My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 631 ตามหาศิษย์พี่
ทหารชาวรั่วหรี่เหลือบมองหลุมฝ่ามือบนพื้นด้วยความเงียบงัน
คาร์รอลเป็นผู้แข็งแกร่ง ถ้าหากจะเทียบกับยู่เฉิงไห่และยู่ฉางตงก็คงจะแข็งแกร่งไม่ได้ด้อยกว่ากันเลย เขามั่นใจมากแม้จะต้องเผชิญหน้ากับจีเทียนเด้ ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบครึ่งรวมไปถึงอักษรโบราณสีแดงค่อนข้างทรงพลัง โชคไม่ดีที่คู่ต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่า!
ชาวรั่วหรี่ได้แต่จินตนาการถึงพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเท่านั้น พวกเขาเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบของดินแดนหยานมาบ้าง แต่เมื่อต้องเห็นพลังกับตาตัวเองทุกคนยังก็ยังต้องตกตะลึงอยู่ดี พลังของผู้มีอวตารดอกบัวเก้ากลีบมันอยู่เหนือจินตนาการของทุกคนไปแล้ว
หลังจากที่เงียบไปชั่วคร่สู่โจวก็เริ่มลูบเคราของตัวเองอย่างสบายๆ ตัวเขาชี้ไปทางคาร์รอลที่กําลังนอนอยู่ในหลุม ลูโจวได้ใช้พลังวิเศษไปกว่าหนึ่งในสามเพื่อใช้พลังฝ่ามือ มันเป็นพลังวิเศษ จากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์นั่นเอง หลังจากที่ได้คัมภีร์ส่วนที่สองมาและทําการอัปเกรดระบบ พลัง วิเศษที่จู่โจวมีก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ตัวเขาไม่ลังเลเลยที่จะทําการโจมตี ยังไงซะผู้ที่อยู่ตรงห น้าก็คือหัวหน้าของฝ่ายศัตรู ไม่ว่าจะใช้พลังเท่าไหร่แต่การโค่นหัวหน้าศัตรูลงได้ก็ยังถือว่าคุ้มค่า ถ้าหากการโจมตียังไม่ได้ผลลูโจวก็ยังเต็มใจที่จะใช้การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาต
ลู่โจวลงสู่พื้น ดวงตาเขาจับจ้องไปในหลุม ยังไม่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ คาร์รอลยังไม่ตาย ชายคนนี้นอกจากแข็งแกร่งและยังหนังเหนียวอีกด้วย
คาร์รอลลุกขึ้นมาจากหลุมก่อนที่จะกระอักเลือดอีกครั้ง
ทุกคนรวมทั้งชาวรั่วหรี่ต่างก็ถอยห่างด้วยความหวาดกลัว
รูปลักษณ์ภายนอกของคาร์รอลเปลี่ยนไปเล็กน้อย มันเป็นรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะพลังการโจมตี ดวงตาที่แดงก๋าของเขากําลังจับจ้องไปที่ลูโจว “ข้า…ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ”
“ไม่อยากจะเชื่ออะไรกัน?”
“ข้าน่าจะ…ข้าน่าจะต้านทานพลังของผู้มีอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้…ทําไม? ทําไมกัน?” คาร์รอลยังยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้
“ไม่มีเหตุผลสําหรับเจ้าหรอก” สู่โจวถามต่อ “เจ้าของพลังอักษรสีแดงโบราณอยู่ที่ไหนกันแน่?”
คาร์รอลก้มหน้าลง ตัวเขายังคงนิ่งเงียบ
ล่โจวพูดต่อ “ถ้าหากเจ้าไม่เต็มที่จะบอกข้า ข้าจะไล่ถามชาวรั่วหรี่ทุกคนเอง ยังไงซะก็ต้องมีใครสักคนรู้คําตอบ”
คาร์รอลสันไปทั้งตัว เขาเข้าใจความหมายของคําพูดจู่โจวดี จู่โจวกําลังใช้ชีวิตเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ทั้งหมดมาขู่
คาร์รอลคลานออกจากหลุมด้วยความยากลําบาก เขาพลิกฝ่ามือก่อนที่จะกลับมานั่ง เมื่อจัดชุดเกราะและเช็ดเลือดออกจากใบหน้าคาร์รอลก็เอามือแตะไปที่จุดพลังลมปราณเพื่อเป็นการผนึกเส้นพลังลมปราณเอาไว้ คาร์รอลหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเริ่มกลับมาเป็นปกติ
“ท่านแม่ทัพ!” รองแม่ทัพทั้งสามรีลงจากหลังม้าก่อนจะคุกเข่าให้ พวกเขาไม่ได้ถอยกลับไป
เมื่อเห็นแบบนั้นทหารชาวรั่วหรี่ที่เหลือก็คุกเข่าลงเช่นกัน “ท่านแม่ทัพ!”
คาร์รอลมองไปที่ลูโจวก่อนจะพูดขึ้น “ไว้ชีวิตพวกเขา”
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ต่อรอง
ฝานลีเทียนเข้าใจเจตนาของอู่โจวดี เขาหันกลับไปมองทุกคนอย่างมีความหมาย
ทันใดนั้นสาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าทุกคนก็ได้เรียกพลังอวตารออกมา
หมิงซูหยินเรียกพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบออกมา
สีรูหยาเองก็เช่นกัน พลังของเขาก็อยู่ที่เจ็ดกลีบ
หยวนเอ่อมีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบ
ฝานลี่เทียน เล้งลั่วมีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบที่ไร้ดอกบัว
ส่วนฝานซงและโจวจี้เพิ่งมีพลังอวตารดอกบัวสองกลีบที่ไร้ดอกบัว
เมื่อเห็นแบบนั้นตัวนซิงแห่งวิหารปีศาจก็รู้สึกละอายใจ เขารีบเรียกพลังอวตารดอกบัวสองกลีบที่ไร้ดอกบัวออกมา
จางเฟิงแห่งสานักเบ่งบานเองเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบ
ซุนซื่อเหมี่ยวแห่งสํานักหมื่นอสรพิษเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบ
หวางซื่อเจียเรียกพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบออกมา
เจียงอาเฉียนเรียกพลังอวตารดอกบัวหกกลีบ
หลี่จึงยี่เรียกพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบ
สาวกที่เหลือผู้ซึ่งมีพลังอยู่เหนือกว่าขั้นศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายต่างก็เรียกพลังอวตารก่อนจะบินหาชาวรั่วหรี่เช่นกัน
ชาวรั่วหรี่ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวอย่างประมาท ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเผชิญหน้ากับเหล่ายอดฝีมือจํานวนมากเช่นนี้ ใครกันที่จะกล้าเคลื่อนไหวได้?
พลังอวตารที่ดูคล้ายกับโคมลอยฟ้าได้ล้อมรอบชาวรั่วหรี่นับหมื่นเอาไว้
พลังอวตารตนแล้วตนเล่าได้บดบังท้องฟ้าเอาไว้
คาร์รอลได้แต่ยิ้มอย่างสิ้นหวัง จู่ๆ เขาก็เข้าใจแล้ว เขาเข้าใจแล้วว่าทําไมสํานักอเวจีสามารถพิชิตเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ได้ ทําไมยู่เฉิงไห่ถึงสามารถหัวเราะเยาะให้กับโลกใบนี้ได้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพลังการสนับสนุนนั่นเอง พลังสนับสนุนของยู่เฉิงไห่ก็คือศาลาปีศาจลอยฟ้า!
สีปูหยาดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของคาร์รอลดี “คาร์รอล สิ่งที่เจ้าเห็นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของพลังที่พวกเรามี…ศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองกลายเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบมานานแล้ว ทั้งสองคนอยู่เหนือกว่าผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบคนอื่นมาก เทียนซินศิษย์พี่หกเองก็เป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบเช่นกัน…เจ้าตั้งใจที่จะลอบโจมตีเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์อยู่สินะ? ศิษย์พี่ของข้าจะเป็นผู้จัดการมือสังหารเจ้าเอง นอกจากนี้เรายังมีผู้อาวุโสซูยู่ชูยอดฝีมือแห่งลัทธิขงจื้อผู้โด่งดังเมื่อห้าร้อยปีก่อน ปรมาจารย์จากลัทธินักบุญโบราณเองก็จะช่วยเหลือพวกเรา ข้าหวังว่ายอดฝีมือที่เจ้าส่งไปจะทําอะไรได้นะ”
เมื่อคาร์รอลได้ฟังแบบนั้นเขาก็ไม่อาจระงับเลือดลมได้อีกต่อไป คาร์รอลกระอักเลือดอีกครั้ง ตัวเขาได้แต่กําหมัดแน่น นี่ถือเป็นความพ่ายแพ้อย่างราบคาบ!
คาร์รอลสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะหลับตาและพูดออกมา “อักษรสีแดงโบราณถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลังโลงศพสีแดง แม่ทัพใหญ่ลานนี้ผู้พิทักษ์ทางตอนเหนือเป็นผู้พบมัน เขาพบมันที่เขตพรมแดนทางตอนเหนือ พลังอักษรโบราณสีแดงถูกบรรจุเอาไว้ในโลงศพนั่น แม่ทัพลานนี้เป็นผู้มอบโลงศพให้กับข้าเอง”
ทุกคนที่ได้ฟังแบบนั้นขนลุก
สู่โจวรู้เรื่องของโลงศพสีแดงดี “ลานนี้เคยมอบโลงศพสีแดงให้กับข้าเมื่อนานมาแล้ว…เจ้า และคนทรงบาซี่พยายามที่จะตรวจสอบพลังของข้าในฐานะผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอย่างงั้นสินะ?”
ลู่โจวหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่เทียนกวโจมตีศาลาปีศาจลอยฟ้า ในตอนนั้นเทียนกวสูญเสียการควบคุมไปอย่างกะทันหัน ด้วยมันสมองที่ลานนี้มีเขาคงไม่คิดจู่โจมศาลาปีศาจลอยฟ้าแบบ กะทันหัน แต่ถ้าหากนั่นเป็นแผนของคนทรงผู้ยิ่งใหญ่ ทุกอย่างก็สมเหตุสมผลแล้ว
“ถูกต้องแล้ว” คาร์รอลยอมรับ ตัวเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง “ความทะเยอทะยานของลานนี้ยิ่งใหญ่เกินไป การมีอยู่ของโลงศพสีแดงได้ทําให้เขาสูญเสียตัวตนของตัวเองไป เขาเชื่อมั่นในพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ เขายอมใช้ทุกวิถีทางก็เพื่อที่จะไปถึงขั้นนั้น ยังไงซะผลประโยชน์ส่วนตนก็ไม่ได้สําคัญไปกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ เขาน่ะสมควรตายในดินแดนหยานแล้ว อย่างน้อยเขาก็ยังทําให้บรรพบุรุษภูมิใจได้”
ลู่โจวไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเรื่องของลานนี้ “แล้วมีอะไรอีกในโลงศพสีแดง? ของที่เหลืออยู่ที่ไหน?
คาร์รอลรวบรวมความกล้าก่อนจะพูดขึ้น “ผู้แพ้ไม่มีสิทธิ์ต่อรอง แต่ถ้าหากอยากให้ข้าตอบคําถามเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะไว้ชีวิตคนอื่นๆ”
ดวงตาของนักรบรั่วหรี่เบิกกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ลู่โจวพูดอย่างเฉยเมย “ข้าไม่ใช่พวกชอบปล่อยเสือเข้าป่า…แต่ข้าก็ไม่ใช่พวกที่ชอบการเข่นฆ่าอย่างไร้เหตุผลเช่นกัน ทุกคนจะกลายเป็นเชลยในดินแดนหยาน ถ้าหากปฏิเสธที่จะตอบคําถามของข้าอย่างตรงไปตรงมา ทุกคนจะถูกประหารทันที”
คาร์รอลกําหมัดแน่น หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่เขาก็พูดต่อ “ตระกูลโบน่าร์”
ล่โจวพยักหน้าก่อนจะถามออกมา “แล้วศิษย์คนที่สองของข้ายู่ฉางตง เจ้าได้เห็นเขาบ้าง เปล่า?”
คาร์รอลส่ายหัว “คนทรงผู้ยิ่งใหญ่บาซีของชาวลั่วหลานวางกับดักไว้ให้เขา เขาได้สั่งคนปลอมตัวไปชาวรั่วหรี่ก็เพื่อที่จะใส่ร้ายพวกเรา หลังการตายของบาซูก็ไม่มีอะไรหลงเหลืออีก มีเพียงร่องรอยกับดักที่ถูกวางยาวกว่าห้าไมล์ใกล้ๆ กับหุบเหวลึกที่เหลืออยู่เท่านั้น…ข้าส่งคนไปตรวจสอบที่นั่นแล้ว พวกเขาพบเพียงร่องรอยของเวทมนตร์คาถาจางๆ มันเป็นร่องรอยที่อยู่เหนือ หุบเหวลึกไม่มีที่สิ้นสุด เขาจะต้องต่อสู้กับบาซี่ที่นั่นแน่ ด้วยความสามารถที่บาซีมีข้าเกรงว่าเขาจะต้องตกลงไปในหุบเหวไม่มีที่สิ้นสุดแล้วแน่”
สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าที่ได้ฟังเช่นนั้นเป็นกังวล
สู่โจวพูดต่อ “ถ้าหากยู่ฉางตงสู่อย่างสุดตัว แม้แต่เจ้าเขาก็ยังเอาชนะได้ ไม่จําเป็นที่จะต้องพูดถึงบาซีนั่น”
“บาซี่ไม่ใช่คนทรงธรรมดาๆ” คาร์รอลพูดต่อ “คนของข้าได้ตามหารอบหุบเหวไม่มีที่สิ้นสุดทางด้านตะวันตกของคูเมืองสวรรค์แล้ว ไม่มีวี่แววของดาบปีศาจยู่ฉางตงเลยแม้แต่น้อย คนทรงทหารของบากว่าหลายร้อยก็ตายเช่นกัน มีเพียงซากศพอยู่ทั่วทุกที่ ดังนั้นมีความเป็นไปได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น…” ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่ว่าก็คือยู่ฉางตงตกลงสู่หุบเหวไม่มีที่สิ้นสุด
ล่โจวลบเคราในขณะที่มองคาร์รอล หลังจากนั้นตัวเขาก็โบกแขนเสื้อขึ้น “ยังพวกเขาไว้ที่คุก สาวกศาลาปีศาจลอยฟ้าจงตามข้ามา”
“ครับ/ค่ะ!”
เหล่าสาวกของสํานักเบ่งบาน วิหารปีศาจ สานักเผิงไหล และสํานักหมื่นอสรพิษเริ่มออกเคลื่อนไหว
เชลยกว่าหมื่นคนถูกส่งไปยังมณฑลเหลียง
สู่โจวหันกลับมามองคาร์รอลโดยที่ไม่พูดอะไร
อาจมีหลายคนสงสัยว่าคาร์รอลจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นนักรบชาวรั่วหรี่กว่าหมื่นคนถูกจับตัวไป
หลังจากที่สับสนอยู่นานสีหน้าไม่พึงพอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคาร์รอล เขาหันกลับไปด้วยความอยากล่าบากเพื่อเฝ้ามองชาวรั่วหรี่ เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็ยกมือซ้ายขึ้นและแตะไปที่จุดพลังลมปราณ จุดพลังลมปราณที่ได้รับความเสียหายไม่อาจรักษาพลังได้อีก พลังลมปราณภายในตัวของเขากําลังไหลออกมา ร่างกายของคาร์รอลทรุดตัวอย่างรวดเร็ว พลังชีวิตของเขากําลังจะหมดลง ในช่วงเวลาสุดท้ายคาร์รอลได้กางแขนขึ้นก่อนที่จะยกชุดเกราะ เพียงพริบตาเดียว ร่างกายของเขาก็แข็งที่อไป
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสําเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 2,000”
ล่โจวไม่ได้เหลือบมองไปที่คาร์รอลอีกต่อไป “นี่เอียน”
บีเอี้ยนรีบวิ่งมาหา
ลู่โจวรีบขึ้นขี่มันก่อนจะมองไปยังคูสวรรค์
ทุกๆคนเข้าใจเจตนาของลู่โจวดี พวกเขาลอยขึ้นไปบนอากาศเช่นกัน
หมิงซูหยินพูดออกมา “ถ้าหากมีบเอี้ยนพวกเราจะต้องพบกับศิษย์พี่รองแน่”
“อืม…ข้าเชื่อว่าศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่รองจะต้องสบายดีแน่” หยวนเอ๋อพยักหน้าเห็นด้วย