My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 277
ยู่ฉางตงที่เห็นแบบนั้นอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น เขาที่เห็นแบบนั้นก็ขยับเข้ามาใกล้คฤหาสน์มากยิ่งขึ้น ยู่ฉางตงได้ร่อนลงบนหลังคาตึกราวกับตัวเองเบาดุจดั่งขนนก ยู่ฉางตงได้เก็บซ่อนพลังออร่าทั้งหมดของตัวเขาเอาไว้อย่างระมัดระวัง
ลู่โจวที่อยู่ภายในห้องได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก “ใครกัน!? “
แสงสีฟ้าได้ควบแน่นกันจนกลายเป็นพลัง มันได้ส่งคลื่นเสียงใส่ยู่ฉางตง
แม้แต่ยู่ฉางตงเองก็ยังถูกจับได้ เป็นธรรมดาที่ยอดฝีมือจะมีสัมผัสการรับรู้ที่มากกว่าคนทั่วไป ทันทีที่เหล่ายอดฝีมือรู้ว่ามีผู้บุกรุก ยอดฝีมือคนนั้นก็จะใช้พลังของตัวเองสร้างพลังป้องกันขึ้นมา
ตู๊ม!
“หืม? ” ยู่ฉางตงที่ได้ยินแบบนั้นขมวดคิ้ว ตัวเขาพยายามที่จะจู่โจมพลังสีฟ้าที่อยู่บนอากาศ
ภายในห้องที่อยู่เบื้องล่าง
ลู่โจวได้ลืมตาตื่นขึ้นก่อนที่จะเงยหน้า
เมื่อลู่โจวเข้าสู่ห้วงแห่งสมาธิ ตัวเขาจะสามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวได้อย่างคร่าวๆ และจุดที่มีพลังแสงสีฟ้าของเขากระจายตัวอยู่จะเป็นจุดที่ลู่โจวสามารถสัมผัสได้มากกว่าจุดอื่นเป็นพิเศษ
เมื่อยู่ฉางตงรู้ตัว ลู่โจวในตอนนี้รู้แล้วว่ากำลังมีใครบางคนปรากฏตัวขึ้น เมื่อนึกถึงมือสังหารก่อนหน้านี้ตัวเขาจึงตะโกนเรียกหยวนเอ๋ออย่างไม่ลังเล “หยวนเอ๋อ”
หยวนเอ๋อที่ได้ยินเสียงได้กระโดดออกมาจากห้องตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนที่จะพุ่งตัวมายังหน้าห้องของลู่โจว
“ท่านอาจารย์เรียกหาศิษย์หรอคะ? “
“จับมือสังหารซะ…ความปลอดภัยถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่าไล่ตามเจ้ามือสังหารนั่นมากไปซะล่ะ เอาล่ะไปได้แล้ว” ลู่โจวได้สั่งการขึ้น
“ค่ะ ท่านอาจารย์! ” หยวนเอ๋อรู้สึกอิ่มเอมใจมาก หยวนเอ๋อชื่นชอบเกมวิ่งไล่จับมากกว่าสิ่งอื่นใด นางรีบกระโดดขึ้นไปบนหลังคาก่อนที่จะตรวจสอบแวดล้อมโดยรอบ หลังจากที่จ้องมองรอบตัวนางก็สัมผัสได้ถึงที่ที่เพิ่งจะมีพลังลมปราณระเบิดออกมา หยวนเอ๋อได้ใช้วิชาเจ็ดดวงดาวล่องเมฆาบดขยี้ ทันทีที่หยวนเอ๋อใช้พลังนางก็ได้หายตัวไปในพริบตา ลู่โจวได้ใช้วิชาคลื่นเสียงกระจายข่าวให้กับฉินจานได้รู้ ฉินจานที่ได้รู้แบบนั้นก็มาหาตัวเขาในทันที
“ท่านผู้อาวุโสเป็นอะไรรึเปล่าครับ? ” ฉินจานหัวใจเต้นแรง ตัวเขาได้จ้องมองมายังห้องของลู่โจวจากทางด้านนอก เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ควรจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในดินแดนแห่งนี้ ฉินจานไม่เคยคาดคิดเลยว่าตัวเขาจะพบกับปัญหามากมายหลายอย่างหลังจากที่ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้ามาเยือน
“เจ้าควรจะให้ทุกคนอยู่แต่ในห้อง” ลู่โจวได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันเฉยเมย
ฉินจานและคนอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะถามออกมาให้มากความ ฉินจานได้ตอบตกลงไป “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
ฉินจานได้จ้องมองไปบนหลังคาด้วยความกังวล ในท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ส่งคนไปรอบๆ เพื่อลาดตระเวนเพิ่มเติม
หยวนเอ๋อได้พุ่งลงจากหลังคาก่อนที่จะวิ่งไปตามถนนอันแสนมืดมิด นางได้ไล่ตามพลังลมปราณที่เหลือแต่เพียงร่องรอยเบาบางเท่านั้น
“เจ้านั่นอยู่ไหนกัน? ” หยวนเอ๋อพบว่าเรื่องในครั้งนี้มันแปลกออกไป ในตอนนี้นางมีทั้งรองเท้าเหยียบเมฆา, พลังจากเคล็ดวิชาหยกแห่งความบริสุทธิ์ขั้นสูงสุด และยังมีวิชาเจ็ดดวงดาวล่องเมฆาบดขยี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ฝึกยุทธผู้ที่มีพลังร่างอวตารดอกบัว 4-5 กลีบจะหนีหยวนเอ๋อไปได้ นางไม่คาดคิดมาก่อนว่ามือสังหารคนนี้จะคล่องแคล่วมากขนาดนี้ ในตอนนี้นางก็นึกถึงคำพูดของผู้เป็นอาจารย์ได้ นางได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดพึมพำออกมา “บางทีมือสังหารคนนี้อาจจะเป็นยอดฝีมือก็เป็นได้”
หยวนเอ๋อได้หันกลับไป ในตอนที่กำลังจะเดินกลับนางก็ได้พบกับยู่ฉางตง
“ศิษย์น้องเล็ก…”
หยวนเอ๋อได้จ้องไปยังเจ้าของเสียงเรียก นางเห็นยู่ฉางตงกำลังยืนอยู่ในเงามืดยามค่ำคืน ยู่ฉางตงยังคงพกดาบเล่มเดิม เขาได้ยิ้มให้กับหยวนเอ๋อจางๆ
“ศะ…ศิษย์พี่รองเองหรอ? “
ยู่ฉางตงได้จ้องมองหยวนเอ๋อผู้เป็นศิษย์น้องเล็กก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าประหลาดใจจริงๆ ที่เจ้าได้รับรองเท้าเหยียบเมฆามา นอกจากนี้เจ้ายังฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้…ไม่เลว ไม่เลวเลย”
“ศิษย์พี่รอง นั่นท่านจริงๆ สินะ! ” หยวนเอ๋อได้พูดออกมาอย่างมีความสุข “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ศิษย์พี่กลายเป็นโจรไปแบบนี้? “
“โจรอย่างงั้นหรอ? ” ยู่ฉางตงได้เลิกเอามือกอดอกก่อนที่จะจ้องมองดูตัวเอง “ส่วนไหนของข้าดูเหมือนโจรกัน? “
“ท่านอาจารย์ให้ข้าจับท่านกลับไป! ” หยวนเอ๋อได้ตอบกลับ
ยู่ฉางตงได้หัวเราะออกมาเบาๆ “ศิษย์น้องเล็ก เพราะอะไรกันทำไมท่านอาจารย์ถึงมาที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์? “
เมื่อได้ยินคำถามแบบนั้นหยวนเอ๋อก็ได้ก้มหน้าลง นางได้จับสายสะพายนิพพานเอาไว้ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันเศร้าสร้อย “ท่านอาจารย์อยากรู้เรื่องอดีตของศิษย์พี่ห้า…ศิษย์พี่ห้ามีอดีตที่น่าหดหู่ยิ่งนัก ข้าเองยังรู้สึกสงสารศิษย์พี่เลย”
ยู่ฉางตงที่เห็นใบหน้าอันเศร้าสร้อยของหยวนเอ๋อได้หัวเราะออกมา ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก แม้ว่าทั้งสองคนจะเคยพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ดูเหมือนว่ายู่ฉางตงจะรู้สึกประทับใจในศิษย์น้องเล็กคนนี้มาก ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ได้ถามออกมา “แล้วท่านอาจารย์สบายดีไหม? “
“ท่านอาจารย์สบายดี ท่านอาจารย์น่ะยังมีเรี่ยวแรงล้นเหลือเลยแหละ! ” หยวนเอ๋อได้ตอบกลับมาอย่างตรงไปตรงมา
ยู่ฉางตงคิดว่าเรื่องนี้มันแปลก ‘ท่านอาจารย์เคยใช้พลังจากม่านพลังมาหนหนึ่งแล้ว คราวนี้ท่านอาจารย์จะยังแข็งแรงเหมือนเดิมได้ยังไงกัน? ‘ ในตอนนั้นเองตัวเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ บางทีแสงสว่างที่ได้เห็นก่อนหน้านี้อาจจะเป็นแสงสว่างที่มาจากคนใกล้ตาย หรือว่ามันจะเป็นอย่างที่ชาวบ้านร่ำลือกัน
“ศิษย์น้องเล็ก ข้ามีเรื่องที่จะต้องทำเร่งด่วน เจ้ากลับไปซะเถอะ” ยู่ฉางตงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยน ที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น
“ค่ะ”
“พวกเราจะต้องพบกันใหม่แน่” ยู่ฉางตงได้ยิ้มให้ก่อนที่จะโบกมือเบาๆ ตัวเขาได้กอดอกตัวเองอีกครั้งก่อนที่จะเดินหายไปในท้ายซอย
หลังจากที่ยู่ฉางตงหายตัวไป หยวนเอ๋อก็ได้แต่เกาหัว นางรู้สึกผิดมากแต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ที่คฤหาสน์องค์ชายแห่งพลัง
ในที่สุดหยวนเอ๋อก็นึกถึงเรื่องที่ได้รับไหว้วานขึ้นมาได้ นางได้ยืนอยู่ตรงหน้าห้องของลู่โจวก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆ “ท่านอาจารย์ศิษย์ไม่เอาไหน มือสังหารนั่นหนีไปได้ ได้โปรดลงโทษศิษย์ด้วย”
“ไม่จำเป็นจะต้องโทษตัวเอง ถ้าหากเจ้านั้นหนีไปได้ แสดงว่าเจ้านั่นก็พอจะมีฝีมืออยู่บ้าง เจ้ากลับไปพักผ่อนซะเถอะ” ลู่โจวตอบกลับมา
“ท่านอาจารย์…ศิษย์ไม่คิดว่าแท้จริงแล้วศิษย์พี่รองจะเป็นคนที่ท่านให้จับตัว ศิษย์พี่รวดเร็วเกินกว่าที่ข้าจะจับได้ ศิษย์จับตัวศิษย์พี่รองไม่ทันเลย! ” หยวนเอ๋อได้อธิบายออกมา
เมื่อลู่โจวได้ยินแบบนั้นตัวเขาก็เริ่มขมวดคิ้วขึ้นมา ‘คนที่อยู่บนหลังคาก็คือเจ้าศิษย์ทรยศยู่ฉางตงเองอย่างงั้นหรอ? ไม่แปลกเลยที่หยวนเอ๋อจะตามเจ้านั่นไม่ทัน! ‘ น่าเสียดายจริงๆ ถ้าหากตัวเขาไม่ได้เคลื่อนไหวด้วยตัวเองก็คงจะจับยู่ฉางตงไม่ได้แน่
“เจ้าไปพักผ่อนซะเถอะ” ลู่โจวได้พูดออกมา
“ค่ะ ท่านอาจารย์” หยวนเอ๋อได้เดินกลับไปที่ห้องของตน
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ใช้ความคิดต่อไป ทำไมศิษย์ทรยศอย่างยู่ฉางตงถึงมาที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์? เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับยู่เฉิงไห่ ทั้งยู่ฉางตง, ยู่เฉิงไห่ และสีวู่หยาต่างก็รู้ที่อยู่ของตัวเขาตลอด ยิ่งไปกว่านั้นศิษย์ทั้งหมดก็ไม่เคยที่จะถูกตัวเขาพบตัวเข้า
ย้อนกลับไปที่สำนักแห่งความบริสุทธิ์ ในตอนนั้นสุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ก็ได้ขวางทางตัวเขาเอาไว้ นอกจากนี้ที่เมืองอันยางยู่ฉางตงและยู่เฉิงไห่ยังมอบของขวัญให้กับหยวนเอ๋อ ที่แท่นประลองดอกบัวเองลู่โจวก็ได้เห็นรถม้าของสำนักอเวจี ในตอนนี้ตัวเขาได้เดินทางไปที่คฤหาสน์เจ้าชายแห่งพลังก็ยังไม่พ้นมียู่ฉางตงเข้ามาเกี่ยว เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวทั้งหมดของลู่โจวถูกเหล่าศิษย์ทรยศจับตามองอยู่
ท้ายที่สุดลแ้วลู่โจวก็เลิกคิดฟุ้งซ่านไปก่อนที่จะทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์อีกครั้ง
ในวันต่อมา ที่คฤหาสน์องค์ชายแห่งพลัง
ฉินจานได้พาพ่อบ้านของเขารอลู่โจวอยู่หน้าห้องตั้งแต่เช้าตรู่ หลังจากที่รอมานานลู่โจวก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
หงฟู่พ่อบ้านแห่งคฤหาสน์หลังนี้ได้พูดรายงานเรื่องที่ผิดปกติขึ้น “ท่านผู้อาวุโส ในตอนนี้มีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับท่านไหม? เช้าวันนี้ทหารของเมืองได้พบศพจำนวนมากอยู่เต็มท้องถนน ข้าสงสัยว่าคนพวกนี้คงจะเป็นพวกมือสังหาร”
“รอข้าอีกสักพัก” การรบกวนลู่โจวในตอนนี้อาจจะทำให้พวกเขาทั้งคู่เสียชีวิตจากลูกหลงของพลังได้
เมื่อผ่านไปอีกสักพักก็ยังไม่มีสัญญาณอะไรส่งออกมาจากภายในห้องพัก
เมื่อดวงอาทิตย์ตั้งฉากกับพื้นโลก ในที่สุดฉินจานก็อดทนต่อไปอีกไม่ไหว ตัวเขาได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโส”
แม้ว่าจะร้องเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใด
ฉินจานได้โบกมือให้พ่อบ้านหงฟู่เปิดประตูห้องพักขึ้นมา
ในตอนนี้ที่ห้องพักไม่มีใครหลงเหลืออยู่
ฉินจานที่สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่แปลกไป เขารีบสำรวจห้องก่อนที่จะหันกลับมา ห้องพักที่ลู่โจวเคยอยู่ว่างเปล่า “แจ้งเจ้าสำนักซะ บอกเขาว่าท่านผู้อาวุโสได้ไปจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แล้ว บางทีเขาอาจจะกำลังมุ่งหน้าไปที่สุสานแห่งดาบก็เป็นได้”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
เมื่อเสียงของฉินจานยังไม่จางหายไป ในตอนนั้นลู่โจวก็ได้เดินออกมาจากห้องของหยวนเอ๋อ ตัวเขากำลังลูบเคราตัวเองก่อนที่จะจ้องมองฉินจานด้วยสายตาที่เปลี่ยนแปลงไป