My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 514
ตอนที่ 514 หยกหลานเทียนและดวงตะวัน
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
แสงที่ส่องสว่างออกมาได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนเอาไว้
สู่โจวหันกลับไปมองเช่นกัน แต่ในตอนนี้ตัวเขาต้องรักษาอาการบาดเจ็บของหยวนเอ๋อซะก่อน“วางหยกนั่นลงก่อน”
“ค่ะ” หอยสังข์ดูเหมือนไม่ต้องการแยกจากหยกชิ้นนี้
เจียงอาเฉียนที่เห็นหยกได้พูดขึ้น “หยกหลานเทียนสามารถใช้สร้างเป็นสร้อยคอได้ มันมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยในการเสริมความแข็งแกร่ง, ปกป้องอวัยวะภายในและเสริมพลังของเส้นพลังลมปราณทั้งแปดได้…มันเหมาะกับสาวน้อยอย่างเจ้าแล้ว เอ่อ…สาวน้อยเจ้าดูอาการไม่สู้ดีเลยนะ”
“เอานางเข้ามาข้างในเร็ว” นายหญิงหวางรีบพูดขึ้น
พวกของลูโจวรีบเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่
แม้ว่าชื่อเสียงและความแข็งแกร่งที่เกาะเพิ่งไหลมีจะเทียบเท่ากับศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่ได้แต่เกาะแต่ละแห่งต่างก็มีตําหนักเป็นของตัวเอง การที่จะมีของหรูหราแบบนั้นได้มันไม่ใช่สิ่งที่สํานักทั่วไปจะทําได้เลย
ภายในตําหนัก
นายหญิงหวางที่เข้ามาถึงรีบสั่งการ “เด็กๆ ”
“นายหญิง”
“ไปเรียกหมอฟางมา” นายหญิงหวางที่สั่งการเสร็จได้หันไปหาลู่โจวแทน “หมอฟางเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการรักษา เขาเป็นหมอที่ฝีมือดีที่สุดแล้วที่เกาะเพิ่งไหลแห่งนี้ ด้วยฝีมือในการรักษาของเขาสาวน้อยจะต้องไม่เป็นไรแน่”
ลูโจวยกมือขึ้น “ไม่จําเป็น
นายหญิงหวางตกตะลึง นางไม่เข้าใจในสิ่งที่ลูโจวพูด
ในตอนนั้นเองสู่โจวก็ชูฝ่ามือขึ้น ที่ฝ่ามือของเขาส่องแสงสีฟ้าจางๆ ออกมา ระหว่างนิ้วมือของลูโจวมีดอกบัวสีฟ้าขนาดเล็กปรากฏขึ้น จู่โจวเลือกที่จะผลักพลังฝ่ามือไปด้านหน้าอย่างนุ่มนวลดอกบัวสีฟ้าที่ถูกผลักตกลงบนร่างของหยวนเอ๋อ
หยวนเอ๋อรู้สึกสบายตัวขึ้นเมื่อดอกบัวสีฟ้าตกลงสู่ร่างกาย ท้ายที่สุดแล้วนางก็ได้หลับตาลง
ธิดาหอยสังข์มองไปที่หยวนเอ๋ออย่างรู้สึกผิด นางได้แต่โทษตัวเองที่ทําให้หยวนเอ๋อต้องได้รับบาดเจ็บ นางเหลือบมองไปที่เสื้อขนเมฆาที่กําลังสวมใส่อยู่ ถ้าหากหยวนเอ๋อไม่มอบชุดตัวนี้ให้กับนางหยวนเอ๋อก็อาจจะไม่ได้รับบาดเจ็บก็เป็นได้
ดอกบัวสีฟ้าเริ่มขยายใหญ่ก่อนที่จะผลิบาน ในตอนนั้นเองพลังชีวิตอันมหาศาลก็ได้พุ่งออกจากดอกบัว
“นี่มัน…” นายหญิงหวางตกตะลึง นางไม่เคยเห็นวิชาแห่งการรักษาแบบนี้มาก่อน
เจียงอาเฉียนกางแขนก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันคืออะไร…แต่นี่มันจะ ต้องเป็นพลังที่มหัศจรรย์มากแน่ แม้แต่มนุษย์ยังถูกหลัวยูไล่สังหารได้ ในตอนนี้จะมีอะไรที่ทําให้น่าตกใจได้อีก?”
นายหญิงหวางพยักหน้า เมื่อปรมาจารย์เพิ่งไหลได้รับคัมภีร์สวรรค์เพิ่งไหลมา ตัวเขาก็ได้ศึกษาคัมภีร์นั้น จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครเข้าใจมันได้ เป็นธรรมดาที่ในโลกนี้ยังมีวิชาลึกลับและวิชาใหม่ๆซ่อนอยู่ ฝีมือของลูโจวในการยกเกาะลอยฟ้าเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครทํามาก่อน
หลังจากที่ดอกบัวสีฟ้าจางหายไป หยวนเอ๋อก็ลืมตาตื่นขึ้น
“เจ้ารู้สึกอย่างไร?”
หยวนเอ๋อขยับแขนไปรอบๆ ก่อนจะตอบกลับมา “ข้าไม่เจ็บแล้ว
สู่โจวลูบเคราของตัวเองพร้อมพยักหน้า “เจ้าจะต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกายเป็นเวลา 3 วันกว่าที่ร่างกายเจ้าจะหายเป็นปกติ
ธิดาหอยสังข์ได้พูดอย่างสํานึกผิด “นี่เป็นความผิดของข้าเองที่ถ่วงพี่หยวนเอ๋อเอาไว้”
คําพูดของธิดาหอยสังข์ได้ดึงดูดความสนใจของทุกคน
เจียงอาเฉียนที่เห็นนางเริ่มสงสัย “ผู้อาวุโสจี นางเป็นศิษย์คนใหม่ของท่านอย่างงั้นเหรอ?”
สู่โจวส่ายหัว
“พรสวรรค์ที่นางมียอดเยี่ยมมาก นางไม่ได้ด้อยไปกว่าศิษย์ทั้งเก้าของท่านเลย ท่านช่างมีสายตาที่เฉียบคมจริงๆ ”
“นางมีพลังวรยุทธขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ได้ในทันที”
“หะ?” ปากของเจียงอาเฉียนอ้าค้าง ตัวเขาเคยเห็นสาวน้อยคนนี้ควบคุมหลัวยูมาก่อน เพียงเพราะความสามารถในการควบคุมสัตว์ร้ายเพียงอย่างเดียว ทุกสํานักบนยุทธภพจะต้องยอมต่ อสู้กันเพื่อแย่งตัวนางแน่ และหนําซ้ํานางยังสามารถไปถึงขั้นสังหรณ์หยั่งรู้โดยที่ไม่ผ่านการฝึกร่า งกายอีก เป็นธรรมดาที่เจียงอาเฉียนจะอ้าปากค้าง
“เจียงอาเฉียน”
“ข้าอยู่ที่นี่แล้ว”
“สถานการณ์ภายในพระราชวังเป็นไง?”
เจียงอาเฉียนส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “ผู้อาวุโสจี การแยกดอกบัวทองคํานั้นแพร่หลายเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างก็ใช้เวลาทุกนาทีไปกับการฝึกตนเพื่อที่จะนําหน้าทุกคนศิษย์คนแรกของ ท่านก็ยังคงพยายามพิชิตมณฑลต่างๆ ศิษย์คนที่เจ็ดของท่านก็หูตากว้างไกลศิษย์ของท่านรู้ทุ กเรื่องแม้แต่ข้าที่เข้าห้องน้ําเขาก็ยังรู้ เอ่อ…ข้าหมายความว่าศิษย์ของท่านยอดเยี่ยมมาก”
“แล้วตอนนี้หลิวคู่กําลังทําอะไร?”
“เอ่อ….องค์จักรพรรดิ” เจียงอาเฉียนลังเลอยู่ชั่วขณะ ยังไงซะตัวเขาก็เคยเป็นองค์ชายสามแห่งราชวังมาก่อน ในตอนที่ตําหนักจิงเหอถูกเผาไปเมื่อหลายปีก่อน เจียงอาเฉียนก็ได้ออกจากพระราชวังมาก่อนที่จะกลายเป็นผู้คลั่งไคล้ดาบไป แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามหลิวคู่ก็ยังคงเป็นพ่อของเขาอยู่ดี นี่เป็นเหตุผลที่เจียงอาเฉียนไม่ได้ติดต่อศาลาปีศาจลอยฟ้าเมื่อไม่นานมานี้ตัวเขาคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าองค์จักรพรรดิจะต้องปะทะกับศาลาปีศาจลอยฟ้าเข้าสักวันสถานการณ์ของทั้งสองฝายเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่ยู่เฉิงไห้ได้ทําลงไปได้ผลักดันให้เหล่าราชวงศ์ต้องลุกขึ้นสู้ แต่สิ่งที่ทําให้เหล่าราชวงศ์พลาดก็คือการเข้าไปยุ่งกับชาวศาลาปีศาจลอยฟ้ามากเกินไป แม้แต่สถานศึกษาไท่ซูและสํานักเฮ้งชูที่เพิ่งจะยุ่งเกี่ยวกับจู่โจวเมื่อไม่นานมานี้ก็ยังใกล้ชิดกับทางราชวงศ์เช่นกัน
“เขาเป็นพ่อของเจ้าอย่างงั้นสินะ?” ลูโจวพูดออกมาอย่างรู้ทัน
เจียงอาเฉียนยังคงนิ่งเงียบ
สู่โจวพูดต่อ “เจ้าถือเป็นแหล่งข่าวของข้ามาอย่างเนิ่นนานแล้ว แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ติดค้างอะไรข้าแต่เจ้าก็พยายามทํางานอย่างหนัก แต่ถ้าหากเจ้าบอกข้า…”
“” เจียงอาเฉียนเบิกตากว้าง จิตใจของเจียงอาเฉียนเริ่มเกิดความสับสน ถ้าหากตัวเขาบอกสิ่งที่ลูโจวต้องการ ตัวเขาจะถูกปล่อยไปอย่างงั้นเหรอ? ในตอนนั้นเองเจียงอาเฉียนก็นี้ไปถึงวันวานที่ยังอยู่ในพระราชวัง ภาพในตําหนักจิงเหอได้ปรากฏขึ้นในใจของตัวเขา ในตอนนั้นมีอาจารย์ที่แสนจะน่ากลัวและน่าเคารพอยู่ อาจารย์คนนั้นได้สอนวิชาการฝึกยุทธให้กับเจียงอาเฉียน และคนคนนั้นก็ยังเป็นมารดาผู้ให้กําเนิดเขา…ใบหน้าของคนคนนั้นเจียงอาเฉียนได้ลืมเลือนไปนานแล้ว….ในตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูใกล้เข้ามา แต่ถึงแบบนั้นเจียงอาเฉียนก็ไม่อาจย้อนกลับได้
หลังจากที่ใช้เวลาไปพักหนึ่ง รอยยิ้มที่เจียงอาเฉียนมีก็เปลี่ยนกลายเป็นสีหน้าที่เคร่งขรึมแทนมันหาได้ยากมากที่เจียงอาเฉียนจะจริงจังขึ้นมาแบบนี้ ตัวเขาได้โค้งคํานับก่อนที่จะพูดกับลูโจว “ชะตากรรมของแต่ละคนล้วนถูกลิขิตแล้ว…ข้าเองก็ได้ทําสุดความสามารถแล้วด้วย”
สู่โจวพยักหน้า ตัวเขาเดินไปหาเจียงอาเฉียนในขณะที่เอามือไขว้หลัง “เจ้าฉลาดจริงๆ ”
เจียงอาเฉียนยังคงนิ่งสงบ
“ไม่ว่าเจ้าจะขอความเมตตาหรือไม่ ข้าก็จะไม่เปลี่ยนใจ”
เจียงอาเฉียนพูดไม่ออก “แล้วสิ่งที่ข้าเคยทํามาทั้งหมดมันไม่มีความหมายเลยอย่างงั้นเหรอ?”เจียงอาเฉียนตกใจ เห็นได้ชัดว่าการที่ผู้อาวุโสคนนี้ถามคําถามขึ้นมา เป็นเพราะว่าตัวเขาไม่อยากให้เจียงอาเฉียนไปขวางทางนั่นเอง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วเจียงอาเฉียนก็หนาวไปถึงกระดูก
“แต่ถ้าหากดูความสัมพันธ์พิเศษของเจ้าและหลิวกุ่ย ข้าจะเห็นแก่มันและไม่ให้เจ้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพระราชวังอีก”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเจียงอาเฉียนก็ได้คารวะ “ขอบคุณที่เมตตาผู้อาวุโส”
ถ้าหากเจียงอาเฉียนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพระราชวัง ตัวเขาคงจะต้องถูกมอบหมายให้ทํางานอื่นอย่างแน่นอน…ทันใดนั้นเองเจียงอาเฉียนก็จดจําอะไรบางอย่างได้ “ผู้อาวุโสจี.แม่นางแซ่หลัวที่ท่านบอกให้ข้าตามหา พวกเราไม่มีทางที่จะหาตัวนางเจอได้”
“ในตอนนี้ยังไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับนางมากนัก และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทําให้ข้าเดินทางมาที่
“แม่นางแซ่หลัว?” นายหญิงหวางที่ได้ฟังแบบนั้นถามออกมาอย่างสับสน
เจียงอาเฉียนพูดต่อ “แม่นางแซ่หลัวเป็นผู้ที่เคยช่วยหยุนเทียนถั่วให้กลายเป็นเจ้าสํานักในเมื่อ300 ปีก่อน นางมีพรสวรรค์ในการใช้ท่วงทํานองเช่นกัน ข้าไม่ได้พบเบาะแสอะไรเกี่ยวกับนางจนถึงตอนนี้ การจะตามหานางก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร!”
“แม่นางที่มีความสามารถแบบนั้นจะไม่เป็นที่รู้จักได้ยังไงกัน?” นายหญิงหวางรู้สึกสับสนมาก กว่าเดิม
“ท่านพูดถูกแล้วนายหญิง นางเป็นคนที่ไม่ได้โด่งดังอะไร…ไม่ว่าจะหายังไงข้าก็ไม่พบเบาะแสนางเลย ข้าไม่คิดว่าสีรู่หยาเองจะหาเบาะแสได้เช่นกัน” เจียงอาเฉียนแสดงความคิดเห็น
ในตอนนั้นเองธิดาหอยสังข์ที่ถือหยกหลานเทียนอยู่ก็ได้พูดขึ้น “ร้อน ร้อนร้อน”
หยกหลานเทียนได้ปล่อยควันสีเขียวออกมา
“เร็วเข้า รีบวางหยกหลานเทียนไว้ใต้แสงอาทิตย์เร็ว” เจียงอาเฉียนรีบพูดขึ้น
ธิดาหอยสังข์ตกตะลึงไปชั่วขณะ นางมองไปที่ลูโจวก่อน
สู่โจวพยักหน้าให้ก่อนจะพูดขึ้น “ไปซะ”
ธิดาหอยสังข์ได้ออกจากตําหนักก่อนที่จะวางหยกหลานเทียนไว้ที่ขั้นบันได
ดวงอาทิตย์ได้ฉายแสงไปบนหยกหลานเทียน ควันสีเขียวจากหยกหลานเทียนได้ลอยขึ้นไปบนอากาศ
ภายใต้แสงอาทิตย์หยกหลานเทียนดูเหมือนจะเปล่งประกายเจิดจ้า
สู่โจวได้พูดออกมาด้วยน้ําเสียงที่นุ่มลึก “ยกมือขึ้นมา ควบคุมลมหายใจและตั้งสมาธิให้ดี”
แสงแดดกําลังละลายหยกหลานเทียนอยู่นั่นเอง
“ค่ะ”
ลูโจวได้ใช้มีดพลังงานขนาดเล็กปาดไปที่นิ้วของสาวน้อย
เลือดของธิดาหอยสังข์ 1 หยดถูกลูโจวใช้พลังลมปราณพัดมันไปที่หยกหลานเทียน
เมื่อหยกหลานเทียนสัมผัสกับเลือด ในตอนนั้นเองมันก็ส่งเสียงแตกออกมา
แครึก!
ดูเหมือนหยกหลานเทียนจะถูกใช้งานแล้ว สีที่มันมีกลายเป็นสีเขียวอ่อนที่ดูนุ่มนวลไป
สาวกจากเกาะเผิงไหลที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้แต่อิจฉาสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า