Nine Sun God King ราชันเทพเก้าสุริยัน - ตอนที่ 433 เขตแดนอ้างว้างฝังเซียน
เมื่อเว่ยจงเจิ้งเดินเข้ามาแล้ว เขาเผยรอยยิ้มกล่าวคำ “หยานหยิง จ้าวสำนักหุบเขาลึกล้ำจันทรา แม่เฒ่าตู้ขณะนี้กำลังรับชมอาคมธงที่ด้านนอก! ออกไปให้คำอธิบายแก่นางสักหน่อย!”
“รับทราบ!” หยวนหยานหยิงเร่งรีบเดินออกไป นางเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของแม่เฒ่าตู้มานาน ทว่าไม่เคยมีโอกาสได้พบเจอมาก่อน
สื่อชิงเฉิงที่เดิมเผยความอ่อนโยนและทรงเสน่ห์ออกมา ขณะได้พบฉินหยุน นางกลับกลายเป็นโกรธเกรี้ยว
ในสายตาของนาง ฉินหยุนเป็นเด็กอวดดีที่คิดแต่จะหยิกใบหน้าของนาง
“ใช้เวลาที่มีกันไปก็แล้วกัน ข้าขอตัวไปร่วมพูดคุยกับแม่เฒ่าตู้เสียก่อน!” เว่ยจงเจิ้งหัวเราะ ก่อนจะเร่งรีบไปยังสวนสมุนไพร
สื่อชิงเฉิงมองที่เฟิงหงหลันซึ่งนอนบนเตียง ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยคำถามปวดใจ “พิษของนางเป็นอย่างไรบ้าง?”
“กำลังดีขึ้นทีละน้อย!” ฉินหยุนยิ้มตอบ “พี่สาวซาลาเปานึ่ง นางเป็นโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งภูมิภาคตอนเหนือ เป็นโฉมงามอันดับหนึ่งตัวจริงเสียงจริง!”
สื่อชิงเฉิงทราบนานแล้ว ว่าเมื่ออยู่ร่วมกับฉินหยุน ต้องเตรียมแบกรับความโกรธเอาไว้แต่แรก
นางกลอกตามองฉินหยุนพร้อมแค่นเสียงเบา “ข้าไม่คิดลดตัวไปต่อล้อต่อเถียงกับเจ้า!”
เฟิงหงหลันหัวเราะเบา “ศิษย์พี่ อย่าได้กล่าวเช่นนั้น! พี่ชิงเฉิงต่างหากจึงเป็นโฉมงามลือลั่นในสี่ภูมิภาคของแดนยุทธ์อ้างว้างเมื่อกาลก่อน ไม่เพียงแต่ความงดงามมากล้ำ พรสวรรค์ทางวิถียุทธ์และฝีมือยังถือว่าแกร่งกล้า!”
“จริงหรือ? คงเป็นเพราะในช่วงเวลานั้น หาได้มีโฉมงามอันใดมากมายไม่!” ฉินหยุนยิ้มตอบ
เฟิงหงหลันเร่งรีบกล่าว “ย่อมไม่ใช่เช่นนั้น! ในตอนนั้น มีผู้ฝึกตนสายเลือดต่อสู้กันเพราะพี่ชิงเฉิง ถึงกับเป็นความร้าวฉานของตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงทั้งสอง!”
“นอกจากนี้ รุ่นเยาว์ชนชั้นหัวกะทิหลายคนของแดนยุทธ์อ้างว้าง ยังถึงกับลงไม้ลงมือต่อกันเพื่อได้สิทธิ์เข้าถึงตัวพี่ชิงเฉิง!”
ฉินหยุนหันมองสื่อชิงเฉิงด้วยสายตาไม่อาจเชื่อ น้ำเสียงกล่าวออกด้วยความประหลาดใจ “พี่สาวซาลาเปานึ่ง นี่เป็นเรื่องจริงหรือ? อย่างนั้นข้าต้องมองท่านใหม่เสียแล้ว!”
“เพียงข้าหายใจ กระทั่งตอนนี้ ก็สามารถทำให้กลุ่มตาเฒ่าขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณสู้จนตัวตายเพื่อข้าได้!” สื่อชิงเฉิงเผยสีหน้ามาดมั่นขณะยืนกอดอกนำเสนอ ออร่าของนางขณะนี้คล้ายแฝงด้วยความโกรธเจือปนไม่น้อย
ฉินหยุนมองนางด้วยสายตาซับซ้อน แต่แล้วก็อดไม่ได้จนต้องยื่นมือออกไปหยิกที่ใบหน้าดังกล่าว เขายิ้มให้ “พี่สาวซาลาเปานึ่ง ใบหน้าของท่านสมควรน่าหยิกที่สุดในแดนเหนือ!”
สื่อชิงเฉิงขณะนี้กัดฟันแน่นขณะยื่นมือไปถูไถรุนแรงที่ใบหน้าฉินหยุน
ไม่ช้า ทั้งสองเริ่มเปิดศึกด้วยฝ่ามือกันอย่างไม่ยิ่งหย่อน
เฟิงหงหลันที่นอนบนเตียงถึงกับอึ้ง นางไม่คิดว่าคนอย่างสื่อชิงเฉิง จะถึงขั้นทะเลาะเป็นเด็กเช่นนี้กับฉินหยุน
ไม่นาน ผมเผ้าของสื่อชิงเฉิงยุ่งเหยิง เสื้อผ้าก็ยับยู่ เป็นนางหอบหายใจหนัก
นางค่อยตระหนักได้ตอนนี้ ว่าเมื่อใดลดตัวลงไปเล่นกับฉินหยุน มีแต่นางที่เสียหาย
ฉินหยุนต่างหากจึงเป็นเต้าหู้ที่ทุบอย่างไรก็ไม่เละ!
“เรื่องนี้ช่างมันไปก่อน!” สื่อชิงเฉิงจัดผมเผ้าตนเองเสียใหม่ “ข้าจะนำท่านยายตู้มาเพื่อพูดคุยเรื่องค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสี! ว่าไปค่ายอาคมนี้มีค่าเพียงใดกัน?”
“แล้วพี่หลันเล่า? เหตุใดท่านไม่พานางมาด้วย!” ฉินหยุนเอ่ยคำ “ท่านให้สัญญาแล้วว่าจะปล่อยให้พี่หลันได้เข้าร่วมประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดคุยกันอีก!”
“ย่อมไม่มีปัญหา แต่เฟิงจินขณะนี้เก็บตัวฝึกฝนเพื่อเลื่อนสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม! ไว้นางเลื่อนระดับแล้ว ข้าจะจัดแจงให้นางมาที่นี่!” สื่อชิงเฉิงกล่าวตอบ “ค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสีถือว่ายอดเยี่ยม จงบอกต่อข้าว่าคิดขายมันอย่างไร”
เฟิงหงหลันอยู่ที่สวนสมุนไพรแห่งนี้มาครึ่งปีแล้ว นางทราบว่าค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสี จะมีก็แต่สำนักระดับราชันจึงครอบครองและติดตั้งได้ แต่แล้วกลับเป็นฉินหยุนที่เป็นคนติดตั้งมันขึ้นมา
“ให้แม่เฒ่าตู้มอบท่านแก่ข้า แล้วข้าจะช่วยหุบเขาลึกล้ำจันทราสร้างอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสีสักชุดหนึ่ง!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “เช่นนี้ข้าจะได้ไม่เบื่อ มีใบหน้าท่านให้หยิกเล่น!”
สื่อชิงเฉิงอึ้งไปวูบ นางไม่คิดว่าฉินหยุนจะกล่าวเช่นนี้ออกมา
เป็นนางคิดไปเอง ว่าฉินหยุนจะเรียกร้องเหรียญม่วงมากมายหรือของล้ำค่าอื่น
“ก็นะ… ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ เพื่อประโยชน์ของหุบเขาลึกล้ำจันทรา ข้าย่อมต้องเสียสละตนเอง!” สื่อชิงเฉิงเม้มริมฝีปาก คล้ายเป็นการตัดสินใจยากเย็น ใบหน้าของนางเผยความรู้สึกช่วยไม่ได้ออกมา
ฉินหยุนสัมผัสที่ใบหน้าอีกฝ่ายบางเบาและยิ้มให้ “ข้าเพียงกล่าวหยอกล้อ! ท่านหาได้มีค่าเพียงนั้น ข้าจะนำไปทำอะไรได้? เหรียญม่วงต่างหากจึงเชื่อถือได้มากกว่า!”
มือขาวนวลของสื่อชิงเฉิงสั่นเทิ้ม นางคิดอยากตบที่ใบหน้าอีกฝ่ายรุนแรงสักฉาดหนึ่ง เป็นนางตกลงปลงใจยอมขายตนเองแก่อีกฝ่าย แต่แล้วกลับไม่คิด ว่าฉินหยุนเพียงกล่าวหยอกล้อ นี่ทำเอานางโกรธจนแทบตายตกแล้ว
เฟิงหงหลันที่รับชมเรื่องราวทั้งหมดถึงกับอึ้งอีกครั้งครา โฉมงามอย่างสื่อชิงเฉิง ที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้ศิษย์ของตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงมีเรื่องกันได้… เพื่อฉินหยุนช่วยเหลือ นางถึงขั้นคิดยอมสละตนเอง
สื่อชิงเฉิงกระทืบเท้าโกรธเคือง ฟันขณะนี้กัดไว้แน่น สายตาจ้องมองที่ฉินหยุนอย่างคิดกินเลือดเนื้อเสียให้ได้
“หนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง!” ฉินหยุนยิ้มกล่าวด้วยท่าทีสบาย
“แพงไป แปดสิบล้าน!” สื่อชิงเฉิงโต้กลับทันควัน
“พี่สาวซาลาเปานึ่ง แม้ท่านไม่ยอดเยี่ยม แต่ข้ารู้สึกว่าท่านยังมีค่าเทียบเท่าหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง! หากท่านเสนอตัวที่แปดสิบล้านเหรียญม่วง หมายความว่าท่านยอมรับว่าตนเองมีค่าเพียงแปดสิบล้านงั้นหรือ?” ฉินหยุนบุ้ยปาก
สื่อชิงเฉิงขณะนี้ภายในใจสาปแช่งดังลั่นแล้ว
ชั่วขณะนี้เอง แม่เฒ่าตู้ก้าวเดินเข้ามา นางวันนี้สวมใส่ชุดขาว ก้าวเดินมาพร้อมไม้เท้าค้ำยัน ใบหน้านี้เปี่ยมด้วยรอยยิ้มขณะเอ่ยถาม “ชิงเฉิง ตกลงราคาได้อย่างไร?”
“ท่านยายตู้ขอรับ ข้าเสนอที่หนึ่งร้อยสามสิบล้าน แต่พี่ชิงเฉิงกลับเสนอให้เพียงหนึ่งร้อยสิบล้าน!” ฉินหยุนพึมพำ “การติดตั้งค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสีเป็นเรื่องยากยิ่ง สำหรับสำนักลึกล้ำที่จะมีโอกาสได้รับค่ายอาคมเช่นนี้ ก็ต้องเจรจากับข้าให้สมน้ำสมเนื้อหน่อย!”
ดวงตางดงามของสื่อชิงเฉิงเบิกกว้าง นางถึงกับอึ้งต่อความหน้าไม่อายของฉินหยุน
นางตะโกนดัง “นี่เจ้า! เมื่อครู่ไฉนบอกว่าหนึ่งร้อยล้าน?”
ฉินหยุนโต้กลับทันควัน “ท่านยายตู้รับชม! นางขณะนี้เสนอที่หนึ่งร้อยล้านแล้ว! ก็ได้ ก็ได้ ในเมื่อหุบเขาลึกล้ำจันทราของพวกท่านปกครองโดยสตรี เช่นนั้นข้าจะยอมก็แล้วกัน!”
แม่เฒ่าตู้ขมวดคิ้ว เพราะเรื่องนี้ออกจะเกินกว่าที่คาดคิด นางเดิมคิดว่าสมควรลดทอนไปได้สักที่เก้าสิบล้านเหรียญม่วง
เฟิงหงหลันถึงกับพูดไม่ออก นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นการเสนอราคาล้นฟ้าขนาดนี้ปลิวว่อน
“เช่นนั้นก็ตามนั้น!” แม่เฒ่าตู้พยักหน้ารับ
สื่อชิงเฉิงไร้คำกล่าวแล้ว เดิมนางมั่นใจว่าสามารถกดราคาไปได้สักแปดสิบล้าน ทว่าตอนนี้ฉินหยุนกลับบังคับให้มันไปหยุดที่หนึ่งร้อยล้าน
ฉินหยุนมีเรื่องเร่งด่วนต้องการเหรียญม่วง ทั้งหมดก็เพื่อค่ายอาคมรวมตะวัน เพราะมันคือสิ่งที่จะทำให้เขาสามารถก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม ดังนั้นแล้วเขาจึงต้องยอมหน้าหนา เรียกร้องเหรียญม่วงมากมายเพียงนี้
เว่ยจงเจิ้งยิ้มกล่าว “อย่าได้มองว่าประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์มีราชันยุทธ์เช่นข้าแล้วร่ำรวย แท้จริงพวกเราค่อนข้างขัดสนนัก!”
“และหุบเขาลึกล้ำจันทราถือว่าล่ำซำ ถือเป็นหนึ่งในสำนักลึกล้ำอันดับต้น พวกเจ้าเก็บตัวเงียบมานานนัก แต่ในทางลับกลับมีโชคลาภเข้ามาไม่หยุด ข้าย่อมทราบเรื่องนี้!”
ฉินหยุนพอได้ยิน เขากลายเป็นเสียดายที่ไม่เรียกราคาให้สูงกว่านี้
“อย่างนั้นแล้วคิดจัดส่งได้เมื่อใด?” แม่เฒ่าตู้เอ่ยถาม
“สักสองเดือนขอรับ! จะเป็นไรหรือไม่หากจ่ายให้ข้าหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วงก่อน?” ฉินหยุนยิ้มกว้าง “ตัวข้าขณะนี้ขาดแคลนเหรียญม่วงมากนัก! ดังท่านทราบ ข้ามีสองวิญญาณยุทธ์ และยังเป็นสีดำทั้งคู่!”
แม่เฒ่าตู้พยักหน้ารับ นางเข้าใจฉินหยุน ดังนั้นจึงนำเอาบัตรผลึกเหรียญม่วงออกมา ส่งหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วงแก่ฉินหยุน
สื่อชิงเฉิงเผยความกังวล “เจ้าหนู เจ้าสามารถก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามได้จริงหรือ? กระทั่งตำหนักจารึกเทวะยังยอมปล่อยวางต่อเจ้า!”
แม่เฒ่าตู้ถอนหายใจและมองที่ฉินหยุน นางกล่าว “ข้าได้สอบถามไป และได้รับข่าวคราวมา! ตำหนักโทเทมและตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ได้มอบผลประโยชน์มากมายแก่ตำหนักจารึกเทวะ ดังนั้นพวกเขาจึงยอมปล่อยมือจากเจ้า!”
“บางทีตำหนักจารึกเทวะคงมอง ว่าเจ้าไม่อาจเลื่อนระดับได้อีก ผลประโยชน์ตรงหน้าคือสิ่งจริงแท้ พวกเขาจึงยอมปล่อยวางไม่ยื้อเจ้าเอาไว้!”
เว่ยจงเจิ้งกล่าวคำ “จะมีก็แต่แดนอ้างว้างลึกลับโบราณจึงค่อยเป็นผลประโยชน์แก่ตำหนักจารึกเทวะ! ตำหนักโทเทมและตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ครอบครองดินแดนลึกลับโบราณเหล่านั้นเอาไว้มาก เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะยอมมอบจำนวนหนึ่งให้แก่ตำหนักจารึกเทวะ!”
“จริงด้วย จ้าวสำนักเว่ย ท่านได้ยินหรือไม่? พวกเขาขณะนี้พบเขตแดนอ้างว้างขนาดใหญ่ที่เทือกเขาเมฆมังกร ในเขตแดนอ้างว้างแห่งนั้น มีหลุมฝังเซียนขนาดใหญ่ มันคล้ายกับนครขนาดใหญ่เลยทีเดียว!” แม่เฒ่าตู้พลันกล่าวขึ้น
“เรื่องนี้ยังไม่เคยได้ยิน!” เว่ยจงเจิ้งเร่งรีบถาม “เรื่องนี้เกิดขึ้นนานหรือยัง?”
แม่เฒ่าตู้กล่าวตอบ “เหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เชิญท่านแล้ว! อย่างไรแล้วนี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ พวกท่านประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ก่อร่างสร้างศัตรูเอาไว้มาก กระทั่งกับตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง พวกเขาย่อมไม่ให้พวกท่านรู้แล้ว!”
สื่อชิงเฉิงกล่าวต่อ “พวกนั้นบอก ว่าเมื่อคนจากสวนโบราณกลับออกมา พวกเขาจะเตรียมการมุ่งหน้าสู่เทือกเขาเมฆมังกรพร้อมกัน เพื่อเข้าสู่เขตแดนอ้างว้างแห่งนั้น!”
ฉินหยุนครุ่นคิดภายใน ถึงสาเหตุว่าทำไมตำหนักจารึกเทวะจึงยอมปล่อยมือจากเขา
หนึ่งก็เพราะเขาไม่ได้เข้าสู่สวนโบราณ สองก็เพราะเขาครอบครองวิญญาณยุทธ์สีดำ ดังนั้นโอกาสเลื่อนระดับแทบมองไม่เห็น และสาม เขามีศัตรูมากมายเกินไป จนอาจทำให้พลังอำนาจในแดนยุทธ์อ้างว้างของตำหนักจารึกเทวะอ่อนแอลงได้
อย่างที่สี่ ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงและตำหนักโทเทม ยอมมอบผลประโยชน์มหาศาลแก่ตำหนักจารึกเทวะ
สาเหตุว่าทำไมตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงและตำหนักโทเทมต้องการจับตัวเขา ก็เพราะเขาครอบครองโทเทมราชสีห์สวรรค์ และหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร พวกมันทั้งคู่ถือเป็นวัตถุล้ำค่าล้นพ้น
“ในเมื่อพวกนั้นไม่เชื้อเชิญพวกเรา เช่นนั้นพวกเราย่อมไม่ไปเข้าร่วม! หลุมฝังเซียนที่เทือกเขาเมฆมังกรย่อมไม่ใช่เรื่องเล่น ข้าเข้าไปอาจตายได้!” เว่ยจงเจิ้งกล่าวคำ
“กล่าวกันว่าขณะนี้พวกเขารวบรวมราชันยุทธ์ห้าสิบคน และขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำอีกหลายร้อยคน รวมตัวกันเตรียมนำพารุ่นถัดไปเพื่อเปิดประสบการณ์! ความปลอดภัยของสามแดนอ้างว้างขณะนี้ เพราะร่วมมือกันแล้วจึงไม่น่ามีอันใดให้กังวล!” แม่เฒ่าตู้ยิ้ม “เมื่อถึงเวลานั้น ชิงเฉิงและข้าก็จะไปเข้าร่วม!”
แม้ฉินหยุนไม่พูดกล่าวอะไรออกมา กระนั้นเขาก็มีใจคิดอยากร่วมทางไปด้วย
เขามั่นใจ ว่าหลุมฝังเซียนที่เพิ่งถูกค้นพบนี้ จะต้องข้องเกี่ยวกับเซี่ยฉีโหรว!
“อย่างนั้นแล้ว ข้าจะพยายามให้ดีที่สุด เพื่อเร่งทำค่ายอาคมให้พวกท่านได้เร็วขึ้น!” ฉินหยุนกล่าว
“วิเศษนัก!” หุบเขาลึกล้ำจันทราของนางในขณะนี้ ใกล้ก้าวสู่สำนักระดับราชันอีกระดับหนึ่งแล้ว
ฉินหยุนขอให้สื่อชิงเฉิงอยู่ต่อเพื่อช่วยเหลือ เขายังถามต่อแม่เฒ่าตู้เรื่องการพาเชี่ยวเย่ว์หลาน หยางฉีเย่ว์ และผู้อื่นร่วมทางมาด้วยในอีกสองเดือนให้หลัง
ด้วยเหตุนี้ สื่อชิงเฉิงจึงต้องทำตามที่ฉินหยุนสั่งการเปรียบดั่งคนรับใช้
นับเป็นเรื่องดีที่นางเป็นคนมองโลกในแง่ดี ไม่เช่นนั้นคงบ่นอุบไม่จบไม่สิ้นอย่างแน่นอน
ที่นี่ยังมีหยวนหยานหยิงและเฟิงหงหลัน พวกนางย่อมช่วยเหลือได้อีกแรง
พิษในกายเฟิงหงหลัน ขณะนี้ถือว่ารักษาหายดีอย่างสมบูรณ์ กำลังวังชากลับคืนอย่างดีเยี่ยม ด้วยสวมใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์ ยิ่งขับเน้นให้งามงดงามยิ่งขึ้น โดยเฉพาะใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มจากใจ ความงดงามยิ่งฉายชัด
กระทั่งสื่อชิงเฉิง ยังต้องคิดว่าเฟิงหงหลันดูดีกว่านางมากนัก
ฉินหยุนใช้เวลาครึ่งเดือน ค่อยทำอาคมธงแล้วเสร็จ
ได้เห็นเช่นนี้ สื่อชิงเฉิงถึงกับสบถก่นด่าอยู่ภายใน เพราะฉินหยุนบอกว่าต้องใช้เวลาถึงสองเดือน
สื่อชิงเฉิงคิดกลับเสียเดี๋ยวนี้ ทว่าฉินหยุนให้นางรั้งอยู่ต่อเพื่อช่วยเหลือตนเอง
นี่ก็เพราะฉินหยุนคิดอยากขัดเกลายันต์วิญญาณระดับราชัน และอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน รวมถึงอาคมยันต์และอาวุธอื่นอีกหลายอย่าง
การที่เขาจะได้มีลูกมือชั้นเยี่ยมถือเป็นเรื่องยาก ดังนั้นย่อมต้องใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่าอย่างถึงที่สุด