อีกหลายคน ขณะนี้นั่งรอคอยในห้องรับรองหรูหราที่โรงเตี๊ยมของเมืองวิญญาณขั้วเหนือ
“พี่ชิงเฉิง ข้าไม่คิดว่าท่านจะมีลูกพี่ลูกน้องเช่นนี้ ไม่เคยเห็นท่านกล่าวถึงมาก่อน!” หญิงผู้งดงามนางหนึ่ง มองทางฉินหยุนพลางกล่าวเสียงเบา
ฉินหยุนหันมองไปยังหญิงสาวที่เอ่ยคำขึ้นมา
หญิงสาวตรงหน้าสวมใส่ชุดสีน้ำเงิน เส้นผมสีดำยาวประบ่า ดวงตางดงามเปรียบดั่งวิหคอมตะร้อนแรง ลุกโชนด้วยดวงตาสุกสว่างสีน้ำเงินทรงปัญญา ถือเป็นโฉมงามคนหนึ่ง
นางจับจ้องที่ฉินหยุนอย่างคิดอยากรู้เห็น พอได้เห็นฉินหยุนมองทางนาง เป็นนางหลบเลี่ยงสายตาก้มหน้าลงเล็กน้อยแทน ใบหน้าขาวนวลขณะนี้เผยร่องรอยสีแดงเจือปนขึ้นมา
แม้หญิงสาวผู้นี้ดูงดงามและมีเสน่ห์ กระนั้นกลับเป็นหญิงสาวขี้อาย เป็นนางบริสุทธิ์ผุดผ่อง ทำให้ดูใสซื่อและงดงามในเวลาเดียวกัน
“เสี่ยวเตียนซิง ลูกพี่ลูกน้องของข้าคนนี้ค่อนข้างมาจากพื้นที่ชายขอบไปหน่อย รูปลักษณ์ดูไม่ค่อยดีนัก เจ้ามีอันใดให้เขินอาย?”
สื่อชิงเฉิงหัวเราะ “เจ้าติดตามแม่เฒ่าตู้ออกไปไหนมาไหน ได้พบเห็นชายหนุ่มมาก็มาก เหตุใดคราวนี้แสดงตัวเสมือนไม่เคยพบเจอบุรุษเพศมาก่อน?”
ฉินหยุนขณะนี้ลอบตระหนกต่อระดับการฝึกฝนของเสี่ยวเตียนชิง นางเป็นถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่ห้า!
นอกจากเสี่ยวเตียนชิง ยังมีหญิงสาวอีกคนนามเสี่ยวกั๋วเอ่อ
เสี่ยวกั๋วเอ่อผู้นี้รูปลักษณ์ค่อนข้างคล้ายเสี่ยวเตียนชิง ทั้งสองไม่ค่อยสูงนัก เพียงหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรเห็นจะได้
กระนั้น เสี่ยวกั๋วเอ่อกลับเย็นชากว่า นางไม่แม้กระทั่งมองฉินหยุน แขนทั้งสองข้างกอดอกอย่างภาคภูมิหันมองนอกหน้าต่าง ใบหน้างดงามทรงเสน่ห์ภูเขาน้ำแข็ง ขณะนี้ก็มองออกไปทางนอกหน้าต่างไม่เคยหันมา
ทั้งสองเป็นฝาแฝดที่ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างเด่นชัด
เวลานี้เอง หญิงร่างสูงสวมใส่ชุดกระโปรงสีชมพูสว่างเปิดประตูและเดินเข้ามา
ฉินหยุนพอได้เห็นอีกฝ่าย เขาถึงกับต้องตระหนกอยู่ภายใน!
หญิงสาวผู้นี้ที่เพิ่งก้าวเดินเข้ามา มีดวงตาเปรียบดั่งวิหคอมตะสีแดงฉาน ใบหน้าทรงเสน่ห์ที่เผยออกนี้ ค่อนข้างคล้ายกับเสี่ยวเตียนชิง
นางพอเข้าใกล้ ได้เห็นฉินหยุน จึงหรี่ตาเล็ก ท่าทีการมองนี้คล้ายมีเสน่ห์อีกอย่างหนึ่ง
ฉินหยุนเพียงมองตอบ ถึงกับอึ้งต่อความเย้ายวนของหญิงสาวตรงหน้า เสน่ห์ที่นางปลดปล่อยออก ถือว่าแตกต่างจากสื่อชิงเฉิงอย่างสิ้นเชิง
เสน่ห์งดงามของสื่อชิงเฉิงเก็บงำเอาไว้ ยามเมื่อเผยออก มันจะเปรียบดั่งดอกไม้ที่งดงามบานสะพรั่ง
แต่กับหญิงสาวชุดสีชมพูตรงหน้า นางเผยออกซึ่งเสน่ห์ในรูปแบบของความเย้ายวนอย่างไม่มีปิดบัง!
โดยเฉพาะเสื้อผ้าของนาง มันมีช่องว่างขนาดใหญ่บริเวณหน้าอกของตัวเสื้อ เกิดขึ้นเป็นรูปลักษณ์อักษรคำว่า “8” เอาไว้
ร่างกายท่อนล่างสวมใส่กระโปรงสั้นสีชมพู เป็นสีชมพูโทนสว่าง ปกปิดขาขาวนวลของนางเอาไว้เล็กน้อย เผยส่วนใหญ่ให้เห็นออกมา
ความงดงามกว่าครึ่งของร่างกายนางเผยผ่านผิวหนัง นี่ถือเป็นความเย้ายวนแรงกล้า สามารถล่อลวงบุรุษได้อย่างชะงัก
“พี่สาว!” เสี่ยวเตียนชิงร้องออกเสียงนุ่มนวล “นี่พี่ไปเล่นที่ไหนมา? เหตุใดไม่พาข้าไปด้วยเล่า?”
“ข้าแค่ออกไปเดินเล่น!” หญิงสาวชุดสีชมพูมองทางฉินหยุน รอยยิ้มขี้เล่นเผยออก นี่เป็นรอยยิ้มที่เรียกได้ว่า มีพลังในการกระชากวิญญาณผู้คนยิ่งนัก
ฉินหยุนขณะนี้จดจำได้ ว่าระหว่างที่เดินทางมา สื่อชิงเฉิงบอกต่อเขา ว่าต้องให้ความระมัดระวังกับหญิงสาวที่ชื่อสุ่ยเทียนสื่อด้วย!
ชัดเจนว่าโฉมงามเสน่ห์มากล้นตรงหน้าในชุดสีชมพู ไม่ใช่ใครอื่นเว้นเสียแต่สุ่ยเทียนสื่อที่สื่อชิงเฉิงเอ่ยถึง!
สุ่ยเทียนสื่อเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญาณ นางดูแข็งแกร่งกว่าสื่อชิงเฉิงเล็กน้อย นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำฉินหยุนตระหนก
สุ่ยเทียนสื่อมาถึงข้างตัวฉินหยุนด้วยรอยยิ้มซุกซน มือขาวนวลงดงามขณะนี้ กำลังยื่นกรุยกรายเข้าหาใบหน้าฉินหยุน
นางสัมผัสที่ใบหน้าฉินหยุนพลางร้องออก “โอ้! นี่เป็นหน้ากากหนังมนุษย์นี่!”
“วิญญาณร้ายวารี นั่นเป็นลูกพี่ลูกน้องข้า อย่าได้ลองดี!” สื่อชิงเฉิงเร่งรีบตะโกนขึ้น
*ชื่อของ สุ่ยเทียนสื่อ คำว่า สุ่ย หมายถึง น้ำ*
“เทียนสื่อ นี่เป็นแขก อย่าได้วุ่นวายแล้ว!” แม่เฒ่าตู้กล่าวคำขึ้นมา
สุ่ยเทียนสื่อย่อมเป็นคนฉลาด โดยทันที นางพบว่าตัวตนลูกพี่ลูกน้องของสื่อชิงเฉิงถือเป็นสิ่งจอมปลอม กระนั้นก็ไม่สะดวกที่จะเปิดโปงเพราะแม่เฒ่าตู้ออกหน้า