My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 236
ตอนที่ 236 กลับไปกับข้าซะ กลับไปเผชิญหน้ากับท่านอาจารย์!
สีวู่หยารู้จักผู้เป็นศิษย์พี่คนนี้ดี เขารู้ว่าหมิงซี่หยินจะไม่ยอมทำตามคำขู่ของเขาแน่ มีคนได้พูดเอาไว้ว่าให้สีวู่หยาระวังตัวเอาไว้ให้ดี มีหลายครั้งแล้วที่ตัวเขาจะต้องเสี่ยงแบบนี้! นี่ถือเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ตัวเขาจะต้องเสี่ยงอีกครั้ง
หมิงซี่หยินยังคงจับคอเสื้อของสีวู่หยาอยู่ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ตัวเขาไม่ได้คิดที่จะโจมตีสีวู่หยาอย่างวู่วาม ตัวเขาจ้องไปที่ผู้เป็นศิษย์น้องก่อนที่จะพูดขึ้น “ยังไงซะข้าก็ยังเป็นศิษย์พี่ของเจ้า…ก่อนที่ข้าจะได้ตัดสินอะไรไปข้าอยากจะรู้เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้พวกเจ้าทุกคนออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้ามาแบบนี้” คำว่าพวกเจ้าทุกคนเป็นคำที่สื่อถึงทั้งศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองอย่างยู่เฉิงไห่และยู่ฉางตง
สีวู่หยาได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “เหตุผลมันง่ายแสนง่าย ท่านอาจารย์น่ะเป็นคนอารมณ์ร้อนมาโดยตลอด พวกเราต่างก็เป็นมนุษย์ พวกเราทุกคนล้วนมีศักดิ์ศรี ใครจะไปทนให้ท่านอาจารย์โขกสับแบบนั้นได้ตลอดไปกัน? เมื่อพวกเราได้รับอาวุธรวมไปถึงเคล็ดวิชามาพวกเราก็ตัดสินใจที่จะออกจากที่นั่นมาโดยที่ไม่หันกลับไปอีก เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องง่ายๆ ศิษย์พี่”
“เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างงั้นหรอ? เจ้ากำลังวาดภาพวางแผนทรยศต่อศาลาปีศาจลอยฟ้า เจ้าน่ะเติบโตมาอย่างไร้สำนึกแบบนี้ได้ยังไงกัน? ” หมิงซี่หยินถามออกมาด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
“ข้ายังจำได้ในวันที่สิบสุดยอดสำนักเข้าโจมตีภูเขาทองท่านก็มีความคิดแบบเดียวกับข้าศิษย์พี่สี่…ท่านอาจจะไม่เชื่อข้า ทุกครั้งที่มีคนพยายามโจมตีภูเขาทองก็มีข้านี่แหละที่คอยยับยั้ง…ท่านลองมองย้อนไปดูศิษย์พี่สี่” สายตาของสีวู่หยาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“เงียบซะ! “
เสียงที่เต็มไปด้วยพลังได้ซัดเข้าใส่สีวู่หยา สีวู่หยาที่ไม่ได้มีพลังอะไรเสียการทรงตัวไปเล็กน้อย หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้พูดออกมา “ข้าก็แค่พูดความจริงเท่านั้น ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยเถอะศิษย์พี่”
“อดีตก็คืออดีต…เจ้าน่ะไม่ใช่พวกเรา ในตอนนี้เจ้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าบนภูเขาทองเป็นยังไงกันแน่? ” หมิงซี่หยินได้ถามกลับมา
“ท่านเองก็เช่นกัน ท่านก็ไม่ใช่พวกเราศิษย์พี่ ท่านจะไปเข้าใจความรู้สึกของพวกเราได้ยังไงกัน? “
“เจ้ายังกล้าเล่นลิ้นกับข้าอีกอย่างงั้นหรอ?! ” หมิงซี่หยินกำหมัดแน่นก่อนที่จะโยนสีวู่หยาออกไปให้พ้นทาง
สีวู่หยาพุ่งชนราวบันไดก่อนที่จะตกลงมายังลานกว้าง
ไกลออกไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า “ติ้ง! ลงโทษสีวู่หยา ได้รับรางวัล: 200 แต้มบุญ”
ลู่โจวลืมตาขึ้นมาชั่วขณะเมื่อได้รับการแจ้งเตือน ตัวเขาที่เห็นการแจ้งเตือนก็ได้ปิดตาลงไปอีกครั้ง
การโจมตีของหมิงซี่หยินไม่ได้รุนแรงอะไร ตราบใดที่ตัวเขาไม่ได้ใช้พลังลมปราณ การโจมตีด้วยพลังกายเพียงอย่างเดียวสีวู่หยาจะต้องไม่เป็นไรแน่
หมิงซี่หยินกระโจนตามออกไปก่อนที่จะมองสีวู่หยาด้วยความสับสน “เหนือฟ้าย่อมมีฟ้า ใครกันที่ฉลาดหลักแหลมจนผนึกพลังวรยุทธของเจ้าจนเจ้าไม่อาจที่จะคลายผนึกได้แบบนี้…”
สีวู่หยาค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นมาก่อนที่จะเช็ดเลือดออกจากมุมปาก ตัวเขาได้หันไปมองด้านนอก
หมิงซี่หยินได้พูดขึ้น “ไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้อีกแล้ว…ทุกครั้งที่มาหาเจ้าพลังวรยุทธของข้าก็จะเพิ่มพูนมากขึ้น ข้าน่ะฝึกฝนตัวเองมาถึงวันนี้ก็เพราะเจ้า บางทีเหล่าสาวกของเจ้าอาจจะกลัวตายไปหมดแล้วก็เป็นได้”
สีวู่หยาถึงกับพูดไม่ออก ตัวเขาตระหนักแล้วว่าศิษย์พี่สี่คนนี้ฉลาดกว่าที่ตัวเขาเคยคาดคิดเอาไว้มาก ตัวเขาได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ศิษย์พี่สี่ ทำไมท่านไม่เข้าร่วมกับสำนักแห่งความมืดล่ะ…ท่านน่ะเป็นเจ้าสำนักได้เลยนะ ข้าจะเป็นผู้ช่วยของท่านเอง”
“เจ้าน่ะสิ้นหวังแล้วสินะ! เพราะท่านอาจารย์ไม่อยู่ข้าจะลงโทษเจ้าแทนท่านอาจารย์เอง! “
หมิงซี่หยินได้ยกฝ่ามือขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนั้นเองพลังฝ่ามือของเขาก็กำลังจะซัดเข้าใส่สีวู่หยาอีกครั้ง…
ตู๊ม!
ในตอนนั้นมีพลังที่รวดเร็วกว่าได้เข้าปกป้องตัวของสีวู่หยาเอาไว้
มันเป็นพลังป้องกันที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก พลังป้องกันนี้ยังรวดเร็วราวกับสายฟ้าอีกด้วย พลังที่หมิงซี่หยินใช้โจมตีได้ถูกหักล้างไปในทันที
หมิงซี่หยินหันกลับไปมอง ชายคนหนึ่งได้คารวะตัวเขาจากอีกมุมหนึ่งของลานบ้าน “ข้าไปยู่ชิงจากโถงพยัคฆ์ขาวแห่งสำนักอเวจีขอคารวะท่าน ท่านหมิงซี่หยิน”
“สำนักอเวจี…” หมิงซี่หยินรีบถอยกลับไปก่อนที่จะสำรวจรอบตัว ตัวเขากังวลว่าผู้เป็นศิษย์พี่ใหญ่จะอยู่ที่นี่ด้วยเช่นเดียวกัน
ไปยู่ชิงที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นจะต้องกังวลไปท่านหมิงซี่หยิน เจ้าสำนักของพวกเรามีงานอื่นที่จะต้องทำในตอนนี้ เขาไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก”
“เจ้าพูดล้อเล่นอะไรกัน ข้าน่ะหรอ? ข้าน่ะหรอที่กลัวเขาน่ะ? ” หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจ
“ท่านหมิงซี่หยิน…ข้าเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ ท่านเจ้าสำนักได้สั่งข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าอย่าเข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างศิษย์ศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่ในตอนนี้…ท่านเจ้าสำนักได้กำชับข้าให้ข้าปกป้องท่านสีวู่หยาเอาไว้ ทำไมท่านจะต้องเอาแต่ใจจนทำให้ท่านหมิงซี่หยินตกอยู่ในที่นั่งลำบากแบบนี้ด้วยกัน ท่านหมิงซี่หยิน? “
หมิงซี่หยินมองไปที่ไปยู่ชิง “เจ้ากล้าท้าทายคำสั่งของเจ้าสำนักตัวเองแบบนี้…ถ้าหากข้าเป็นเจ้าสำนักเจ้า ข้าก็คงจะต้องขายหน้าแน่ที่มีสาวกที่ขัดคำสั่งเหมือนกับเจ้าแบบนี้! “
ไปยู่ชิงถึงกับพูดไม่ออก
สีวู่หยาลุกขึ้นยืนก่อนที่จะพูดขึ้น “ศิษย์พี่จะโกรธไปทำไมกัน…ถ้าหากท่านฆ่าข้าจริง งานของท่านจะเสร็จลุล่วงอย่างงั้นหรอ? “
“งานของข้าก็คือเจ้า”
สีวู่หยาพูดไม่ออก ในตอนนี้ตัวเขารู้สึกว่าศิษย์พี่สี่ได้กลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับตัวเขาไป หมิงซี่หยินคนเดิมมักจะมีความคิดที่คล้ายคลึงกับตัวเขาในตอนที่อยู่ศาลาปีศาจลอยฟ้าเสมอๆ
หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ สีวู่หยาก็ได้ถอดเสื้อคลุมที่สวมอยู่ออก ตัวเขาเผยให้เห็นร่างกายที่ผอมแห้ง ถึงแม้ว่าจะเป็นร่างกายที่ผอมแห้งแต่ร่างกายของสีวู่หยาก็พอจะมีกล้ามเนื้ออยู่บ้าง ผู้ที่ได้พบเห็นแทบจะจินตนาการไม่ออกเลยว่าคนที่เหมือนกับนักปราชญ์อย่างสีวู่หยาคนนี้จะมีกล้ามเนื้อที่ผ่านการฝึกฝน
ที่อกของเขามีตัวหนังสือสีแดงเลือดเขียนติดเอาไว้ มันเป็นตัวหนังสือคำว่า ‘ผนึก’ ตัวหนังสือตัวนี้ได้ครอบคลุมหน้าของออกสีวู่หยาไปทั้งหมด
“นั่นมันผนึกมนตรา? ” หมิงซี่หยินขมวดคิ้วด้วยความตกใจ
ตัวเขาได้เคยอ่านคัมภีร์ในศาลาทางตะวันออกในตอนที่ฝึกฝนตัวเองมา ในเวลานั้นหมิงซี่หยินยังไม่เข้าใจเคล็ดวิชาเวหาพงพนาที่ตัวเขาฝึกได้อย่างกระจ่าง ตัวเขาที่มีความรู้ไม่เพียงพอจึงได้ศึกษาคัมภีร์ต่างๆ พลังผนึกมนตราเป็นหนึ่งในกระบวนท่าผนึกที่น่ากลัวที่สุด ในที่สุดตัวเขาก็เข้าใจว่าทำไมสีวู่หยาถึงไม่ได้ตอบโต้อะไรตัวเขา พลังผนึกมนตราเป็นสาเหตุที่ทำให้พลังวรยุทธของสีวู่หยาถูกผนึกเอาไว้
สีวู่หยาได้ยิ้มออกมาจางๆ “ศิษย์พี่ ท่านรู้รึเปล่าล่ะว่าใครเป็นคนทำกัน? “
“แล้วข้าจะไม่รู้ได้ยังไงกัน ทำไมเจ้าถึงเลือกที่จะถามข้า? ” หมิงซี่หยินได้ตอบกลับมาด้วยคำถาม คำถามนี้ถือเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าหมิงซี่หยินไม่ได้อยู่บนรถม้าล่องเมฆาในตอนที่รถม้าไปที่สำนักแห่งความบริสุทธิ์
‘ดูเหมือนการปรากฏตัวของศิษย์พี่จะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับท่านอาจารย์อย่างงั้นสินะ’ สีวู่หยารู้สึกโล่งอกเมื่อคิดได้แบบนั้น ตัวเขาได้พูดต่อไป “ท่านอาจารย์เป็นผู้ใช้พลังนี้กับข้าเอง”
“ท่านอาจารย์อย่างงั้นหรอ? ” หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นรู้สึกตกใจ เขาจำได้ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ท่านอาจารย์ของเขาได้ใช้วิชาอันแปลกประหลาดออกมา ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาของเหล่านักบวชชาวพุทธหรือเคล็ดวิชาเต๋า ‘และในตอนนี้ท่านอาจารย์ก็ใช้พลังมนตราออกมาอย่างงั้นหรอ? ‘ หมิงซี่หยินรู้สึกสงสัย
สีวู่หยาได้พูดต่อ “ท่านไม่ต้องสงสัยหรอกว่าข้าจะพูดความจริงไหมศิษย์พี่ มีเพียงตาแก่คนนั้นที่จะทำอะไรแบบนี้ได้ ท่านจะเข้าใจเองเมื่อกลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า”
“แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นจริงแต่เจ้าก็สมควรที่จะได้รับมันแล้ว! “
“…หลังจากที่ข้าโดนพลังผนึกมนตรา ข้าก็สูญเสียพลังวรยุทธทั้งหมดไป ในโลกยุทธภพมีอันตรายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง มีสำนักนับไม่ถ้วนที่อยากจะเอาชีวิตข้า และเพราะท่านหาทางมาที่นี่ได้ศิษย์พี่ การที่คนอื่นๆ จะหาทางมาได้ก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ท่านไม่กังวลหรอว่าท่านอาจารย์จะทำเรื่องโหดร้ายกับท่านแบบนี้ในอนาคตน่ะ? ” สีวู่หยาพยายามถามเพื่อหลอกล่อ
“เก็บคำหว่านล้อมของเจ้าเอาไว้ซะเถอะ เจ้าน่ะทรยศศาลาปีศาจลอยฟ้า หลอกลวงท่านอาจารย์และยังให้ร้ายท่านอาจารย์ลับหลัง ข้าไม่แปลกใจเลยถ้าหากท่านอาจารย์จะตัดสินใจฆ่าเจ้า” หมิงซี่หยินหยุดพูดไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดต่อ “กลับไปกับข้าซะ กลับไปเผชิญหน้ากับท่านอาจารย์! “