My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 550 เยียวยา
กู่ยี่หรานไม่มีที่ให้หนีหรือที่ให้หลบซ่อนอีกต่อไปตัวเขาในตอนนี้กำลังยืนอยู่ที่ปลายทาง กู่ยี่หรานสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะยกมือขวาขึ้น ไม่นานนักตัวเขาก็สงบใจก่อนที่จะแสดงสีหน้าอันดุร้ายออกมา การเปลี่ยนทัศนคติทำให้กู่ยี่หรานไม่สนใจความเป็นความตายอีกต่อไป
“ข้าไม่เคยใช้วิชานี้มาก่อน…แต่เพราะเจ้าสำนักยู่ทำให้ข้าจนมุมข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่น…ข้าหวังว่านี่จะทำให้เจ้าพอใจได้” กู่ยี่หรานได้พูดก่อนที่จะยกมือซ้ายขึ้นมา มือซ้ายของเขาได้กระแทกไปที่จุดพลังลมปราณอย่างรุนแรง
พรึ๊บ!
จุดพลังลมปราณของกู่ยี่หรานถูกเผาผลาญพลังงานแผ่สวรรค์ได้แผ่ขยายออกจากร่างกายของเขาราวกับเปลวไฟที่กำลังลุกโชน ดวงตาของเขาแดงก่ำ เส้นเอ็นและกระดูกของกู่ยี่หรานดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
สีหน้าอันตื่นตกใจปรากฏขึ้นบนหน้าของหวางซื่อเจีย“เจ้าสำนักยู่ เจ้าควรจะหลบเลี่ยงจะดีกว่านะ”
ยู่เฉิงไห่ไม่ได้สนใจคำแนะนำของหวางซื่อเจียตัวเขายังคงสงบนิ่ง ตลอดชีวิตของยู่เฉิงไห่ ตัวเขาได้พบปะกับยอดฝีมือมาแล้วมากมายหลายคน ผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นชาวลัทธิขงจื๊อ ชาวพุทธ และชาวลัทธิเต๋า แต่ละแห่งต่างก็มีความพิเศษเป็นของตัวเอง ในอดีตตัวเขาได้พบกับยอดฝีมืออย่างกู่ยี่หรานมาแล้วมากมายหลายคน ด้วยเหตุนี้เองทำให้ยู่เฉิงไห่ไม่ได้ตื่นตกใจอะไร
พลังแผ่สวรรค์ได้ลุกโชนกว่าเดิมหลายเท่าในตอนนั้นเองกู่ยี่หรานก็เตรียมพร้อมที่จะโจมตี…
พรึ๊บ!
กระบี่นิลโลหิตได้ส่องแสงลึกลับออกมาก่อนที่จะพุ่งตรงไปยังกู่ยี่หรานมันได้ฟันไปที่คอของเขาโดยที่ตัวกู่ยี่หรานไม่แม้แต่จะมีเวลาตอบโต้ได้ทัน
และแล้วการต่อสู้ก็จบลง
ยู่เฉิงไห่ไม่แม้แต่จะเหลือบมองกู่ยี่หรานอีกต่อไปตัวเขาหันกลับมาอย่างเฉยเมยก่อนที่จะเดินไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า
ในตอนนั้นหวางซื่อเจียก็มองกู่ยี่หรานด้วยสายตาอันสับสน‘จบแค่นี้อย่างงั้นเหรอ’
ท้ายที่สุดหัวของกู่ยี่หรานก็เลื่อนออกมาจากคอ
แม้ว่าหวางซื่อเจียจะเป็นเจ้าเกาะเผิงไหลแต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังตกใจกับการสังหารในครั้งนี้ หวางซื่อเจียหันหลังก่อนที่จะตัดสินใจเดินตามยู่เฉิงไห่ไป
ยู่เฉิงไห่เลือกที่จะพูดกับหวางซื่อเจีย“ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจข้านะ เจ้าเกาะหวาง กู่ยี่หรานวงแผนที่จะต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มี ถ้าหากข้ายอมต่อสู้กับเขาอย่างสมน้ำสมเนื้อ เมื่อถึงตอนนั้นก็คงจะจัดการกับกู่ยี่หรานได้ยากแน่ ข้าเองก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากที่จะมาต่อสู้กับกู่ยี่หราน มันคงจะง่ายกว่าถ้าหากจบการต่อสู้ได้เพียงครั้งเดียว ยังไงซะกู่ยี่หรานก็จะต้องตายอยู่ดี”
“การเคลื่อนไหวของเจ้าสำนักยู่ช่างน่าประทับใจจริงๆข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว” หวางซื่อเจียตอบกลับมา
ยู่เฉิงไห่หยุดเดินอย่างกะทันหันตัวเขามองไปที่หวางซื่อเจียก่อนจะถามออกมา “แล้วท่านเป็นยังไงบ้างหลังจากที่พวกเราได้พบกันครั้งล่าสุดน่ะ พี่หวาง”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหวางซื่อเจียได้ช่วยเหลือยู่เฉิงไห่ไว้มากแค่ไหน
หวางซื่อเจียยิ้มก่อนที่จะพูดออกมา“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณพี่จี เพราะเขาได้ยกเกาะเผิงไหลด้วยพลังฝ่ามือไว้ เพราะแบบนั้นเกาะเผิงไหลจึงได้ผ่านวิกฤตมาได้”
“ข้ารู้สึกยินดีที่ได้ยินเช่นนั้น”ยู่เฉิงไห่ตอบกลับมา
“ข้าเองก็ต้องขอบคุณเจ้าสำนักยู่เหมือนกันการจะจัดการกับกู่ยี่หรานได้เป็นเรื่องที่ยุ่งยากเลยทีเดียว” หวางซื่อเจียพูดกลับ
ยู่เฉิงไห่ได้ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา“ในเมื่อพวกเราเป็นพี่น้องกัน ท่านก็เรียกข้าว่าน้องชายก็ได้ เจ้าสำนักยู่มันฟังดูเป็นทางการเกินไป”
หวางซื่อเจียประหลาดใจเล็กน้อยตัวเขาไม่ได้สนใจวิธีการเรียกชื่ออยู่แล้ว อย่างไรก็ตามตัวเขาได้เรียกจีเทียนเด๋าว่าพี่จี ถ้าหากตัวเขาเรียกยู่เฉิงไห่ว่าเป็นน้องชาย นั่นไม่เท่ากับว่าจะทำให้จีเทียนเด๋าเป็นพี่น้องกับยู่เฉิงไห่ด้วยอย่างงั้นเหรอ
ยู่เฉิงไห่รู้ดีว่าหวางซื่อเจียกำลังคิดอะไรอยู่ภายในใจตัวเขาได้ตบไหล่ของหวางซื่อเจียก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่ต้องเป็นห่วงไปพี่หวาง พวกเราจะแยกเรื่องนี้ออกจากอาจารย์ข้า”
“ข้า…ข้าเข้าใจแล้ว…”แม้ว่าคำพูดของหวางซื่อเจียจะเป็นแบบนั้น แต่ตัวเขาก็ไม่ได้รู้สึกสบายใจ
ยู่เฉิงไห่หัวเราะก่อนจะพูดต่อ“ถ้างั้นพวกเราไปกันเถอะ”
“เจ้าเดินทางมาจากมณฑลหยางเลยสินะ”หวางซื่อเจียถาม
“ถูกต้องแล้วข้ามาที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะใช้เวลานานกว่าที่ข้าคิดไว้ แล้วในตอนนี้สถานการณ์ของศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นยังไงบ้าง” ยู่เฉิงไห่ได้ถามออกมาในขณะที่เหลือบมองไปบนฟ้า
หวางซื่อเจียส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ได้ตอบกลับไป “สถานการณ์ยังไม่สู้ดีเท่าไหร่น่ะ ตอนนี้จักรพรรดิหย่งโชวยังมีชีวิต!”
“หืม”
“ดูเหมือนว่าเขาจะเชี่ยวชาญวิธีการอะไรบางอย่างที่จะทำให้ยืดอายุขัยของตัวเองไปได้มันเป็นวิชาลี้ลับ พี่จีเองก็ยังคงเก็บตัวฝึกฝนตัวเองอยู่ พลังวรยุทธของทุกๆ คนที่อยู่ที่นั่นด้วยไม่ลึกล้ำมากพอ ข้ากลัวว่าทุกคนจะต้องถูกสังหาร”..
เมื่อได้ยินเช่นนั้นยู่เฉิงไห่ก็ขมวดคิ้วตัวเขาได้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น “พี่หวาง งั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน” สิ้นสุดเสียงยู่เฉิงไห่ก็ได้จากไปในทันที เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นเขาก็หายวับไปจากสายตาของหวางซื่อเจีย
หวางซื่อเจียตกใจที่ได้เห็นยู่เฉิงไห่จะใช้สุดยอดวิชาเคลื่อนที่ไปอย่างต่อเนื่องเขารีบไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าโดยไม่คำนึงถึงพลังลมปราณที่มี ในตอนนี้หวางซื่อเจียไม่ได้รีบร้อนที่จะไล่ตามไป ตัวเขาเกือบที่จะหมดพลังลมปราณแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อไปถึงตัวเขาก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก “ดูเหมือนว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าจะกลับมารุ่งเรืองเหมือนดั้งเดิมแล้วสินะ…นี่แหละคือสิ่งที่ผู้เป็นศิษย์พี่ใหญ่ควรจะทำ…”
สิ่งที่หวางซื่อเจียได้เห็นทำให้ตัวเขาอดคิดถึงเจียงอาเฉียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ตัวเขาได้แต่ส่ายหัวก่อนจะพูดตัดพ้อ “ข้าคงจะโชคร้ายเองแหละ…”
การเปรียบเทียบก็มีแต่จะทำให้ทุกข์ใจ
…
ที่เกาะเผิงไหล
เจียงอาเฉียนจามอย่างรุนแรงก่อนที่จะลุกขึ้นยืน“ใครมันนินทาถึงข้ากัน”
หลี่จิงยี่ที่เห็นแบบนั้นได้ถามออกมา“ท่านยังฝันกลางวันอยู่อีกหรอไงกัน”
เจียงอาเฉียนหันหน้าไปมอง“หยุดพูดเรื่องนั้นได้แล้วศิษย์น้องหญิง…”
“ศิษย์พี่ใหญ่การต่อสู้ของมณฑลหยางอยู่ใกล้แค่เอื้อม ท่านจะไม่ให้คำแนะนำอะไรข้าเลยอย่างงั้นเหรอ”
นับตั้งแต่ที่หลี่จิงยี่เข้าสู่ราขสำนักและได้รับใช้เหว่ยซูหยานเป็นผู้นำของกองทัพนางก็ได้รับคำแนะนำมาจากเจียงอาเฉียนมาโดยตลอด ในที่สุดเหว่ยซูหยานก็ได้กลายเป็นแม่ทัพสูงสุดด้วยความช่วยเหลือของหลี่จิงยี่ แม้ว่าเหว่ยซูหยานจะตายจากไป แต่ก็ยังมีเหว่ยซูหยานตัวปลอมอยู่ สถานะแม่ทัพไม่ได้ตายไปจากเหว่ยซูหยานตัวจริง ยังไงซะหลี่จิงยี่ก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ผู้อาวุโสจีเคยช่วยพวกเรามากมายหลายครั้งพวกเรามีแต่จะต้องปล่อยให้พวกเขาชนะ ข้าเกรงว่าเหว่ยซูหยานจะเชื่อฟังคำสั่งของราชสำนัก ข้าคิดว่าเจ้าควรจะเก็บตัวไปและปล่อยให้เขาจัดการเรื่องนี้เอง”
“ท่านไม่กังวลถึงเรื่องราชสำนักเลยเหรอ”
ยังไงซะเจียงอาเฉียนก็เป็นถึงองค์ชายสาม
“ไม่”เจียงอาเฉียนเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างไม่แยแส ตัวเขาเอนศีรษะของตัวเองพิงเบาะนั่งอย่างเกียจคร้าน “เมื่ออาจารย์กลับมาก็ช่วยบอกข้าที! ยังไงซะเก้าอี้ของเขาก็เป็นที่นอนที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ”
“…”
…
ณศาลาทางใต้ของศาลาปีศาจลอยฟ้า
“ท่านอาจารย์อาการของศิษย์น้องหกไม่สู้ดีเท่าไหร่ ถ้าหากพวกเราปล่อยไว้แบบนี้ ข้าเกรงว่า…” หมิงซี่หยินได้ตรวจสอบอาการของยี่เทียนซินมาก่อนหน้านี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าตัวเขารู้สึกกังวลมากแค่ไหน
ลู่โจวมองไปที่หมิงซี่หยินก่อนที่จะถามออกมา“หมิงซี่หยิน ไปเก็บกวาดภูเขาซะ ถ้าหากมีใครมาก็รีบมารายงานข้าซะ”
“ครับท่านอาจารย์” หมิงซี่หยินหันหลังให้ก่อนที่จะจากไปในทันที
ซูยู่ชูที่ยืนอยู่ด้วยได้พูดต่อ“พลังผนึกอักษรมังกรทองเป็นพลังอันรุนแรง พวกเราคงจะรักษานางได้ถ้าหากกำจัดพลังผนึกอักษรไปให้หมดก่อน แต่น่าเสียดาย มันสายเกินไปซะแล้ว”
เล้งลั่วที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้นึกถึงเรื่องในอดีต“ท่านปรมาจารย์ ทำไมท่านไม่ใช้วิชาแห่งการรักษาของท่านอีกล่ะ”
ลู่โจวมองไปที่เล้งลั่วก่อนที่จะหันไปหาทุกคน“ถ้าหากไม่มีอะไรแล้วพวกเจ้าก็ออกไปก่อนเถอะ”
“พวกข้าเข้าใจแล้ว”ทุกๆ คนโค้งคำนับให้ก่อนที่จะออกจากศาลาทางใต้ไปด้วยความเคารพ
มีเพียงผู้ฝึกยุทธหญิงไม่กี่คนที่ยังอยู่ที่ด้านหน้าศาลาพวกนางทั้งหมดต่างก็คุกเข่าลงบนพื้น พวกนางกำลังคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนลู่โจวนั่นเอง
ลู่โจวมองไปที่พวกนางก่อนที่จะพูดออกมา“นางเป็นศิษย์ของข้า ข้าจะไม่ปล่อยให้นางตายแน่”
“ค่ะท่านปรมาจารย์” ทุกๆ คนที่ได้ฟังเช่นนั้นก็ได้แยกย้ายไป
ศาลาทางใต้กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
ลู่โจวเดินเข้าไปในห้องตัวเขาที่เดินเข้ามามองเห็นผมอันขาวโพลนและยี่เทียนซินที่กำลังหมดสติอยู่ ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นขมวดคิ้วอย่างหนัก
ลู่โจวได้พลิกฝ่ามือของตัวเองในตอนนั้นการ์ดรักษาฉุกเฉินโฉมใหม่ก็ปรากฏขึ้น ลู่โจวตัดสินใจใช้การ์ดวิเศษในทันที เมื่อการ์ดสลายหายไปก็เกิดแสงห่อหุ้มร่างกายของนางเอาไว้
พลังวิเศษอันแสนลึกลับได้หมุนรอบตัวของยี่เทียนซินพลังวิเศษได้หล่อเลี้ยงเส้นพลังลมปราณทั้งแปดของนาง อาการบาดเจ็บที่ถูกกัดกร่อนมาจากพลังผนึกอักษรมังกรทองทั้งหมดถูกกำจัดจนหมด อาการบาดเจ็บภายในของนางถูกฟื้นฟูด้วยความเร็วอันน่าตกใจ