My House of Horrors คฤหาสน์สยองขวัญของผม - ตอนที่ 637 พวกเราเจอแกแล้ว (1+2)
“อยากให้ฉันหาตัวแกงั้นเหรอ? แกเสียสติไปแล้วหรือเปล่า?” ลายมือหวัด ๆ ที่ด้านหลังประวัติการรักษาทำให้เขารู้สึกถึงอะไรอย่างนั้น ตอนนี้เขาอยู่ที่ชั้นแรกของโรงพยาบาล ยืนอยู่ที่กลางทางเดิน
ถึงแม้ว่าลมจะหยุดพัดแล้ว ประตูที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ก็ยังขยับไปมาเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด ฝุ่นผงมากมายร่วงลงมาจากเพดานเก่าโทรม และบางครั้งยังมีเสียงกระดาษปัดผ่านพื้นดังเข้ามาในหูเขาด้วย ยืนอยู่คนเดียวในสถานการณ์เช่นนี้หลังเที่ยงคืน มันคงเป็นการโกหกแล้วหากจะบอกว่าไม่รู้สึกกลัว
มือกรรไกรกำกรรไกรในมือแน่น และเขาก็ยังคับให้ตัวเองดูนิ่งเฉยเท่าที่จะทำได้ “มีคนแปะกระดาษนี่ไว้บนหลังของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
มือกรรไกรหันกลับไปมองห้องพักผู้ป่วยสองสามห้องที่เขาเพิ่งผ่านมา “คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องตลกนี่น่าจะมาจากหนึ่งในห้องที่ฉันเพิ่งเดินผ่านมา”
เขากลัวมาก แต่ความกลัวยังไม่ได้เข้ามาควบคุมความคิดอันเป็นเหตุเป็นผลหรือจิตใจของเขา เขาเตือนตัวเองว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ในบทบาทของฆาตกรบ้าคลั่งเลือดเย็นและเขาก็ต้องรักษาความเยือกเย็นของตัวเองเอาไว้ไม่ว่าจะอย่างไร
ถ้าฉันดูอ่อนแอ ฉันก็จะยิ่งถูกพวกผีรังแก ดังนั้นฉันจึงดูอ่อนแอไม่ได้ ฉันแสดงความหวาดกลัวออกไปไม่ได้
เขาพับกระดาษประวัติการรักษาอย่างเรียบร้อยแล้วเก็บมันลงไปในกระเป๋า มือกรรไกรผลักเปิดประตูที่ใกล้เขาที่สุดที่เปิดไว้ครึ่ง ๆ อย่างระมัดระวัง ในห้อง ผ้าปูเตียงนั้นขาดเป็นชิ้น ๆ และที่นอนก็ถูกพลิกไว้ที่ด้านข้าง มันเหมือนกับเตียงนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องของสัตว์ร้ายสักตัวที่ต้องขังเอาไว้
“นี่มันโรงพยาบาลหรือว่าสถาบันจิตเวชกันแน่?” มือกรรไกรไม่ได้เข้าไปในห้องผู้ป่วยและเพียงแค่มองมันจากตรงธรณีประตูเท่านั้น เตียงนั้นไม่ใหญ่ และมีพื้นที่ซ่อนตัวใครสักคนเอาไว้ได้เพียงแค่ใต้เตียงหรือในตู้เสื้อผ้าเท่านั้น
“คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องตลกนี่ไม่ได้อยู่ที่นี่” เขามองเห็นพื้นที่ใต้เตียงได้อย่างชัดเจนและประตูตู้เสื้อผ้าก็เปิดอยู่ ข้างในนั้นว่างเปล่า– ของทั้งหมดล้วนถูกนำออกไปแล้ว “เขาน่าจะอยู่ในห้องพักผู้ป่วยห้องอื่น”
ข้างในนั้น หัวใจของเขากำลังสั่นไหวราวกับเป็นใบไม้ใบหนึ่ง แต่มันก็ไม่ได้แสดงออกมาที่สีหน้าของเขา มือกรรไกรถอยออกจากห้องไปด้วยแขนขาที่แข็งทื่ออย่างไม่เป็นธรรมชาติและขยับไปยังห้องผู้ป่วยห้องอื่น
“ห้องนี้ก็ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ที่นี่เหมือนกัน…” มือกรรไกรขยับอย่างรวดเร็วผ่านหลายห้องไปจนกระทั่งเขาไปถึงห้องผู้ป่วยที่อยู่ใกล้กับทางเข้าโรงพยาบาลที่สุด
“หลังจากฉันเข้ามาในโรงพยาบาล ฉันก็เดินตรงเข้าไปในทางเดิน ฉันผ่านห้องผู้ป่วยแค่ไม่กี่ห้องเท่านั้นในตอนนั้น ในเมื่อห้องพักผู้ป่วยอื่น ๆ ล้วนว่างเปล่า อย่างนั้นเขาก็น่าจะซ่อนอยู่ในห้องสุดท้ายนี้” มือที่กำกรรไกรเอาไว้นั้นมีเหงื่อไหลพรั่งพรูขณะที่เขาผลักประตูห้องพักผู้ป่วยให้เปิดออกช้า ๆ กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงลอยออกมาจากด้านในห้อง เป็นกลิ่นเลือดและน้ำยาฆ่าเชื้อปะปนกันอยู่
“มีคนตายที่นี่มาก่อน?” ภาพด้านในห้องนั้นทำให้เขาต้องส่ายหน้า ผ้าปูที่นอนเปื้อนเลือดนั้นถูกยัดเอาไว้ใต้เตียงอย่างรีบร้อน และจากหน้าต่างที่ติดเหล็กดัดกันขโมยเอาไว้ก็มีชุดผู้ป่วยที่เต็มไปด้วยรอยฉีกขาดมากมายแขวนเอาไว้ วิกผมยาววางอยู่ในตู้เสื้อผ้า และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ บนกำแพงสีขาวสว่างนั้นมีบางคนหรือบางอย่างใช้เลือดสด ๆ เขียนเอาไว้ ‘เดาสิว่าฉันอยู่ที่ไหน?’
หลังจากเทียบลายมือแล้ว เขาก็พบว่าคนที่เขียนข้อความเลือดบนกำแพงและคนที่เขียนข้อความลงบนหลังประวัติการรักษานั้นต่างกัน การค้นพบครั้งนี้ทำให้มือกรรไกรรู้สึกไม่ดีขึ้นกว่าเดิม “มีมากกว่าหนึ่ง ‘คน’ กำลังเล่นซ่อนหาอยู่ในโรงพยาบาลนี่?”
ความอยากหันหลังกลับวิ่งหนีออกไปพุ่งขึ้นมาทันที เขาถอยออกจากห้องพักผู้ป่วย วางแผนจะออกจากโรงพยาบาลแล้วอยู่ให้ห่างจากมันสักพัก “ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ทฤษฎีนั้นเป็นความจริง แต่มันต่างออกไปเวลาจะเอามาใช้จริง”
กลับไปที่ทางเข้าโรงพยาบาล สีหน้าของมือกรรไกรก็เปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ มีคนล็อกประตูใหญ่ของโรงพยาบาลโดยที่เขาไม่รู้ตัว!
“ตอนนี้ฉันควรทำอย่างไร?” มือกรรไกรเริ่มตื่นตระหนกจากความจนปัญญา เขากัดริมฝีปากและฉีกเปิดแผลที่บนใบหน้าตัวเอง ความเจ็บทำให้เขามีสมาธิและสงบลง “ฉันควรจะมองหาหน้าต่างสักบานที่เปิดได้”
ตอนที่เขาเข้าไปตรวจดูห้องพักผู้ป่วยบนชั้นแรกเมื่อครู่นี้ เขาแน่ใจว่าหน้าต่างทั้งหมดล้วนติดเหล็กดัดกันขโมยเอาไว้ ดังนั้นคงได้แต่ฝากความหวังเอาไว้ที่ชั้นสองแล้ว “ฉันฝึกตั้งมากก็เพื่อวันนี้ อาการบาดเจ็บจากการกระโดดลงมาจากชั้นสองน่าจะไม่รุนแรง แต่ว่าฉันคงพูดไม่ได้ว่ามันจะเป็นอย่างเดียวกันหากต้องกระโดดลงมาจากชั้นสาม ความเสี่ยงสูงเกินไป”
มือกรรไกรหิ้วถุงเอาไว้ กระโจนขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง
ตอนนี้ เขาล้มเลิกความคิดที่จะเล่นซ่อนหาไปแล้ว แล้วก็ การเล่นเกมกับผีมันไม่เคยอยู่ในความคิดของเขาเลย เขากระโจนขึ้นบันไดทีละสามขั้น ตอนที่เลี้ยวหัวมุมบันได เขาก็เห็นเท้าสีเทาคู่หนึ่งจากปลายหางตา เท้าคู่นั้นอยู่เหนือหัวเขาไปเล็กน้อย สัญชาตญาณของเขาบอกให้เงยหน้าขึ้นมอง และขาสีเทาซีดคู่หนึ่งก็โผล่เข้ามาในสายตาเขา แต่เมื่อเขามองขึ้นไปอีก สิ่งนั้นก็หายไปแล้ว
“บ้าอะไรกันน่ะ?” ‘เรื่องประหลาดใจ’ ที่จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นทำให้ขาของมือกรรไกรอ่อนยวบลง เขาไม่คิดว่าสิ่งนั้นจะอยู่ใกล้กับเขาถึงขนาดนี้ อันที่จริง ระหว่างพวกเขานั้นห่างกันเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น “เขาอยู่ตรงนั้นแล้ว บางที เขาอาจจะกำลังจับตามองฉันจากมุมมืดนั่น!”
มือกรรไกรหยุดอยู่ที่กลางบันได ไม่แน่ใจว่าจะขึ้นไปต่อดีหรือไม่ ก่อนหน้านี้เขาค่อนข้างโชคดี สิ่งนั้นกำลังรอเขาอยู่ที่ชั้นบนจริง ๆ
“หน้าต่างทั้งหมดในห้องพักผู้ป่วยบนชั้นแรกนั้นถูกล็อกเอาไว้ด้านหลังเหล็กดัดกันขโมย ไม่มีทางที่ฉันจะสามารถหนีออกไปทางนั้นได้ ดังนั้น หนทางเดียวที่จะออกไปจากสถานที่ต้องสาปอย่างนี้ผ่านทางหน้าต่างได้ก็ต้องเป็นที่ชั้นสอง”
เมื่อตัดตัวเลือกอื่นแล้ว มือกรรไกรก็บังคับตัวเองให้เดินขึ้นบันไดไป
กรุณาอย่าโผล่ออกมาอีกเลย
เขาสวดภาวนากับตัวเองเงียบ ๆ มือกรรไกรวิ่งเหยาะ ๆ ไปยังห้องพักผู้ป่วยห้องแรกทางซ้ายมือของตัวเอง เขาผลักประตูเปิดพร้อมความหวังในหัวใจแต่ความหวังนั้นก็หายวับไปเมื่อเขามองไปทางหน้าต่าง เศษผ้ารุ่งริ่งติดอยู่ในระหว่างเหล็กดัดกันขโมย
“กระทั่งหน้าต่างที่ชั้นสองก็ยังติดเหล็กดัดด้วยเหรอ?”
ริมฝีปากของเขาแห้ง หัวใจของมือกรรไกรนั้นค่อย ๆ สิ้นหวังไปอย่างช้า ๆ เขาเดินไปยังหน้าต่างและเอื้อมมือออกไปเขย่าเหล็กดัดแรง ๆ เหล็กดัดโลหะบาดเข้าที่นิ้วของเขา และความเจ็บปวดจากแผลนั้นก็ช่างเหมือนจริงอย่างยิ่ง แต่หมอกเลือดที่ด้านนอกหน้าต่างก็เหนือจริงมากเช่นกัน
หากนี่เป็นฝันร้าย ฉันก็หวังว่าฉันจะตื่นขึ้นในไม่ช้า
เหล็กดัดกันขโมยนั้นแน่นหนา ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะเปิดมันได้โดยไม่มีอุปกรณ์ มือกรรไกรปล่อยมือและเตรียมตัวกลับออกไป แต่ตอนที่เขาไปถึงประตู เสียงฝีเท้าก็ก้องลงมาตามทางเดินหนีไฟจากที่อีกด้านหนึ่ง มันเหมือนมีคนกำลังวิ่งอยู่
ฟังเหมือนมาจากทางนี้ และยังมีกันหลายคนด้วย!
โดยไม่ลังเล มือกรรไกรปิดประตูและล็อกเอาไว้ เขาขยับไปยืนที่ด้านหลังประตู หวังว่าจะได้เห็นสถานการณ์ที่ด้านนอกผ่านช่องหน้าต่างที่บนประตู เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ มือกรรไกรมองเห็นหลายเงาพุ่งไปตามทางเดิน ดูเหมือนจะมุ่งหน้ามาทางเขา
ฉันไม่สามารถปล่อยให้พวกมันเจอตัวได้! หากต้องติดอยู่ในห้องนี้ก็จบกันแล้ว!
เงาหลายเงานั่นเข้าใกล้จุดที่เขาอยู่อย่างไม่น่าเชื่อ มือกรรไกรกวาดตามองห้องที่ด้านหลังตัวเอง และในที่สุด ก็คว้ากระเป๋าเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้า โรงพยาบาลนั้นเป็นโรงพยาบาลเอกชน และสิ่งอำนวยความสะดวกก็ต่างไปจากที่ในโรงพยาบาลรัฐ พื้นที่ในตู้นั้นแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยแผ่นไม้กระดาน และหลังจากดึงแผ่นไม้นั่นออก ตู้เสื้อผ้าก็ใหญ่พอให้คนผู้หนึ่งเข้าไปซ่อนด้านในได้
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาจากที่ไกล ๆ ก่อนที่จะหายไปที่ด้านนอกห้องพักผู้ป่วย
พวกมันหยุดอยู่ที่หน้าประตู? หรือว่าพวกมันเจอฉันแล้ว?
มือกรรไกรไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องฉลาดที่จะออกไปเพราะอาจจะถูกสิ่งเหล่านั้นจับตัวได้ทันทีที่เผยตัวออกไป ดังนั้นจึงตัดสินใจซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้า
ซ่อนและหา ซ่อนและหา ฉันยังไม่ได้หาเลยแล้วทำไมถึงมาหาฉันแล้วล่ะ? เป็นไปได้ไหมว่าพวกมันรู้ว่าฉันคิดจะหนี?
มือกรรไกรกลั้นหายใจ เปลี่ยนไปอยู่ในท่าที่สบายมากขึ้น แต่ตอนที่เขากำลังปรับท่านั้น รองเท้าของเขาก็กระทบถูกบางอย่าง หัวใจของเขาเย็นเฉียบขึ้นมา เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นที่หน้าผาก มือกรรไกรบังคับให้ตัวเองสงบใจลงขณะควานหาโทรศัพท์จากในกระเป๋า
เขาเปิดโทรศัพท์ พื้นหลังของหน้าจอนั้นเป็นรูปของชายหนุ่มสองคนที่หน้าทางเข้าบ้านเด็กกำพร้า ชายหนุ่มคนหนึ่งนั้นไว้เคราแพะ ตัวสูงและร่างหนามาก ขณะที่อีกคนนั้นดูเหมือนมือกรรไกร ในตอนนั้น เขาดูค่อนข้างเขินกล้อง ตอนที่รูปถูกถ่าย เขายกมือขึ้นเหมือนพยายามจะบังหน้าตัวเองจากกล้อง
“พี่ดูแลผมมาตั้งนาน– นี่ถึงเวลาที่ผมต้องดูแลพี่แล้ว” มือกรรไกรถอนหายใจลึกและเพิ่มความสว่างหน้าจอถึงระดับสูงสุด จากนั้นก็ส่องไปที่ใต้เท้าตัวเอง
สิ่งที่รองเท้าของเขากระทบถูกนั้นเป็นชุดผู้ป่วย และที่โผล่ออกมาจากใต้เสื้อผ้านั้นเป็นสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง เป็นเพราะว่ามือกรรไกรได้อ่านบันทึกของพี่ของเขาเขาจึงตัดสินใจขึ้นรถเมล์เที่ยวสุดท้ายสาย 104 มาที่เมืองหลี่ว่านนี่ ตอนนี้ เขาก็เจอบันทึกอีกเล่มในระหว่างการเดินทาง เขาหยิบมันขึ้นมาโดยไม่ลังเลมากนักและเริ่มพลิกดู
“ลิ่วเฟยหมิง? นี่เป็นชื่อเจ้าของบันทึกเล่มนี้เหรอ?”
ตอนที่เขาพลิกหน้าบันทึก เขาก็พบประวัติการรักษาสอดเอาไว้ ชื่อของผู้ป่วยก็ยังเป็นลิ่วเฟยหมิง และตามการวินิจฉัยของเขา ขาทั้งสองข้างของเขาหักจากการตกจากที่สูง
ทำไมมันถึงเหมือนกับกำลังพูดถึงอนาคตของฉันอยู่เลยล่ะ? หนทางเดียวที่จะหนีออกจากสถานที่ต้องสาปนี่ก็คือกระโดดลงไปจากชั้นสาม
มือกรรไกรดูยิ่งกว่าวิตกกังวลเสียอีกตอนที่เริ่มอ่านเนื้อหาในบันทึก
“วันที่ 1 มิถุนายน: ฉันจะไปทวงหนี้ผู้ชายขาเป๋คนนั้นทันทีที่ออกจากโรงพยาบาล! ถึงไอ้บ้านั่นจะขาเป๋ หัวใจของมันก็ดำยิ่งกว่าถ่าน! อย่างน้อยที่สุดฉันก็ทำงานในทีมของมันตั้งหลายปีแล้ว เขายังคิดจะปิดปากฉันด้วยเงินแค่ไม่กี่ร้อยหลังจากที่ฉันตกจากชั้นสาม ได้รับบาดเจ็บสาหัส และยังหมดสติ? ไม่มีทาง! เรื่องไม่จบแค่นี้แน่!
“วันที่ 2 มิถุนายน: เพราะการบาดเจ็บของเส้นประสาทและกระดูก ฉันต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนี้อย่างน้อยที่สุดก็สามเดือน ฉันอยากรู้ว่าฉันจะออกไปจากที่นี่ได้เมื่อไหร่กันแน่ อยู่ที่โรงพยาบาลนี่มันน่าเบื่อมาก ฉันอยากรู้ว่าคนที่บ้านฉันกำลังทำอะไรอยู่ ฉันหวังว่าคู่หูของฉัน พี่หลี่ จะไม่ได้บอกพวกเขาว่าฉันได้รับบาดเจ็บ ฉันไม่อยากให้พวกเขาต้องเป็นห่วง
“วันที่ 3 มิถุนายน: ทำไมมันถึงเหมือนกับพวกพยาบาลจงใจหลีกเลี่ยงฉันล่ะ? พวกเขากลับออกไปทันทีที่เปลี่ยนน้ำเกลือเสร็จ มันเหมือนฉันเป็นเทพปิศาจอะไรแบบนั้น เป็นเพราะพวกเขาดูถูกคนจน ๆ ใช่ไหม? พวกเขาจะต้องเสียใจเรื่องนี้ตอนที่ฉันร่ำรวยขึ้นมา
“วันที่ 4 มิถุนายน: โอ้พระเจ้า ฉันเบื่อมาก ไม่มีใครสักคนให้คุยด้วย หมอและพยาบาลก็ไม่เข้ามาแล้ว ไม่ใช่พวกเขาบอกว่าเตียงไม่พอหรอกเหรอ? ข้าง ๆ นี่ก็มีเตียงว่างอยู่ แต่พวกเขากลับให้ผู้ป่วยนอกอยู่ตามทางเดินแทนที่จะให้เข้ามานอนที่นี่ ในห้องเดียวกับฉัน นี่เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไง? คนพวกนี้ดวงตางอกเงยที่หน้าผากเหรอไง
“วันที่ 6 มิถุนายน: เกิดอะไรขึ้นกับผู้ป่วยห้องข้าง ๆ น่ะ? จะให้คนอื่นหลับลงได้ยังไงในเมื่อเขาเอาแต่ทำเสียงแบบนั้นตลอดทั้งคืน? การดูแลของโรงพยาบาลเก่า ๆ นี่ย่ำแย่ชะมัด ฉันจะเขียนจดหมายสนเท่ห์ไปหาบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อเปิดเผยเรื่องนี้
“วันที่ 7 มิถุนายน: ตอนตีสองเมื่อเช้านี้ ผู้ป่วยห้องข้าง ๆ เริ่มมีอาการอีกแล้ว ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าพวกเขาขังผู้ป่วยทางจิตเอาไว้ที่ห้องข้าง ๆ ใช่ไหม ทำไมถึงมีเสียงใครกำลังทุบกำแพง?
“วันที่ 8 มิถุนายน: ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหวและตะโกนกลับไปที่ผู้ป่วยห้องข้าง ๆ คืนนี้ ฉันคิดว่าพวกเขาก็จะตะโกนกลับมาหาฉันเหมือนกันแต่ว่าพวกเขากลับเป็นแค่สวะกลุ่มหนึ่ง ไม่มีเสียงตอบจากพวกเขา อันที่จริง ฉันก็ต้องขอบคุณพวกเขานะ หลังจากเบื่อแทบตายมาหลายวัน การได้ตะโกนออกไปก็ผ่อนคลายดีทีเดียว
“วันที่ 9 มิถุนายน: ตอนที่ฉันตื่นเช้านี้ มีเด็กคนหนึ่งนอนอยู่ข้าง ๆ เตียงของฉัน มันทำให้ฉันค่อนข้างตกใจ หลังจากฉันถามเขา ฉันก็พบว่าเขาคือลูกของผู้ป่วยห้องข้าง ๆ พ่อแม่ของเขากล้ามากที่ปล่อยให้เด็กน้อยอย่างเขาเดินไปมาอย่างนี้ แล้วก็ เด็กคนนี้ค่อนข้างน่ารักทีเดียว และเขาก็ไม่กลัวคนแปลกหน้าด้วย ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเข้ามาหาฉัน ยินดีจะพูดคุยกับฉัน
“วันที่ 10 มิถุนายน: ฉันทำความคุ้นเคยกับเด็กคนนั้นแล้ว เขาชอบเล่นซ่อนหาและมาหาฉันตอนกลางคืน มันไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเหรอที่จู่ ๆ ก็พบว่าตัวเองเป็นที่ชื่นชอบของเด็ก ๆ? ฉันรับปากเขาว่าเมื่อฉันลงจากเตียงได้ ฉันจะเล่นซ่อนหากับเขาในโรงพยาบาลนี้ แล้วก็ พ่อกับแม่ของเด็กน่าจะเป็นคนดี– อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ไม่ดูถูกฉันเหมือนพยาบาลกับหมอที่ในโรงพยาบาลนี่ ฉันอยากรู้ว่าพวกเขาป่วยด้วยโรคอะไรถึงได้ต้องอยู่ในโรงพยาบาลหลายวันขนาดนี้
“วันที่ 14 มิถุนายน: คืนนี้ ผู้ป่วยมะเร็งห้อง 305 ตาย หมอและพยาบาลหลายคนมาแล้วก็ไป แต่น่าแปลก ฉันสังเกตเห็นว่าพวกเขายังเว้นระยะห่างจากห้องพักผู้ป่วยของฉันตอนที่เดินผ่านเพื่อลงไปชั้นล่าง พวกเขายังเลือกเดินอ้อมไปไม่ยอมเดินผ่านห้องพักผู้ป่วยของฉัน เป็นเพราะว่าฉันถูกขึ้นบัญชีดำหรือเปล่า?
“วันที่ 15 มิถุนายน: ในที่สุดก็ถึงวันถอดเฝือกแล้ว และฉันก็นึกว่าหมอคงจะลืมฉันไปหมดแล้ว วันนี้เป็นวันที่ลมแรง ดังนั้นฉันจึงคิดว่าจะอยู่แต่ในห้อง
“วันที่ 15 มิถุนายน: คืนนี้มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ทำไมฉันถึงยังได้ยินเสียงคุ้นเคยดังมาจากห้องถัดไปล่ะ? เสียงนั่นคล้ายกับเสียงชายชราที่ตายเมื่อวานนี้ ฉันถามเด็กชายเรื่องนี้ แต่เขาไม่อยากบอกอะไรฉัน ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือให้ฉันเล่นซ่อนหากับเขาในตอนกลางคืน ถ้าฉันสามารถหาเขาเจอ เขาก็จะตอบคำถามฉัน ขาของฉันยังอยู่ในช่วงฟื้นฟู และถ้าฉันเดินท่อม ๆ ออกไปตอนกลางคืน ฉันคงจะทำให้พยาบาลที่อยู่เวรตกใจแน่ ๆ
“วันที่ 16 มิถุนายน: โอ้พระเจ้า เกิดอะไรขึ้นกับฉันกัน? วันนี้ ฉันตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่และออกไปข้างนอกพร้อมกับไม้เท้า ตอนที่ฉันอยากจะไปห้องข้าง ๆ เพื่อเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้าน ฉันก็พบว่าฉันกำลังออกมาจากห้องผู้ป่วยห้องแรกทางซ้ายของบันได! ถัดไปจากห้องของฉันนั้นเป็นห้องเก็บของ และไม่มีห้องพักผู้ป่วยที่ด้านนั้น! แต่ว่าฉันได้ยินเสียงพูดคุยทุกคืนและยังเด็กคนนั้น! บ้าชะมัด! ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมหมอและพยาบาลถึงไม่ยอมเข้าใกล้ห้องของฉัน
“วันที่ 16 มิถุนายน: หมอไม่ยอมให้ฉันกลับ อย่างไรเสียฉันก็ยังติดค่ารักษาพยาบาลพวกเขาก้อนใหญ่ เพื่อนของฉันไม่มีใครเชื่อถือได้เลยสักคน! ฉันไม่สนใจ ฉันจะออกจากที่นี่วันพรุ่งนี้ แต่เรื่องใหญ่ก็คือ… ฉันจะรอดไปจากคืนนี้ได้ยังไง? ถ้าเด็กคนนั้นปรากฏตัวขึ้นอีกล่ะ?
“วันที่ 17 มิถุนายน: ไม่มีทาง ฉันต้องออกไปจากที่นี่ ฉันต้องไป เมื่อคืนนี้ เด็กชายกลับมาและจะให้ฉันเล่นเกมซ่อนหากับเขา! เขาอยู่ในห้องฉันแล้วก็วิ่งไปมา ฉันเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า? ทำไมฉันถึงได้สัญญาจะเล่นกับเขานะก่อนหน้านี้? ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ต่อให้โรงพยาบาลจะห้ามฉันออกไป ฉันก็จะหาทาง ถ้าฉันอยู่ที่นี่ต่อไป ในที่สุดพวกเขาก็จะเอาชีวิตฉันแล้ว!
“วันที่ 17 มิถุนายน: ฉันจะทำยังไง? ฉันจะทำยังไงดี? ฉันคิดว่าในที่สุดฉันก็เสียสติไปแล้ว! ตอนที่ฉันอยากออกไปจากที่นี่เมื่อตอนบ่ายนี้ ฉันยืนอยู่ที่เหนือบันได และจู่ ๆ ฉันก็รู้สึกว่ามีคนอยู่ด้านหลังฉัน ฉันหันกลับไปและเห็นเด็กชาย เขาถามว่าฉันจะไปไหน และอยากรู้ว่าทำไมฉันถึงไม่เล่นซ่อนหากับเขา!
“วันที่ 18 มิถุนายน: เพื่อนร่วมงานของฉันไม่มีใครโทรกลับมาเลย และหัวหน้าก็ยังหนีหายไปแล้ว โรงพยาบาลไม่ยอมปล่อยฉันออกไป และค่ารักษาก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่อให้ฉันรอดชีวิตไปได้ หนี้ค่ารักษาก็จะถล่มฉันตายอยู่ดี! แต่ว่า ฉันไม่สนใจแล้ว– หนีออกไปจากที่นี่คือเรื่องสำคัญที่สุดของฉัน
“วันที่ 18 มิถุนายน: ตอนที่ฉันวิ่งลงบันไดไป มีคนผลักฉันจากด้านหลัง และมันก็ทำให้ฉันขาหักอีกครั้ง หมอบอกว่าที่ในกล้องวงจรปิดน่ะ ฉันกระโดดลงจากบันไดมาเอง แต่ฉันเห็นด้วยสองตาตัวเองเลยว่า เป็นเด็กชายคนนั้นผลักฉัน! เขาไม่อยากให้ฉันออกไปจากที่นี่ ฉันกำลังพูดความจริง แต่ทำไมถึงไม่มีใครเชื่อฉันเลย?
…
วันที่ 1 กรกฎาคม: นี่น่าจะเป็นบันทึกครั้งสุดท้ายของฉันแล้ว ขาทั้งสองข้างหัก ดวงตาของฉันบอด ลำคอของฉันเสียหายจากน้ำกรด และนิ้วของฉันก็บิดงอ– ไม่มีทางที่ฉันจะหนีไปจากที่นี่ได้อีกแล้ว ฉันรู้ว่าเด็กชายนั้นยังอยู่ข้าง ๆ ตัวฉัน ไม่มีห้องผู้ป่วยข้าง ๆ ห้องฉัน พวกเขาล้วนอยู่ในห้องนี้กับฉัน ฉันเจอพวกเขาแล้ว แต่นั่นหมายความว่าฉันจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้อีกต่อไป”
อ่านมาถึงหน้าสุดท้ายแล้วหัวใจของมือกรรไกรก็เย็นเยียบ “ไม่มีห้องพักผู้ป่วยข้าง ๆ? พวกเขาล้วนอยู่ในห้องนี้?”
ความเย็นแล่นวาบไปตามสันหลังของเขา มือกรรไกรไม่คิดจะอยู่ในห้องนี้ให้นานไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว และเขาก็ผลักประตูตู้เปิด
หลังจากออกจากตู้เสื้อผ้า มือกรรไกรก็มองไปทางประตูที่อยู่ข้างตัวและสมองของเขาก็ว่างเปล่าไปในทันที
ในช่องหน้าต่างบนประตู ใบหน้ามนุษย์ที่ดูซีดเผือดหลายต่อหลายคนกำลังมองเข้ามา “พวกเราเจอแกแล้ว”