My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 551 ใฝ่ฝัน
ผลของการ์ดรักษาฉุกเฉินโฉมใหม่ทรงพลังจนน่าตกใจ
เส้นพลังลมปราณทั้งแปดของยี่เทียนซินที่ถูกพลังอักษรมังกรทองทำลายไปถูกฟื้นฟูด้วยความเร็วที่น่าตกใจการฟื้นฟูเสร็จสิ้นในเวลา 15 นาทีเท่านั้น แม้ว่าการ์ดรักษาฉุกเฉินโฉมใหม่จะมีพลังมากแค่ไหน แต่มันจะรักษาอาการบาดเจ็บได้เพียง 60% ลู่โจวจะต้องทำอะไรมากกว่านี้เพื่อที่จะรักษาอาการบาดเจ็บที่ยี่เทียนซินมี
ลู่โจวค่อยๆยกฝ่ามือขึ้นมา ในตอนนั้นเองตัวเขาก็ได้ท่องมนตร์ที่มีอยู่ในเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ ในไม่ช้าดอกบัวสีฟ้าก็ปรากฏขึ้น ตัวเขาได้ผลักมันก่อนที่จะส่งให้กับยี่เทียนซิน
ดอกบัวสีฟ้าได้ตกลงบนร่างกายของนางทันทีที่ดอกบัวสัมผัสนาง มันก็ได้ปล่อยพลังชีวิตอันมหาศาลออกมา พลังแห่งชีวิตได้กระจายออกจากศาลาทางใต้ไปทั่วทั้งภูเขาทอง
สาวกคนอื่นๆที่อยู่ไม่ไกลนักต่างก็รู้สึกได้ ทุกคนได้แต่หันไปมองศาลาทางใต้
หยวนเอ๋อและหอยสังข์เองก็จับจ้องไปที่ศาลาทางใต้เช่นกัน
“ท่านอาจารย์กำลังรักษาศิษย์พี่หกอยู่แน่”หยวนเอ๋อได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ
“ศิษย์พี่หก…ดูแข็งแกร่ง”
หยวนเอ๋อพยักหน้าเห็นด้วย“อืม…ผู้ฝึกยุทธหญิงที่อยู่บนภูเขาทั้งหมดก็เคยเป็นสาวกของศิษย์พี่หกมาก่อน แม้ว่าศิษย์พี่จะแข็งแกร่งก็ตาม แต่นางก็ใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากมาโดยตลอด”
“อืม”
ผู้อาวุโสทั้งสี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็เหลือบมองไปยังทิศที่มีพลังพลุ่งพล่าน
ซูยู่ชูรู้สึกทึ่งกับพลังที่สัมผัสได้นางยังจำได้ดีในตอนที่ทั้งสี่คนใช้พลังอวตารส่งเสริมพลังแห่งการรักษาในครั้งนั้น ตอนนั้นพลังแห่งชีวิตไม่สามารถเทียบเคียงอะไรได้กับในตอนนี้
“ดูเหมือนว่าพลังวรยุทธที่ท่านปรมาจารย์มีจะลึกล้ำขึ้นมาอีกครั้งแล้วสินะ”
ผู้อาวุโสทั้งสี่ต่างก็สบสายตากัน
“ยุคแห่งการตัดดอกบัวทองคำได้เริ่มต้นขึ้นแล้วด้วยการมีอยู่ของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ข้ามั่นใจว่าอีกไม่นานจะต้องมีผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอีกคนปรากฏตัวขึ้นแน่…เมื่อถึงตอนนั้นคนแก่ๆ อย่างพวกเราก็คงจะต้องฝึกฝนให้หนักขึ้น”
“เมื่อลองคิดดูให้ดีพวกท่านคิดว่าพลังอวตารดอกบัวสิบกลีบมันมีจริงไหม” ฮั๊ววู่เด๋าถามออกมาอย่างสงสัย
ผู้อาวุโสทั้งสามที่ได้ฟังแบบนั้นผงะ
ซูยู่ชูเป็นผู้พูดต่อ“ข้าเคยอ่านตำราเรื่องนี้ในลัทธิขงจื๊อมาก่อน ในตำราได้เรียกขั้นของการฝึกยุทธเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นขั้นฝึกฝนร่างกาย ขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ ขั้นสัมผัสแห่งการควบคุม ขั้นมหาราชครู ขั้นศักดิ์สิทธิ์ และขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ โดยที่ขั้นสังหรณ์หยั่งรู้จะเริ่มสร้างพลังอวตารขึ้นมาได้ การฝึกยุทธจะต้องพัฒนาพลังอวตารที่ตัวเองไปในแต่ละขั้นก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นพลังอวตารร้อยวิถีที่ขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์…”
ซูยู่ชูหยุดพูดชั่วคราวก่อนที่จะพูดต่อ“หลังจากที่สร้างพลังอวตารร้อยวิถีได้ ดอกบัวทองคำและกลีบดอกบัวสีทองก็จะปรากฏขึ้น” ซูยู่ชูขมวดคิ้วก่อนที่จะพูดต่อ “เมื่อกลีบดอกบัวกว่าหมุนเวียนรอบดอกบัวจนครบสิบพลังอวตารพันแดนหมุนวนก็จะเกิดขึ้น กลีบดอกบัวและดอกบัวก็จะเบ่งบานขึ้นมา…ข้าจำส่วนที่เหลือไม่ได้จริงๆ”
แต่ละสำนักต่างก็มีตำราเกี่ยวกับการฝึกวรยุทธเป็นของตัวเองส่วนมากแล้วมันจะเป็นตำราที่เกี่ยวข้องกับขั้นของวรยุทธซะเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลและหมวดหมู่ของพลังอวตารร้อยวิถีอีกด้วย
ด้วยแนวคิดที่คนส่วนใหญ่ให้การยอมรับบันทึกอื่นๆ ที่มีเนื้อความแตกต่างไปก็มักจะถูกเรียกว่าเป็นเรื่องราวที่ไร้สาระหรือไม่ก็เป็นแค่เพียงตำนาน นอกจากนี้ยังมีเหล่านักเล่าเรื่องทั้งหลายที่มักจะชอบพูดเกินความจริง ด้วยเหตุนี้เองพลังอวตารพันแดนหมุนวนจึงกลายเป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น
ฮั๊ววู่เด๋าพยักหน้า“หนทางยังอีกยาวไกล แต่ที่แน่ๆ พวกเราก็มั่นใจได้แล้วว่าพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบนั้นมันสูงกว่าพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบถึง 50 ฟุต…ถ้าหากมีพลังอวตารดอกบัวสิบกลีบ พลังอวตารพันแดนหมุนวน ไม่ต้องจินตนาการเลยว่ามันจะน่ากลัวแค่ไหน”
“ผู้อาวุโสฮั๊วยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงพลังอวตารพันแดนหมุนวนในตอนนี้…การจะไปถึงขั้นนั้นได้คงจะไม่ง่ายแน่ ท่านปรมาจารย์เองก็เพิ่งจะฝึกฝนจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ข้าพนันได้เลยว่าการเก็บตัวฝึกฝนของเขาจะทำให้พลังรากฐานของผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบของเขามั่นคงกว่าเดิม” ฝานลี่เทียนแสดงความเห็นขึ้น
ทุกๆคนต่างก็เห็นด้วยกับคำพูดของฝานลี่เทียน
เล้งลั่วมองไปที่ห้องพักของยี่เทียนซินที่อยู่ศาลาทางใต้จนพลังชีวิตอันมหาศาลได้จางหายไป“การผ่าดอกบัวทองคำไม่ใช่หนทางเดียวหรอกนะ”
“หืม”
“ท่านปรมาจารย์ได้บอกเอาไว้ว่าการตัดดอกบัวทองคำเป็นเพียงแค่ทางเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีความยากลำบากที่จะต้องพัฒนาพลังอวตารโดยไร้ซึ่งดอกบัวอีก ใครกันจะประสบความสำเร็จในการฝึกยุทธได้อย่างง่ายดายได้ล่ะ” ฝานลี่เทียนรำพึงออกมาดังๆ
“เจ้าจะพูดได้ยังไงว่าไม่มีใครฝึกฝนตัวเองจนสำเร็จได้ในเมื่อเจ้าเองก็ยังไม่แน่ใจเพียงเพราะแค่เจ้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบมาก่อน ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีจริง…” เล้งลั่วโกลับ
ด้วยคำพูดของเขาได้ทำให้ทุกคนฉุกคิดขึ้นได้
…
ในเวลานั้นเองลู่โจวก็ได้ชักฝ่ามือกลับมาตัวเขาเหลือบมองไปที่ยี่เทียนซิน บัดนี้พลังวิเศษของเขาได้หมดลงแล้ว
ก่อนที่คัมภีร์โลกาจะตื่นขึ้นพลังวิเศษกว่า 1 ใน 3 จากคัมภีร์มนุษย์ก็เพียงพอแล้วที่จะสังหารผู้มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบและเจ็ดกลีบ ในตอนนั้นตัวเขาจะต้องใช้พลังกว่าครึ่งในการจัดการกับผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ..
แต่หลังจากที่ผ่านการฝึกฝนตัวเองมาลู่โจวก็สามารถใช้พลังวิเศษจากคัมภีร์โลกาได้
การจัดการกับหลิวเก้อได้ทำให้ตัวเขาใช้พลังวิเศษจากคัมภีร์มนุษย์ไปจนหมด
หลังจากที่หลอมรวมคัมภีร์มนุษย์และคัมภีร์โลกาเข้าไว้ด้วยกันแหล่งพลังงานที่ลู่โจวมีก็ดูเหมือนจะเติบโตขึ้นมาก ตัวเขายังรู้สึกอีกว่าพลังวิเศษแข็งแกร่งขึ้น
ในตอนนี้อวัยวะภายในของยี่เทียนซินหายเป็นปกติดีแล้วแต่อย่างไรก็ตามลู่โจวก็ไม่สามารถทำอะไรกับผมที่ขาวโพลนของนางได้ ลู่โจวไม่รู้เลยว่านางสูญเสียพลังชีวิตไปมากแค่ไหน โชคยังดีที่การฝึกฝนเคล็ดวิชาคลื่นนภาทำให้นางดูอ่อนเยาว์
“พลังวิเศษไม่สามารถที่จะฟื้นฟูพลังชีวิตที่เสียไปได้สินะ”
อายุขัย…มันเป็นเหมือนกับของต้องห้ามที่ถูกสวรรค์กำหนดเอาไว้แล้วแม้แต่พลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์เองก็ยังไม่อาจฝ่าฝืนข้อห้ามนี้ได้
ไม่นานนักยี่เทียนซินก็ลืมตาตื่นขึ้นก่อนจะไอออกมานางรู้สึกสับสน ยี่เทียนซินรู้สึกราวกับฝันมานาน นางที่เริ่มมองเห็นทุกอย่างได้พูดขึ้น “ท่านอาจารย์”
“เจ้าตื่นก็ดีแล้ว”ลู่โจวไม่พอใจกับพลังในการรักษาของเขาเท่าไหร่ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็พอใจที่รักษาชีวิตของนางเอาไว้ได้
ยี่เทียนซินดูกลัวในขณะที่นางพยายามลุกออกจากเตียง
ลู่โจวได้โบกมือของตัวเองก่อนที่จะผลักยี่เทียนซินให้ลงไปนอนใหม่ด้วยพลังที่อ่อนโยน“ถึงเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ แต่เจ้าก็ยังบาดเจ็บอยู่ดี”
ยี่เทียนซินรู้ดีว่าอาจารย์ของนางได้ช่วยชีวิตนางไว้นางก้มศีรษะลงก่อนที่จะพูดออกมาอย่างตื้นตัน “ขอบคุณ ท่านอาจารย์”
เมื่อลู่โจวเห็นนางในสภาพนั้นตัวเขาก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากผ่านไปพักหนึ่งตัวเขาก็ได้พูดออกมาอีกครั้ง “เจ้าถูกพลังผนึกอักษรมังกรทองของชู่เฉิงเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บสาหัส คงจะยากถ้าหากเจ้าต้องการจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม…” ลู่โจวที่พูดอยู่กำลังจะเดินจากไป
ยี่เทียนซินที่ได้ฟังแบบนั้นได้พูดออกมา“ข้าโชคดีมากแล้วที่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าไม่กล้าขออะไรมากมายไปกว่านี้แล้ว”
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนจะพยักหน้า“ในเมื่อข้าขับไล่เจ้าออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไป เหตุใดเจ้าถึงอยากที่จะกลับมา”
“ข้าทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตข้าเพียงต้องการที่จะชดใช้บาปก็เท่านั้น”
“เจ้าตายไปแล้วครั้งหนึ่งและข้าก็ได้ลงโทษเจ้าแล้ว สายสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ของพวกเราก็ถูกตัดขาด เหตุใดกันเจ้าถึงต้องยอมสละชีวิตด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นยี่เทียนซินก็ได้เงยหน้าขึ้น“สิ่งที่ข้าทำทั้งหมดก็เพื่อชดใช้บาป ข้าไม่ได้คิดเหตุผลอะไรมากมาย”
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้งเจ้าต้องการที่จะกลับมายังศาลาปีศาจลอยฟ้าจริงๆ อย่างงั้นเหรอ”
“ค่ะ!”ยี่เทียนซินตอบกลับมาอย่างไม่ลังเล
“ข้าทั้งอารมณ์ร้อนแถมยังขี้โมโหอีกทั้งข้ายังชอบลงโทษผู้อื่น แต่ถึงแบบนั้นเจ้าก็ยังต้องการที่จะกลับมาอย่างงั้นเหรอ”
“ค่ะ!”
“ศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นเหมือนกับสำนักอธรรมมีผู้คนมากมายต้องการที่จะให้ข้าตาย ถ้าหากเจ้ากลับมาที่นี่ เจ้าก็ต้องต่อสู้กับโลกทั้งใบอีกครั้ง”
“ข้ายินดีที่จะสละชีวิตของข้าข้ายินดีที่จะสู้กับทุกคน!” ยี่เทียนซินตอบอย่างเด็ดเดี่ยว
“ดีมาก”ลู่โจวหันกลับมามองยี่เทียนซิน “ถ้าหากเป็นแบบนั้นเจ้าก็จงกลายเป็นศิษย์คนที่หกของศาลาปีศาจลอยฟ้า เจ้ายินดีที่จะยอมรับไหม”
ยี่เทียนซินมีความสุขมากนางโค้งคำนับอย่างตื้นตัน “ข้ายินดีค่ะ!”
ยี่เทียนซินกำลังจะคารวะให้กับลู่โจวแต่ตัวเขาก็ได้โบกมือห้ามซะก่อน “ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้น ในเมื่อเจ้าที่ยังเป็นเด็กได้ทำไปแล้ว”
“ขอบคุณท่านอาจารย์”ยี่เทียนซินรู้สึกซาบซึ้งใจมากจนแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
ลู่โจวได้อ่านข้อมูลจากในระบบ
ชื่อ:ยี่เทียนซิน
เผ่าพันธุ์:มนุษย์เผือก
วรยุทธ:มหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์
ความจงรักภักดี85%
มันเป็นค่าความจงรักภักดีที่สูงมากเลยทีเดียว
เรื่องทุกอย่างอยู่เหนือความคาดหมายของลู่โจวค่าความจงรักภักดีของยี่เทียนซินที่เพิ่งจะกลับมาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้ามีสูงพอๆ กับหยวนเอ๋อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อและหอยสังข์ก็เดินมา“ยินดีด้วยศิษย์พี่หก!”