My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 494
ตอนที่ 494 อย่างง่ายดาย!
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
ภายในศาลาทางทิศเหนือและศาลาทางทิศตะวันตก เหล่าผู้ฝึกยุทธหญิงที่กําลังกวาดบันไดอยู่ต่างก็จ้องมองขึ้นไปทางด้านบน พวกนางทั้งหมดมองเห็นดอกบัวสีฟ้าและร่างอวตารทั้งสี่เมื่อเห็นดังนั้นทุกคนก็หยุดสิ่งที่ทําอยู่ในทันที พวกนางต่างก็จ้องมองภาพอันน่าประทับใจที่ได้เห็นด้วยความตกตะลึง
อวตารทั้งสี่กําลังค้ํายันดอกบัวสีฟ้าเอาไว้ มันกําลังค้ํายันดอกบัวจากสี่ทิศทาง
ฝานซงและโจวจี้เพิ่งเหลือบมองไปที่ร่างอวตารทั้งสี่เช่นกัน
คลื่นพลังอันมหาศาลได้ไหลไปทั่วทั้งฟากฟ้า
“นั่นมันอะไรกัน?”
“พลังลมปราณช่างเข้มข้นอะไรเช่นนี้”
ทั้งคู่ฝึกฝนตัวเองติดอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์มาเป็นเวลานาน พลังลมปราณอันมหาศาลที่ถาโถมมาจากท้องฟ้าทําให้พลังชีวิตและพลังลมปราณที่มีอยู่ในจุดตันเถียนปั่นป่วน ทั้งคู่มองหน้ากันและกันก่อนที่จะนั่งลงไปกับพื้น ทั้งสองคนไม่สนใจอีกต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็จะไม่สามารถช่วยอะไรได้อยู่ดี ทั้งคู่ควรจะใช้โอกาสนี้เพื่อช่วยให้ตัวเองฝึกฝนจนก้าวหน้า
“พวกเราจะไม่สร้างดอกบัวทองคําจริงๆ ใช่ไหม?”
“ใช่”
ทั้งสองคนได้ตกลงวิธีการที่จะฝึกฝนตัวเองเป็นที่เรียบร้อย
ในขณะเดียวกัน
ลูโจวได้เทพลังวิเศษของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ทั้งหมดออกมา มันเป็นพลังวิเศษมากที่สุดที่อู่โจวเคยใช้ก็ว่าได้ ตัวเขาได้ใช้พลังทั้งหมดไปกับพลังแห่งการคงอยู่อย่างไร้ตัวตน มันต่างจากเหตุการณ์ที่ผ่านๆ มา ลูโจวมักจะใช้พลังวิเศษไปกับการเข่นฆ่าคน แต่ในตอนนี้ตัวเขากําลังใช้พลังที่มีไปกับการเยียวยารักษา
พลังที่สามารถไปทุกหนทุกแห่ง พลังที่มีผลประโยชน์มากมายคณานับ
เมื่อเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ถูกท่อง พลังทั้งหมดก็ไหลเข้าสู่ดอกบัวสีฟ้า
หมิงหยินตกตะลึงจนเป็นใบ้ อาจารย์ของเขาเสียสติไปแล้วอย่างงั้นเหรอ? ทําไมอาจารย์ถึงได้ยอมเสียพลังมากมายไปกับสาวน้อยที่เพิ่งจะรู้จัก? ในเวลานี้หมิงหยินมองเห็นพลังอวตารทั้งสี่ที่กําลังล้อมรอบดอกบัวสีฟ้าเอาไว้
“นี่มันพลังอวตารร้อยวิถีของผู้อาวุโสทั้งสี่เ” หยวนเอ๋อรีบวิ่งออกไปก่อนที่จะจ้องมองแสงสีทองที่ตกลงมาจากฟ้า
พลังลมปราณและพลังอักษรสวรรค์ได้ส่งเสริมซึ่งกันและกัน พลังแสงสีทองและสีฟ้าได้หลอมรวมกันก่อนที่จะลงสู่หุบเขา พลังทั้งหมดเข้มข้นราวกับคลื่นมหาสมุทรที่กําลังขยายตัว
นกและสัตว์ร้ายต่างก็ร้องออกมาด้วยความยินดี พวกมันกระโจนไปไปมาท่ามกลางต้นไม้อย่างมีพลัง
ที่เชิงเขา แม้แต่ต้นไม้ที่เคยเหี่ยวเฉาก็ยังได้รับการฟื้นฟู
ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาทั้งหมดเกิดมาจากพลังเวทมนตร์คาถาที่ไปมาเคยใช้โจมตีภูเขาทองนั่นเอง
ทุกอย่างกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ภายในศาลาทางใต้
เจ้าหญิงหย่งหนิงเดินออกมาจากห้องของตน ในตอนนี้นางรู้สึกอึดอัดอยู่ภายในร่างกายแต่ เมื่อนางได้เห็นภาพตรงหน้า นางก็ได้แต่ประทับใจ นางเบิกตากว้างก่อนที่จะพึมพําออกมา “ช่างสวยงามอะไรเช่นนี้ ”
นางเคยได้ยินสีรู่หยาพูดถึงศาลาปีศาจลอยฟ้ามาโดยตลอด ศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะกล้าล่วงเกินได้ นอกจากนี้สีรู่หยายังพูดถึงมุมที่ชั่วร้ายและสิ่งสกปรกที่ชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าเคยทํามา อย่างไรก็ตามนางก็ไม่คิดที่จะเชื่อคําพูดของผู้อื่นโดยที่ไม่เห็นกับตาตัวเองเมื่อนางได้ เห็นภาพตรงหน้า หย่งหนิงก็ไม่คิดจะเชื่อข่าวลืออีก ถ้าหากทําได้ หย่งหนิงอยากที่จะทิ้งสถานะการเป็นเจ้าหญิงและใช้ชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้ไปตลอด
ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ใกล้ภูเขาทองต่างก็หยุดดูภาพอันน่าประทับใจ
ชาวเมืองถังซีต่างก็วางอุปกรณ์ทํามาหากินลง พวกเขาต่างก็มองไปยังทิศที่มีแสงสว่างจ้ากําลังสาดส่องมาจากระยะไกล แม้ว่าทุกคนจะมองเห็นได้ไม่ชัดก็ตาม แต่พลังแสงสีฟ้าและแสงสีทองที่กําลังมองเห็นเป็นเหมือนกับพลังแง่บวก มันเป็นพลังที่ทําให้ทุกคนรู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด
ภายใต้การสนับสนุนของพลังอวตารทั้งสี่ ดอกบัวสีฟ้าขนาดใหญ่ได้ครอบคลุมศาลาปีศาจลอย ฟ้าทั้งหมดไว้ได้
ศาลาทั้งสี่ทิศเต็มไปด้วยพลังดอกบัวสีฟ้า
“ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว” ฮั่ววูเด้เป็นคนแรกที่เริ่มพูด
“อีกนิดเดียวเท่านั้น!” เล้งถั่วพูดให้กําลังใจ
“ท่านปรมาจารย์กําลังช่วยใครอยู่กัน? เขาต้องใช้พลังมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ไม่ว่าเขาจะต้องการช่วยใคร..แต่พวกเราจะต้องช่วยเหลือท่านปรมาจารย์!”
ทั้งสี่คนเหลือบมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า ใบหน้าของพวกเขาไร้ซึ่งความลังเล ใบหน้าของกคนเต็มไปด้วยเหงื่อแห่งความพยายาม การจะรักษาพลังอวตารร้อยวิถีให้อยู่เป็นเวลานานไม่ใช่ เรื่องง่ายการที่พวกเขาทั้งสี่สามารถรักษาร่างอวตารจนถึงตอนนี้ได้มันก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากแล้ว
ครู่ต่อมาผู้อาวุโสทั้งหลายก็เริ่มโซเซ
“ข้าอยากจะเสนอความเห็น พวกเราควรจะหยุดใช้พลังอวตารไปในพร้อมๆ กัน” เล้งลั่วได้กล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงที่ลึกล้ํา ถ้าหากเหล่าผู้อาวุโสยังคงใช้พลังอวตารต่อไป จะเป็นพวกเขาซะเองที่เป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บ
“เอาล่ะ”
อวตารของเล้งถั่วเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
ลูโจวสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวบนท้องฟ้า ตัวเขารีบวัดพลังวิเศษที่เหลืออยู่อีกครั้ง เพียงแค่ ช่วงเวลาไม่กี่อึดใจต่อจากนี้พลังวิเศษที่มีก็จะหมดลง ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับช่วงเวลาสุดท้ายนี้แล้ว
จู่โจวสามารถนั่งสมาธิเพื่อเติมเต็มพลังวิเศษได้ แต่ถ้าหากทําเช่นนั้นเด็กสาวคนนี้ก็จะต้องตายเมื่อถึงตอนนั้นความลับทุกอย่างก็จะตายไปพร้อมนาง
ซูวว!
พลังของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ถูกใช้ในระดับสูงสุด
พลังอวตารได้ถอยไปอย่างพร้อมเพรียงกัน ในขณะที่พวกมันกําลังถอยไป ในตอนนั้นเองก็มีกลีบดอกบัวปรากฏขึ้น
“การผลิกลีบดอกบัวอย่างพร้อมเพรียงกัน!”
“ไม่มีทาง! พลังอวตารทั้งหมดผลิกลีบพร้อมกัน!”
พลังอวตารทั้งสี่ได้ผลิกลีบดอกบัวกลีบแรกอย่างพร้อมเพรียงกัน
ในตอนนี้ผู้อาวุโสทั้งสี่เป็นผู้มีพลังขั้นมหาภัยพิบัติอวตารดอกบัวกลีบเดียว
สิ่งนี้เองทําให้ภาพที่ได้เห็นดูน่าเกรงขามไปน่ากว่าเดิม!
การผลิกลีบดอกบัวกลีบใหม่มันหมายความว่าพวกเขาได้เติบโตขึ้นมาอีกครั้งแล้ว
พลังอวตารทั้งสี่ที่เดิมมีขนาด 10 ฟุต บัดนี้ทั้งหมดได้มีความสูงเพิ่มจนเป็น 20 ฟุตแล้ว
เป็นธรรมดาที่ผู้อาวุโสทั้งสี่จะรู้สึกมีความสุข!
“พวกเรามาลองกันต่อเถอะ!” ฮั่ววูเพูดขึ้น
เป็นเพราะความแข็งแกร่งของร่างอวตารที่เพิ่มขึ้น นั่นก็หมายความว่าพวกเขาสามารถคงพลังไว้ได้ต่อ
ซูยู่ชูได้ตอบกลับมา “ไม่จําเป็นจะต้องทําแบบนั้นหรอก” นางเป็นคนแรกที่เรียกพลังอวตารกลับมา“ท่านปรมาจารย์นะหยุดแล้ว”
ทุกๆ คนต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ถ้าหากปรมาจารย์เป็นผู้หยุดใช้พลัง ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป
ในเวลาเดียวกันพลังอวตารของทั้งสามคนก็จางหายไป ดอกบัวสีฟ้าเป็นพลังสุดท้ายที่กําลังจะจางหายตาม
ผู้อาวุโสทั้งหมดต่างก็เดินโซเซไปที่ด้านหลัง แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าร่างกายที่ใช้พลังไปมากจะไม่เหนื่อยล้า
“มาโคจรพลังกันเถอะ”
ในเวลาเดียวกันทั้งฝานซงและโจวอี้เฟิงเองก็สามารถเลื่อนขั้นได้เช่นกัน แม้ว่าก้าวเข้าสู่ขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้แต่พวกเขาก็ยังเป็นมือใหม่อยู่ดี แม้ว่าพวกเขาจะสร้างพลังอวตารร้อยวิถีเป็นของตัวเอง พลังที่ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากเหล่าผู้อาวุโสมากมายอะไร แต่ถึงแบบนั้นจุดแข็งระหว่างมือใหม่กับผู้มากประสบการณ์ก็ยังทําให้พวกเขาแตกต่างกันราวกับฟ้าและเหวอยู่ดี
ความปั่นป่วนของพลังทั้งหมดถูกบดบังไปด้วยพลังดอกบัวสีฟ้า
ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็แล้วแต่พวกเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจนเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว
ภายในศาลาทางใต้ทุกอย่างเงียบสงบลง
ลูโจวได้ทําทุกอย่างเท่าที่ทําได้ไปแล้ว ตัวเขาลูบเคราในขณะที่มองไปยังธิดาหอยสังข์ลูโจวตรวจสอบชีพจรของนางบนข้อมืออีกครั้ง หลังจากที่ตรวจสอบเป็นเวลาสั้นๆลูโจวก็เริ่มขมวดคิ้ว
หมิงหยินที่ถูกความกลัวเข้าครอบน้ําได้คุกเข่าลงก่อนจะเป็นฝ่ายเริ่มพูด “ข้าทําผิดไปแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะทําร้ายนาง!”
เมื่อหยวนเอ๋อได้เห็นแบบนั้นนางก็ได้ยกมือขึ้น หยวนเอ๋อที่ไม่ทันจะพูดก็ถูกลูโจวห้ามไว้ซะก่อนลูโจวมองดูทั้งสองคนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตําหนิ “เงียบซะ!”
“ครับ/ค่ะ” ทั้งสองคนรีบหยุดพูดในทันที
ลูโจวไม่มีเวลาที่จะเหลือบฟังพวกเขา ในตอนนี้ตัวเขาสัมผัสได้ว่าเส้นพลังลมปราณทั้งแปดที่ดูพิเศษในร่างกายของธิดาหอยสังข์ได้เชื่อมต่อเข้าหากันอย่างสมบูรณ์ จุดตันเถียนของนางที่ไม่เคยใช้งานบัดนี้ถูกเปิดขึ้น!
“เป็นไปได้ไงกัน?” สู่โจวนึกว่าตัวเองกําลังมองเห็นภาพหลอน ตัวเขารีบตรวจสอบร่างกายของสาวน้อยอีกครั้ง ในตอนนี้ลูโจวมั่นใจแล้วว่าธิดาหอยสังข์ได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสังหรณ์หยั่งรู้สาวน้อยมีเส้นพลังลมปราณทั้งห้าที่กําลังเชื่อมเข้าหาจุดตันเถียน
สู่โจวไม่เข้าใจอะไรเลย ผู้ฝึกยุทธทั่วไปจะต้องผ่านการฝึกฝนร่างกายซะก่อน การฝึกฝนร่า งกายจะทําให้กล้ามเนื้อ, กระดูก และเส้นเอ็นของคนคนนั้นแข็งแกร่งขึ้น เมื่อร่างกายแข็งแกร่งมากพอผู้ฝึกยุทธคนนั้นก็จะสามารถฝึกฝนตัวเองจนถึงขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ได้ หลังจากที่เชื่อมต่อเส้นพลังลมปราณทั้งห้าเส้นได้ประสาทสัมผัสของคนคนนั้นก็จะเฉียบคมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ร่างกายของมนุษย์เปรียบได้ดั่งภาชนะ เมื่อร่างกายแข็งแกร่งขึ้นนั่นก็หมายความว่ามันจะทนทานและรองรับพลังลมปราณได้มากขึ้น พลังลมปราณเป็นพลังที่สามารถควบแน่นเป็นพลังงานต่างๆ มันเป็นได้ทั้งพลังในการป้องกันและพลังในการโจมตี จากสิ่งที่ลูโจวรู้ไม่เคยมีใครสามารถข้ามขั้นตอนการฝึกพื้นฐานได้มาก่อน แต่บัดนี้สาวน้อยได้ทําลงไปแล้ว นางได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ไปอย่างง่ายดาย!