My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 353
ยู่ฉางตงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ หลังจากนั้นตัวเขาก็ก้มศีรษะลงก่อนที่จะจ้องมองเส้นผมของตัวเอง ตัวเขาไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร ยู่ฉางตงเลือกที่จะหลับตาอีกครั้ง
ที่ด้านนอกของถ้ำแห่งเงาสะท้อนเต็มไปด้วยคลื่นพลังอันใหญ่ยักษ์
ในเวลาต่อมาก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอกถ้ำ แม้ว่าน้ำเสียงจะฟังดูแหลมแต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังฟังชัดเจน “ศิษย์พี่รอง”
ยู่ฉางตงได้ยิ้มออกมาจางๆ ก่อนที่จะพูดขึ้น “ว่าไงศิษย์น้องเล็ก” ตัวเขาลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนที่จะหยิบดาบยืนยาวและเดินออกมาจากถ้ำแห่งเงาสะท้อน
หยวนเอ๋อกำลังยืนอยู่ที่ด้านนอกถ้ำภายใต้แสงจันทร์ ใบหน้าของนางดูมีความสุขเป็นอย่างมาก แต่เมื่อนางเห็นยู่ฉางตงสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป นางได้ถามออกมาอย่างเป็นกังวล “ศิษย์พี่รอง ผะ…ผมของท่าน…”
“ข้าไม่เป็นไร” ยู่ฉางตงได้เดินมาหาหยวนเอ๋อ ตัวเขาได้มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ค่ำคืนในวันนี้เต็มไปด้วยแสงดาวและแสงจันทร์ มันส่องแสงสว่างออกมาอย่างอ่อนโยน หลังจากนั้นยู่ฉางตงก็ได้มองไปที่หยวนเอ๋อ “ดูเหมือนเจ้าจะตัวสูงขึ้นมาแล้วนะศิษย์น้องเล็ก”
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นหัวเราะคิกคัก “เป็นเรื่องธรรมดาน่ะศิษย์พี่ที่คนเราจะต้องเติบโต”
“ถูกแล้วล่ะ…ทุกคนล้วนต้องเติบโต” ยู่ฉางตงพูด
“เหล่าผู้อาวุโสทั้งสามกับศิษย์พี่สี่กำลังยุ่งกันอยู่ ข้าที่ไม่มีอะไรทำเลยเลือกที่จะมาเยี่ยมท่านน่ะ” หยวนเอ๋อได้พูดออกมา
ในตอนนี้ฮั๊ววู่เด๋ากำลังลอยไปทั่วฟ้าพร้อมกับพลังอวตารที่ใช้พลังผนึกตราประทับทั้งหก เมื่อตัวเขาสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวบางอย่างในถ้ำแห่งเงาสะท้อนฮั๊ววู่เด๋าก็ตัดสินใจที่จะมองลงมา
ยู่ฉางตงไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง ตัวเขาได้พูดออกมาในขณะที่ยืนอยู่ที่เดิม “คนที่เจ้าตามหาน่ะตายไปแล้ว เขาอยู่ในถ้ำแห่งเงาสะท้อน”
ฮั๊ววู่เด๋าตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะร่อนลงมา ตัวเขาตกใจมากที่เห็นว่าเจียงเหลียงได้ตายไปแล้ว ฮั๊ววู่เด๋ารีบตรวจสอบบาดแผลที่เจียงเหลียงมี มันเป็นบาดแผลที่ถูกฟันเข้าด้วยของมีคมอย่างดาบ เมื่อรู้แบบนั้นฮั๊ววู่เด๋าก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
พลังวรยุทธที่ยู่ฉางตงมียังคงถูกผนึกเอาไว้ ฮั๊ววู่เด๋ารู้อยู่แล้วว่าเจียงเหลียงเป็นหนึ่งในยอดฝีมือ เขาจะต้องเป็นผู้ที่มีพลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์แน่ แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บก็ตามที แต่เจียงเหลียงก็ไม่ใช่คนที่ถูกผู้ที่ไม่มีพลังวรยุทธจัดการไปได้แน่ ยู่ฉางตงจัดการกับเจียงเหลียงได้ยังไงกัน?
ฮั๊ววู่เด๋าได้หันกลับไปมองยู่ฉางตง ยู่ฉางตงในตอนนี้กำลังยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ ผมของเขาครึ่งหนึ่งได้เปลี่ยนกลายเป็นสีขาว แม้ว่าผมจะเปลี่ยนสีไปแต่สีหน้าของยู่ฉางตงก็ยังคงดูสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ฮั๊ววู่เด๋าไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และเพราะแบบนั้นเองตัวเขาจึงไม่คิดที่จะคาดเดา ตัวเขาได้ออกจากถ้ำแห่งเงาสะท้อนก่อนที่จะแจ้งให้กับคนอื่นๆ เคลื่อนย้ายศพไป เมื่อหยวนเอ๋อเห็นศพ นางก็รู้สึกตกใจเช่นกัน “ศิษย์พี่รอง…ท่านฆ่าเขาอย่างงั้นหรอ”
ยู่ฉางตงพยักหน้าตอบรับเบาๆ
เมื่อฮั๊ววู่เด๋ากลับมา ตัวเขาก็ได้พูดขึ้น “ข้ามีอะไรอยากที่จะถามท่าน ท่านศิษย์คนรอง ท่านฆ่าเจียงเหลียงได้ยังไงกัน?”
“ข้าก็แค่แกว่งดาบไปที่เขาก็เท่านั้น” ยู่ฉางตงได้ตอบกลับมาอย่างไม่ไยดี
“…” แม้ว่ามันจะฟังดูไม่ได้อะไรแต่มันก็ยังเป็นคำตอบที่ไม่ผิดอะไรอยู่ดี
“ข้ารู้แจ้งแล้ว” ฮั๊ววู่เด๋าได้คารวะให้ก่อนที่จะจากไป
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นได้ยกนิ้วให้ยู่ฉางตง นางหัวเราะคิกคักก่อนที่จะพูดออกมา “น่าทึ่งมากศิษย์พี่รอง…ศิษย์พี่รองท่านจะน่าทึ่งแค่ไหนกัน?”
คำถามนั้นทำให้ยู่ฉางตงนิ่งเงียบ หลังจากที่คิดไตร่ตรองได้พักหนึ่งตัวเขาก็ได้ตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา “ข้าก็คงจะน่าทึ่งน้อยกว่าท่านอาจารย์อยู่หน่อยหนึ่ง”
“น้อยกว่าหน่อยหนึ่งอย่างงั้นหรอ?”
“ใช่แล้ว บางทีอาจจะน้อยกว่านี้อีกสักหน่อย”
“…แล้วมันน้อยแค่ไหนล่ะ?” หยวนเอ๋อมองไปที่ยู่ฉางตงอย่างสงสัย นางไม่คิดที่จะยอมแพ้ก่อนที่จะได้รับคำตอบ
“นั่นไม่สำคัญหรอก” ยู่ฉางตงเดินออกจากแสงจันทร์ก่อนที่จะเดินไปยังใต้เงาร่มไม้
เมื่อเห็นผู้เป็นศิษย์พี่รองหยวนเอ๋อก็นึกถึงคนๆ หนึ่งขึ้นมา “ศิษย์พี่รอง ผมของศิษย์พี่หกขาวกว่าผมของท่านซะอีก”
ยู่ฉางตงหันกลับมาก่อนที่จะพูดขึ้น “ยี่เทียนซินอย่างงั้นหรอ?”
เมื่อหยวนเอ๋อคิดถึงผู้เป็นศิษย์พี่ นางก็รู้สึกหดหู่ใจขึ้นมา “ศิษย์พี่ยี่เทียนซินช่างน่าสงสาร น่าเสียดายที่นางถูกท่านอาจารย์ขับไล่ไป”
ยู่ฉางตงยิ้มก่อนที่จะพูดขึ้น “ความเมตตาที่เจ้ามีถือว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากจริงๆ ศิษย์น้องเล็ก”
“ขอบคุณศิษย์พี่รองที่ชม” หยวนเอ๋อตอบกลับมา
ยู่ฉางตงสังเกตเห็นว่าชุดที่หยวนเอ๋อใส่มีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง ตัวเขาได้ถามออกมาด้วยความสับสน “ชุดขนเมฆาไม่ดีกับเจ้าอย่างงั้นหรอ?”
“ไม่ใช่แบบนั้น…มันดีต่อข้ามาก แต่ท่านอาจารย์ไม่ให้ข้าใส่ เขาบอกว่ามันจะเป็นตัวขัดขวางไม่ให้ข้าฝึกฝนตัวเองจนพัฒนาไปได้” หยวนเอ๋อตอบกลับมา
“ท่านอาจารย์พูดถูกแล้วล่ะ”
หยวนเอ๋อได้พูดต่ออย่างภาคภูมิใจ “ข้าเพิ่งจะฝึกฝนตัวเองจนพัฒนาไปอีกขั้นได้เมื่อไม่นานมานี้ ศิษย์พี่รองพวกเรามาประลอง…ในตอนนั้นข้าสัมผัสท่านไม่ได้ด้วยซ้ำไป แต่ครั้งนี้ข้ามั่นใจมากว่าข้าสามารถทำได้แน่”
“…” ยู่ฉางตงพูดไม่ออก
ก่อนที่ยู่ฉางตงจะตอบกลับอะไรอวตารที่สูงกว่าสิบฟุตก็ได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของหยวนเอ๋อ มันดูคล่องแคล่วและยังน่ารักเหมือนกับเจ้าของอีกด้วย
ยู่ฉางตงมองอวตารด้วยสีหน้าที่ตกใจเล็กน้อย “ยินดีด้วยศิษย์น้องเล็ก”
‘นางสามารถฝึกฝนตัวเองไปถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้แถมยังใช้พลังอวตารแห่งร้อยวิถีในเวลาอันสั้นได้อีกด้วย นอกจากนี้นางยังสามารถผลิกลีบดอกบัวหนึ่งกลีบได้…บางทีในอนาคตอันใกล้นี้ก็คงจะมีแต่ศิษย์น้องเล็กนี้แหละที่สามารถไปจุดสูงสุดของโลกแห่งการฝึกยุทธได้ อนาคตของนางเป็นสิ่งที่น่ารอคอยจริงๆ!’ ในทางกลับกันยู่ฉางตงได้สูญเสียพลังวรยุทธที่มีทั้งหมดไปแล้วในตอนนี้ ตัวเขาได้แต่ส่ายหัว
ในตอนนั้นเองเสียงที่แฝงไปด้วยพลังและยังดูสงบเยือกเย็นก็ได้ดังขึ้น “หยวนเอ๋อก็แค่ฝึกฝนด้วยตัวของนางเองก็เท่านั้น”
หยวนเอ๋อรีบหันกลับไปมองอย่างเร่งรีบ นางเห็นผู้ที่อาจารย์ของนางกำลังเดินเข้ามาหาภายใต้แสงจันทร์ ลู่โจวในตอนนี้ยังคงเอามือไขว้หลังไว้เหมือนกับทุกครั้ง หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นรีบโค้งคำนับในทันที “ท่านอาจารย์”
ยู่ฉางตงผงะเล็กน้อย ตัวเขาเดินไปที่ด้านหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะโค้งคำนับให้เช่นกัน
ลู่โจวมองไปที่เส้นผมของยู่ฉางตงก่อนที่จะหันไปหาหยวนเอ๋อ “หยวนเอ๋อ ข้ามีเรื่องที่จะพูดกับศิษย์พี่รองของเจ้า”
“ค่ะ” แม้ว่าหยวนเอ๋อจะไม่เต็มใจแต่ถึงแบบนั้นนางก็เข้าใจดี นางยอมทำตามที่ผู้เป็นอาจารย์บอกแต่โดยดี ก่อนที่หยวนเอ๋อจะไปนางได้หันไปหายู่ฉางตงก่อนที่จะโบกมือให้ “ศิษย์พี่รอง ไว้ในอนาคตพวกเรามาประลองกันเถอะ…ในตอนนี้ข้าจะต้องขอตัวก่อน!”
“อืมม” ยู่ฉางตงพยักหน้าให้
หลังจากที่หยวนเอ๋อจากไปลู่โจวก็ได้ยื่นมือออกมาก่อนที่จะพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น “ดาบยืนยาว”
ยู่ฉางตงรู้ดีว่าตัวเขาไม่อาจที่จะขัดขืนได้ ตัวเขาได้แต่ลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะส่งดาบยืนยาวให้กับผู้เป็นอาจารย์ในท้ายที่สุด
ลู่โจวที่สัมผัสกับดาบยืนยาวเริ่มที่จะวัดระดับพลังภายในดาบเล่มนั้น มันดูว่างเปล่าไปแล้วนั่นเอง
ลู่โจวได้โยนดาบกลับไปให้ยู่ฉางตงก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าไม่รู้เศร้าใจบ้างหรอ? เจ้าน่ะสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีก 200 ปี” ลู่โจวแน่ใจว่ายู่ฉางตงได้ใช้พลังของดาบที่เหลืออยู่ในการฆ่าเจียงเหลียงไปเมื่อครู่
ดาบยืนยาวเป็นเหมือนกับชื่อที่มันมี มันสามารถทำให้ผู้ใช้ยืดอายุขัยให้ยืนยาวขึ้นได้และปกป้องผู้ใช้จากความตายได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ยู่ฉางตงตอบกลับมาอย่างเยือกเย็น “ข้าไม่เคยเสียใจที่ได้ใช้ดาบ ไม่ว่าจะเป็นอดีต, ปัจจุบัน หรือแม้แต่อนาคตข้าก็ไม่คิดที่จะเสียใจ”
ลู่โจวเอามือไขว้หลังก่อนที่จะถามออกมา “จนถึงตอนนี้…เจ้ายังคงคิดอยู่ไหมว่าข้าพยายามที่จะฆ่าเจ้า?”
ยู่ฉางตงตกตะลึง แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่ได้พูดอะไรกันมากมายนับตั้งแต่พวกเขาอยู่ที่ป่าเมฆากระจ่าง แต่ในตอนนี้ยู่ฉางตงก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงมาจากผู้เป็นอาจารย์ได้อย่างชัดเจนแล้ว “ไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่”
“อนาคตอย่างงั้นหรอ? เจ้าจะมีชีวิตยืนยาวอยู่สักแค่ไหนกัน? เจ้ากำลังพูดถึงอนาคตอะไรได้อีก?” ลู่โจวโต้กลับ
ยู่ฉางตงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นไม่นานตัวเขาก็ได้พูดออกมา “ท่านเคยบอกเอาไว้ว่าได้เปิดประตูของขั้นที่เก้าขึ้นมาแล้ว”
ลู่โจวเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ตัวเขามองไปยังดวงจันทร์ที่ส่องแสงยามค่ำคืน ลู่โจวได้ถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่ว่าข้าจะเคยทำอะไรมาก็แล้วแต่ เรื่องทั้งหมดมันก็แค่อดีต…”
ยู่ฉางตงไม่รู้ว่าตัวเองจะควรพูดอะไร เมื่อได้ยินแบบนั้นความเกลียดชังที่ตัวเขามีในอดีตก็ได้หวนกลับมา มันได้ย้ำเตือนตัวของยู่ฉางตงว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็เลือกที่จะเงียบไป
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้หันกลับมาอย่างช้าๆ ตัวเขาได้จ้องมองไปที่ยู่ฉางตงก่อนที่จะพูดขึ้น “ไม่ว่ายังไงข้าก็มีเหตุผลว่าทำไมถึงต้องพยายามฆ่าเจ้าในอดีต…แต่ยังไงซะเจ้าก็ยังเป็นศิษย์ของข้า ผมของเจ้าได้เปลี่ยนกลายเป็นสีขาวแล้ว เมื่อเจ้าคิดอะไรได้เจ้าก็มาที่ศาลาทางตะวันออกก็แล้วกัน” ลู่โจวได้เดินจากไปโดยที่ไม่รอฟังคำตอบของยู่ฉางตง ตัวเขาได้เดินจากไปจากถ้ำแห่งเงาสะท้อนในทันที
เมื่อลู่โจวจากไปแสงจันทร์ก็ยังส่องมาที่ยู่ฉางตงต่อไป ยู่ฉางตงในตอนนี้จับดาบยืนยาวไว้แน่นด้วยนิ้วที่สั่นเทา หลังจากที่ยืนนิ่งไปได้พักหนึ่งตัวเขาก็เดินเข้าไปในถ้ำแห่งเงาสะท้อนอีกครั้ง