My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 31
‘เจ้านั้นจะประจบประแจงท่านอาจารย์หรือยังไงกัน? ‘
หยวนเอ๋อในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา แต่เมื่อเธอเห็นท่าทีที่เคร่งขรึมของอาจารย์ของเธอเอง หยวนเอ๋อในตอนนั้นก็เงียบเสียงลงอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับหยวนเอ๋อก็ได้หันมาทางเธอ ชายคนนั้นที่หันมาได้ทำให้หยวนเอ๋อเอามือปิดปากไปในทันที
มู่หลงไห่ในตอนนี้ดูอับอายและสับสนเป็นอย่างมาก ตัวเขาไม่เข้าใจว่าในตอนนี้มีอะไรที่น่าหัวเราะกัน สถานการณ์ในตอนนี้มันดูตรึงเครียดเป็นอย่างมาก
“เจ้าน่ะไม่ต้องไปสนใจหยวนเอ๋อหรอก พูดต่อซะ” ลู่โจวพูดออกมาอย่างใจเย็น
มู่หลงไห่ไม่รู้เลยว่าจะเก็บเสียงสะอื้นของตัวเขายังไงหลังจากที่ถูกหยวนเอ๋อสั่งสอนไป ในตอนนั้นตัวเขาจึงได้ใช้น้ำเสียงที่ปกติพูดต่อไป “สมาคมริมแม่น้ำน่ะมันไม่มีอยู่จริง! สองวันก่อนก่อนที่เจ้าพวกนั้นจะลักพาตัวคนสกุลซีไป ในตอนนั้นเจ้าพวกนั้นได้สำรวจเมืองอันยางด้วยคนกว่าสามสิบคน”
“แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงกัน? “
เนื่องจากสมาคมอันนั้นมันไม่มีอยู่จริง นั่นก็หมายความว่าเจ้าคนพวกนั้นไม่อยากที่จะให้คนอื่นได้ล่วงรู้ความลับในครั้งนี้ แล้วมู่หลงไห่รู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน?
เมื่อได้ยินแบบนั้นมู่หลงไห่ก็หยุดพูดไป ตัวเขาได้แสดงท่าทีที่เขินอายออกมาบนใบหน้าแทน
“บอกข้ามาซะ”
“จริงๆ แล้วมีคนในตระกูลของตัวข้าเข้าร่วมด้วยยังไงล่ะ”
“เจ้าคนไร้ยางอาย! ” หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นพูดออกมาอย่างเดือดดาล
ลู่โจวในตอนนั้นได้ยกมือห้ามหยวนเอ่อเอาไว้ “ดี ถือว่าเจ้าตอบได้ดี! “
“นายท่านได้โปรดเมตตาด้วย ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่เป็นศัตรูของคนสกุลซีอีกต่อไป” มู่หลงไห่ได้พูดออกมาอย่างสำนึกผิดก่อนที่จะโค้งคำนับให้
ลู่โจวค่อยๆ หันไปที่ด้านหลังก่อนที่จะถามเป็นครั้งสุดท้าย “คำถามสุดท้าย…เอาล่ะเจ้าน่ะช่วยแกะรอยพวกที่จับตัวประกันไปได้ไหม? “
สีหน้าของมู่หลงไห่ที่ได้ฟังแบบนั้นเปลี่ยนไปในทันที ‘ชายคนนี้ต้องการที่จะยั่วโมโหคนกลุ่มนั้นจริงๆ ด้วยสินะ! ‘
“นี่…มัน…”
“ว่าไง? “
“ได้ ข้าจะทำเอง! ” มู่หลงไห่ที่ถูกเร่งเร้าได้ก้มหน้าก้มตาตอบอย่างโดยตรง
ตราประทับวิญญาณมักจะเป็นเครื่องมือในการติดตามที่เหล่าผู้ใช้วรยุทธ์ชอบใช้กัน และเนื่องจากสมาคมริมแม่น้ำนั้นถูกผู้ฝึกยุทธ์ที่น่าเกรงขามคนหนึ่งสนับสนุนอยู่ ดังนั้นจึงไม่ง่ายเลยที่จะใช้เทคนิคที่ดูพื้นฐานแบบนั้นได้ มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถใช้เป็นข้ออ้างได้ วิธีนั้นก็คือการแกล้งให้ถูกแกะลอยได้ การจงใจปล่อยเหยื่อล่อนั่นเอง
ในตอนที่โจรภูเขาลักพาตัวคนสกุลซีไป ในตอนนั้นโจรภูเขาต้องการเงินเพียงเท่านั้น แล้วในครั้งนี้พวกสมาคมริมแม่น้ำต้องการอะไรกัน?
“พวกเราจะกลับกันเดี๋ยวนี้! ” ลู่โจวเอ่ยปากขึ้นมา
“ให้ข้าช่วยท่านเอง ท่านปู่! ” หยวนเอ๋อกระโดดไปหาลู่โจวที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
หลังจากที่ก้าวไปได้เพียงสองก้าว ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้หยุดเดินก่อนที่จะชี้ไปยังมู่หลงไห่ “พาเขากลับไปกับพวกเราด้วย แล้วอย่าลืมเรื่องเกี่ยวกับตราแห่งจักรวรรดิซะล่ะ! “
มู่หลงไห่ในตอนนั้นรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเขาได้กลายเป็นคนโง่เขลาไปในทันที ตัวเขาที่คุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาอยู่นานเพิ่งจะโล่งอกได้ไม่นานมากนักแต่ตอนนั้น ในตอนที่ลู่โจวหันกลับมาอีกครั้งความหวังที่จะเอาตัวรอดของเขาก็แตกสลายไป ตอนนี้เขารู้สึกอ่อนแอจนไม่กล้าที่จะตอบโต้กลับอะไรอีกต่อไป ในตอนนั้นเองเขาจึงเดินกลับไปหาหวังฟูกุ่ยอย่างรู้สึกผิด
“ท่านปู่ ข้าน่ะหาเหรียญตราจักรวรรดิพบแล้ว”
“เอามาทีสิ”
“ที่เหรียญมีรูปมังกรถูกแกะสลักอยู่อย่างสวยงามด้วยล่ะ” หยวนเอ่อตัวน้อยได้พลิกเหรียญตราอันนั้นซ้ำไปซ้ำมาบนมือ
ลู่โจวในตอนนั้นได้ยิ้มออกมา “มันคือการแกะสลักมังกรอันมีเอกลักษณ์ของเหรียญตราจักรวรรดิยังไงล่ะ สัญลักษณ์อันเดียวที่สามารถแยกแยะระหว่างของจริงกับของปลอมออกได้ ในตอนนี้เจ้าน่ะเก็บเหรียญอันนั้นเอาไว้ซะเถอะ ก่อนที่มันจะดึงดูดความสนใจมากกว่านี้”
ฟรึบ!
มู่หลงไห่ที่ได้ยินแบบนั้นทรุดตัวลงไปที่พื้น ขาของเขาอ่อนแรงเกินกว่าที่จะยืนได้ต่อไป หน้าผากของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ มือของเขากำลังสั่นโพน หยวนเอ๋อได้มองกลับไป ในตอนนั้นเธอกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ “เจ้าเป็นอะไรไป? “
“นั่นมันเหรียญตราของจริงสินะ? “
“แน่นอน มันเป็นของจริงยังไงล่ะ! “
หยวนเอ๋อได้ยัดเหรียญตราอันนั้นลงไปในกระเป๋าของเธอ หลังจากนั้นเธอก็วิ่งเหยาะๆ ไปหาลู่โจวที่อยู่ด้านหน้า ในตอนนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงของหวังฟูกุ่ยดังมาจากด้านหลังของเธอ “ลุกขึ้นซะมู่หลงไห่ เจ้าน่ะจะมานั่งฉี่ราดแบบนี้ไม่ได้นะ! “
หลังจากที่เดินไปได้พักหนึ่ง ลู่โจวในตอนนั้นก็ได้หยุดเดินก่อนจะพูดขึ้นว่า “หยวนเอ๋อ ส่งจดหมายไปหาศิษย์พี่ของเจ้าทีสิ บอกให้เจ้าพวกนั้นจับตาดูผู้ฝึกยุทธ์ที่กำลังจะเข้าใกล้ภูเขาทองซะ”
“ได้เลยค่ะท่านปู่! ” หยวนเอ๋อได้พยักหน้าตอบรับ
“พรุ่งนี้เช้า ข้าจะพามู่หลงไห่ไปช่วยครอบครัวของเจ้าเอง”
“ขอบคุณ…ท่านปู่! “
…
เมื่อพวกเขาทั้งหมดเดินทางกลับไปที่บ้านสกุลซี ในตอนนั้นเองก็เป็นเวลาค่ำคืนแล้ว ปกติลู่โจวในตอนนี้จะเปิดเมนูของระบบที่ตัวเขามีดู ตัวเขาจะใช้เวลาตอนนี้ในการดูแต้มบุญที่มีเหลือ
“จับฉลากนำโชค”
“ติ้ง! คุณได้ใช้แต้มบุญ 50 แต้ม คุณได้รับการ์ดพลังชีวิต 3 ใบ”
“บัตรพลังชีวิตราคาถูกอย่างงั้นหรอ? “
ลู่โจวรู้สึกได้ทันทีว่าตัวเขานั้นถูกระบบที่มีทรยศหักหลังไปแล้ว ตัวเขาเคยซื้อการ์ดพลังชีวิตมาจากร้านค้า ในตอนนั้นเขาจะต้องใช้แต้มบุญกว่า 500 แต้ม แต่ตอนนี้ตัวเขากลับได้การ์ดพลังชีวิตถึง 3 ใบโดยใช้แต้มบุญแค่ 50 แต้มเท่านั้น ถ้าหากนี่ไม่ใช่การโกงแล้วนี่มันคืออะไรกัน?
“จับฉลากนำโชค”
“ติ้ง! คุณได้ใช้แต้มบุญ 50 แต้ม คุณได้รับการ์ดประกันชีวิต 5 ใบ”
“จับฉลากนำโชค”
“ติ้ง! คุณได้ใช้แต้มบุญ 50 แต้ม คุณได้รับค่าความโชคดี 1 แต้ม”
“จับฉลากนำโชค”
“ติ้ง! คุณได้ใช้แต้มบุญ 50 แต้ม คุณได้รับค่าความโชคดี 1 แต้ม”
ลู่โจวได้ส่ายหัว “เกมเสี่ยงดวงนี้มันน่าเล่นจนเกินไป! ฉันหยุดเสี่ยงดวงไม่ได้เลย…ไม่ฉันจะต้องควบคุมตัวเองเอาไว้…ฉันจะต้องหยุดตัวเองเดี๋ยวนี้! “
ถ้าหากตัวเขาพยายามต่อไปอีก 10 ครั้ง แน่นอนว่าตัวเขามีทั้งโอกาสที่จะได้รับการ์ดพลังชีวิตเพิ่มเติมรวมไปถึงมีโอกาสที่จะแพ้จนได้รับค่าความโชคดีไปแทน
“ใช้การ์ดพลังชีวิตซะ”
ลู่โจวได้ใช้การ์ดพลังชีวิตไปถึง 3 ใบ หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่เมนูระบบที่ตัวเขามี ตอนนี้อายุขัยของตัวเขาเพิ่มมากขึ้นถึง 5,507 วันแล้ว
“โอ้? การ์ดพลังชีวิต 3 ใบสามารถทำให้ฉันได้รับอายุขัยได้มากถึง 1,000 วัน! “
ลู่โจวจำได้ว่าการ์ดพลังชีวิตที่ตัวเขาได้มาใบแรกให้อายุขัยของเขา 310 วัน ส่วนการ์ดใบต่อๆ มานั้นให้พลังชีวิตโดยเฉลี่ยเพียง 300 วันเท่านั้น แต่ในครั้งนี้ลู่โจวกลับได้อายุขัยเฉลี่ยมากถึง 333 วันต่อใบ
“น่าสนใจ…”
ลู่โจวในตอนนี้รู้สึกได้ถึงความต่าง ตัวเขารู้สึกแข็งแรงขึ้นมาก แม้ว่าวรยุทธ์ที่ตัวเขามีจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไร แต่ถึงแบบนั้นกล้ามเนื้อที่ตัวเขามีก็แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น การมองเห็นในตอนนี้ของลู่โจวชัดเจนมากยิ่งขึ้น แสงที่ทอดยาวผ่านหน้าต่างมาทำให้ดวงตาของเขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ดวงตาของลู่โจวกำลังมองเห็นแสงเหล่านั้นเหมือนกับระลอกคลื่นในผืนผิวมหาสมุทร
“ฮะ? “
ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นได้ขยี้ตาอีกครั้ง ในตอนนั้นเองภาพทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “เมื่อกี้นี้มันคืออะไรกัน? นี่เป็นพลังพิเศษที่มาจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์อย่างงั้นหรอ? ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่? ระบบได้เคยบอกกับฉันเอาไว้ วิธีการในการฝึกเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์นั้นแตกต่างจากการฝึกวรยุทธ์อื่นๆ ถ้าหากมันเป็นแบบนี้ก็หมายความว่าประสบการณ์ทั้งหมดที่เคยฝึกฝนวรยุทธ์ของจีเทียนเด๋านั้นไม่สามารถใช้งานอะไรได้อีกต่อไป ตอนนี้ตัวฉันจะต้องหาทางฝึกฝนด้วยตัวเองอย่างงั้นสินะ”
เมื่อคิดได้แบบนั้นตัวเขาก็ได้เปิดเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ในระบบขึ้นมาศึกษาต่ออีกครั้ง
…
เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่โจว, หยวนเอ๋อ, มูหลงไห่ และหวังฟูกุ่ยต่างก็มารวมตัวกันที่ลานบ้านสกุลซี
“ท่านปู่ ท่านดูหนุ่มขึ้นอีกแล้วนะคะ! “
“เจ้าน่ะพูดมากซะจริง”
คำพูดนี่ได้ฟังเป็นเหมือนกับคำพูดประจบประแจงของเด็กสาวตัวน้อยเท่านั้น
ลู่โจวได้ประสานมือของเขาเอาไว้ด้านหลัง หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดออกมา “นำทางไปซิ มู่หลงไห่! “
มู่หลงไห่ในตอนนั้นได้พยักหน้าให้ก่อนที่จะแสดงท่าทางอะไรบางอย่างออกมา ในตอนนั้นกระแสพลังงานที่อ่อนพลังก็ได้หมุนวนรอบแขนของเขา พลังงานอันนั้นได้รวมตัวกันก่อนที่จะกระจายไปในความว่างเปล่า
“ตอนนี้เจ้าพวกนั้นอยู่ห่างออกไปสิบไมล์ทางเหนือ”
“ห่างจากที่นี่เพียงสิบไมล์เท่านั้นหรอ? ” การที่มีระยะห่างเพียงเท่านี้เป็นเพราะกลุ่มผู้ใช้วรยุทธ์มั่นใจแล้วว่าจะไม่มีใครหน้าไหนสามารถเข้าไปช่วยตัวประกันได้อย่างงั้นหรอ?
‘ถ้าหากเรื่องนี้เกี่ยวกับสาวกตัวร้ายพวกนั้นล่ะก็ บางทีคงจะไม่เหมาะนักที่จะพาหยวนเอ๋อไปด้วย…พวกเราควรจะไปลุยกันต่อดีไหม? ‘
“ท่านปู่ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรอ? “
“ไม่มีอะไรหรอก พวกเราเดินทางกันเถอะ! “
“เดินทางได้! “
หวังฟูกุ่ยนั้นไม่ได้เป็นผู้ใช้วรยุทธ์ ดังนั้นตัวเขาจึงรออยู่ที่บ้านหลังนี้ต่อไป
…
สิบไมล์ทางตอนเหนือของเมืองอันยาง ที่แห่งนั้นเองเป็นสถานที่ลับที่ถูกเรียกว่าหุบเขาตะวันฟ้า…
“คงจะเป็นที่นั่นแน่” มู่หลงไห่พูดในระหว่างที่ชี้ไปยังหุบเขาที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาทั้งสามที่เดินทางมาด้วยกันได้มองไปที่เชิงเขาด้านหน้า
“ที่นี่คือหุบเขาตะวันฟ้า จากร่องรอยที่สัมผัสได้ผู้ใช้วรยุทธ์จากสมาคมริมแม่น้ำจะต้องซ่อนอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน”
ลู่โจวลูบเคราตัวเองก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า “หยวนเอ๋อ ถึงเวลาแล้วล่ะที่จะช่วยครอบครัวของเจ้าน่ะ”
“ข้าเข้าใจแล้วค่ะ” รอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ของเด็กหญิงตัวน้อยได้เผยให้เห็นในระหว่างที่เธอเดินไปใกล้ภูเขามากยิ่งขึ้น
“เธอคนนี้สามารถทะลวงจุดพลังลมปราณได้ถึง 8 จุดในขั้นมหาราชครู…เธอคนนี้เป็นอัจฉริยะที่แท้จริง! ” มู่หลงไห่ยังคงตกตะลึงในวรยุทธ์ที่เธอมี
ในตอนนั้นเอง ในตอนที่ทั้งสามคนกำลังเดินทางต่อไป ตอนนั้นก็ได้มีเสียงดาบลอยอยู่กลางอากาศ ราวกับว่าศัตรูทั้งหมดดักรอพวกเขาอยู่ที่ตรงนี่มานานมากแล้ว
แกร่ง!
แกร่ง!!
ในพริบตานั้นเองผู้ใช้วรยุทธ์กว่าสิบคนก็ได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของพวกเขาทั้งสามคน
“พวกเรารอพวกเจ้ามานานมากแล้วล่ะ…”