ตอนที่ 169 ขอคำแนะนำ (1)

“จริงๆ แล้วก็เป็นแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นสำนักดาราจักรหรือสำนักดาบทรายแดง ก็ยังมีผู้ฝึกยุทธ์หลายคนที่กำลังเตรียมตัวเข้าสู่ระดับนักสู้ แต่ว่าคนที่สามารถบรรลุไปได้จริงๆ นั้นมีน้อยมาก” แม่ทัพสวรรค์คาร์เบลล่าพยักหน้ายืนยัน

“หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป โลกแห่งศิลปยุทธ์ลับและโลกศิลปะการต่อสู้ก็จะยิ่งมืดมนลงเรื่อยๆ” ลูเธอร์ผู้เป็นเจ้าสำนักดาบทรายแดงพยักหน้าและขมวดคิ้วเช่นกัน

“แล้วพวกส่วนกลางที่เห็นความสำคัญกับเรื่องนี้ พวกเขาไม่มีการจัดฝึกสำหรับนักสู้เหรอ” กาเรนสงสัย

“จัดไม่ไหว” เจ้าสำนักดาบทรายแดงยิ้มเจื่อน “ในการฝึกนักสู้คนหนึ่งต้องใช้ทรัพยากรอย่างมากเพื่อเสริมสร้างร่างกาย ส่วนการฝึกฝนก็กินเวลานาน ถ้าไม่ใช่พวกมีพรสวรรค์อย่างพวกเธอ นักสู้ทั่วๆ ไปอย่างน้อยก็ต้องเริ่มฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรมากโข และอาจจะต้องรอไปกว่าสิบปีขึ้นไปถึงจะบรรลุขอบเขตได้ ปัญหาติดตรงที่ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะทะลวงสู่ระดับนักรบ แต่มีความเป็นไปได้ในอัตราที่ต่ำเกินไป เมล็ดพันธุ์หนึ่งร้อยเมล็ดมีสักหนึ่งเมล็ดที่สามารถเติบโตออกมาได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว” คาร์เบลล่าพูดเสริม “วัฏจักรนั้นยาวเกินไปแต่ความเป็นไปได้นั้นต่ำมาก การกำเนิดของนักสู้เป็นเพราะคุณสมบัติบางอย่างถึงขีดจำกัดของมนุษย์ ดังนั้นวิธีการฝึกฝนมากมายจะมีก็เพียงพวกบ้าที่จะกล้าลองเท่านั้น อีกอย่างก็ต้องฝึกเป็นระยะเวลายาวนาน มิฉะนั้นสมรรถภาพทางกายจะถดถอยลงได้ โดยทั่วไปแล้วมันยากเกินไปจริงๆ”

“ใช่แล้ว ฝึกนักสู้หนึ่งคนต้องใช้ทั้งเวลาและทรัพยากร แต่พอเป็นนักแม่นปืน สหพันธรัฐสามารถฝึกฝนได้จำนวนหลายคน และการโจมตีของนักสู้ก็ไม่รุนแรงเท่านักแม่นปืน แม้ว่าเธอจะสามารถหยุดฉันสามคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ได้ แต่ถ้าเป็นปืนใหญ่ก็คงกลายเป็นผุยผงไปแล้วใช่ไหมล่ะ” เจ้าสำนักดาบทรายแดงทอดถอนใจ

ในเวลานี้บรรยากาศในห้องนั่งเล่นดูอึมครึมลงไปเล็กน้อย “ปัจจุบันเทคโนโลยีการควบคุมการยิงได้รับการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ อาวุธจำพวกปืนก็มีประสิทธิภาพมากขึ้นทำให้ตัวบุคคลถูกลดความสำคัญตามไปด้วย แต่ละประเทศแข่งขันกันซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ปืนใหญ่ เรือรบและเครื่องบินอย่างบ้าคลั่ง ส่วนบทบาทของนักสู้นั้นมีไว้เพื่อป้องกันและซุ่มโจมตีเท่านั้น และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสหพันธรัฐถึงไม่ให้ความสำคัญกับนักสู้มากนัก” ลูเธอร์อธิบาย

กาเรนพยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน

แม้ว่าเขาจะมาถึงจุดสุดยอดของพลังปราณเพิ่มความแข็งแกร่ง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้าอาวุธเพียงลำพังก็อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บได้ ในทางกลับกันถ้าเป็นนักสู้คนอื่นล่ะก็ พวกเขาคงถูกแยกเป็นสองท่อนไปแล้ว

เขาเองก็รู้สึกว่าแต่ละประเทศยังไม่ให้ความสำคัญกับการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หากต่อไปพบว่าหน่วยปฏิบัติการพิเศษสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงในการรบได้ล่ะก็ คงจะให้ความสำคัญกับนักสู้เป็นพิเศษทันที

“อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องนี้เลย เครื่องบินทหารถูกจัดไว้แล้วและผมจะออกเดินทางในวันมะรืน” กาเรนมองไปที่เจ้าสำนักดาบทรายแดง

เจ้าสำนักดาบทรายแดงดูเหมือนจะสงสัยเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าเธอรู้ข้อมูลเพียงคร่าวๆ เท่านั้น”

“นั่นสิ ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”

“แน่นอน”

คาร์เบลล่ายืนขึ้น “งั้นพวกเราขอตัวก่อน”

“เดินทางปลอดภัย”

กาเรนนั่งดูพวกคาร์เบลล่าจากไป และพูดคุยกับเจ้าสำนักดาบทรายแดงสักพัก จากนั้นจึงลุกขึ้นและไปที่สำนักงานใหญ่ของดาบทรายแดง

ขบวนรถม้าสีแดงได้รับการคุ้มกันอย่างใกล้ชิด ทั้งหมดกลับไปที่สำนักงานใหญ่ที่พวกเขาเพิ่งจากมาเมื่อไม่กี่วันก่อน

อาคารที่อยู่กลางลานสนามถูกไฟไหม้ทั้งหมด และสถานที่ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่ยุ่งเหยิง เหลือเพียงห้องแถวทางด้านซ้ายที่ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่

“เชิญทางนี้” เจ้าสำนักดาบทรายแดงนำกาเรนเข้าไปในลานทางด้านซ้าย ผ่านบ้านที่เชื่อมต่อกันหลายหลัง จากนั้นก็เข้าไปในลานเล็กๆ

มีสวนเล็กๆ ที่นั่น ในสวนมีสระน้ำหินและต้นไหวใหญ่ที่ให้ร่มเงาหนาทึบ

กาเรนเดินตามหลังเจ้าสำนักดาบทรายแดงและมองตามไป เขาพบว่ามีบ้านหลายหลังเชื่อมต่อกันและมีสนามหญ้าเล็กๆ อยู่ฝั่งตรงข้าม มีคนรับใช้เดินไปมาในสวนตรงนั้น บางคนกำลังถือถังน้ำ และบางคนก็ถือผ้าพันแผลสีขาวที่ใช้แล้ว

เมื่อสังเกตเห็นการจ้องมองของกาเรน เจ้าสำนักก็อธิบายด้วยรอยยิ้ม “บิโอพักอยู่ที่ลานตรงนั้น เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อครั้งที่แล้วขณะปฏิบัติภารกิจให้กับส่วนกลาง และเขายังคงพักฟื้นอยู่”

“เหรอ” กาเรนพยักหน้า

ทั้งสองยังคงเดินไปข้างหน้า ผ่านลานไปยังประตูห้องเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกล

หน้าประตูไม้สีน้ำตาลแดง มีชายชราสองคนและหญิงชราสองคนนั่งตรงข้ามกัน ถือหนังสือในมือคนละเล่ม ขมวดคิ้วพึมพำและไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร

เมื่อเห็นเจ้าสำนักเข้ามา ทั้งสองก็ลุกขึ้นพร้อมกัน

““กลับมาแล้วหรือ”

“เรามาแล้ว เปิดประตูเถอะ” เจ้าสำนักดาบทรายแดงพยักหน้า

ประตูไม้สีน้ำตาลแดงถูกเปิดออกช้าๆ

เจ้าสำนักลูเธอร์ไม่ได้หยุดพักผ่อนจากการเดินทาง เพียงแต่พูดกำชับไว้สองสามเรื่อง จากนั้นก็ออกไป

ประตูปิดลงอีกครั้ง ทิ้งกาเรนไว้คนเดียวในห้อง

ในห้องปูด้วยพื้นไม้มะฮอกกานีและมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนานกัน

แถวของชั้นวางหนังสือถูกจัดเรียงไว้บนผนังซึ่งหันหน้าเข้าหาประตู และมีบันไดวนอยู่ทางด้านขวาของชั้นหนังสือซึ่งยื่นขึ้นไปยังชั้นสอง

มีโต๊ะและเก้าอี้อยู่หน้าชั้นหนังสือ และมีประติมากรรมรูปปั้นหินสูงรูปคนสีดำวางอยู่ตรงกลาง

รูปปั้นของชายผมหยิกในผ้าคลุมสีดำ ใบหน้าเคร่งขรึม ถือหนังสือราวกับว่าเขากำลังเดินไปข้างหน้า

กาเรนเดินผ่านรูปปั้นชายไปและยืนอยู่หน้าชั้นหนังสือ

ข้างต้นแบ่งเป็นหมวดหมู่ มีชั้นหนังสือทั้งหมดสี่ชั้นเรียงจากซ้ายไปขวา

แบ่งออกเป็นตำราประสบการณ์ การฝึกฝน วิธีลงมือ และศิลปยุทธ์ลับระดับต่ำ

มีหนังสือไม่มากนักบนชั้นหนังสือ แต่ละชั้นมีหนังสือเพียงสิบหรือยี่สิบเล่มเท่านั้น

ตำราสามประเภทแรกนั้นกาเรนไม่ได้สนใจ เขามองหาศิลปยุทธ์ลับระดับต่ำทันที

ชั้นหนังสือศิลปยุทธ์ลับแบ่งออกเป็นวิชาท่วงท่า วิชาหมัด วิชาเท้า วิชานิ้วมือ และอาวุธ

ในหมวดหมู่อาวุธนั้นมีไม่เกินเจ็ดหรือแปดเล่ม และกาเรนก็หยิบมันขึ้นมาดูทีละเล่ม

ดาบสั้นแห่งคริส ดาบแห่งความรุ่งโรจน์ วิชาดาบไคว่ วิชาสามดาบ วิชาดาบสองมือ วิชาดาบมือเดียว ดาบกดทับ

หลังจากที่อ่านดูทั้งหมด พวกนี้ล้วนเป็นศิลปยุทธ์ลับระดับต่ำ และไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติทางกายภาพที่สูงนัก บวกกับคุณสมบัติของเขาที่เต็มเปี่ยมและแข็งแกร่งจนถึงขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ ก็ไม่ได้ใช้พลังงานในการอ่านทั้งหมดเลยแม้แต่นิดและจดจำเข้าสมองโดยตรง

เพียงเพราะมันใช้ไม่ได้ในตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่ามันจะใช้ไม่ได้ในอนาคต แม้ว่าระดับศิลปยุทธ์ลับเหล่านี้จะเป็นเพียงศิลปยุทธ์ลับระดับสามเท่านั้น แต่ก็มีความคล้ายคลึงกับศิลปยุทธ์ลับกายาเหล็กและทักษะมหาศิลาอยู่บ้าง

หลังจากกวาดสายตาดูอาวุธลับต่างๆ แล้ว สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่วิชาท่วงท่าอีกครั้ง

เขาปัดดูที่ละหน้า

งูทะเลพันรอบ ถลาทุ่งขจี จู่โจมเร็ว สเตลล่าลอบสังหาร

มีเพียงไม่กี่เล่มเท่านั้น จากนั้นกาเรนก็หยิบขั้นวงกลมงูทะเล กระทบทุ่งเขียว จู่โจม สเตลล่าลอบสังหาร เพียงไม่กี่ฉบับเท่านั้น กาเรนหยิบมันขึ้นมาพลิกดู วิธีฝึกฝนส่วนใหญ่คือการใช้ท่วงท่าพิเศษเพื่อระเบิดพลังของกล้ามเนื้อและความแข็งแกร่งของเลือด แต่ว่ากลับไม่มีวิธีการฟื้นสภาพ จะมีก็เพียงทักษะการระเบิดพลังเท่านั้น ซึ่งหลายๆ อย่างก็ทำให้แม้แต่กาเรนเองยังรู้สึกว่ามันรุนแรงเกินไป

“รูปแบบที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หรือว่านี่จะเป็นศิลปการต่อสู้ของทวีปครามในตำนาน” เขาจดจำศิลปะการต่อสู้ที่น่าหวงแหนแต่ละรูปแบบโดยตรง

ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการจดจำตำราทั้งหมด

วิชาหมัดและวิชานิ้วมือเป็นจุดสำคัญ

แต่มีเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น

วิชานิ้วมือ : กรงเล็บอัปลักษณ์ และวิชานิ้วคู่

วิชาหมัด : หมัดลิลลี่ มวยฮาเวียร์

เขากวาดสายตาไปรอบหนึ่ง และมันไม่มีประโยชน์มากนักกับตัวเขา เพียงแต่สามารถเอามาประยุกต์ใช้กับรูปแบบการฝึกฝนต่างๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต่างกันได้ค่อนข้างดี

ไม่มีอะไรให้ดูอีกที่ชั้นหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงขึ้นบันไดวนขึ้นไปชั้นที่สอง

บนชั้นสองเป็นเพียงชั้นวางหนังสือซึ่งมีหนังสือเป็นโหลที่กระจัดกระจายพอๆ กัน

แต่กาเรนแค่เหลือบไปมอง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที และประกายแห่งความสุขก็ฉายแววในดวงตาของเขา

ตำราศิลปยุทธ์ลับมากมายบนชั้นหนังสือนี้เหมาะกับเขามากกว่า

เขาสุ่มหยิบศิลปยุทธ์ลับกำปั้นราชสีห์ขึ้นมา ซึ่งเป็นศิลปยุทธ์ลับสำหรับฝึกความแข็งแกร่งของกำปั้น ควบคู่กับวิธีการโจมตี ตำนานกล่าวว่ามันเป็นวิธีการชกมวยชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างความมั่นใจในตนเองได้อย่างสมบูรณ์ผ่านการฝึกฝน และยังช่วยปรับบุคลิกภาพของบุคคลได้เป็นอย่างดี เป็นเทคนิคมวยที่มีมนต์ขลังอย่างหนึ่ง

กาเรนท่องจำกำปั้นราชสีห์อย่างระมัดระวัง แลยังคงกวาดดูตำราอื่นๆ

ทักษะมหาศิลา กายาเหล็ก และหัตถ์อัคคีก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

นอกจากศิลปยุทธ์ลับที่เขารู้จักแล้ว กาเรนก็ดึงตำราศิลปยุทธ์ลับที่เหลือทั้งหมดออกมาและวางไว้บนโต๊ะชั้นสอง

หมัดทะลวง พลังเทวรูปทองแดง พลังเทวรูปเหล็ก พลังเทวรูปทองคำ หมัดกระทุ้งฮันต์แมน กรงเล็บเพลิง

มีทั้งหมดหกเล่ม ซึ่งทั้งหมดเป็นศิลปยุทธ์ลับใหม่ล่าสุดที่กาเรนไม่เคยเรียนรู้มาก่อน และเป็นฉบับครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งหมดอยู่ในระดับเดียวกับเคล็ดวิชาลับมหาคช หรืออาจเป็นศิลปยุทธ์ลับที่แข็งแกร่งกว่า อยู่ในหมวดหมู่ศิลปยุทธ์ลับขั้นสองหรือขั้นสาม

ดูเหมือนว่าสำนักดาบทรายแดงจะรวบรวมเฉพาะศิลปยุทธ์ลับที่เป็นชุดครบถ้วนสมบูรณ์ ส่วนอื่นๆ พวกเขาไม่ได้เก็บรวบรวมไว้

กาเรนทบทวนศิลปยุทธ์ลับหัตถ์อัคคีที่เคยเรียนรู้อีกรอบเพื่อดูว่ามีส่วนที่ไม่เหมือนกันหรือไม่ จากนั้นก็เริ่มท่องจำศิลปยุทธ์ลับทั้งหกเล่ม

พลังเทวรูปทองแดง พลังเทวรูปเหล็ก พลังเทวรูปทองคำ เป็นสำนักพลังปราณเพิ่มความแข็งแกร่งที่ถูกสำนักดาบทรายแดงกำจัด เอาศิลปยุทธ์ลับที่ได้มาจากการรีดไถวางไว้ที่นี่และไม่เก็บกลับไป เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจัดเตรียมไว้ให้กาเรนโดยตรง

ยุทธการจู่โจมของศิลปยุทธ์ลับทั้งสามนี้มีพลังมาก ส่วนอานุภาพนั้นแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็มีจุดที่สำคัญ

ทองแดงเหล็ก และทองคำ สามระดับ สำหรับคนนอกพลังไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ถ้าหากผู้ฝึกฝนเผชิญหน้ากัน พลังเทวรูปทองแดงจะถูกควบคุมโดยพลังเทวรูปเหล็ก และพลังเทวรูปเหล็กจะถูกควบคุมโดยพลังเทวรูปทองคำ

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นวิธีการหนึ่งที่สำนักใช้ในการควบคุมสาวกภายในสำนัก

ส่วนหมัดทะลวงความเร็วสามารถใช้เป็นตัวช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเทคนิคการชกมวย และถือได้ว่าเป็นเคล็บลับเล็กๆ น้อยๆ ในการฝึกศิลปยุทธ์ลับประเภทนี้

หมัดกระทุ้งฮันต์แมนเป็นศิลปยุทธ์ลับที่มีพลังระเบิดที่น่าสะพรึงกลัว มันเป็นวิธีการชกมวยที่สร้างขึ้นโดยนักฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่เลียนแบบหลักการของอาวุธปืน ซึ่งสามารถทำให้คนธรรมดาระเบิดพลังหมัดที่น่าสะพรึงกลัวได้มากกว่าสามเท่า

ทว่าฮันต์แมนเอง ก็เสียชีวิตเพราะวิธีการชกมวยนี้ก่อนที่เขาจะอายุได้สี่สิบปี นักฝึกยุทธ์ทุกคนที่ฝึกฝนวิธีการชกมวยนี้ล้วนมีพละกำลังที่น่าทึ่งแต่พวกเขาก็เสียชีวิตเร็วมากโดยไม่มีข้อยกเว้น

ในตำราศิลปยุทธ์ลับได้บันทึกอายุมรณกรรมของนักฝึกยุทธ์ไว้อย่างชัดเจน ซึ่งพวกเขาตายโดยธรรมชาติและไม่มีโรคภัยไข้เจ็บแต่อย่างใด

“เจ้านี้สามารถใช้ฝึกคนตายได้” กาเรนท่องจำศิลปยุทธ์ลับนี้เอาไว้ด้วย

สุดท้ายก็คือกรงเล็บเพลิง

นี่คือศิลปยุทธ์ลับที่ใช้ฝึกฝนมือที่ไม่ซับซ้อน และสามารถฝึกฝนมือทั้งสองได้โดยไม่ต้องกลัวอุณหภูมิสูงของเปลวไฟทั่วไป มีอานุภาพธรรมดา ซึ่งผู้สร้างเป็นนักฝึกยุทธ์ระดับนักสู้ทั่วไปเมื่อเขาอายุห้าสิบปี เขาต้องการพัฒนาต่อไปจึงสร้างศิลปยุทธ์ลับที่แข็งแกร่งกว่าออกมา และเสียชีวิตไปในเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำซึ่งเกิดจากตัวเขาเอง

เมื่อกาเรนพลิกดูศิลปยุทธ์ลับเล่มนี้ หัวใจของเขาก็กระตุกเล็กน้อย หลังจากท่องจำมันอย่างละเอียด เขาก็หลับตาลงและมองไปที่แถบคุณสมบัติที่อยู่เบื้องใต้ระยะรัศมีการมองเห็น

‘พละกำลัง 2.66 ความเร็ว 2.72 ความแข็งแรง 2.65 สติปัญญา 2.53 ศักยภาพ 626%’

ศิลปยุทธ์ลับ

‘เคล็ดวิชามหาคชประยุกต์: ระดับขั้นระเบิดพลัง (ขั้นสูงสุด) ความแข็งแกร่งของผิวกายระดับ 1 (กายาเหล็ก) เลือดลมพลังปราณเสถียรมั่นคงระดับ 1 (ทักษะมหาศิลา) เสริมประสิทธิภาพการแผดเผาระดับ 1 (พลังเหล็กอัคคี) เสริมความแข็งแรงระดับ 1 (พลังเหล็กอัคคี)’

“ศักยภาพเพิ่มขึ้นเล็กน้อย” กาเรนยิ้มด้วยความพึงพอใจ “บัลลังก์ดาบทองนี่เป็นของดีจริงๆ ไม่เสียแรงที่เราอุตส่าห์เดินทางเสี่ยงอันตรายไปชิงมันมา ในหนึ่งสัปดาห์ตอนนี้มีศักยภาพเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็ถือว่าไม่เลว”

………………………………………………………………