My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 228
ม่อออ!
เสียงร้องอันทรงพลังดังไปทั่วทั้งแท่นบูชา
ท้ายที่สุดแล้วก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น
แสงสีทองได้พุ่งออกมาจากยอดหุบเขา มันได้ลอยขึ้นไปบนอากาศสูงกว่าหลายร้อยฟุต พลังสีทองได้หมุนไปในทิศทวนเข็มนาฬิกาก่อนที่จะทำลายต้นไม้ทุกต้นที่ขวางทาง พลังทั้งหมดได้กลายเป็นระลอกคลื่นก่อนที่จะกระจายไปทั่วทั้งหุบเขา
พลังที่ว่าได้ทำให้ทุกอย่างปั่นป่วน
ทุกคนหันไปมองทิศทางของพลังที่ทำให้เกิดเรื่องทุกอย่างขึ้น
เล้งลั่วเป็นคนแรกที่ได้พูดออกมา “นั่นมันสัตว์ขี่กุ้ยหนิว เสียงที่ได้ยินจะต้องเป็นเสียงของกุ้ยหนิวไม่ผิดแน่” [หมายเหตุนักแปล: กุ้ยหนิวเป็นสัตว์จำพวกวัวตามความเชื่อของชาวจีน]
“ศิษย์พี่ไม่ได้มีสัตว์ขี่เป็นตัวอื่นหรอกหรอ? “
หยวนเอ๋อเคยได้ยินเรื่องสัตว์ขี่มาบ้าง แต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่เคยเห็นมาก่อน นางเคยได้ยินข่าวลือมาจากยุทธภพก็เท่านั้น
เป็นไปไม่ได้เลยที่เล้งลั่วจะพูดผิดไป ตัวเขาเป็นผู้อาวุโสที่อยู่มานานจนมีความรู้ในเกือบทุกสรรพสิ่ง
ลู่โจวได้เหลือบมองไปยังพลังแสงสีทองที่ปรากฏขึ้นมา ตัวเขาจำได้ว่ามันเป็นทักษะหนึ่งของยู่เฉิงไห่ มันเป็นเคล็ดวิชาอันเลื่องชื่ออย่างเคล็ดวิชาแสงดาวแห่งสรวงสวรรค์อันมืดมิด และเพราะพลังที่เกิดขึ้นอยู่ไกลเกินไป เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงไม่อาจที่จะเห็นศิษย์ทรยศคนนี้ได้
ต้วนมู่เฉิงได้เตรียมควบคุมรถม้าลอยฟ้าอีกครั้ง
สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ต่างก็สบตาซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ลอยไปตรงหน้าของรถม้าล่องเมฆาอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันพวกเขาทั้งสี่ต่างก็ใช้พลังร่างอวตารของตัวเองขึ้นมา มันเป็นร่างอวตารที่มีดอกบัว 6 กลีบ 2 ร่างและดอกบัว 7 กลีบอีก 2 ร่างด้วยกัน พวกเขาทั้งสี่เป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย
พลังร่างอวตารคงอยู่เพียงชั่วครู่เดียวก่อนที่จะหายไป พลังของทั้งสี่ได้หักลบกับพลังเสียงคำรามของสัตว์ขี่อย่างกุ้ยหนิว ในตอนนี้ทุกๆ คนตกอยู่ภายใต้ความเงียบงันอีกครั้ง
“พวกเรารู้ดีว่าพวกเราไม่ใช่คู่มือของท่านผู้อาวุโส…ท่านเจ้าสำนักของพวกเราได้บอกว่าท่านแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะหาใครเทียบได้ แม้ว่าพวกเราทั้งสี่จะผนึกกำลังกันแต่ถึงแบบนั้นพวกเราก็ยังไม่อาจที่จะเอาชนะท่านได้ แต่ท่านโปรดไตร่ตรองให้ดีก่อนเถอะ ท่านผู้อาวุโส! “
สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่พยายามที่จะใช้ทั้งไม้แข็งและไม้อ่อน ถ้าหากลู่โจวไม่คิดที่จะหยุดจริงๆ พวกเขาทั้งสี่ก็เตรียมใจที่จะต่อสู้กับลู่โจวแล้ว
ฝานลี่เทียนได้กระแอมออกมาก่อนที่จะก้าวถอยหลังไป ตัวเขาทำอะไรไม่ถูก
เล้งลั่วดูมีท่าทีที่เยือกเย็นมากกว่าฝานลี่เทียน บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะหน้ากากที่ตัวเขากำลังสวมใส่อยู่ ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้หน้ากากสีเงินใบนี้สีหน้าของเขาจะเป็นยังไง
ในขณะเดียวกันในตอนนี้ทุกอย่างก็ได้พิสูจน์แล้ว พลังวรยุทธที่ยู่เฉิงไห่มีมันเทียบเท่าได้กับพลังวรยุทธของผู้เป็นอาจารย์! สี่สุดยอดผู้พิทักษ์มีพลังมากมายถึงขนาดนี้ แสดงว่ายู่เฉิงไห่จะต้องแข็งแกร่งกว่าพวกเขา อย่างน้อยๆ เขาก็คงจะมีพลังร่างอวตารดอกบัว 8 กลีบ
ลู่โจวมองไปที่พวกเขาทั้งสี่ ภายในใจของลู่โจวรู้สึกประทับใจพวกเขา อย่างน้อยที่สุดแล้วคนทั้งสี่ก็สุภาพกับตัวเขามาโดยตลอด ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ลู่โจวไม่อยากที่จะจัดการพวกเขา ตัวเขาได้เตรียมการ์ดคลื่นพลังสายฟ้าเผื่อเอาไว้แล้ว “ข้าขอชมเชยในความกล้าหาญของพวกเจ้า” เสียงของลู่โจวฟังดูนุ่มลึกสุดจะหยั่งถึง ตัวเขาได้พูดต่อไป “ข้าเห็นแก่รองเท้าเหยียบเมฆาที่พวกเจ้าเคยมอบให้กับศิษย์ของข้า ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปสักครั้ง หลีกไปซะ! “
คำว่า ‘หลีกไปซะ! ‘ ดังก้องอยู่ในหูของทุกๆ คน มันไม่ได้เป็นพลังคลื่นเสียงที่ถูกเพิ่มพลังโดยพลังลมปราณแต่อย่างใด
ลู่โจวมั่นใจว่าตัวเขาจะต้องขับไล่ทั้งสี่คนนี้ไปให้พ้นทางได้ ถ้าหากสุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่โชคร้ายจริงๆ พวกเขาอาจจะถูกโอกาสเพียง 1% ของการ์ดพลังคลื่นสายฟ้าสังหารไป ทั้งหมดนี้ก็คงจะต้องพึ่งพาโชคของตัวเองเพียงเท่านั้น
ฮั๊วจงหยางได้โค้งคำนับ ใบหน้าของเขามันเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ ตัวเขาไม่กล้าที่จะสบตามองลู่โจวที่อยู่บนรถม้าลอยฟ้าด้วยซ้ำ ตัวเขาได้แต่โบกแขนก่อนที่จะพูดออกมา “ถอยซะ”
ไปยู่ชิงไม่เข้าใจ แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการต่อสู้กับปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าก็ตามที แต่ถึงแบบนั้นการถอยหนีไปแบบนี้อาจจะไปทำลายแผนการที่พวกเขาทั้งหมดได้เตรียมเอาไว้ก็เป็นได้
“พวกเราควรจะซื้อเวลาให้กับเจ้าสำนักมากกว่านี้…ยูฮงยี่คงจะไม่สามารถทนได้นานกว่านี้แน่ พวกเรากำลังละเมิดคำสั่งของท่านเจ้าสำนัก! พวกเราจะถอยไม่ได้! ” หยางเยียนได้พูดออกมา
“ข้าจะพูดออกมาอีกครั้ง ถอยไปซะ! ในตอนที่ท่านเจ้าสำนักไม่สามารถออกคำสั่งได้ ดังนั้นหน้าที่นี่จึงเป็นของข้า! ” ฮั๊วจงหยางได้พูดอย่างเกรี้ยวกราด
“เข้าใจแล้ว! ” ทุกๆ คนไม่มีทางเลือกนอกซะจากทำตามคำสั่ง
สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ค่อยๆ หลีกทางให้กับลู่โจว
เล้งลั่วและฝานลี่เทียนต่างก็สบตากัน หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้มองไปที่ลู่โจวที่ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร บนตัวของลู่โจวไม่ได้มีพลังผันผวนอะไรเลย…
อย่างไรก็ตามพลังที่ไร้รูปร่าง พลังที่ไม่มีจริงก็ได้ทำให้หัวใจของใครบางคนรู้สึกถึงความกลัว
เพียงแค่เสียงของลู่โจวเท่านั้นก็สยบลูกน้องของยู่เฉิงไห่ทั้งหมดได้ ทั้งฮั๊วจงหยาง, ไปยู่ชิง, หยางเยียน และดีชิงต่างก็ถอยออกไปด้วยความเคารพ
ต้วนมู่เฉิงเข้าใจสิ่งที่อาจารย์ของเขาต้องการดี ตัวเขาได้ควบคุมรถม้าเพื่อไปที่ยอดเขาของสำนักแห่งความบริสุทธิ์
มีต้นไม้สูงใหญ่นับไม่ถ้วนอยู่ที่เชิงเขา รถม้าล่องเมฆาได้พุ่งผ่านป่าไม้ทั้งหมดไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านอาจารย์ ข้างหน้านั่น…” หยวนเอ๋อชี้ไปทางด้านหน้า
ฝานลี่เทียนได้พูดต่อไป “นั่นคือจุดที่สำนักแห่งความบริสุทธิ์ใช้ขังพวกนักโทษเอาไว้ ที่นั่นมีอุปสรรคนับพันขวางเอาไว้…ข้าไม่แปลกใจเลย ไม่แปลกใจเลยจริงๆ …”
เล้งลั่วได้พูดออกมา “สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่กำลังซื้อเวลาให้กับยู่เฉิงไห่…ด้วยความแข็งแกร่งของยู่เฉิงไห่ แม้เป็นเขาแต่กว่าที่จะฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”
หยวนเอ๋ออดทนไม่ได้อีกต่อไป นางกระโดดไปรอบๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “ศิษย์พี่สาม เร็วเข้า เร็ว! …อย่าปล่อยให้ศิษย์พี่ใหญ่หนีไปได้! ” นางได้ชี้ไปยังพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพลังลมปราณ
ที่ตรงหน้าต้นไม้ทั้งหมดได้ถูกทำลายไป มันเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง
รถม้าล่องเมฆาไม่ต้องผ่านเศษซากปรักหักพัง เพราะแบบนั้นมันจึงเดินทางได้อย่างรวดเร็ว
รถม้าล่องเมฆาได้บินด้วยความเร็วสูงสุด ไม่ว่าจะอยู่สูงหรืออยู่ต่ำแค่ไหนมันก็ไม่มีผลอะไรกับความเร็วของรถม้า
ม่ออออออ!
เสียงร้องของกุ้ยหนิวได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“คิดหนีอย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวได้กระโดดออกจากรถม้าล่องเมฆาก่อนที่จะลงมาสู่พื้น
เมื่อเห็นอาจารย์กระโดดลงไป หยวนเอ๋อเองก็ได้ปรบมือขึ้น “ท่านอาจารย์ลงมือด้วยตัวเอง ศิษย์พี่ใหญ่หนีไปไหนไม่ได้แน่! “
เมื่อลู่โจวกระโดดออกไป ตัวเขาไม่ได้ใช้สุดยอดเคล็ดวิชาแม้แต่อย่างใด
ในตอนนั้นบี่เอี๊ยนก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
ลู่โจวร่อนลงบนหลังของมันก่อนที่จะพุ่งไปที่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
บี่เอี๊ยนได้พุ่งไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า ในที่สุดตัวเขาก็มาถึงที่ที่เกิดการต่อสู้เมื่อครู่นี้
ลู่โจวมองไปที่รอบๆ ตัว ตัวเขาได้มองไปที่รอบตัวอย่างระมัดระวังก่อนที่บี่เอี๊ยนจะค่อยๆ ร่อนลงพื้น รอบๆ ต้นไม้ยังคงหลงเหลือพลังลมปราณอยู่โดยรอบ
มีเพียงพลังของอนุสรณ์สรวงสวรรค์แห่งความมืดเท่านั้นที่จะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้
ลู่โจวมองไปที่คุก ตัวเขาใช้เวลาไม่นานก็มองเห็นทางเข้า ทางเข้าอยู่ระหว่างเสาทั้งสองต้น เสาทั้งสองได้รับความเสียหายไปมากแล้ว เสาต้นหนึ่งที่ได้รับความเสียหายมากไปได้เอียงตัวลง เห็นได้ชัดว่ามันถูกพลังลมปราณเข้าโจมตี มีคราบเลือดอยู่ทั่วพื้น เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่
อุปสรรคทั้งหมดได้อยู่ตรงหน้าของลู่โจว อุปสรรคที่อัดแน่นราวกับใยแมงมุมนี้ได้ขวางหน้าตัวเขาเอาไว้
‘ยู่เฉิงไห่อยู่ไหนกัน? ‘
อุปสรรคที่ขวางกั้นเอาไว้ถูกพลังสายฟ้าเข้าทำลาย อุปสรรคทั้งหมดได้อ่อนกำลังลงอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่ามันเพิ่งจะถูกการโจมตีอันทรงพลังทำลายไปก่อนหน้านี้
ในตอนนั้นเอง…
ม่อออ!
เสียงร้องของกุ้ยหนิวก็ได้ดังขึ้น เสียงของมันอยู่ใกล้ๆ กับลู่โจว ตัวเขาได้หันไปมองกุ้ยหนิวที่อยู่ในป่าทางด้านหลัง กุ้ยหนิวเป็นสัตว์ที่ดูคล้ายกับจามรี มันมีลำตัวสีขาว ไม่มีเขา เมื่อมองไปที่ลำตัวของมันดูสว่างไสวราวกับตัวของมันสามารถส่องแสงได้
‘คนที่อยู่บนหลังของกุ้ยหนิวจะต้องเป็นศิษย์ทรยศนั่นแน่! ‘ ลู่โจวรีบโบกมือขึ้นมาอย่างไม่ลังเล ในตอนนั้นเองการ์ดกรงผนึกกักขังโฉมใหม่ก็ได้ถูกใช้งานออกไป
ลู่โจวไม่เคยเห็นหน้าตาของกรงผนึกกักขังโฉมใหม่มาก่อน ตัวเขารู้สึกได้ว่าพลังของมันจะต้องแตกต่างจากการ์ดธรรมดาทั่วไป ความเร็วของพลังไม่เหมือนเดิม การ์ดกรงผนึกกักขังโฉมใหม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่เหมือนกับที่ลู่โจวคิดเอาไว้
“นี้มันเคล็ดวิชาเต๋าอย่างงั้นหรอ? พลังผนึกมนตรา? ” ลู่โจวรู้สึกสับสนกับเรื่องนี้ ตัวเขาสงสัยว่าทำไมกรงผนึกกักขังโฉมใหม่ถึงไม่ได้เป็นกรงผนึกอีกต่อไป มันมีอะไรบางอย่างที่ดูคล้ายกับพลังผนึกมนตราที่เป็นเคล็ดวิชาจากลัทธิเต๋าแทน
กรงผนึกกักขังโฉมใหม่ที่ลู่โจวใช้เป็นพลังงานสีทองที่อยู่ในรูปแปดเหลี่ยม ที่ด้านในแปดเหลี่ยมเต็มไปด้วยตัวอักษรของคำว่า ‘พันธนาการ’ อยู่ในนั้น มันได้ตรงไปที่กุ้ยหนิวที่กำลังวิ่งอยู่ภายในป่า
หลังจากที่ลู่โจวใช้การ์ดกรงผนึกกักขังโฉมใหม่ ตัวเขาก็มั่นใจมากว่ายู่เฉิงไห่จะหนีไม่รอดแน่ บี่เอี๊ยนเริ่มพุ่งไปตามเป้าหมาย มันได้บินผ่านคุกไปในทันที บริเวณที่อยู่ถัดจากคุกอยู่ติดกับหน้าผา บี่เอี๊ยนไม่รอช้ารีบดิ่งลงหน้าผาไปในทันที แสงพลังผนึกมนตราได้หายไปแล้ว แสดงว่าในตอนนี้มันไปถึงเป้าหมายของลู่โจวได้แล้วนั่นเอง
‘ศิษย์ทรยศนั่นจะต้องหนีไปไม่ได้แน่! ‘ ลู่โจวได้ลงจากหลังของบี่เอี๊ยนมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะจ้องมองรอบตัว “เจ้าศิษย์ทรยศ เจ้าคิดว่าจะหนีจากพลังผนึกมนตราของข้าได้อย่างงั้นหรอ? “
โชคไม่ดีที่ลู่โจวไม่สามารถตามกรงผนึกกักขังเหมือนกับในตอนที่ใช้จับเยี่ยนซานในตอนนั้น พลังผนึกมนตรามันรวดเร็วกว่ามาก มันได้ลอยหายไปในพริบตา
โชคดีที่บี่เอี๊ยนมีจมูกอันเฉียบแหลม เป็นเพราะพลังผนึกมนตรามาถึงที่นี่ แสดงว่ายู่เฉิงไห่จะต้องอยู่แถวนี้แน่
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ
“ติ้ง! ลงโทษศิษย์ทรยศสำเร็จ ได้รับแต้มบุญ: 300”
‘ลงโทษอย่างงั้นหรอ? ‘ ลู่โจวไม่เคยได้ยินการแจ้งเตือนแบบนี้มาก่อน หมายความว่าพลังผนึกมนตราของเขาได้ไปถึงเป้าหมายแล้วนั่นเอง