My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 41
เสียงที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนได้ยินถึงกับผงะ เหล่าชาวยุทธ์ทั้งหลายที่มารวมตัวกันในหุบเขาทองต่างก็คิดว่าปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนี้ไม่มีพลังมากพอที่จะใช้สื่อสารออกมาผ่านเสียงได้ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ได้เป็นเหมือนกับที่เขาคิด เสียงที่ได้ดังกังวานออกมานั้นมีพลังมากพอที่จะทำให้คนทั่วทั้งหุบเขาได้ยิน
ชาวยุทธ์ทั้งหลายต่างก็จ้องมองไปยังวิซซาร์ดที่บินลอยอยู่เหนือฟ้าด้วยความประหลาดใจ สัตว์ขี่ในตำนานตัวนี้ได้โผล่พ้นผ่านก้อนเมฆมา พาหนะในตำนานตัวนี้เป็นสัตว์ที่หาได้ยากมาก รอบตัวของมันจึงเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอะไรบางอย่างที่ทำให้ดูน่าเกรงขาม ใครกันที่เป็นคนพูดเมื่อกี้?
ภายในศาลาปีศาจลอยฟ้าเอง ด้วนมู่เฉิงที่ถูกพันธนาการอยู่จำเสียงได้ดี เสียงที่ดังขึ้นเมื่อกี้เป็นเสียงของผู้เป็นอาจารย์ของเขา ในตอนนั้นเองด้วนมู่เฉิงก็ได้ส่งเสียงร้องออกมาอย่างมีความหวัง “ยินดีต้อนรับกลับครับท่านอาจารย์! “
เสียงของลู่โจวที่ดังขึ้นรุนแรงดุจดั่งฟ้าผ่า ในตอนนั้นเองชาวยุทธ์ทุกคนที่มาจากฝั่งธรรมะต่างก็ตกใจกลัว ในไม่ช้าทุ่งหญ้าบนภูเขาทองก็เป็นสถานที่รวมตัวของผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดไป
ด้วนมู่เฉิงได้ยืนตรงขึ้นก่อนที่จะรีบเดินออกไปจากศาลาปีศาจลอยฟ้า เมื่อตัวเขาเห็นวิซซาร์ดกำลังบินลงมาจากท้องฟ้า ในตอนนั้นตัวของเขาก็รู้สึกความตื่นเต้นขั้นสุด ลูกศิษย์คนนี้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวของอาจารย์คนนี้มาก
“ไม่ดีแน่! เจ้านั่นคือปรมาจารย์มหาวายร้าย! “
“อย่ากังวลไป! จากการสืบข่าวของพวกเรามา เจ้าปรมาจารย์วายร้ายคนนี้น่ะมาถึงช่วงท้ายของช่วงชีวิตแล้ว เขาน่ะได้แค่เพิ่มยาสูตรลับจากหมอยาปีศาจเท่านั้น! “
“ใช้ม่านพลังเร็วเข้า! รีบเรียกชาวยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ออกมารวมตัวกันเร็วเข้า! “
ในไม่ช้าชาวยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์กว่าสิบคนก็ได้มารวมตัวกันที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า ไม่นานมากนักฟางเจียนฉานและโจวจี้เฟิงก็มาถึงที่รวมตัวเช่นกัน ทุกคนในตอนนี้สัมผัสได้ถึงพลังที่อยู่บนท้องฟ้าได้ พลังที่น่าเกรงขามที่ไหลเวียนอยู่บนศาลาปีศาจลอยฟ้า
ลู่โจวในตอนนี้กำลังอยู่บนหลังของวิซซาร์ด สถานที่ที่ตัวเขาลอยอยู่สามารถมองเห็นภูเขาทองได้ทั่วทั้งลูก ในตอนนี้มันเหมือนกับยี่เทียนซินได้บอกเอาไว้ กลุ่มชาวยุทธ์ทั้งหลายที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรได้มารวมตัวกันที่ภูเขาทองลูกนี้
ริมฝีปากของยี่เทียนซินได้เผยรอยยิ้มให้เห็นออกมา เธออยากที่จะหัวเราะออกมาดังๆ แต่เธอก็ไม่สามารถที่จะทำได้ ในตอนนี้ความเจ็บปวดที่ถูกทำลายจุดตันเถียนทำให้ตัวเธอไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพูดต่อไป เหตุผลที่เธอพยายามลืมตาตื่นขึ้นมาเธอต้องการที่จะมองดูว่าอดีตอาจารย์ของเธอคนนี้จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้ายังไง
ลู่โจวในตอนนี้กำลังคิดว่าจะจัดการกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้ายังไง ตอนนี้ตัวเขามีสองทางเลือกเท่านั้น ทางเลือกแรกก็คือการใช้การ์ดระเบิดจุดสุดยอดใบสุดท้าย การ์ดระเบิดจุดสุดยอดนั้นเป็นเหมือนกับไพ่ตายใบสุดท้ายที่ตัวเขามี และหลังจากที่ตัวเขาได้ใช้มันไป ลู่โจวก็จะไม่มีอะไรไว้ใช้ป้องกันตัวเองอีก ส่วนทางเลือกทางที่สองก็คือการหลบหนีไปจากภูเขาทองไปพร้อมๆ กับวิซซาาร์ดของเขา ท้ายที่สุดถ้าหากเลือกวิธีการนี้ด้วนมูเฉิงและหมิงซี่หยิน ศิษย์วายร้ายทั้งสองตัวของเขาจะต้องตายจากไปอย่างแน่นอน
แล้วฉันจะเลือกหนีหรือเลือกที่จะสู้ดีล่ะ?
ตัวเขาก่อนที่จะมาที่นี่ได้ใช้การ์ดระเบิดจุดสุดยอดไปใบหนึ่งเพื่อที่จะจับกุมยี่เทียนซินเอาไว้ ซึ่งการตัดสินใจทำแบบนั้นไปเป็นเหมือนกับการสูญเสียสำหรับลู่โจว พอจะมีแต้มบุญเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นเหมือนกับคำปลอบใจตอบแทนมาให้หลังจากจบการต่อสู้
ยี่เทียนซินที่เห็นลู่โจวกำลังใช้ความคิดอยู่เธอก็ได้อาศัยจังหวะนั้นพูดออกมาอย่างยากลำบาก “ปล่อย…ตัว…ข้า…ซะ…ท่านน่ะไม่เหลือไพ่ตายอีกต่อไปแล้ว! “
หยวนเอ๋อในตอนนั้นได้จับยี่เทียนซินที่อยู่ในมือให้แน่นขึ้นก่อนจะพูดกลับไป “ฝันไปเถอะ! “
ชาวยุทธ์ที่มาจากสำนักเที่ยงธรรมได้รวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่ากลัวอย่างลู่โจว ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับพลังมหาราชครูได้หลบไปที่หลังของผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
ลู่โจวเหลือบมองไปที่ฝูงชนที่อยู่เบื้องล่าง ตัวเขาได้ใช้ดวงตาแห่งสัจธรรมจ้องมองดูเหล่าชาวยุทธ์ที่อยู่ตรงหน้าของเขา ในตอนนี้ชาวยุทธ์ทั้งหลายต่างก็มีแต่ความเป็นศัตรูให้กับเขา
‘ช้าก่อน นั่นคือโจวจี้เฟิงนิ? ทำไมค่าความจงรักภักดีของเขาถึงมี 15% กันล่ะ ค่าความจงรักภักดีของเขาขึ้นมา 5% หลังจากที่ออกจากสำนักดาบสวรรค์ไปอย่างงั้นไม่ช่หรอ? ‘ ลู่โจวในตอนนี้ไม่เข้าใจถึงสาเหตุ
ฟางเจียนฉานได้เงยหน้าขึ้นก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ข้าก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องเจอศัตรูที่น่ากลัวที่นี่ แต่ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนั้น ในตอนนี้ด้วนมู่เฉิงได้ถูกข้าจับกุมเอาไว้แล้ว และหมิงซี่หยินเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปแล้วด้วยฝีมือของพวกเรา ในตอนนี้เท่ากับว่าภูเขาทองน่ะมันเป็นของพวกเราสำนักเที่ยงธรรมแล้ว! เจ้าน่ะรีบลงมาเพื่อรับความตายซะ! “
“ลงมาซะ! “
“ลงมาเดี๋ยวนี้! “
“ลงมา! “
ในตอนนี้พวกเหล่าชาวยุทธ์จะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ขี่ในตำนานที่อยู่ตรงหน้าซะก่อน สัตว์ขี่ตัวนี้จะถูกจับได้เฉพาะผู้ที่มีวรยุทธ์ระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ฟางเจียนฉานพยายามกดดันให้ลู่โจวนั้นลงมาจากหลังของสัตว์ขี่ตัวนั้น ตราบใดที่ปรมาจารย์มหาวายร้ายเหยียบลงบนพื้น เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาทั้งหมดก็จะมีโอกาสจับกุมตัวของลู่โจวได้
‘นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากซะจริง ฉันก็แค่อยากจะเก็บการ์ดระเบิดจุดสุดยอดเอาไว้ก็แค่นั้น’
ลู่โจวได้แต่ส่ายหัวก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึกอีกครั้ง “ถ้างั้นก็…”
ตู้ม!
ในตอนนั้นเองโจวจี้เฟิงก็ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาได้ใช้ดาบที่มีเสียบแทงไปที่ตัวของฟางเจียนฉานโดยตรง ในตอนนั้นเองทำให้เกิดแสงสว่างจ้าไปทั่วทุกทิศทาง ช่วงเวลาที่ดาบลำแสงได้เสียบตรงไปที่หัวใจของฟางเจียนฉาน ในตอนนั้นเองมันก็ถูกอะไรบางอย่างขวางกั้นเอาไว้ ในเวลาเดียวกันนั้นเองพลังอันรุนแรงก็ทำให้โจวจี้เฟิงกระเด็นหงายหลังกลับไป ในตอนนั้นแขนข้างที่ใช้โจมตีก็ได้ชาไปทั่ว ที่ใบหน้าของเขาเองมีเลือดกระอักออกมา
‘ทำไมฟางเจียนฉานถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้? ‘
“เจ้ากำลังทำอะไรกัน โจวจี้เฟิง! ” ใครบางคนได้ตะโกนออกมาด้วยความตื่นตกใจ
ฟางเจียนฉานตีลังกาถอยกลับไป ในตอนนั้นเองตัวเขาสามารถป้องกันการโจมตีเอาไว้ได้ ตัวเขาในตอนนั้นกำลังใช้สายตาที่เคียดแค้นจ้องมองไปที่โจวจี้เฟิงก่อนจะพูดออกมา “ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้กับข้ากัน? “
โจวจี้เฟิงไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าการลอบสังหารของตัวเขาจะล้มเหลวลงแบบนี้ได้ มันเป็นการลอบสังหารในระยะประชิด
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ยังคงบินอยู่เหนือท้องฟ้า ตัวเขากำลังจ้องมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกประหลาดใจพอๆ กับความรู้สึกที่สนใจ
“ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะสามารถสกัดการโจมตีของข้าได้” โจวจี้เฟิงได้พูดขึ้น
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
ฟางเจียนฉานในตอนนั้นได้หัวเราะออกมา “ไม่มีใครบอกเจ้าเลยอย่างงั้นหรอว่าระหว่างชาวยุทธ์ที่มีอาวุธระดับสรวงสวรรค์กับชาวยุทธ์ที่ไม่มีอาวุธน่ะมันต่างกันมากขนาดไหน? “
“อาวุธระดับสรวงสวรรค์อย่างงั้นหรอ? “
โจวจี้เฟิงรู้สึกมั่นใจมากว่าการโจมตีของเขาจะได้ผล ตัวเขาได้ฝึกฝนการโจมตีรูปแบบนี้มาอย่างเนิ่นนาน แม้ว่าจะเป็นชาวยุทธ์ที่มีระดับวรยุทธ์ถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากตัวเขาอยู่ใกล้มากพอโจวจี้เฟิงก็มั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับเขาคนนั้นได้ แต่ไม่ว่าจะยังไงโจวจี้เฟิงก็ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น เป้าหมายที่เขาได้เล็งเอาไว้มีอาวุธระดับสรวงสวรรค์อยู่
นั่นมันอาวุธอะไรกัน?
“ทำไมเจ้าไม่คิดถึงเหตุผลที่เจ้าสำนักได้ส่งตัวข้าที่มีพลังวรยุทธ์อยู่ที่ระดับศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้นให้มาถึงหุบเขาทองแห่งนี้กันล่ะ? ” ฟางเจียนฉานได้หัวเราะเยาะเย้ยออกมา
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มวิตกกังวลมากขึ้น “ท่านอาจารย์ เจ้าพวกนั้นทำให้ศิษย์โกรธมาก! ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพียงแค่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถทรงพลังได้ถึงขนาดนี้! “
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้ส่ายหัวออกมา ตัวเขาจ้องไปที่ฟางเจียนฉานก่อนจะพูดอีกครั้ง “เกราะหัวใจมังกร…ข้าไม่คิดว่านี่เป็นสมบัติระดับสรวงสวรรค์หรอกนะ”
ฟางเจียนฉานในตอนนั้นถึงกับติดใจ “เจ้ารู้ได้ยังไงกันว่ามันเป็นเกราะหัวใจมังกร? “
ถึงจะได้ฟังแบบนั้นแต่สีหน้าของลู่โจวก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง การโต้เถียงกับเด็กน้อยก็คงจะมีแต่ทำให้สถานะที่ตัวเขามีตกต่ำลงเพียงเท่านั้น
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ตะคอกกลับไป “แล้วมันแปลกตรงไหนกันล่ะ? ในตอนที่เจ้าเป็นเด็กเจ้าก็คงยังจะเล่นกับโคลนอยู่ ในตอนนั้นท่านอาจารย์ของข้าน่ะก็ได้ออกไปผจญภัยไปทั่วโลกแล้ว”
สิ่งที่เธอพูดออกมานั้นเป็นความจริง ในตอนที่จีเทียนเด๋ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ในตอนนั้นเองแม้แต่ฟางเจียนฉานที่เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสก็ยังไม่ได้เกิดมา และเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับปรมาจารย์วายร้ายที่มีอายุเกือบพันปี เขาคนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยในโลกที่กว้างใหญ่
“ข้าจะให้โอกาสไว้ชีวิตเจ้าเอง วางอาวุธที่มีลงซะ และหลังจากนั้นเจ้าน่ะก็ซ่อมแซมม่านพลังของภูเขาทองไป และจงรับใช้ข้าเป็นเวลาอีกสามปีด้วยกัน ถ้าหากเจ้ายอมรับ ข้าก็พอจะทำเป็นไม่เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้”
ลู่โจวนั้นไม่ได้รีบพูดไปหรือพูดช้าเกินไปเลย น้ำเสียงของเขามันช่างแผ่วเบาและฟังดูเงียบสงบ
เมื่อได้ยินแบบนั้นฟางเจียนฉานที่ได้ฟังก็ระเบิดหัวเราะออกมา และหลังจากนั้นเองชาวยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ได้หัวเราะออกมาเช่นกัน ราวกับว่าสิ่งที่พวกเขาได้ยินไม่เมื่อครู่นี้เป็นเพียงเรื่องตลกขบขันภายในยุทธภพเท่านั้น
ในที่สุดปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนั้นก็ได้กลับตัวมากลายเป็นคนดี แทนที่ตัวเขาจะคิดแต่เรื่องฆ่าคนเหมือนกับในตอนอดีต ในตอนนี้ตัวเขากับคิดให้ชีวิตคน และสิ่งที่ทำให้ศัตรูต้องชดใช้ก็คือการซ่อมแซมม่านพลังรวมไปถึงรับใช้ภูเขาทองอีกสามปี? นี่มันช่างเป็นเรื่องอะไรที่น่าขบขันโดยแท้
น่าขบขันสิ้นดี!
“ข้าเองก็จะให้โอกาสเจ้าเหมือนกัน ถ้าหากพวกเจ้าไม่รนหาที่ ข้าก็จะให้พวกเจ้าอยู่ที่นี่ตลอดไปเอง! “
หลังจากนั้นยี่เทียนซินก็ได้ยกเปลือกตาอันหนักอึ้งของเธอขึ้นมา เธอได้เห็นภาพที่น่าตกใจอีกครั้ง ในตอนนี้อดีตท่านอาจารย์ของเธอกำลังเต็มไปด้วยพลัง ศีรษะของเธอได้เอียงมากขึ้นเพื่อที่จะพยายามเฝ้าดู น่าเสียดายที่ยี่เทียนซินมองเห็นกลีบดอกบัวสีทองเพียงเก้ากลีบเท่านั้น เธอที่เห็นภาพนั้นเสร็จได้เป็นลมหมดสติไปในทันที
พลังนี้คือพลังร่างอวตารดอกบัวทั้งเก้าแห่งร้อยวิถี
ในตอนนั้นเองสีของโลกใบนี้ก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ในชั่วพริบตานั้นท้องฟ้าที่อยู่เหนือศาลาปีศาจลอยฟ้าก็ได้ถูกครอบครองโดยพลังร่างอวตารขนาดมหึมา สิ่งนี้เองทำให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายจ้องมองด้วยความตกใจ
ทำไมกระบวนท่าแรกที่ตัวเขาใช้ถึงเป็นสุดยอดท่าไม้ตายขั้นสูงสุดกัน? โดยปกติการต่อสู้ทั่วไปจะต้องใช้การโจมตีทั่วไปก่อนถึงจะใช้สิ่งนี้ถึงจะถูกสิ?
“ท่านอาจารย์น่ะเป็นชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก! ” ใบหน้าของด้วนมู่เฉิงในตอนนี้มีแต่ความชื่นชมยินดี
ในตอนนั้นเองใบหน้าของโจวจี้เฟิงก็เต็มไปด้วยเหงื่อ ตัวเขารีบวางดาบที่มีในมือลงไปก่อนที่จะคุกเข่าลง “ท่านผู้อาวุโสแข็งแกร่งที่สุดในโลกแล้ว! “
ค่าความจงรักภักดีของทั้งสองคนขึ้นมา 5% ในเวลาเดียวกัน
ลู่โจวไม่ได้เลือกตัวเลือกที่จะหลบหนี ในตอนนี้เขาเลือกที่จะบดขยี้ศัตรูทั้งหมดด้วยการ์ดระเบิดพลังจุดสุดยอดแทน ในตอนนั้นเองจุดพลังลมปราณที่อ่อนแอของลู่โจวก็ได้เปี่ยมล้นไปด้วยพลัง ตัวเขาในตอนนี้กลับมามีพลังสูงสุดได้อีกครั้ง