My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 93
หมิงซี่หยินตกใจมากเมื่อได้ยินคำพูดของฝางซง เขาในตอนนั้นกลอกตาก่อนที่จะถามกลับมาทันที “ฝางซง ข้าคิดว่าเจ้าไม่ควรมาขู่ให้ข้าตกใจหรอกนะ”
ลู่โจวในตอนนั้นได้ชู่มือขึ้นมาห้ามหมิงซี่หยินซะก่อน หลังจากนั้นเขาก็แสดงท่าทีเพื่อให้ฝางซงพูดต่อ
ฝางซงพยักหน้าตอบรับก่อนจะพูดต่อไป “ข้าเองก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้เท่าไหร่นัก ครั้งหนึ่งข้าเคยมีโอกาสได้เข้าไปยังหอบันทึกของสำนักบริสุทธิ์ ในตอนนั้นข้าไปเจอกับคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับเวทมนตร์คาถาเข้า เวทมนตร์คาถาแบ่งออกเป็นเวทสายขาวและเวทสายดำ ผู้ฝึกใช้พลังเวทมนตร์คาถาเหล่านี้จะทำให้พวกเขาหลงเดินทางผิดจนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธผู้ชั่วร้ายไป ตอนนั้นข้าเองยังเด็กมาก ข้าที่หมกมุ่นเพื่อที่จะเพิ่มพลังวรยุทธของตัวเองให้ได้จึงได้ลองศึกษาเวทมนตร์คาถาดู แต่ถึงแบบนั้นทุกคนในสำนักบริสุทธิ์ต่างก็ปกป้องความลับเรื่องนี้เอาไว้อย่างแน่นหนา ยิ่งไปว่านั้นข้าไม่พบว่ามีผู้อาวุโสคนไหนเลยที่เคยเรียนรู้คาถาเวทมนตร์และคิดจะสอนตัวข้า…”
โจวจี้เฟิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ถามออกมาอย่างสงสัย “นั่นเป็นเหตุผลที่เจ้าเลือกที่จะฝึกฝนเคล็ดวิชาหยินทั้งสามอย่างงั้นน่ะหรอ? “
“ผู้อาวุโสของสำนักบริสุทธิ์ได้บอกกับข้าไว้ เจ้านั่นบอกว่าข้าเหมาะที่จะฝึกเคล็ดวิชาหยินทั้งสามมากที่สุดแล้ว แต่เจ้านั่นไม่ได้บอกให้ข้าฝึกมันควบคู่ไปกับเคล็ดหยินทั้งหก! ข้าได้เรียนรู้เรื่องนี้หลังจากที่ได้พบกันท่านปรมาจารย์จี! ” ฝางซงพูดออกมาอย่างโกรธแค้น
“แล้วไงต่อ? ” โจวจี้เฟิงถามต่อไป
ฝางซงที่ได้ฟังแบบนั้นก็เริ่มพูดต่อไป “เมื่อพูดถึงเวทมนตร์คาถาแล้ว เวทมนตร์คาถาน่ะมีข้อกำจัดเหมือนกับพลังผนึกนั่นแหละ เวทมนตร์คาถาจะทำให้เส้นพลังลมปราณของผู้ที่ตกเป็นเป้าหมายถูกกัดกร่อนอย่างช้าๆ และในที่สุดผู้โชคร้ายคนนั้นก็จะถูกปิดกั้นพลังไม่ให้ใช้พลังยุทธได้อีกต่อไป ในความเป็นจริงแล้วเคล็ดวิชาผนึกทั้งหลายจากสำนักบริสุทธิ์ก็ได้พื้นฐานมาจากเวทมนตร์คาถามาทั้งนั้นแหละ”
คนอื่นๆ ที่ได้ฟังแบบนั้นได้พยักหน้าขึ้นมา นี่คือเหตุผลที่ฝางซงมั่นใจว่าจะสามารถผนึกพลังยุทธของพวกอัศวินดำได้นั่นเอง
ฝางซงได้พูดออกมาอีก “ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ ถ้าหากพวกเรารีบคลายพลังเวทมนตร์คาถานี้ให้เร็วมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดีกับศิษย์พี่สี่มากขึ้นเท่านั้น ถ้าหากปล่อยเอาไว้ต่อไปแบบนี้ พลังวรยุทของเขาจะต้องถูกผนึกเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบแน่ การจะใช้เวทมนตร์คาถาแบบนี้ได้ ผู้ใช้จะต้องร่ายมันจากในระยะใกล้เท่านั้นถึงจะได้ผลในทันที เพราะเหตุนี้ไม่ว่าพวกเราจะยกเลิกคาถานี่เมื่อไหร่ มันก็จะได้ผลเช่นเดิม”
โจวจี้เฟิงที่ได้ฟังแบบนั้นได้ถามออกมา “แล้วเจ้ารู้เกี่ยวกับเวทมนตร์คาถามากแค่ไหนกันล่ะ เจ้ารู้มากพอที่จะยกเลิกเวทมนตร์คาถาพวกนี้ได้ไหม? “
ฝางซงพยักหน้าก่อนจะตอบกลับไป “ข้าจำได้ว่าเคยอ่านวิธีการทำลายเวทมนตร์คาถามาก่อน นอกจากนี้นั่นยังเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือมากที่สุด การจะยกเลิกเวทมนตร์คาถาได้จะต้องให้ผู้ร่ายเวทท่องเวทมนตร์คาถาออกมาอีกครั้งเพื่อทำการยกเลิก นี่ถือเป็นวิธีแรก ส่วนวิธีที่สองคือการให้ฝึกยุทธตามหลักวิถีแห่งพุทธและวิถีแห่งเต๋าเป็น ถ้าหากทำแบบนั้นแล้วก็จะสามารถคลายมนตร์สะกดได้ ถึงวิธีนี้จะได้ผลแต่วรยุทธ์ของผู้คลายมนตร์สะกดจะต้องมากกว่าวรยุทธของผู้ใช้เวทมนตร์คาถา แต่ถึงวิธีนี้จะใช้ได้ผลแต่มันก็มีความเสี่ยงมากอยู่ดี ถ้าหากพวกเราถูกผนึกพลังยุทธต่อไป สุดท้ายแล้วพวกเราจะฝึกฝนตัวเองต่อไปยังไงกันล่ะ? “
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะพูดแบบนั้น แต่ในตอนนี้พวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรกับเวทมนตร์คาถาของศิษย์พี่สี่ได้อยู่ดีนิ? “
ฝางซงส่ายหัว ตัวเขาได้ก้มคารวะลู่โจวก่อนจะพูดขึ้น “ข้าเกรงว่าคนที่จะคลายมนตร์สะกดนั่นได้ก็คงจะมีแต่ท่านปรมาจารย์จีเท่านั้น”
‘ท่านอาจารย์อย่างงั้นหรอ? ‘
หยวนเอ๋อและโจวจี้เฟิงต่างก็จ้องมองไปยังลู่โจว
ฝางซงได้อธิบายต่อไป “ยังมีวิธีที่สามอยู่อีก วิธีที่สามคือการให้ผู้มีวรยุทธที่สูงกว่าผู้ถูกมนตร์สะกดใช้พลังที่มากกว่าคลายมนตร์สะกดนั่นให้ได้ ถ้าหากใช้พลังยุทธที่แตกต่างจากเวทมนตร์คาถามากจนเกินไป เมื่อเป็นแบบนั้นจุดพลังลมปราณรวมไปถึงเส้นพลังลมปราณทั้งหมดจะแตกสลาย และถ้าหากเป็นแบบนั้นผู้ฝึกยุทธอย่างพวกเราก็จะระเบิดจนตัวจนตายจากไปนั่นเอง ดังนั้นมีเพียงท่านปรมาจารย์จีเท่านั้นที่สามารถทำได้”
แม้ว่าคำอธิบายของฝางซงจะสมเหตุสมผลมากแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็ได้แต่นิ่งเงียบ แม้ว่าภายนอกของเขายังดูนิ่งเงียบดุจดั่งขุนเขา แต่ถึงแบบนั้นภายในของลู่โจวกับกระวนกระวายเป็นอย่างมาก ‘ฉันจะทำยังไง? ‘
สายตาของทุกคนได้จ้องมองไปยังลู่โจวในตอนนี้
หมิงซี่หยินที่ได้ฟังแบบนั้นได้คุกเข่าอ้อนวอน “ท่านอาจารย์ได้โปรดคลายมนตร์สะกดให้ศิษย์ด้วย! “
ลู่โจวลูบเคราของตัวเอง ในตอนนี้ตัวเขาพยายามที่จะคิดหาวิธีการแก้ไขอยู่
และเพราะว่ามีกับดักเวทมนตร์คาถารออยู่ที่แม่น้ำสวรรค์ และเพราะแบบนั้นแล้วตัวเขาจึงไม่สามารถส่งคนไปยังหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ได้อีก ท้ายที่สุดแล้วถ้าหากมีคนตกเป็นเหยื่ออย่างหมิงซี่หยินอีก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภูเขาทองแห่งนี้จะสูญเสียพลังไปมากแค่ไหน ดูเหมือนว่าลู่โจวจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
ส่วนการจะคลายมนตร์คาถาได้ ลู่โจวในตอนนี้ยังคงนิ่งเงียบ เขาไม่มีทางออกที่ดีสำหรับเรื่องนี้เลย ท้ายที่สุดแล้ววรยุทธของลู่โจวในตอนนี้ก็ไม่ได้มีมากไปกว่าขั้นมหาราชครู
ในตอนนั้นเองด้วนมู่เฉิงที่ได้ข่าวเช่นกันได้รีบเดินทางมาที่ห้องโถงแห่งนี้ และหลังจากที่รู้เรื่องทุกอย่างแล้วตัวเขาก็ได้วิงวอนออกมา “ท่านอาจารย์ แม้ว่าศิษย์น้องจะทำผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงแบบนั้นเขาก็พยายามมาอย่างเต็มที่ ได้โปรดช่วยศิษย์น้องด้วย! “
โจวจี้เฟิงและฝานซงเองก็ขอร้องแทนหมิงซี่หยินเช่นกัน
ถ้าหากเป็นจีเทียนเด๋าในอดีต เขาคงจะไล่สาวกพวกนี้ออกไปจากห้องโถงด้วยความเกรี้ยวโกรธแล้ว แต่ถึงแบบนั้นหมิงซี่หยินสำหรับเขาก็ทำงานได้ดีเสมอมา แม้ว่าความจงรักภักดีของหมิงซี่หยินจะไม่มากเท่ากับด้วนมู่เฉิงและหยวนเอ๋อ แต่ถึงแบบนั้นหมิงซี่หยินก็สามารถพึ่งพาได้เสมอ สิ่งที่หมิงซี่หยินขาดไปมีเพียงวินัยเท่านั้น
ลู่โจวได้คิดถึงสิ่งที่เกิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่สุดท้ายแล้วเขาจะโบกมือก่อนจะพูดออกมา “ตามข้ามา”
หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นรู้สึกดีใจมาก เขาลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินตามลู่โจวไปในทันที
ในตอนนั้นเองคนอื่นๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเมื่อได้ฟังลู่โจวพูด พวกเขาต่างก็จ้องมองหมิงซี่หยินเดินตามลู่โจวไปยังห้องลับ
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นยิ้มออกมาก่อนที่จะพูดอย่างมั่นใจ “ท่านอาจารย์จะต้องจัดการกับเวทมนตร์คาถานั่นได้แน่ นี่จะต้องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน! “
โจวจี้เฟิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมาเช่นกัน “ถูกแล้วล่ะ ท่านปรมาจารย์จีน่ะมีพลังยุทธอันลึกล้ำ เวทมนตร์คาถาแค่นี้คงจะทำอะไรเขาไม่ได้แน่”
ฝางซงที่ได้ฟังแบบนั้นได้พยักหน้า แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา
ด้วนมู่เฉิงเหลือบมองไปที่ทั้งสองคนก่อนจะพูดออกมา “เพราะว่าศิษย์น้องสี่ต้องทุกข์ทรมานจากเวทมนตร์คาถาแบบนี้ ดังนั้นพวกเจ้าทั้งคู่จะต้องมีส่วนช่วย”
“ศิษย์พี่สาม ศิษย์พี่หมายความว่าอะไรกัน? ” ฝางซงและโจวจี้เฟิงต่างก็รู้สึกสับสน
ด้วนมู่เฉิงยกหอกราชันของเขาขึ้นมาก่อนที่จะพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “ประลองกับข้าไงล่ะ…”
“…”
“…”
…
ภายในห้องลับ
นี่เป็นครั้งแรกที่หมิงซี่หยินมีโอกาสได้เข้ามาภายในห้องลับแห่งนี้ ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาเนิ่นนาน เหล่าสาวกทั้งหลายล้วนแต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาภายในห้องลับ ในอดีตจีเทียนเด๋าได้มุ่งมั่นกับการเก็บสะสมทรัพย์สมบัติอยู่นั่นเอง นอกจากจะเป็นสถานที่ที่ใช้เก็บทรัพย์สมบัติแล้ว ในห้องลับแห่งนี้ยังเป็นห้องที่ใช้สำหรับฝึกฝนตัวเองของจีเทียนเด๋าอีกด้วย ในห้องลับแห่งนี้ไม่มีแม้แต่ช่องระบายอากาศ และเพราะแบบนั้นแล้วเหล่าศิษย์สาวกทั้งหลายจึงไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้เห็นการฝึกฝนตัวของผู้เป็นอาจารย์ หมิงซี่หยินที่เข้ามาถึงได้มองไปรอบๆ ตัวอย่างอยากรู้อยากเห็น ที่ชั้นวางของมีคัมภีร์ลับมากมายหลายเล่มถูกวางเอาไว้ บนชั้นวางอื่นๆ เองก็มีอาวุธมากมายหลายชิ้นด้วยกัน มันมีทั้งดาบ, หอก, กระบอง แม้แต่มุมห้องเองก็ยังมีอาวุธอยู่ด้วย เมื่อเห็นแบบนั้นหมิงซี่หยินก็ได้แต่ตกตะลึง ดูเหมือนว่าอาจารย์ของเขาจะรวบรวมทรัพย์สมบัติที่เก็บสะสมมากกว่าพันปีเอาไว้ในที่แห่งนี้แห่งเดียว
“นั่งลงซะ” ลู่โจวชี้ไปยังพื้น
และเพราะได้ยินเสียงของลู่โจวหมิงซี่หยินจึงรู้สึกตัวอีกครั้ง หมิงซี่หยินรีบนั่งลงก่อนที่จะเพ่งสมาธิไปที่จุดในจุดหนึ่ง
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะไปยืนข้างๆ หมิงซี่หยิน ‘วรยุทธของฉันอยู่ที่ขั้นมหาราชครูเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นฉันยังทะลวงเส้นพลังลมปราณทั้งแปดไม่ได้อีกด้วย พลังร่างอวตารฉันยังเป็นเพียงร่างจตุกายาเท่านั้น ด้วยวรยุทธที่มีในตอนนี้การจะตรวจสอบร่างกายของหมงซี่หยินก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่การที่จะทำลายเวทมนตร์คาถานี้ได้คงจะเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้แน่’
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง หมิงซี่หยินในตอนนี้กำลังเหงื่อไหลไปทั่วทั้งตัว ‘ถ้าหากดูจากสภาพเขาแล้ว ดูเหมือนว่าเวทมนตร์คาถานั่นจะผนึกพลังยุทธไปแล้วกว่า 80% ด้วยกัน’ หลังจากนั้นลู่โจวก็ได้ยกมือของเขาก่อนที่จะผลักไปยังหมิงซี่หยินเบาๆ ลู่โจวได้ถ่ายทอดพลังลมปราณผ่านฝ่ามือของตัวเองไปยังหลังของหมิงซี่หยิน
หมิงซี่หยินรู้สึกตกใจ ‘พลังวรยุทธของท่านอาจารย์ช่างล้ำลึกจริงๆ เขาสามารถควบคุมพลังลมปราณขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ของเขาให้สามารถไหลผ่านตัวข้าได้อย่างนุ่มนวลแบบนี้’
ยิ่งถ่ายพลังลมปราณอย่างนุ่มนวลมากเท่าไหร่ โอกาสที่เส้นพลังลมปราณของหมิงซี่หยินจะบาดเจ็บก็ลดน้อยลงเท่านั้น
ลู่โจวควบคุมพลังลมปราณเพื่อที่จะตรวจสอบเส้นพลังลมปราณของหมิงซี่หยิน หลังจากนั้นเขาก็ได้กระแทกไปที่หลังของหมิงซี่หยินเบาๆ หลายครั้งด้วยกัน
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ลู่โจวได้ส่งพลังลมปราณมากยิ่งขึ้น
หมิงซี่หยินเป็นผู้ฝึกยุทธที่สามารถทะลวงเส้นพลังลมปราณทั้งแปดเมื่อนานมาแล้ว เพราะแบบนั้นเส้นพลังลมปราณของเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บง่ายๆ
แต่เมื่อพลังลมปราณของลู่โจวสัมผัสเข้ากับเวทมนตร์คาถา ในตอนนั้นเองลู่โจวก็สัมผัสได้ถึงแรงตอบโต้กลับมา
หมิงซี่หยินขมวดคิ้ว ที่ใบหน้าของเขาเหงื่อออกมากขึ้น
ลู่โจวได้แต่ใช้ความคิดอยู่ในใจ ‘นี่คือพลังของเวทมนตร์คาถาอย่างงั้นหรอ” ลู่โจวได้พยายามที่จะข้ามผ่านขีดจำกัดเพื่อที่จะตรวจสอบเส้นพลังลมปราณของหมิงซี่หยินเส้นอื่นๆ ต่อไปให้ได้ แต่ถึงแบบนั้นพลังเวทมนตร์คาถาจะรู้ความต้องการของตัวเขาดี เพราะแบบนั้นมันจึงพยายามขัดขวางลู่โจวทุกหนทาง
“ประหลาด! ” ลู่โจวได้ดึงมือกลับมา แต่ถึงแบบนั้นพลังเวทก็ได้พุ่งออกมาจากด้านหลังของหมิงซี่หยิน พลังที่พุ่งออกมามันดูแข็งแกร่งขึ้นมาก
ลู่โจวโบกมือโดยสัญชาตญาณ เขาในตอนนี้เข้าสู่สภาวะลึกลับ มันเป็นสภาวะที่มาจากการทำความเข้าใจเคล็ดอักษรสวรรค์นั่นเอง ตั้งแต่จุดตันเถียนของลู่โจวไปถึงสมองของเขา ในตอนนั้นพลังก็ได้เอ่อล้นขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ พลังของลู่โจวได้ขับไล่แสงสีฟ้าจากๆ ที่มีอยู่ในตัวหมิงซี่หยินออกมาจากร่างกายของเขา พลังสีฟ้าได้ไหลออกมาจากหลังของหมิงซี่หยินเรื่อยๆ
ปั๊ง!
หมิงซี่หยินล้มลงจากแรงกระแทก ในขณะเดียวกันหมิงซี่หยินก็สัมผัสได้ถึงความประหลาดใจ พลังเวทมนตร์คาถาที่เคยอยู่ในร่างกายของเขาตอนนี้ได้จางหายไปแล้ว