My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม - ตอนที่ 638 เรื่องผีที่น่ากลัวยิ่งกว่าของฉัน? (1+2)
- Home
- My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม
- ตอนที่ 638 เรื่องผีที่น่ากลัวยิ่งกว่าของฉัน? (1+2)
แอบอยู่ในห้องกักกันของโรงพยาบาล อ่านบันทึกที่เต็มไปด้วยความสยองที่เหยื่อทิ้งเอาไว้ และความสยองขวัญที่เขียนไว้ในบันทึกก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทันทีที่ปิดบันทึกลง มือกรรไกรไม่สามารถเสแสร้งอีกต่อไปได้ เขาเชื่อว่าไม่ว่าใครก็คงเสียสติไปในสถานการณ์เช่นนี้
หน้าต่างเล็ก ๆ บนประตูนั้นเต็มไปด้วยใบหน้าซีดเผือดมากมาย และขนาดมองผ่านประตู มือกรรไกรยังเห็นสีหน้าของคนเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน
“พวกเขาทุกคนกำลังมองฉันอยู่!” มือกรรไกรหายใจได้อย่างยากลำบาก มันเหมือนมีมือเย็นเฉียบคู่หนึ่งเอื้อมมาที่หน้าอกของเขาแล้วล้วงเข้าไปบีบปอดของเขาเอาไว้ เรี่ยวแรงทั้งหมดหายไปจากร่างของเขา และเขาก็พบว่ามันยากมากที่จะขยับตัวแม้แค่การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ
“เจอแกแล้ว” เสียงหลอน ๆ นั่นก้องอยู่ในหูเขามากขึ้น ขาของมือกรรไกรสั่นระริก ความสนใจทั้งหมดของเขาถูกดึงไปที่ด้านนอกช่องหน้าต่างเล็ก ๆ บนประตู จนมันต้องใช้เวลาเป็นนานกว่าเขาจะรู้สึกว่าเสียงที่เขาได้ยินก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะไม่ได้มาจากด้านนอกประตู ความกลัวแทรกเข้ามาในทุกเส้นประสาทของเขาอย่างฉับพลัน ดวงตาของมือกรรไกรแทบจะถลนออกมาจากเบ้า และเขาก็หันกลับไปมองข้างหลังตามสัญชาตญาณ
ที่นั่งอยู่ในตู้เสื้อผ้าที่เขาซ่อนตัวอยู่ก่อนหน้านี้ก็คือชายคนหนึ่งในชุดผู้ป่วย ผู้ชายคนนั้นตัวไม่สูง เขาใส่เฝือกอยู่ที่ขาทั้งสองข้าง ดวงตาข้างซ้ายของเขาถูกดินสอแทงบอด จมูกหัก และนิ้วทั้งสิบซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อ รอยเท้าของมือกรรไกรและเลือดที่หยดจากกรรไกรของเขานั้นปรากฏอยู่บนชุดผู้ป่วย เห็นได้ชัดเจนว่า ชายคนนี้ ‘ซ่อน’ อยู่ในตู้เสื้อผ้า
“เจอแกแล้ว” น้ำเสียงราวกับหุ่นยนต์และเฉยเมย ฟังเหมือนเป็นตุ๊กตาชักใยมากกว่าเป็นคน สีหน้าบนใบหน้าก็ไม่เป็นธรรมชาติมาก เขาดูมีความสุขและตื่นเต้นเหมือนเด็ก ๆ ที่ได้รับของเล่นใหม่มาเล่น
ผีอยู่ในตู้เสื้อผ้า คิดกลับไปถึงเวลาที่เขาใช้ไปในตู้เสื้อผ้าแล้วมือกรรไกรก็ขนลุก ‘ผู้ป่วย’ ที่เป็นคนเขียนบันทึกปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าเขา แต่ชายคนนั้นน่าจะตายไปนานแล้ว
มือกรรไกรยืนอยู่ระหว่างเจ้าของบันทึกและประตูห้องพักผู้ป่วย เขาติดอยู่ในสถานการณ์ลำบากแล้ว
“ใจเย็นไว้ อย่าตื่นตระหนก แกดูหนังสยองขวัญมามากกว่าสิบเรื่อง และยังเล่นเกมสยองขวัญมามากกว่าสิบเกมก่อนจะมาที่นี่ แกเตรียมการทุกอย่างที่สามารถทำได้แล้ว ดังนั้นมันจะต้องมีวิธีการแก้ไขปัญหานี้” สมองเขาหมุนเร็วจี๋ แต่เขาก็ไม่สามารถหาแรงบันดาลใจใด ๆ ได้จากทั้งหนังสยองขวัญหรือว่าเกม นี่ก็เป็นเพราะว่าไม่มีฉากอย่างนี้ในหนังพวกนั้น ฉากที่ตัวละครหลักถูกบังคับให้ต้องเลือกระหว่างผีตนหนึ่งกับผีทั้งกลุ่ม
เหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผากเขาไหลกลิ้งลงมาเรื่อย ๆ หัวใจของเขาเต้นรัวไม่หยุด “มีผีตนหนึ่งอยู่ด้านหลังฉัน และยังมีผีอีกทั้งกลุ่มอยู่ตรงหน้า ปกติแล้วมันน่าจะปลอดภัยกว่าที่จะอยู่ในห้อง แต่ถ้าฉันไม่หนีออกไปจากห้องนี้มันก็เท่ากับเป็นการตายอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ สูญเสียอิสระของตัวเองไปจนกระทั่งอยากจะตายก็ตายไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด นั่นก็เป็นปลายทางของเจ้าของบันทึก ดวงตาของเขาถูกแทงจนบอด ขาของเขาหักจนรักษาไม่ได้ และในที่สุด เขาก็ทำได้แค่อยู่เล่นกับผีที่เหลือที่นี่ไปตลอดกาล”
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ของชะตากรรมที่อาจจะเกิดขึ้นกับเขาตามที่บรรยายเอาไว้ในบันทึก มือกรรไกรก็ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ “ในเมื่อฉันยังเคลื่อนไหวได้ ฉันก็ต้องพยายามอย่างที่สุดที่จะหนี”
หน้าอกที่กระเพื่อมแรงของเขาค่อย ๆ กลับเป็นปกติช้า ๆ เขากลั้นหายใจแล้วหันไปมองช่องหน้าต่างที่บนประตู “ไม่มีทางเลือกแล้ว! ฉันต้องสู้กับพวกมัน! ฉันจะบุกขึ้นไปที่ชั้นสามแล้วกระโดดออกจากที่นี่ทางหน้าต่าง!”
มือกรรไกรรู้สึกเหมือนเขาได้เลือกวิธีการที่ดีที่สุดแล้วเมื่อคิดถึงตัวเลือกอันสิ้นหวังอื่น ๆ ที่เขามี เขากำกรรไกรแน่นและท่ามกลางการจับตามองของ ‘ผู้ป่วย’ จู่ ๆ เขาก็ร้องคำรามออกมาแล้วพุ่งไปทางประตู ตอนที่เขาลงมือ ก็มีบางอย่างเกิดขึ้นโดยบังเอิญ เสียงฝีเท้าดังมาจากอีกด้านของทางเดิน เสียงฝีเท้าดูเหมือนจะมาจากทางเดินหนีไฟที่ชั้นสอง และมันฟังดูไม่สม่ำเสมอเหมือนมีมากกว่าหนึ่งคนกำลังวิ่งลงมาตามทางเดิน
เสียงร้องออกมาอย่างกะทันหันของเขานั้นทำให้อีกฝ่ายที่กำลังวิ่งมาทางเขาตกใจกลัว ตอนที่เขาไปถึงประตูห้องพักผู้ป่วย มือกรรไกรก็ได้ยินเสียงของชายวัยกลางคนดังมาจากทางเดิน ห่างไปราว ๆ หกหรือเจ็ดเมตร “บ้าชะมัด! ที่นี่มีผี! กลับไป! ถอยกลับไป!”
ใบหน้ามนุษย์ที่บนช่องหน้าต่างหายลับไปทันที มือกรรไกรปล่อยวางความระแวดระวังของตัวเอง เขาพุ่งออกจากห้อง โบกกรรไกรของตัวเองไปมาอย่างบ้าคลั่งและพุ่งตรงไปยังชั้นสาม บนแขน ขา และไหล่ของเขา เขารู้สึกเหมือนมีมือมากมายยื่นออกมาจับตัวเขาเอาไว้ในเวลาเดียวกัน!
“ปล่อยฉัน!” เขาเล็งกรรไกรในมือไปยังกระเป๋าที่เขาถือเอาไว้ เขาแทงมันทะลุ และบางอย่างในกระเป๋าก็ถูกกรีดขาด ของเหลวสีแดงเข้มระเบิดออกจากข้างในนั้น เหมือนผู้ป่วยบ้าคลั่ง เขาสะบัดเลือดที่ด้านในกระเป๋าไปรอบ ๆ เปรอะไปทั่วร่างของเขาและพื้นที่รอบ ๆ ตัว
ตอนที่เขาอาบของเหลวนั่นทั่วร่าง เขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาอาจจะไม่ได้เสียสติไปจริง ๆ แต่ในด้านรูปลักษณ์แล้ว มือกรรไกรนั้นจัดการให้ ‘ผู้ป่วย’ ที่อยากจะเล่นซ่อนหาคนนั้นถอยไปได้
หลังจากสาดเลือดออกไปแล้ว มือกรรไกรก็ไม่ชะงักสักวินาทีและพุ่งตรงไปยังชั้นสาม แต่ว่า ตอนที่เขาไปถึงชั้นสาม บางอย่างที่สิ้นหวังยิ่งกว่ากำลังรอเขาอยู่ หน้าต่างบนชั้นสามนั้นไม่ได้ติดเหล็กดัดกันขโมยเอาไว้ แต่ว่าทั้งหมดล้วนถูกปิดไว้ด้วยแผ่นไม้กระดาน
มันต้องใช้เวลามากทีเดียวถึงจะเอาแผ่นไม้พวกนี้ออกได้ เวลาที่เหล่าปิศาจในโรงพยาบาลนี่ไม่มีให้มือกรรไกร “พอฉันหยุด ปิศาจพวกนั้นต้องมาทำร้ายฉันแน่ ๆ พวกมันต้องใช้ทุกวิถีทางให้ฉันต้องอยู่ที่นี่และเล่นเกมกับพวกมัน ถ้าฉันขัดขืน ฉันก็จะจบลงในสถานการณ์เดียวกันกับผู้ป่วยที่ตาบอดขาหักคนนั้น”
มือกรรไกรบังคับตัวเองให้ใจเย็นลง เขามองไปที่ด้านหลังตัวเอง ไปตรงที่เขาสาดเลือดเอาไว้ โรงพยาบาลนี่ดูน่ากลัวมากกว่าตอนที่เขามาถึง แต่การตกแต่งใหม่ ๆ นี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเขาทำลงไป
“ฉันสงสัยว่าเลือดหมาดำนี่ใช้ได้หรือไม่ได้กันแน่? ก่อนหน้านี้ฉันเห็นคนในกระดานสนทนาถามหาความช่วยเหลือหลังจากถูกผีสิง เขายืนอยู่ในห้องน้ำ อัญเชิญวิญญาณผ่านทางกระจกเงาและมีผู้เชี่ยวชาญบางคนให้ความเห็นว่าเลือดหมาดำน่าจะให้ผลในการหยุดยั้งวิญญาณร้าย…”
แฉะ!
มีเสียงดังมาจากชั้นล่างที่ทำให้หัวใจของมือกรรไกรแทบจะแข็งตัว เขาหันไปที่บันไดและเห็นรอยเท้าปรากฏขึ้นบนแอ่งเลือดสุนัขดำที่ยังไม่แข็งตัว มีเพียงแค่รอยเท้า และไม่มีเจ้าของรอยเท้านั่น ดังนั้นจึงไม่ชัfเจนนักว่านั่นเป็นรอยเท้าของใคร
“โชคดีที่ฉันยังมีไพ่ตายอยู่อีก” มือกรรไกรพยายามปลอบตัวเอง เขาลากกระเป๋าวิ่งไปตามทางเดิน ลึกเข้าไปในโรงพยาบาล “หน้าต่างในห้องผู้ป่วยทั้งหมดถูกผนึกเอาไว้ แต่ฉันสงสัยว่าห้องเก็บของกับห้องน้ำจะเป็นอย่างไร พวกเขาอาจจะลืมที่แบบนั้นไปก็ได้”
มือกรรไกรคืบคลานเข้าไปในห้องน้ำด้วยความหวังสุดท้ายในหัวใจ เมื่อเขาเข้าไปในห้องน้ำแล้ว เขาก็ได้พบกับภาพประหลาด ประตูห้องส้วมทั้งห้าล้วนปิดอยู่ แต่สี่ห้องนั้นดูเหมือนจะมีคนใช้งาน!
เลิกเล่นกับฉันได้แล้ว! มือกรรไกรกรีดร้องอยู่ในใจ เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างในห้องน้ำ และประกายความหวังใหม่อย่างหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจเขา หน้าต่างในห้องน้ำนั้นไม่ได้ถูกปิดเอาไว้โดยสมบูรณ์ น่าจะมีบางคนเคยพยายามหนีออกไปจากที่นี่มาก่อน และพวกเขาก็ดึงแผ่นไม้กระดานสองแผ่นลงมาแล้ว “หลังจากแกะไม้กระดานอีกแผ่นหนึ่งก็จะมีช่องว่างใหญ่พอให้ฉันลอดออกไปได้!”
เขาวิ่งไปยังหน้าต่าง วางแผนจะใช้กรรไกรใหญ่ในมืองัดไม้กระดานออก แต่ผีที่ในโรงพยาบาลดูเหมือนว่าตั้งใจจะเล่นสนุกกับเขา ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งมาจากทางเดิน– พวกมันมาถึงเร็วมาก
“ฉันต้องเร็วกว่านี้!” ทุก ๆ วินาทีนั้นมีความหมาย มือกรรไกรใช้เรี่ยวแรงทุกหยาดหยดในการงัด เขาตั้งสมาธิอยู่กับหน้าต่าง ดังนั้นจึงไม่ได้คิดว่าประตูห้องส้วมห้องหนึ่งจะถูกเปิดออกในไม่กี่วินาที เสียงกระแทกปังทำให้หัวใจและร่างกายของเขาสั่น นิ้วของเขาอ่อนแรงลงและกรรไกรใหญ่ที่อยู่ระหว่างแผ่นไม้และหน้าต่างก็หลุดมือและไหลผ่านหน้าต่างออกไป!
“บ้าชะมัด!” อาวุธเดียวของเขาตกลงไปด้านนอกโรงพยาบาลแล้ว มือกรรไกร่นิ่งอึ้งอยู่ตรงที่เดิมเกือบวินาทีหนึ่ง จากนั้นเขาก็คว้ากระเป๋าแล้วพรวดเข้าไปในห้องส้วมเดียวที่ไม่ถูกล็อกเอาไว้ เขาอยากจะทุบหน้าอกตัวเอง แต่เมื่อคิดถึงว่าเสียงอาจจะดึงดูดความสนใจจากผี เขาก็กลั้นเอาไว้
“มันจบแล้ว! กรรไกรออกไปจากที่นี่ได้แล้ว แต่ว่าฉันยังอยู่ข้างใน! ถ้าฉันรู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้ ฉันจะไม่เรียกตัวเองด้วยชื่อนี่!”
เขากัดฟัน กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างตึงเขม็ง มือกรรไกรปิดปากและจมูกของตัวเองไว้ กลัวว่าจะหายใจเสียงดังเกินไป
เขาสวดภาวนาอยู่ในใจอย่างบ้าคลั่ง ได้โปรดอย่าเจอตัวฉันเลย ได้โปรดอย่าได้เจอฉัน!
แต่ว่า ตอนที่เขามองลงไป ความสิ้นหวังในใจเขาก็เพิ่มพูนขึ้น ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาสาดทางเดินด้วยเลือดหมาดำ มันก็สาดลงที่ตัวเขาเช่นกัน ดังนั้น เขาจึงทิ้งรอยเท้าเลือดเอาไว้ในทุกย่างก้าว ร่องรอยของเขานั้นถูกเปิดเผยออกทั้งหมดเลย ตราบใดที่ผีพวกนั้นไม่ได้ตาบอด พวกมันย่อมหาเขาเจอ
“นี่ต่างไปจากที่ฉันคาดเอาไว้หมดเลย! ฉันทำอะไรผิดไปกัน?” ใบหน้าของเขาขาวซีด มือกรรไกรยอมแพ้แล้ว ตอนนี้เขาแค่กำลังรอให้ความตายมาถึง “โชคไม่ดี ฉันยังหาพี่ชายไม่เจอ…”
เขาซ่อนอยู่ในห้องส้วมหลายนาที แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีใครมาหาเข้า
“พวกมันก็หาฉันไม่เจอเหรอ? แต่นั่นเป็นไปไม่ได้ รอยเท้าที่ฉันทิ้งเอาไว้น่ะมันชี้บอกว่าฉันกำลังแอบอยู่ในห้องน้ำชัด ๆ ต่อให้เป็นคนโง่ก็ยังรู้ว่าฉันแอบอยู่ที่นี่” มือกรรไกรขยับตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย เขาต้องการเปิดประตู แต่ตอนที่นิ้วของเขาแตะลงที่ประตูห้องส้วม เขาก็ชักมือกลับทันที “ไม่ รอก่อน พวกมันน่าจะอยู่ที่ด้านนอกประตูแล้ว! พอฉันเปิดประตู ใบหน้ามากมายพวกนั้นอาจจะกำลังเบียดกันอยู่ พวกมันแค่กำลังรอให้ฉันยอมแพ้แล้วเปิดประตู
“ใช่ ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆ ฉันออกไปไม่ได้ ฉันต้องรออยู่ที่นี่ ถ้านั่นจะทำให้ฉันมีเวลาอีกสักวินาทีก็เอาอย่างนั้นแหละ!” มือกรรไกรอยู่ท่าเดิมเอาไว้อย่างสุดความสามารถไม่กล้าขยับแม้แต่ศีรษะตัวเอง “ตราบใดที่ฉันไม่เห็นพวกมัน พวกมันก็ไม่มีจริง”
คราบเลือดสุนัขดำยังอยู่บนร่างของเขา แต่มือกรรไกร กำกระเป๋าใบเก่าเอาไว้ด้วยสองมืออย่างไม่รู้สึกสกปรกหรือว่ารังเกียจ “ห้องน้ำนี่ก็แค่ฉากพื้น ๆ ในหนังสยองขวัญทุกเรื่อง มันเป็นสถานที่ที่อันตรายมาก แต่ไหนลองคิดซะว่า มีตัวละครไหนบ้างที่หนีออกจากห้องน้ำได้?”
เขานึกถึงหนังเรื่องต่าง ๆ ในใจอยู่เป็นนาน แต่ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งกลัว ห้องน้ำในหนังสยองขวัญนั้นเป็นสถานที่แห่งความตายโดยแท้ เขานึกวิธีการหนีออกไปไม่ออกเลย กลับกัน เขากลับนึกถึงฉากสยองขวัญหลาย ๆ ฉากในห้องน้ำจากหนังสยองขวัญดัง ๆ หลายเรื่องได้
“ประตูห้องส้วมติด ๆ กันนี่ล็อกเอาไว้หมดเลย นั่นหมายความว่ามีคนอยู่ในนั้นแน่ ๆ! บ้าชะมัด นั่นเหมือนในหนังสือเรื่องหนึ่งที่ฉันเคยดูเลย ในห้องน้ำตอนกลางคืน มีมือข้างหนึ่งยื่นเข้ามาในห้องส้วมแล้วถามว่าฉันอยากได้กระดาษทิชชูสีน้ำเงินหรือว่าสีแดง”
เหงื่อเย็น ๆ ไหลมาตามใบหน้าของเขา เขากำลังอยู่ในฉากแบบเดียวกับในหนังสยองขวัญ และเนื้อเรื่องที่เขากำลังนึกถึงนั้นก็สามารถเกิดขึ้นตอนไหนก็ได้!
“ฉันจะทำยังไงถ้ามีมือเอื้อมเข้ามาในนี้แล้วถามว่าฉันอยากได้กระดาษทิชชูแบบไหน? บอกเขาว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่ใส่เสื้อผ้าผู้ชาย แล้วก็แค่ต้องนั่งฉี่ ดังนั้นฉันก็เลยไม่ต้องการกระดาษทิชชูอะไรทั้งนั้น? แต่ว่าผีจะเชื่อเหตุผลโง่ ๆ แบบนั้นเหรอ?”
ปัง!
ประตูห้องน้ำถูกกระแทกเปิดอีกครั้ง และเสียงก็ดังกว่าครั้งก่อนหน้า มันเหมือนมีบางอย่างที่น่ากลัวยิ่งกว่าเข้ามาในห้องน้ำนี่ มือกรรไกรจู่ ๆ ก็หยุดคิดวุ่นวาย เขาหุบปากสนิทและก็ตัวสั่นอย่างกระวนกระวาย
ปัง!
ประตูห้องส้วมห้องแรกถูกกระแทกเปิดด้วยกำลังแรง และหัวใจของมือกรรไกรก็ขมวดเกร็งจากเสียงกระแทกนั่น มันกำลังตรวจดูห้องส้วมทีละห้อง ได้โปรดอย่ามาถึงที่นี่เลย ได้โปรดอย่ามา!
เป็นธรรมดา สิ่งต่าง ๆ ล้วนไม่เป็นไปอย่างที่เขาหวัง ประตูห้องส้วมห้องก่อนหน้าล้วนถูกเปิดออกทีละห้อง ในที่สุด เสียงฝีเท้าก็มาหยุดอยู่ตรงนอกห้องส้วมที่เขาอยู่ พระเจ้า คราวนี้มันจบแล้วจริง ๆ
…
เสียงกรีดร้องลอยขึ้นมาจากชั้นล่าง และหมอก็หยุดเดิน เขาบอกเฉินเกอที่อยู่ด้านหน้า “ที่นี่ดูไม่ถูกต้อง ทำไมพวกเราไม่กลับลงไป? มันจะปลอดภัยกว่าถ้าพวกเราจะอยู่ด้วยกันเอาไว้”
“อยู่กับพวกเขาน่ะสิที่จะเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น อย่าลืมว่าชายหน้ายิ้มนั่นยังอยู่ด้านล่าง บางทีมันอาจจะเป็นเขาก็ได้ที่ลงมือทำร้ายผู้โดยสารคนอื่น ๆ” เฉินเกอนั้นขึ้นมาถึงชั้นบนสุด และภายใต้สายตาสั่นไหวของหมอ เขาก็ดึงค้อนออกมาจากกระเป๋าสะพายหลังและพังประตูขึ้นดาดฟ้าทิ้ง
“คุณ… ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับที่นี่มาก คุณเคยมาที่นี่มาก่อนไหม?” หมอถามอย่างระมัดระวัง
“ผมมีลูกจ้างคนหนึ่งที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองหลี่ว่าน ดังนั้นก็เลยเคยมาที่นี่ ถึงแม้ว่าหมอกเลือดจากปกคลุมเมืองอยู่ แต่โครงสร้างทั่วไปของตึกก็ไม่ได้เปลี่ยน” เฉินเกอขึ้นไปชั้นดาดฟ้า
“ลูกจ้างของคุณ?”
“ใช่ ผมเป็นคนทำอุปกรณ์ประกอบฉากที่สวนสนุก ค้อนนี่ก็เป็นหนึ่งในผลงานสร้างของผม มันดูน่ากลัว แต่ว่ามันก็ดูดีกว่าชิ้นอื่น ๆ” เฉินเกอเดินตรงไปยังถังน้ำ เขาเปิดถังทั้งหมดและก็หาร่างของผีโทรศัพท์ไม่เจอ “พวกเรายังอยู่ในโลกจริง”
‘ประตู’ นั้นหลุดออกจากการควบคุม และหมอกเลือดที่ด้านหลังประตูก็ลอยออกมาแล้วกลืนกินเมืองเล็ก ๆ นี่ไปอย่างช้า ๆ บางทีหลังจากระยะเวลาหนึ่ง เมืองหลี่ว่านก็จะถูกครอบงำไปโดยสมบูรณ์และเปลี่ยนไปโดยหมอกสีเลือดนี่ กลายเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างโลกจริงและโลกด้านหลังประตู
“คุณกำลังมองหาอะไร?” หมอเดินตรงเข้ามาหาเขา
“ผมแค่อยากตรวจดูว่าจะมีสัญญาณอันตรายอะไรรอบตัวพวกเราหรือเปล่า แต่ว่าหมอกหนาเกินกว่าที่ผมจะมองเห็นอะไร” เฉินเกอหาข้ออ้างมั่ว ๆ “กลับลงไปกันเถอะ”
กลับมาที่ชั้นล่างแล้ว รถเมล์ก็ยังอยู่ตรงที่เดิม แต่ไม่มีผู้โดยสารคนอื่น ๆ ให้เห็นเลย
“น่าจะเกิดบางอย่างขึ้นที่ในตึก แต่ว่าพวกเราโชคดีพอที่จะไม่เจอกับมันเข้า” หัวใจของหมอยังคงสั่นระริก เขายืนอยู่ข้าง ๆ เฉินเกอ และหลังจากลังเลครู่หนึ่ง เขาก็เปิดปากพูด “อันที่จริง ผมเคยมาที่นี่มาก่อน หมอกสีเลือด…”
“พวกเราค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง ผมคิดว่าผมได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากทางนั้น” ด้วยประสาทสัมผัสที่ดีขึ้นของเขา เฉินเกอคว้ากระเป๋าสองใบวิ่งไปตามถนน
“เฮ้ ระวังด้วย!” คำแนะนำของหมอนั้นไม่เข้าหู ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ หมอก็เลือกตามหลังเฉินเกอไป วิ่งไปตามถนน เฉินเกอเจอเข้ากับเงาราง ๆ ที่โบกมือให้เขาจากตรงแยกหนึ่ง แต่ว่าเงานั่นดูจะหันหน้าหนีเขา
“ในที่สุดก็เจอคนที่นี่แล้ว” เขาวิ่งเร็วขึ้น แต่ว่าเงาโบกมือนั่นก็หายเข้าไปในหมอกอย่างช้า ๆ เฉินเกอไม่ยอมปล่อยให้ ‘คน’ ผู้นั้นหนีไปโดยง่าย เขาไล่ตามมันไประยะหนึ่งก่อนที่ในที่สุดจะหยุดเท้าลงตอนที่ผ่านโรงพยาบาล
“ทำไมถึงมีคนนอกอยู่ตรงนั้น?” เฉินเกอเจอเข้ากับชายขี้เมาที่กำลังตัวกระตุกรุนแรงอยู่ที่ด้านนอกโรงพยาบาล ที่ปากมีน้ำลายเป็นฟองฟ่อด มันดูเหมือนเขากำลังจะจากโลกนี้ไปในไม่ช้า
“ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับความตกใจอย่างรุนแรง” หมอส่ายหน้า “ผมเป็นหมอแต่ว่านี่ก็ไม่ใช่ด้านที่ผมเชี่ยวชาญ ผมจะพยายามแต่ก็ขึ้นกับโชคของเขาแล้วว่าเขาจะตื่นขึ้นมาหรือไม่”
“ถือนี่ไว้” เฉินเกอส่งกระเป๋าให้หมอ “ผมมีประสบการณ์กับเรื่องนี้มากกว่า”
เขาคลายคอเสื้อชายขี้เมาและคลายเข็มขัดออก เขาดันศีรษะของชายขี้เมาให้นอนลงไปกับพื้น จากนั้นก็นวดขมับของชายขี้เมาด้วยจังหวะคงที่ และจากนั้นก็ตามมาด้วยการกดที่หน้าอกเป็นจังหวะ เป็นวิธีการกู้ชีพที่ไม่มีจุดบกพร่อง มันเป็นมาตรฐานราวกับลอกมาจากในตำราโดยตรง*
สามนาทีให้หลัง ชายขี้เมาก็ฟื้นขึ้นช้า ๆ เขาไม่ได้กรีดร้องตอนที่ใบหน้าของเฉินเกอเข้ามาอยู่ในสายตาเขา แต่หลังจากรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เขาก็เริ่มกระวนกระวาย เขาชี้ไปทางหนึ่งแล้วพูด “อย่าเข้าไปในบ้านหลังนั้น มีหมาที่มีหน้าคนยิ้มอยู่ที่นี่– มันเป็นคำสาปเลือด”
“ไม่ต้องห่วง ให้ผมส่งคุณกลับไปที่รถเมล์นะ”
เฉินเกอต้องการพยุงชายขี้เมาขึ้น แต่ว่าชายคนนั้นกลับยื่นมือออกมาจับเฉินเกอเอาไว้ “พวกเรากลับไปไม่ได้! มีผีกลุ่มหนึ่งอยู่ในตึกนั่นและยังมีผีแขวนคออยู่ที่ช่องบันได! พวกเรากลับไปไม่ได้!”
“มีผีอยู่ที่นี่มากมายเลยหรือ?”
“ใช่! ผมไม่โกหกคุณ! ตอนนี้ผมสงสัยว่าที่นี่อย่างน้อยต้องมีหนึ่งเรื่องผีซ่อนอยู่ในตึกแต่ละหลัง หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง ที่นี่อย่างน้อยที่สุดก็มีผีหนึ่งตัวต่อตึกหลังหนึ่ง!” ร่างของชายขี้เมาสั่น
“ผีหนึ่งตนในตึกหนึ่งหลัง? นั่นไม่หมายความว่าแต่ละตึกนั้นกลายเป็นฉากสยองขวัญฉากหนึ่งเหรอ?” ดวงตาเฉินเกอสว่างวาบ เขากวาดตามองตึกที่รอบ ๆ ตัว และสีหน้าก็ต่างออกไปจากตอนที่เขามาถึงที่นี่ทีแรก
“ผมคิดว่าคุณจะพูดอย่างนั้นก็ได้” ชายขี้เมาไม่รู้ว่าเฉินเกอกำลังคิดอะไรอยู่ “อ้อ และโรงพยาบาลที่ข้าง ๆ พวกเรานี่ อย่าเข้าไปในนั้น ผมได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากในนั้นก่อนหน้านี้!”
TL note: การกู้ชีพเป็นวิธีที่ถูกต้องตามบริบทของนิยายเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องที่จะนำมาใช้ในชีวิตจริง