My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 564 ร่วมมือ
แม้ว่าโจวยู่ไคจะเป็นถึงประมุขของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ แต่ตัวเขาก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนที่เคยเป็น ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะสถานศึกษาที่กำลังอ่อนแอมากขึ้นทุกที การที่โจวยู่ไคยังได้รับความเคารพเป็นเพราะตัวเขาอาศัยเงาที่เคยยิ่งใหญ่ของสถานศึกษาเพียงเท่านั้น โจวยู่ไคได้ก้าวมาเป็นประมุขแห่งสถานศึกษาเมื่อราว 100 ปีก่อน ในแง่ของพลังวรยุทธ ตัวเขารู้ดีว่าไม่อาจเทียบเคียงอะไรได้กับหวางซื่อเจียแต่ถึงแบบนั้นหวางซื่อเจียผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบกลับยกย่องให้ยู่เฉิงไห่เก่งกาจยิ่งกว่า ถ้าหากจะเปรียบเทียบแบบนี้โจวยู่ไคก็คงไม่อาจสู้อะไรกับยู่เฉิงไห่ได้เลย
หวางซื่อเจียยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้าท่าทีที่ตกตะลึงบนใบหน้าของโจวยู่ไค “ถ้าหากยังสงสัยในตัวข้า ประมุขโจว ท่านก็ดูเอาเองซะเถอะ”
…
ภายในเมืองมณฑลหยาน
เหล่าสาวกจากสำนักอเวจีต่างก็มุ่งหน้าเข้าเมือง ในตอนนี้กำแพงทางด้านตะวันออกทั้งหมดถูกชาวสำนักอเวจีครอบครองเอาไว้แล้ว
ยู่เฉิงไห่ยังคงปลดปล่อยกระบี่พลังงานออกมาอย่างต่อเนื่อง ใครก็ตามที่กล้าบินขึ้นมาจะถูกกระบี่นิลโลหิตของเขาสังหารในทันที
…
ในขณะเดียวกัน ณ คฤหาสน์แม่ทัพ
หม่าลู่ปิงได้นำรองแม่ทัพทั้งสี่ออกมาที่ด้านนอก
“ท่านแม่ทัพ ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่สู้ดีแล้ว พวกเราควรจะใช้ชาวเมืองที่เหลือเพื่อหยุดสำนักอเวจีดีไหมครับ?”
“ลงมือซะ…ยังไงซะพวกฝ่ายอธรรมก็ยังเป็นพวกฝ่ายอธรรมอยู่วันยังค่ำ ถ้าหากจะต้องเสียสละชาวเมืองส่วนหนึ่งเพื่อรักษาความสงบสุขเอาไว้ มันก็คุ้มค่าแล้วล่ะ”
“ครับ ท่านแม่ทัพ!”
ทหารผู้ที่ได้รับคำสั่งรีบเดินจากไป
หม่าลู่ปิงออกคำสั่งต่อ “จงไปต้อนรับองค์รัชทายาทที่นอกเมืองทางใต้ซะ…”
“ครับ!”
“ส่วนเจ้าไปพบกับเหว่ยซู่หยานที่ประตูทางตะวันออก”
“ครับ!”
“แล้วก็เจ้า ไปพบกับสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่กับสถานศึกษาผืนฟ้าเร็วเข้า บอกพวกเขาว่าพวกเราต้องการกำลังเสริมโดยด่วน!”
“ครับ!”
รองแม่ทัพทั้งสามได้ออกจากคฤหาสน์ไปอย่างรวดเร็ว
หม่าลู่ปิงเดินไปยังหน้าคฤหาสน์พร้อมกับเอามือไขว้หลัง เมื่อมองเห็นศพนิรนามอยู่บนพื้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย “ข้าจะต้องให้พวกสำนักอเวจีต้องชดใช้แน่”
ทันทีที่หม่าลู่ปิงพูดจบ ชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวก็ได้ปรากฏตัวขึ้น ชายคนนี้เอามือทั้งสองข้างกอดอกเอาไว้ ตัวเขามองลงมาที่หม่าลู่ปิงจากบนหลังคาด้วยรอยยิ้มจางๆ สีหน้าที่สงบนิ่งบ่งบอกได้ถึงความมั่นใจได้เป็นอย่างดี
หม่าลู่ปิงตัวสั่นเมื่อเหลือบเห็นชายผู้ใช้ดาบ ตัวเขาแปลกใจของแขกผู้มาเยือนคนนี้ ‘เจ้านี่มันยืนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว?’
หม่าลู่ปิงพยายามสงบสติตัวเองก่อนที่จะถามออกมา “เจ้าเป็นใครกัน?”
“ข้าขอโทษด้วย ข้าได้สังหารน้องชายของเจ้าอย่างหม่าชิงไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในรายชื่อของข้า แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือก” ชายผู้ใช้ดาบพูดออกมา มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“เป็นเจ้าที่ฆ่าน้องข้า?”
“ข้าเสียใจด้วยจริงๆ แต่ข้าอยากให้เจ้าสงบสติและเลิกใช้อารมณ์” ยู่ฉางตงก้มศีรษะลงเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้ตาย
แม้ว่าจะเห็นอกเห็นใจแค่ไหนแต่คำพูดที่ยู่ฉางตงใช้มันก็ดูเหมือนเป็นการเยาะเย้ยมากกว่า หม่าลู่ปิงที่คิดแบบนั้นยกฝ่ามือขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ยู่ฉางตงรีบเคลื่อนไหว ตัวเขาเลือกที่จะพลิกตัวไปในกลางอากาศก่อนที่จะกระโดดลงมาอย่างสง่างาม
หม่าลู่ปิงวิ่งก่อนที่จะปลดปล่อยระเบิดพลังงานออกมาจากตัว
ตู๊ม!
กำแพงของคฤหาสน์ถูกคลื่นพลังนั้นทำลาย
ทั้งสองคนได้บินออกมายังสระน้ำที่อยู่ใกล้ๆ
ทันทีที่เริ่มเคลื่อนไหวในอากาศก็เต็มไปด้วยพลังฝ่ามือ
“จงออกมา!” ยู่ฉางตงพูดออกมาเบาๆ
ในตอนนั้นเองดาบสีแดงจางๆ ก็ได้ลอยออกมาจากฝัก
ในขณะเดียวกันพลังฝ่ามือของหม่าลู่ปิงก็เปล่งประกายแสงสีทองมากยิ่งขึ้น!
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ทั้งสองลอยไปที่ลานคฤหาสน์
ในตอนนั้นเองมีดาบพลังงานถูกปล่อยออกมา!
ตำหนักที่อยู่ใกล้ๆ ถูกตัดครึ่งไปในทันที
รูปแบบการต่อสู้ของหม่าลู่ปิงทั้งดุดันและน่าเกรงขาม ทุกฝ่ามือและหมัดล้วนแต่มีพลังทำลายล้างมหาศาล!
“ดาบปีศาจ? เจ้ามีดีแค่นี้เองสินะ?” หม่าลู่ปิงตะโกนออกมาก่อนที่จะประกบฝ่ามือของตน
ในตอนนั้นเองพลังฝ่ามือกว่าหลายสิบพลังได้ลอยไปบนอากาศ
สีหน้าของยู่ฉางตงยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ตัวเขายังคงกวัดแกว่งดาบด้วยท่าทีสบายๆ เช่นเคย การเคลื่อนไหวของยู่ฉางตงได้ทิ้งภาพติดตาเอาไว้
ดาบยืนยาวได้ผ่าฝ่าพลังฝ่ามือไปอย่างแม่นยำ
นี่คือเหตุผลที่ทำให้อาวุธระดับสรวงสวรรค์มันน่าเกรงขาม มันเป็นอาวุธที่สามารถตัดผ่านพลังงานได้อย่างง่ายดาย
…..
อีกด้านหนึ่ง บนท้องฟ้าทางทิศตะวันออกของเมือง บนนั้นมีรถม้าลอยฟ้าของสำนักอเวจีลอยอยู่
ยู่เฉิงไห่ได้ใช้วิชาสืบสายราชันย์ไปที่เมืองกว่าหลายครั้ง ตัวเขาได้ใช้พลังลมปราณไปมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ยู่เฉิงไห่ได้กางมือออกมา ทันในนั้นกระบี่นิลโลหิตก็บินกลับมาหาตัวเขา
“ศิษย์พี่ใหญ่ ช่วยออมแรงเอาไว้ด้วย ให้ข้ากับพี่จงหยางจัดการส่วนที่เหลือเองเถอะ” สีวู่หยาที่พูดจบได้ก้าวออกมาข้างหน้า ตัวเขากำลังจะใช้พัดขนนกยูงในมือ แต่ถึงแบบนั้นยู่เฉิงไห่ก็ได้หยุดตัวเขาเอาไว้
ยู่เฉิงไห่พูดขึ้น “ศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้า เจ้าควรจะอยู่ด้านในรถม้าของพวกเราและคอยวางแผนจะดีกว่า ข้าจะไม่ยกโทษให้ตัวเองแน่ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”
“…”
ฮั๊วจงหยางได้ระเบิดหน้าไม้ที่ใกล้ที่สุดก่อนที่จะกลับมายังรถม้าลอยฟ้า “ไม่ต้องให้ถึงมือท่านเจ็ดหรอกครับ ศิษย์สาวกของสำนักอเวจีไม่ได้ไร้ฝีมือ พวกเราจัดการได้แน่…”
ยอดฝีมืออันดับสองแห่งโถงมังกรฟ้า ยู่ฮงได้นำคนจากสำนักอเวจีไปยังส่วนอื่นๆ ของเมือง ยู่ฮงได้ใช้พลังอวตารดอกบัวหกกลีบของตัวเองก่อนที่จะนำทางผู้ฝึกยุทธระดับล่างไปอย่างมั่นใจ
สีวู่หยาที่เห็นแบบนั้นพยักหน้า “ถ้าหากสำนักอเวจียังเป็นแบบนี้ ในตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่เวลาแล้วที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์จะถูกพิชิตได้ ศิษย์พี่ใหญ่”
ยู่เฉิงไห่รู้สึกลอยตัว คำสรรเสริญในครั้งนี้ทำให้ตัวเขารู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง “ข้าเองไม่อยากได้ใจมากไป ในตอนนี้ยังมีเวลาจำกัดที่ท่านอาจารย์กำหนดเอาไว้”
“อย่ากังวลไปเลยศิษย์พี่ใหญ่ พวกเรามีเวลาเพียงพอแน่ สิ่งที่เราต้องระวังในตอนนี้ก็คือสถานศึกษาทั้งสองและเหว่ยซู่หยานมากกว่า” สีวู่หยาตอบกลับ
“น่าเสียดายที่ไป่ยู่ หยางยานและดีชิงไม่ได้อยู่ที่นี่”
ในตอนนั้นเองฮั๊วจงหยางก็มองเห็นชาวเมืองธรรมดาตามท้องถนน พวกเขาทั้งหลายต่างก็ดูหวาดกลัว บางคนได้รับบาดเจ็บ ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ชาวเมืองทั้งหลายต่างก็กำลังวิ่งไปยังพื้นที่ที่สำนักอเวจีกำลังเริ่มการโจมตี
“ท่านเจ้าสำนัก ทางนั้น”
ยู่เฉิงไห่และสีวู่หยาที่มองเห็นชาวเมืองธรรมดาต่างก็ขมวดคิ้วอย่างพร้อมเพรียงกัน
“พวกเราจะทำยังไงกันดี?” ฮั๊วจงหยางได้ถามออกมาด้วยความกังวล
ผู้ที่มีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่มักจะไม่กังวลกับเรื่องรายละเอียดยิบย่อยทั้งหลาย อันที่จริงสิ่งที่เหมาะสมที่สุดก็คือการสังหารทุกคน แต่อย่างไรก็ตาม…พวกเขาจะทำได้จริงๆ อย่างงั้นเหรอ? ถ้าหากทุกคนมาที่นี่ด้วยความตั้งใจที่จะขัดขวางสำนักอเวจี ทุกคนก็คงจะถูกฆ่าตายไปแล้ว แต่นี่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย
ยู่เฉิงไห่กำหมัดแน่นในขณะที่สังเกตการณ์ด้านหลัง ตัวเขารู้สึกโกรธมากที่เห็นแบบนั้น “หม่าลู่ปิง ข้าจะต้องฆ่าชายคนนั้นด้วยมือของข้าให้ได้!”
ฮั๊วจงหยางคุกเข่า “ท่านเจ้าสำนักช่วยออกคำสั่งด้วย ข้าจะทำตามคำสั่งท่านอย่างไม่มีข้อแม้”
“…”
สีวู่หยาเริ่มเครียดในขณะที่มองไปยังฮั๊วจงหยาง
ยู่เฉิงไห่ยังคงไม่ตอบอะไร ตัวเขายังคงมองดูชาวเมืองที่อยู่ตามท้องถนน
ทหารรักษาการณ์ทั้งหลายกำลังกดดันชาวเมืองเหล่านั้น
บนถนนมีทั้งเสียงเด็กที่ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เสียงของผู้เป็นแม่ที่กำลังโศกเศร้า ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว
ฮั๊วจงหยางยังคงรอคำสั่งต่อไป ตัวเขาได้แต่กำหมัดอย่างไร้ความรู้สึก
“ถอย” ยู่เฉิงไห่ยกมือขึ้น
แม้ว่าสีวู่หยาจะโล่งใจที่ได้ยินเช่นนั้น
แต่สำหรับฮั๊วจงหยางตัวเขาตอบรับคำสั่งด้วยท่าทีที่ดูไม่พอใจ “ครับ ท่านเจ้าสำนัก!” เมื่อได้รับคำสั่งฮั๊วจงหยางก็รีบบินออกจากรถม้าไปถ่ายทอดคำสั่งในทันที “ถอย ถอยไปที่กำแพงเมืองซะ!”
สาวกจากสำนักอเวจีเงยหน้าขึ้นมองอย่างสับสน ในตอนนี้พวกเขาเป็นในฝ่ายที่ได้เปรียบไปแล้วแท้ๆ แล้วทำไมกันถึงต้องถอยด้วย?
ชาวเมืองที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ชาวเมืองบางคนถึงกับล้มตัวลงบนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง
ในตอนนั้นเองทางทิศตะวันตกของเมืองที่อยู่ห่างออกไปหลายไมล์ พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบก็ปรากฏขึ้น!
พลังอวตารที่สูงกว่า 100 ฟุตได้ปรากฏตัวขึ้น ที่ใต้เท้าของพลังอวตารมีกลีบดอกบัวทั้งหมดแปดกลีบกำลังหมุนวนอยู่
ตู๊ม!
ท่ามกลางการระเบิดพลังงาน ชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวได้ถอยออกมา ชายคนนั้นยังดูสงบนิ่งและยังดูมั่นใจเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ
ยู่ฉางตงพยายามตั้งหลัก ตัวเขาเหลือบมองไปที่หม่าลู่ปิง แม้ว่ายู่ฉางตงจะต้องบาดเจ็บภายใน แต่ถึงแบบนั้นบนใบหน้าของเขาก็ยังมีรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจอยู่ “ถ้าหากข้าไม่ได้ตัดดอกบัวทองคำไป เจ้าก็คงจะตายไปนานแล้ว แต่ถึงแบบนั้นการที่ได้ต่อสู้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามันก็ยังเป็นเรื่องที่ทำให้ข้าได้ตื่นเต้นอยู่ดี”
หม่าลู่ปิงที่ใช้พลังอวตารมองไปที่ยู่ฉางตงด้วยสีหน้าที่เกรี้ยวกราด “เจ้าก็คือดาบปีศาจ ยู่ฉางตรงจริงๆ สินะ” หม่าลู่ปิงไม่ได้คิดว่ายู่ฉางตงจะมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ แต่แม้ว่าพลังจะสูงกว่าแต่ตัวเขาก็ไม่อาจบังคับให้ยู่ฉางตงใช้พลังอวตารออกมาได้
…
บนรถม้าลอยฟ้า
ยู่เฉิงไห่ที่อยู่บนนั้นไม่ได้ตาบอด ตัวเขามองเห็นพลังอวตารที่สูงกว่า 100 ฟุตได้อย่างชัดเจน ยู่เฉิงไห่ที่เห็นแบบนั้นรีบพูดออกมาอย่างดีใจ “ศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้า ข้าขอฝากหน้าที่การสั่งการไว้ที่เจ้าด้วย! ข้าจะเป็นผู้ที่เด็ดหัวของหม่าลู่ปิงเอง!” สิ้นสุดเสียงของยู่เฉิงไห่ตัวเขาก็ได้จากไปในทันที
สีวู่หยาเป็นคนที่ช่างสังเกตมากกว่ายู่เฉิงไห่ ตัวเขามองเห็นชายผู้ใช้ดาบชุดเขียวที่อยู่บนอากาศ “ยอดฝีมือผู้ลึกลับคนนั้นก็คือศิษย์พี่รองอย่างงั้นเหรอ?”