My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 400
ยู่ฮงผงะ เป็นธรรมดาที่ผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่พยายามที่จะต่อต้านสำนักอเวจี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไป พวกเขามักจะได้รับการสนับสนุนมาจากสำนักของตน ดังนั้นสำนักอเวจีจึงเลือกที่พิชิตสำนักแห่งความบริสุทธิ์, สำนักเที่ยงธรรม และสำนักอื่นๆ มันเป็นวิธีการหนึ่งที่สำนักอเวจีใช้ดึงดูดเหล่ายอดฝีมือจากสำนักใหญ่ ด้วยวิธีนี้ผู้ฝึกยุทธจากสำนักใหญ่ทั้งหลายก็จะไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอีกต่อไป ในขณะเดียวกันสำนักอเวจีก็มีจุดมุ่งหมายที่จะโค่นล้มพระราชสำนัก
สำหรับผู้ฝึกยุทธที่ยู่ฮงได้พบในช่วงที่เกิดความวุ่นวายแบบนี้ สำนักอเวจีมีแผนที่จะตบคนเหล่านี้เพื่อใช้ทำงานในอนาคตต่อ เมื่องานนี้จบลงสำนักอเวจีก็จะปล่อยตัวผู้ที่สมควรถูกปล่อยและจะฆ่าผู้ที่สมควรถูกฆ่า การพิชิตเมืองก็เป็นงานที่โหดร้ายเช่นนี้
สีวู่หยาได้วางแผนนี้เอาไว้ มันเป็นแผนที่จะทำให้สำนักอเวจีไม่พบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
เมื่อยู่ฮงตรวจสอบพลังของสาวน้อยที่เพิ่งจะปรากฏตัวออกมา ตัวเขาก็เริ่มขมวดคิ้ว ‘นี่มันพลังขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์? เหตุใดถึงมียอดฝีมืออยู่ที่มณฑลเหลียง?’
ในท้ายที่สุดตัวเขาก็ได้พูดออกมา “ข้ามีชื่อว่ายู่ฮง ข้าเป็นยอดฝีมืออันดับสองของโถงมังกรฟ้าแห่งสำนักอเวจี ข้าไม่รู้ว่าทำไมพวกเจ้าทั้งสองคนถึงมาที่เมืองแห่งนี้ได้ แต่ข้าอยากจะขอให้เจ้าทั้งคู่ให้ความร่วมมือกับพวกเรา พวกเราจะดูแลพวกเจ้าเป็นอย่างดีเอง” สำหรับยู่ฮง ตัวเขามักจะเคารพเหล่ายอดฝีมือมาโดยตลอด
“ยู่ฮงแห่งสำนักอเวจีอย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวพอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับสุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก ในความคิดของตัวเขาลูกลิ่วลูกล้อแบบนี้ไม่ควรค่าที่จะต้องไปสนใจอะไร
ยู่ฮงไม่ได้โกรธเคือง ตัวเขาเลือกที่จะถามออกมาอย่างใจเย็นแทน “เจ้าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสำนักอเวจีอย่างงั้นหรอไงกัน?”
หยวนเอ๋อที่กำลังจะตอบกลับไปก็ถูกลู่โจวห้ามเอาไว้ซะก่อน ‘หยวนเอ๋อ ความปากไวของนางจะต้องทำลายงานใหญ่แน่’
ลู่โจวที่ห้ามหยวนเอ๋อเสร็จได้ลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะตอบกลับ “ข้าพอจะรู้ไม่กี่เรื่องเท่านั้น”
ยู่ฮงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้อธิบายออกมา “เจ้าสำนักของข้าก็คือศิษย์คนแรกของศาลาปีศาจลอยฟ้า เขาเป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ พลังอันสุดยอดที่หาได้ยากในยุทธภพแห่งนี้”
คนที่ลู่โจวต้องการที่จะพบก็คือยู่เฉิงไห่และสีวู่หยา ดังนั้นก่อนที่เป้าหมายของเขาจะสำเร็จลุล่วง ลู่โจวจึงไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเปิดเผยตัวตนของตัวเองออกมา หลังจากที่ใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ลู่โจวก็ได้ตอบกลับไป “ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก นางไม่เข้าใจความคิดของผู้เป็นอาจารย์เลยแม้แต่น้อย ทำไมอาจารย์ของนางถึงจะต้องลดตัวทำงานแบบนี้ด้วย แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามอาจารย์ของหยวนเอ๋อก็เป็นผู้ที่มีเหตุผลเสมอ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่นางจะไม่คัดค้านและเดินตามลู่โจวไปอย่างเชื่อฟัง
“ขอบคุณสำหรับความร่วมมือ”
ลู่โจว, หยวนเอ่อ และเฉินเหลียงชูได้ออกจากหมู่บ้านไป พวกเขาทั้งหลายถูกยู่ฮงและคนของเขาพาตัวไป ส่วนพ่อบ้านโจวและเฟิงปิงบาดเจ็บเกินกว่าที่จะเดินเหินได้ เพราะแบบนั้นพวกเขาจึงถูกสมาชิกธรรมดาอุ้มตัวไป
…
ในช่วงบ่าย สำนักอเวจีก็ได้ยึดเมืองแห่งมณฑลเหลียงได้สำเร็จ
ลู่โจว, หยวนเอ๋อ และเฉินเหลียงชูถูกส่งไปยังค่ายทหารกองหนุนของมณฑลเหลียง มันเป็นที่ที่จะแจกแจงงานให้กับผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่ให้ความร่วมมือ
ยู่ฮงเป็นผู้ที่นำทางพวกลู่โจวไปตลอดทาง
ที่ค่ายทหารลู่โจวเห็นผู้ฝึกยุทธประมาณ 50 คน ทุกๆ คนที่อยู่ที่นั่นล้วนมีพลังวรยุทธที่ต่ำกว่าขั้นมหาราชครู
ดูเหมือนว่าลู่โจวและหยวนเอ๋อจะมีพลังวรยุทธที่เก่งกาจมากที่สุดแล้วในหมู่คนเหล่านั้น ไม่น่าแปลกที่ยู่ฮงจะดูแลพวกเขาเป็นพิเศษแบบนี้
สำหรับเฉินเหลียงชูที่ไม่มีพลังวรยุทธ แม้แต่สมาชิกของสำนักอเวจีธรรมดาก็ยังไม่แม้แต่จะปกป้องเขา
ยู่ฮงได้หันมาพูดกับลู่โจว “ไม่ต้องกังวลไป เจ้าจะต้องทนอยู่ที่อีกอีกสักสองสามวัน เมื่อพวกเรายึดเมืองจากมณฑลเหลียงได้ครบทั้งสิบเมืองแล้วพวกเจ้าก็จะได้รับการปล่อยตัวจากที่นี่เอง”
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นถามออกไป “สำนักอเวจีสามารถพิชิตเมืองม่อได้รึยัง?”
ยู่ฮงตอบด้วยความไม่พอใจ “ทำไมจะไม่ได้กันล่ะ? ข้าจะบอกความจริงให้กับเจ้าเอง พวกเรามีศิษย์จากศาลาปีศาจลอยฟ้าคนที่เจ็ดอยู่เคียงข้าง สำนักอเวจีจะต้องครองโลกได้แน่ ในตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเพียงเท่านั้น”
“ข้าจำได้ว่าเมืองม่อได้รับการปกป้องมาจากเขตแดนพลังมังกร เจ้าจะรับมือกับเขตแดนพลังที่ว่ายังไงกัน?”
ยู่ฮงผงะ ถ้าหากคำถามนี้ถูกถามโดยคนอื่น ตัวเขาก็คงจะไม่ตอบแน่ แต่เพราะทั้งสองคนมีพลังวรยุทธที่ลึกล้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกยุทธสาวน้อยคนนี้ ดูเหมือนว่านางจะทำตามคำสั่งของผู้ที่เป็นชายชรา คงจะดีกว่าที่จะรับมือกับยอดฝีมืออย่างทั้งสองคนอย่างเป็นมิตรในสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้นยู่ฮงจึงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแทน “ข้าเชื่อในความสามารถของเจ้าสำนักและยู่ฉางตงน่ะ” หลังจากที่ได้พูดแบบนั้นตัวเขาก็ได้หันหลังให้ก่อนที่จะจากไป
ผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ ต่างก็พากันไปหาลู่โจวและหยวนเอ๋อหลังจากที่ยู่ฮงจากไป ทุกๆ คนต่างก็ประทับใจในสิ่งที่ลู่โจวพูด
“ข้าประทับใจจริงๆ ที่ท่านกล้าพอที่จะพูดแบบนั้นกับยอดฝีมืออันดับสองของโถงมังกรฟ้าจากสำนักอเวจีแบบนั้นได้”
“ผู้อาวุโส พวกเราเป็นเพียงแค่คนนอกเท่านั้น ทำไมท่านถึงได้ถามเรื่องแบบนั้นกันล่ะ? อย่าได้หาเรื่องใส่ตัวเลยผู้อาวุโส”
“ถูกต้อง…ถ้าหากพวกเราอยู่ที่นี่พวกเราก็จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ให้ต่างฝ่ายต่างสู้กันไปซะเถอะ ข้าไม่สนใจหรอกว่าโลกใบนี้จะเป็นยังไงตราบเท่าที่ข้ามีอาหารกิน”
เห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจเรื่องในครั้งนี้ ท้ายที่สุดแล้วใครจะกล้ายืนหยัดท้าทายกับสำนักอเวจีผู้ทรงอำนาจได้?
ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไรผู้ฝึกยุทธด้อยฝีมือเหล่านี้ เป้าหมายของเขามีเพียงการจับตัวยู่เฉิงไห่และสีวู่หยา สำหรับเรื่องอื่นแล้วมันไม่ได้มีค่าอะไรที่ควรจะสนใจ ลู่โจวได้เรียกเมนูระบบออกมาก่อนที่จะตรวจสอบเมนูภารกิจ
เช่นกับก่อนหน้านี้ นอกจากยี่เทียนซิน ทั้งยู่เฉิงไห่และสีวู่หยาไม่เคยที่จะปรากฏตัวออกมาเลย ภารกิจที่เหลืออยู่ของลู่โจวเกี่ยวกับการสั่งสอนลูกศิษย์ด้วยกันทั้งนั้น
เฉินเหลียงชูที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้พูดออกมาด้วยใบหน้าที่ขมขื่น “ผู้อาวุโส…แล้วเรื่องข้อตกลงของพวกเราล่ะ…”
“ข้าน่ะรักษาคำพูดเสมอ”
“ขอบคุณผู้อาวุโส” เฉินเหลียงชูโค้งคำนับในทันที
ลู่โจวไม่ได้มองไปที่เฉินเหลียงชูอีกต่อไป ตัวเขารู้ดีว่ายังไงซะเฉินเหลียงชูก็ยังอยากที่จะอยู่อย่างปลอดภัยข้างๆ กับตัวเขาอยู่ดี ในตอนนี้ทั่วทุกมุมเมืองของมณฑลเหลียงเต็มไปด้วยอันตราย เฉินเหลียงชูอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าหากไร้ซึ่งพลังยุทธ
…
ตอนค่ำ
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงใครบางคนกระจ่างไปทั่วค่ายทหาร
“ชนเผ่าอื่นได้บุกเข้ามาแล้ว ให้ทุกคนที่มีพลังวรยุทธเหนือกว่าขั้นมหาราชครูตามข้ามา” ยู่ฮงได้บินผ่านไปพร้อมกับพลังอวตารของตัวเอง อวตารที่สูงกว่า 40 ฟุตของเขาดูสะดุดตาในยามค่ำคืน
ผู้ฝึกยุทธจากสำนักอเวจีลอยขึ้นไปบนอากาศในทันที พวกเขาติดตามยู่ฮงไปยังกำแพงทางตอนเหนือโดยไม่ลังเล
“ชนเผ่าอื่นบุกมาแล้วอย่างงั้นสินะ?” เฉินเหลียงชูดูตกใจ
หยวนเอ๋อที่เห็นผู้ฝึกยุทธทั้งหลายลอยตัวขึ้นไปบนอากาศได้ปรบมืออย่างตื่นเต้น ถ้าหากเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในอดีต นางก็คงจะเอะอะโวยวายเพื่อที่จะไปดูการแสดงแล้ว หยวนเอ๋อชอบเฝ้ามองดูการต่อสู้ที่คึกคักอยู่เสมอ แต่ถึงแบบนั้นนางก็กังวลเกินกว่าที่จะทำแบบนั้น นางยังจำคำเตือนของผู้เป็นอาจารย์ได้ดี ท้ายที่สุดแล้วหยวนเอ๋อก็สงบลง แม้ว่านางจะเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์และยังเป็นศิษย์คนที่เก้าของศาลาปีศาจลอยฟ้าก็ตาม แต่นางก็ไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นได้คว้าแขนของลู่โจวตามสัญชาตญาณ
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่จำเป็นจะต้องกลัวไป” แม้ว่าภายนอกลู่โจวจะดูสงบนิ่ง แต่ภายในของเขากลับกังวล ลู่โจวได้แต่คิดเสียดาย ตัวเขาน่าจะพาหมิงซี่หยินมาด้วย เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างหยวนเอ๋อไม่มีประสบการณ์ที่จะรับมือกับเหตุการณ์ใหญ่แบบนี้แน่
คนอื่นๆ ต่างก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ ทุกๆ คนได้ชี้ไปยังอีกทางด้านหนึ่งที่ผู้ฝึกยุทธสำนักอเวจีกำลังมุ่งหน้าไป ที่ตรงนั้นมีผู้ฝึกยุทธกว่าอีก 1,000 คนกำลังใกล้เข้ามา มันเป็นภาพที่น่าทึ่งที่ได้เห็น ที่ด้านบนของกำแพงเมืองมันเต็มไปด้วยผู้ฝึกยุทธแล้ว
มีใครบางคนถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมาอย่างหมดหวัง “นี่ล่ะนะสงคราม…”
มีบางคนใจหาย บางคนถอนหายใจ และยังมีบางคนรู้สึกประหลาดใจ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการแสดงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะมีความสุข
…
ในขณะที่ผู้ฝึกยุทธจากสำนักอเวจีจำนวนมากกำลังเดินเท้าอยู่ที่ถนนของเมือง ในตอนนั้นเองพื้นดินก็ได้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทุกๆ คนต่างก็ตกใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
หวืออ!
หวืออ!
พลังอวตารขนาดใหญ่ได้ปรากฏขึ้นบนกำแพงเมือง
“นั่นมันพลังอวตาร 70 ฟุต! พลังอวตารดอกบัวหกกลีบ!”
อวตารที่ว่าสูงเกินกว่ากำแพงเมืองปรากฏตัวขึ้น แม้ว่าทั่วทั้งเมืองจะมีสิ่งก่อสร้างที่สูงขนาดไหน แต่ถึงแบบนั้นพลังอวตารนั้นก็ยังสูงตระหง่านและยังน่าเกรงขามมากกว่าสิ่งก่อสร้างอยู่ดี
…
“ชนเผ่าอื่นมาถึงที่นี่แล้ว!” ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็จ้องมองท้องฟ้าไปยังทิศเหนือ
รอบๆ พลังอวตารขนาดใหญ่มีร่างของผู้คนจับกลุ่มอยู่ มันมีจำนวนมากเหมือนกับหมู่แมลง
พลังอวตารกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังกำแพงเมืองมณฑลเหลียง
“เจ้าพวกนั้นมาจากรั่วหลี่”
ถ้าหากมีชนเผ่าที่มาจากรั่วหลี่ได้ ก็เป็นธรรมดาที่จะมีชนเผ่าอื่นมาจากลั่วหลานเช่นเดียวกัน
เฉินเหลียงชูมองไปรอบๆ ตัวเอง “ผู้อาวุโส สำนักอเวจีไม่มีเวลาจะมาห่วงพวกเราแล้ว นี่แหละโอกาสดีที่พวกเราจะได้หลบหนี”
ลู่โจวเหลือบมองไปที่เขาโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เฉินเหลียงชูต้องการหนีไปจากสถานที่ที่เลวร้าย แต่ด้วยสถานะที่ตัวเองมีในตอนนี้เป็นธรรมดาที่ตัวเขาจะไม่สามารถหนีไปไหนได้ การอยู่ใกล้ลู่โจวถือว่าเป็นอะไรที่ปลอดภัยมากที่สุดแล้ว
มีใครหลายคนได้พูดออกมาอย่างเสียงดังฟังชัด “อวตาร 70 ฟุต! นั่นมันจะต้องเป็นพลังของหนึ่งในสี่สุดยอดผู้พิทักษ์แน่ อาจจะเป็นดีชิงหรือหยางยัน…”
“พวกเรามองไม่เห็นอะไรอีกต่อไปแล้วล่ะ”
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
มีใครหลายคนได้บินมาถึงสิ่งก่อสร้างอันใกล้ พวกเขาทั้งหลายกำลังสังเกตการณ์ทุกอย่างจากบนยอดไม้