Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 619 นักเล่นแร่แปรธาตุลึกลับ...หนัวหนัว
บทที่ 619 นักเล่นแร่แปรธาตุลึกลับ…หนัวหนัว
บทที่ 619 นักเล่นแร่แปรธาตุลึกลับ…หนัวหนัว
วูบ!
ในตอนนั้นเอง ต้นไม้ใหญ่สูงเทียมฟ้าพลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ลำต้นของมันกำลังส่องแสงจ้า แสงนั้นเป็นสีเขียวและดูสว่างใส มันค่อย ๆ เปล่งประกายมากขึ้น จนกระทั่งลำแสงนั้นกลืนตักไม้ยักษ์หายไป กลายเป็นดวงแสงขนาดใหญ่เท่ากับต้นไม้เมื่อครู่ ภายในช่วงเวลาเพียงพริบตา ดวงแสงนั้นพลันหดตัวจนมีขนาดเท่าลูกฟุตบอล ก่อนจะค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ
ตอนนี้ต้นไม้ยักษ์ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ดวงแสงที่มีขนาดใหญ่พลันหดตัวเหลือเพียงรูปทรงขนาดเล็ก ซึ่งลอยอยู่เบื้องหน้าเซียวกับเวยเยี่ย ยามที่แสงนั้นจางหายไป พลันปรากฏรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา
มันคือเอลฟ์สาวตัวน้อยที่มีขนาดเพียงยี่สิบเซนติเมตร ซึ่งใหญ่กว่าฝ่ามือของผู้ใหญ่เล็กน้อยเท่านั้น
เธอกำลังนั่งอยู่บนบ่าของชายหนุ่ม โดยไม่อาจเอื้อมถึงใบหูของเขาได้ เธอดูบอบบางราวกับตุ๊กตาในชุดสีเขียว ปีกมีแสงสีเขียวโปร่งแสงสวยงามกำลังหุบอยู่ ใบหน้ายามหลับของเธอดูน่ารักทีเดียว
“ว้าว~!!! สวยจังเลยค่ะ!”
นี่คือรางวัลของภารกิจลับสัตว์เลี้ยงระดับเทพเจ้า เจ้าหญิงเอลฟ์ นั่นเอง!
เวยเยี่ยที่ยืนอยู่ด้านหลัง กำลังจับจ้องไปยังสิ่งมีชีวิตที่น่ารักน่าชังนี้อย่างใคร่รู้
แต่เซียวเฟิงไม่ได้มีเวลาดูแลสัตว์เลี้ยงตัวใหม่นัก จากนั้นเขาก็รีบใช้สกิลคว้าจับเพื่อจับเธอเอาไว้
[ยินดีด้วย คุณได้รับสัตว์เลี้ยงระดับเทพเจ้า เจ้าหญิงเอลฟ์ กรุณาตั้งชื่อ!]
“เอาเป็น… ‘หลิงเมิ่ง’ ก็แล้วกัน” เซียวเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง
[ติ๊ง! สัตว์เลี้ยงของคุณได้รับการตั้งชื่อ ‘หลิงเมิ่ง’ เป็นที่เรียบร้อย!]
[ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับสัตว์เลี้ยงตัวที่สอง ‘เจ้าหญิงหลิงเมิ่ง!’ แต่เพราะสัตว์เลี้ยงสองตัวไม่สามารถถูกอัญเชิญออกมาในเวลาเดียวกันได้ ดังนั้น ‘หลิงเมิ่ง’ จะถูกพาตัวกลับไปยังมิติสัตว์เลี้ยง ในขณะที่สัตว์เลี้ยง ‘เสี่ยวไป๋’ ถูกอัญเชิญออกมา]
วงแหวนเวทอัญเชิญปรากฏขึ้นที่ด้านล่างตัวหลิงเมิ่ง และเอลฟ์สาวที่กำลังหลับใหลก็ถูกดูดเข้าไปจนกระทั่งหายไปในที่สุด
“พี่ชาย ข้อมูลวิญญาณของน้องเซียวหลิงได้รับการโอนย้ายแล้ว อยากจะปลุกเธอขึ้นมาเลยหรือเปล่า?”
เสียงของชานัวดังขึ้นในห้วงจิตสำนึกของเซียวเฟิงในตอนนี้ เธอได้แทนที่จิตวิญญาณของเซียวหลิงลงไปในข้อมูลของหลิงเมิ่งเรียบร้อยแล้ว
“ให้เธอหลับไปอีกสักพักหนึ่งก็ได้” ชายหนุ่มคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ยังพยายามข่มความตื่นเต้นภายในใจเอาไว้และตอบกลับ
ในสถานการณ์นี้ เขายังไม่อาจเผชิญหน้ากับเซียวหลิงได้ เพราะเขาไม่รู้จะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธออย่างไรดี
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบว่า สัตว์เลี้ยงระดับเทพเจ้าจะไม่ได้ถูกจัดอยู่ในรายการสัตว์เลี้ยง ดูเหมือนว่าช่วงที่ชายหนุ่มหายตัวไป ความก้าวหน้าในการเล่นเกมของผู้เล่นทั้งหลายจะสูงขึ้นมาก
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์…” เมื่อหลิงเมิ่งถูกเก็บเข้ามิติสัตว์เลี้ยงไป เวยเยี่ยก็แสดงท่าทีสลดออกมา เธอมองไปยังเซียวเฟิงด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“เธอกับหลิวเฉียงเหว่ยรู้จักกันได้ยังไง?” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจท่าทีนั้น และเลือกที่จะเอ่ยถามแทน
“ท่านประธานเฉียงเหว่ยเหรอคะ? อ๊ะ หัวหน้ากิลด์เฉียงเหว่ยบอกฉันไว้ว่าไม่ให้บอกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเธอแก่คนอื่นน่ะค่ะ”
ทันใดนั้น เวยเยี่ยก็แสดงท่าทีระมัดระวังขึ้นมา เธอมองเซียวเฟิงด้วยแววตาประหลาดและถอยออกไป
ชายหนุ่มอ้าปากค้างและพูดอะไรไม่ออก แต่เมื่อจะพูดอะไรออกมา หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“แต่เท่าที่ฉันเคยอ่านเรื่องราวในกระทู้ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ลึกลับระหว่างประธานเฉียงเหว่ยกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์จะมีเค้ามูลอยู่บ้างสินะคะ…ถ้ายังไง เจ้าแห่งฮีลเลอร์ ช่วยยืนรอสักครู่หนึ่ง ฉันจะขอคำอนุญาตจากประธานก่อน”
เวยเยี่ยพูด ราวกับกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง จากนั้นเอลฟ์สาวก็ติดต่อไปหาหลิวเฉียงเหว่ยทันที
ชายหนุ่มมั่นใจว่าเธอคนนี้ไม่ได้อ่อนแออย่างแน่นอน ฝีมือการต่อสู้ที่อยู่ในระดับพระเจ้า ซึ่งแฝงความเป็นมืออาชีพเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด ทว่าเธอยังคงเยาว์วัยและใสซื่อ ดังนั้นเขาจึงรออีกฝ่ายคุยกับปลายสายให้เสร็จก่อน ขณะตรวจสอบสถานะของหลิงเมิ่งไปพลาง ๆ
ในฐานะสัตว์เลี้ยงระดับพระเจ้า สถานะของหลิงเมิ่งนั้นค่อนข้างน่าพึงพอใจมากเลยทีเดียว เธอด้อยกว่าเสี่ยวไป๋ที่เป็นระดับพระเจ้าเหมือนกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และสกิลส่วนมากก็เป็นการอัญเชิญและสนับสนุน ทว่าเซียวเฟิงนั้นไม่ได้ตั้งใจจะใช้หลิงเมิ่งในฐานะสัตว์เลี้ยงอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ เขาจึงแค่อ่านข้อมูลไปอย่างนั้น ไม่ได้คิดสนใจตั้งแต่ต้น
“ท่านประธานบอกว่า ฉันเล่าเรื่องนั้นให้คุณฟังได้ค่ะ และขอให้ฉันเพิ่มคุณเป็นเพื่อนด้วย หากคุณต้องการอะไร ฉันจะทำตามที่คุณสั่งอย่างไม่มีเงื่อนไขเลยค่ะ แต่ว่า…เจ้าแห่งฮีลเลอร์ ความสัมพันธ์ของคุณกับประธานหลิวเป็นยังไงเหรอคะ? หรือว่าจะเป็นตามที่กระทู้ลือกันอย่าง…คนรัก?”
เวยเยี่ยคุยกับหลิวเฉียงเหว่ยเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่อมองมายังเซียวเฟิง หญิงสาวกลับดูจะอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเดิม แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความสงสัยราวกับเด็กน้อยขี้สงสัย
“นั่นไม่ใช่อะไรที่เธอควรจะถามหรือเปล่า? รีบ ๆ ตอบคำถามของฉันมาได้แล้ว! แล้วก็บอกมาด้วยว่าเธอเป็นผู้เล่นระดับพระเจ้าได้ยังไง?!”
ชายหนุ่มรับเธอเป็นเพื่อนในรายการเพื่อนด้วยสีหน้ามืดมนพลางพูดต่อด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
“อันที่จริง… ประธานเฉียงเหว่ยเป็นผู้มีพระคุณของฉันน่ะค่ะ เมื่อไม่กี่เดือนก่อน ฉันเป็นแค่ผู้เล่นมือใหม่ธรรมดาคนหนึ่ง เพราะว่าครอบครัวยากจน ฉันจึงไม่ได้เรียนหนังสือต่อ แล้วก็ตัดสินใจจะหาเงินให้ที่บ้านโดยผ่านการเล่นเกมน่ะค่ะ” เวยเยี่ยพูดด้วยท่าทีเคอะเขิน
“แต่เพราะไม่รู้อะไรเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรับมือกับมอนสเตอร์พวกนั้นได้ยังไง แล้วก็ไม่ชำนาญทักษะการเอาตัวรอด มันจึงเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับฉันทีเดียวค่ะ ฉันเคยร้องไห้เพราะน้ำยาที่ฉันปรุงขึ้นขายไม่ออก แต่เพราะชอบดูการสตรีมเกมกับการถ่ายทอดสด ฉันจึงยังคงพยายามอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งได้พบกับประธานระหว่างที่ฉันกำลังถ่ายทอดสดครั้งแรก เธอมอบรางวัลให้ฉันเป็นจำนวนมากจนฉันได้ไปเจอกับเธอจริง ๆ”
บนใบหน้าที่เขินอายของหญิงสาว ปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ ขึ้นมา ซึ่งแลดูซาบซึ้งในบุญคุณและอ่อนโยน
“เป็นสตรีมเมอร์มือใหม่งั้นเหรอ? แล้วหลิวเฉียงเหว่ยไปเจอเนี่ยนะ? แล้วยังมารู้จักกันได้อีก?” เซียวเฟิงมีสีหน้าประหลาดใจทันทีหลังได้ยินแบบนั้น “เล่าต่อสิ”
“โชคดีที่ประธานเฉียงเหว่ยดูจะชอบฉันมากหลังจากเราได้รู้จักกัน เธอไม่เพียงช่วยฉันให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ แต่ยังเชิญนายท่านซื่อเยี่ยจิ้งมาร่วมเล่นเกมกับฉันด้วย ทั้งยังแก้ภารกิจยาก ๆ ให้อีก แม้ว่าฉันในตอนนี้จะแข็งแกร่งขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะท่านประธานเป็นคนสนับสนุน ฉันจึงอยากตอบแทนเธอบ้างเท่านั้นเอง…”
เวยเยี่ยกล่าวอย่าเรียบง่าย ทว่าหลายสิ่งหลายอย่างกลับปรากฏขัดผ่านการบอกเล่านี้
“โอเค เข้าใจแล้ว งั้นฉันต้องไปก่อนล่ะ”
สีหน้าแปลกพิกลของชายหนุ่มยังคงไม่เลือนหาย อาจเพราะเขาได้รับรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเธอแล้ว เซียวเฟิงจึงไม่คิดอยู่นานนัก จากนั้นก็หยิบม้วนคัมภีร์ออกมา ก่อนจะย้ายร่างตัวเองกลับไปยังเมืองผู้เล่น ก่อนที่หญิงสาวจะพูดต่อและกลืนหายไปกับแสงสีขาว เขาก็รีบไปทำภารกิจที่อยู่ความรับผิดชอบของตัวเองต่อทันที
อันดับแรก เขาต้องนำภารกิจหลิงเมิ่งไปส่งก่อน ถึงแม้ว่าเขาในตอนนี้จะไม่ต้องการค่าประสบการณ์หรือสิ่งอื่นใด แต่มันก็ถือว่ายังดีที่อย่างน้อยก็ได้แต้มเกียรติยศในอาณาจักรเอลฟ์แห่งนี้ จากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปยังนครศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่หยุดพัก
เขาไม่ได้เห็นสถานที่แห่งนี้มาหลายเดือนแล้ว ทว่านครศักดิ์ิสิทธิ์ก็ยังคงงดงามและสูงส่งเช่นเคย มีเพียงผู้เล่นจำนวนน้อยผู้มีความเชี่ยวชาญการใช้แสงของวิหารของเทพธิดาแห่งแสงเท่านั้นจึงจะสามารถเข้ามาได้ และยังเป็นแผนที่ซึ่งผู้เล่นระดับคลาส 3 ขึ้นไปเท่านั้นที่จะเข้ามาได้ อีกทั้งมันยังได้รับการประเมินว่าเป็นแผนที่ระดับสูงสำหรับผู้เล่นคลาสนักบวช ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจนัก หากจะมีผู้เล่นมากมายอยู่ที่นี่ โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง ซึ่งเดินขวักไขว่อยู่ตามถนนตรงหน้า ทำให้เซียวเฟิงดูโดดเด่นขึ้นมา
“เธออยู่ที่ไหน? รีบ ๆ เอาของของฉันมาคืนเดี๋ยวนี้เลย!”
เซียวเฟิงไม่ได้อ้อยอิ่งอยู่ในนครศักดิ์สิทธิ์นานนัก เขามุ่งหน้าไปยังวิหารเพื่อเข้าพบเทพธิดาแห่งแสงสำหรับรับภารกิจเปลี่ยนเป็นคลาสที่ 4 ทว่าระหว่างนั้นเขาเห็นซื่อเยี่ยจิ้งออนไลน์พอดี เขาจึงรีบส่งข้อความไปหาเธอระหว่างทางที่เดินทาง
“นายต้องรีบใช้ตอนนี้เลยหรือเปล่า? ถ้าไม่รีบ ขอฉันสะสางงานวันนี้ให้เสร็จก่อนได้ไหม?” เธอตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ดันเจี้ยนเลเวล 65 กับคนยี่สิบคนเหรอ?” เซียวเฟิงไม่ได้รีบร้อนนักในเวลานี้ จากนั้นก็ถามกลับอย่างเป็นกันเอง ในตอนนี้มีผู้เล่นระดับเทพเจ้าอยู่ 72 คนจากทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์ และสถิติการชนะแรกของดันเจี้ยนเลเวลที่ 65 ก็เพิ่งจะผ่านมาไม่นาน แม้จะไม่รู้ว่ากิลด์ของเขตไหนเป็นคนคว้าชัยไป แต่ด้วยความแข็งแกร่งของซื่อเยี่ยจิ้งกับกิลด์มิดซัมเมอร์ จึงทำให้การลงกำลังคนทั้งยี่สิบคนในหนึ่งดันเจี้ยนเป็นเรื่องยาก
“ใช่ นายจะมาด้วยหรือเปล่า? ถ้ามา ฉันจะสำรองที่ไว้ให้ อย่างน้อย ๆ ค่าประสบการณ์ที่หารจากคนยี่สิบคนก็ยังมหาศาลอยู่นะ รวมถึงตัวบอสก็น่าจะดรอปอาวุธดี ๆ มาได้ด้วย” ซื่อเยี่ยจิ้งถือโอกาสถามกลับ
“เธอไปก่อนเลย ฉันไม่ได้ต้องการค่าประสบการณ์ในตอนนี้”
ชายหนุ่มเดินทางมาถึงวิหารของเทพธิดาแห่งแสงพอดี เขาจึงกล่าวตัดบททันที เพราะค่าประสบการณ์ของเขาในตอนนี้เต็มแล้ว และดันเจี้ยนก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจได้มากพอ
“สวัสดีครับ ท่านเทพธิดา!” เทพธิดาแห่งแสงยังคงนั่งอยู่บนบัลลังก์หยกที่ลอยอยู่บนอากาศดังเดิม ดวงตาของนางปิดสนิทแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความสง่างามและมากด้วยคุณธรรม กลิ่นอายที่แผ่ออกมานั้นทำให้ใครต่อใครไม่กล้าที่จะดูหมิ่นอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
เซียวเฟิงรีบกล่าวทักทายทันทีที่เข้ามายังภายในวิหาร พร้อมกับอัญเชิญเสี่ยวไป๋ออกมาพร้อมกัน ชายหนุ่มรู้ดีว่าเทพธิดาแห่งแสงนั้นไม่ใช่คนที่จะสามารถมีเรื่องด้วยได้ แต่การปฏิบัติต่อเสี่ยวไป๋นั้นแตกต่างออกไป
ดวงตาที่ปิดสนิทของเทพธิดาคนงามปรือขึ้นหลังได้ยินเสียงทักทาย นางมองเซียวเฟิงด้วยแววตาไร้ความรู้สึก ทว่าเมื่อเหลือบเห็นเสี่ยวไป๋ กลับแสดงความอ่อนโยนออกมาพร้อมกับถามขึ้น “ท่านก้าวหน้าได้อย่างน่าอัศจรรย์มาก ที่มาที่นี่ในครั้งนี้ก็เพื่อเปลี่ยนคลาสครั้งที่ 4 สินะ?”
“ใช่ครับ ดูท่าผมคงจะไม่สามารถปิดบังอะไรจากท่านเทพธิดาได้เลย เช่นนั้นแล้วโปรดมอบภารกิจสำหรับเปลี่ยนคลาสครั้งที่ 4 ให้ผมด้วยนะครับ”
เซียวเฟิงรีบกล่าวเยินยอ ทว่าภายในใจกลับกำลังครุ่นคิดถึงการเปลี่ยนเป็นคลาสศักดิ์สิทธิ์อยู่ไม่คลาย เพราะความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ทรงพลังมาก ดังนั้นการเปลี่ยนเป็นคลาส 4 ในคราวนี้น่าจะบรรลุไปถึงคลาสศักดิ์สิทธิ์เลยใช่ไหมนะ?
แต่จู่ ๆ เทพธิดาแห่งแสงก็หยุดพูด ปลายนิ้วเรียวที่ไร้ตำหนิทั้งห้า วางลงบนที่เท้าแขนของบัลลังก์ ภาพที่สะท้อนในแววตานั้นมีเพียงเสี่ยวไป๋จนคาดเดาได้ยากว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
สิ่งนี้ทำให้เซียวเฟิงสับสนขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ใช่ว่านางหยุดนิ่งไปเลย หากแต่เลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อมากกว่า มือเรียวสวยยังคงจรดนิ่งและพูดหยอกกับเสี่ยวไป๋บ้างเป็นครั้งคราว ทว่าแววตาของนางก็ทำให้เสี่ยวไป๋รู้สึกกังวลเล็กน้อย สองแขนเล็กกอดร่างของตนเองกลมพร้อมทั้งก้มหัวลงเหมือนตัวนิ่มที่กำลังลี้ภัย ทำให้ชายหนุ่มทำได้เพียงลูบผมสีเงินสั้น ๆ ของเธอเพื่อปลอบโยนเท่านั้น
เทพธิดาแห่งแสงยังคงไม่พูดไม่จา เคาะนิ้วเป็นจังหวะอยู่บนบัลลังก์หยกนั้น และมองเซียวเฟิงที่ค่อนข้างสนิทกับเสี่ยวไป๋อย่างเงียบ ๆ
เมื่อเห็นเทพธิดาแห่งแสงนิ่งเงียบไปนาน ชายหนุ่มก็เริ่มหมดความอดทน และเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จังหวะนั้นร่างของชานัวก็ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าเขา แต่แทนที่ร่างนั้นวิญญาณอย่างเคย คราวนี้เธอกลับปรากฏกายขึ้นในฐานะ NPC ตนหนึ่ง!
ชื่อของเธอคือ นักเล่นแร่แปรธาตุลึกลับ…หนัวหนัว!
“ท่านนักเล่นแร่ผู้ยิ่งใหญ่!”
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ เทพธิดาแห่งแสงถึงกับละทิ้งท่าทีสงบยามที่เห็นชานัว และทำความเคารพในทันทีที่ได้เห็น