My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 124
อาวุธชิ้นนั้นได้ตกลงบนมือของเจียงอาเฉียน มันดูไม่เหมือนกับดาบแม่แต่น้อย มันดูเหมือนกับห่อของขนาดเล็กมากกว่า
ดวงตาของเจียงอาเฉียนถึงกับเบิกกว้าง ในตอนนั้นเขาก็ได้อุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น “เหรียญตราจักรวรรดิ? “
“ถูกต้อง ดาบดีๆ ที่ข้าหมายถึงก็คือเหรียญตราจักรวรรดิ” ลู่โจวพูดออกมาอย่างเยือกเย็น
‘เหรียญตราจักรวรรดิคือดาบดีๆ อย่างงั้นหรอ? ‘ คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นต่างก็รู้สึกสับสน
เจียงอาเฉียนได้เอามือเกาหัวก่อนที่จะพูดออกไป “ถ้าหากท่านผู้อาวุโสมอบสิ่งนี้ให้กับคนทางพระราชวัง ข้าคิดว่ามันจะต้องเป็นประโยชน์กับท่านอย่างยิ่งแน่ ท่านผู้อาวุโสไม่คิดว่ามันจะเสียของอย่างงั้นหรอที่จะมอบเหรียญตราอันนี้ให้กับข้าน่ะ? ข้าน่ะเป็นคนขี้ขลาด ข้าไม่กล้าพอที่จะออกคำสั่งกับคนอื่นหรอก”
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะตอบกลับมา “ของชิ้นนี้คือเหรียญตราจักรวรรดิ นอกจากมันจะสามารถใช้ออกคำสั่งได้แล้วมันยังเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เข้าไปยังห้องเก็บของของทางพระราชวังได้ เจ้าไม่คิดบ้างหรอกว่าทำไมเหล่าราชวงศ์ถึงพยายามตามหาของชิ้นนี้กัน? “
เจียงอาเฉียนรู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของลู่โจว เขาไม่ใช่คนเดียวที่รู้วิธีการใช้มัน ทำไมคนนอกอย่างเขาถึงรู้วิธีการใช้เหรียญตราจักรวรรดิได้กัน
“ถ้าหากเป็นแบบนั้นท่านผู้อาวุโส ท่านต้องการที่จะหลอกใช้ข้าอย่างงั้นหรอ? ถึงแม้ว่าข้าอยากจะครอบของวิเศษดีๆ ก็ตาม แต่ถ้าหากข้าถือครองของชิ้นนี้คนจากทางพระราชวังจะไม่ออกตามล่าตัวข้าหรอกหรอ? ” เจียงอาเฉียนได้ถามออกไป
“เจ้าน่ะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะเก็บของสิ่งนี้เอาไว้ เจ้าน่ะเป็นเจ้าชาย และเจ้าก็ยังเป็นผู้ที่หลงใหลในดาบ เจ้าน่ะเป็นเพียงคนเดียวที่จะเข้าใกล้ห้องเก็บของนั่นได้ อย่าเพิ่งรีบร้อนที่จะปฏิเสธไป ดาบดีๆ ที่ข้าบอกกับเจ้าถูกเก็บไว้ในห้องเก็บของ ดาบเล่มนั้นมีชื่อว่าดาบคีตะมังกร” ลู่โจวได้พูดขึ้น [หมายเหตุนักแปล: คีตะมีความหมายว่าการขับขาน/การร้องเพลง]
“ดะ ดาบ? คะ คีตะมังกร? ” เจียงอาเฉียนได้อุทานออกมาอย่างไม่เชื่อ ถึงแม้ว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของลู่โจวแต่ถึงแบบนั้นมันก็ยากที่จะเชื่อได้อยู่ดี
ฮั๊ววู่เด๋าเองก็ตกใจ “ดาบคีตะมังกรว่ากันว่าเป็นอาวุธระดับสรวงสวรรค์ มันเป็นอาวุธที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วยุทธภพในเมื่อหลายร้อยปีก่อน ความคมของดาบเล่มนั้นว่ากันว่าไม่มีสิ่งใดที่เทียบกับมันได้! หลายคนในยุทธภพต่างก็ตามหาดาบเล่มนี้มาตลอดชีวิต แต่ถึงแบบนั้นกลับไม่มีใครเจอ ข้าไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่ามันจะอยู่ในพระราชวังได้”
หยวนเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ถามออกมาอย่างสงสัย “ผู้อาวุโสฮั๊ว ดาบเล่มนั้นยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยหรอ? “
ฮั๊ววู่เด๋ารีบตอบกลับไปในทันที “ยอดเยี่ยมแน่นอน! มันเป็นอาวุธสรวงสวรรค์ เป็นอาวุธในตำนานเลยก็ว่าได้ โดยปกติแล้วอาวุธระดับสรวงสวรรค์จะต้องยอมรับเจ้าของของมันซะก่อนถึงจะสามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาไป แต่ดาบคีตะมังกรไม่ใช่แบบนั้น มันเป็นอาวุธที่ไม่เคยมีเจ้าของมาก่อน ไม่มีผู้ใช้ดาบคนไหนที่ถูกยอมรับว่าเป็นเจ้าของมาก่อนเลย”
ทุกๆ คนต่างก็ตื่นตกใจ ถ้าหากจะให้ตีความคำพูดเป็นอีกนัยหนึ่ง ผู้อาวุโสฮั๊วกำลังจะบอกว่าดาบคีตะมังกรไม่เคยมีใครสามารถปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมาได้เลย
“นี้ท่านกำลังบอกว่าอาวุธชิ้นนี้เป็นอาวุธที่มีระดับที่สูงกว่าอาวุธระดับสรวงสวรรค์อย่างงั้นอีกหรอ? ” หยวนเอ๋อถามออกมาอย่างสงสัย
“ไม่เคยมีอาวุธชิ้นไหนที่มีระดับสูงกว่าอาวุธระดับสรวงสวรรค์ได้…ข้าก็แค่บอกว่ามันเป็นอาวุธที่สุดยอดกว่าอาวุธระดับสรวงสวรรค์ธรรมดาๆ ทั่วๆ ไป” ฮั๊ววู่เด๋าตอบกลับ
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ไม่สามารถที่จะหักห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป เธอรีบหันมาหาลู่โจวก่อนที่จะพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ท่านอาจารย์ ท่านมอบอาวุธชิ้นนั้นให้กับข้าเถอะ อาวุธชิ้นนั้นไม่เหมาะกับเจ้านั่นหรอก! “
เจียงอาเฉียนรีบเก็บเหรียญตราจักรวรรดิเข้ากระเป๋าตัวเอง หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้พูดออกมาอย่างไร้ยางอาย “ไม่ ไม่ ไม่ ข้าชอบของสิ่งนี้มากท่านผู้อาวุโส ไม่ต้องกังวล! ข้าจะตั้งใจทำงานหนักให้มากกว่านี้ ข้าพอใจกับของสิ่งนี้มาก การเดินทางในครั้งนี้ช่างคุ้มค่ากับข้าจริงๆ ” หลังจากนั้นเขาก็ได้โบกมือก่อนที่จะเดินไปยังทางออก “ทุกๆ ท่านข้ามีบางอย่างที่จะต้องรีบทำ เพราะแบบนั้นข้าขอตัวก่อน! เอ่อสาวน้อย หยุดจ้องหน้าข้าได้แล้ว”
“เจียงอาเฉียน…” ลู่โจวพูดออกมาอย่างเยือกเย็น
“ไม่จำเป็นจะต้องไปส่งข้าหรอกท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ทางกลับดี” เจียงอาเฉียนเอามือจับเหรียญตราจักรวรรดิเอาไว้ตลอดเวลาในขณะที่เดินกลับไป เขากังวลว่าหยวนเอ๋อจะวิ่งตามตัวเขาออกมา
“บอกต่อข้อความของข้า”
เจียงอาเฉียนหยุดเดินกลางคัน หลังจากนั้นเขาก็ถามออกมา “ข้อความอะไรกันท่านผู้อาวุโส? “
“เหวยซู่หยาน เจ้านั่นน่ะเป็นตัวการสำคัญที่ก่อเหตุกวาดล้างในหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์…ข้าหวังว่าเจ้านั่นจะยอมจำนนและยอมรับผิดแต่โดยดี” ลู่โจวพูดออกมาอย่างเยือกเย็น คำพูดของเขาได้ทำให้ห้องโถงใหญ่ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“ท่านผู้อาวุโส ท่านกำลังล้อเล่นกับข้าสินะ? เหวยซู่หยานเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการกองทัพใหญ่ เขาเป็นแม่ทัพคนสำคัญเลยก็ว่าได้ การเรียกร้องให้คนใหญ่คนโตแบบนั้นยอมรับผิด บางทีมันอาจจะเกิดความวุ่นวายขึ้นก็เป็นได้” เจียงอาเฉียนได้พูดต่อไป “ยิ่งไปกว่านั้นพลังวรยุทธของแม่ทัพเหวยยังลึกล้ำอีกด้วย ข้าเองเคยได้ยินข่าวลือมา แม่ทัพคนนั้นแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับฝานซุยเหวินผู้นำของเหล่าอัศวินดำเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้แม่ทัพเหวยยังมีลูกน้องหลายคนภายในพระราชวัง…ข้าคิดว่าการที่จะขึ้นไปบนสวรรค์มันง่ายกว่าการที่ทำให้ชายคนนั้นยอมรับผิดซะด้วยซ้ำ”
ลู่โจวได้เอามือไขว้หลังก่อนที่จะพูดออกมา “เมื่อผู้คนกลับมามีอำนาจได้ การที่จะให้ยอมรับผิดแต่โดยดีคงเป็นเรื่องไม่ง่ายแน่ ข้าเองก็เข้าใจความรู้สึกดี แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ไม่ชอบความหมายของมันหรอก”
เจียงอาเฉียนได้เอ่ยปากถามขึ้น “ท่านผู้อาวุโสไม่กลัวองค์ชายองค์ที่สองเลยอย่างงั้นหรอ? ภูเขาทองของท่านน่ะมีศัตรูมากมายหลายคน ข้ารู้ดีว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าของท่านแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นการเป็นศัตรูกับคนทั่วทั้งใต้หล้าก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย…ทางพระราชวังที่ท่านกำลังจะต่อสู้ด้วยจะต้องมียุทธวิธีของตัวเองในการทำให้โลกแห่งนี้สงบสุขเรื่อยมา ข้าคิดว่าสิ่งนั้นจะต้องมีพลังอำนาจมากแน่”
ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าน่ะผิดแล้ว”
“ฮะ? “
“เหวยซู่หยานจะต้องตายไม่ช้าก็เร็ว ในตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าเจ้านั่นจะเลือกตายยังไงก็เท่านั้น” ลู่โจวพูดออกมาอย่างเยือกเย็น
“เอ่อ…” เจียงอาเฉียนได้ลูบคางของตัวเองก่อนที่จะคิดอะไรบางอย่าง “เอาเป็นว่าข้าจะส่งสารนั่นให้เอง”
ลู่โจวพยักหน้าตอบรับก่อนที่จะพูดออกมา “ส่งแขกของเราซะ”
“รับทราบ! “
เจียงอาเฉียนได้พูดออกมาอีกครั้ง “ก่อนข้าจะจากที่นี่ไป ข้าอยากที่จะรู้อะไรบางอย่าง ท่านเห็นอะไรในตัวข้ากันแน่ท่านผู้อาวุโส? ข้าไม่คิดว่ากับแค่ความสามารถในการหาข่าวจะทำให้ท่านเก็บตัวข้าเอาไว้แบบนี้”
ลู่โจวโบกมือให้อย่างไม่แยแส เขาไม่ได้คิดที่จะตอบกลับเจียงอาเฉียน ตัวเขาแค่ส่งสัญญาณให้กับเหล่าผู้ฝึกยุทธหญิงส่งเจียงอาเฉียนออกจากภูเขาไปก็เท่านั้น
เจียงอาเฉียนที่เห็นลู่โจวไม่สนใจจะตอบคำถามรู้สึกช่วยไม่ได้ เขาหันหลังกลับไปก่อนที่จะพูดอะไรทิ้งเอาไว้เป็นสิ่งสุดท้าย “ข้าคิดว่าท่านผู้อาวุโสจะต้องเคยอยู่ในพระราชวังมาก่อนแน่ ถ้าหากท่านไม่ได้ไปที่นั่นท่านก็คงไม่มีเหรียญตราจักรวรรดิภายในครอบครองแบบนี้แน่” เจียงอาเฉียนหัวเราะออกมาก่อนที่จะพูดต่อ “ท่านผู้อาวุโสลืมมันไปซะเถอะ มันไม่ได้สำคัญอะไรอีกต่อไป ข้าขอตัวก่อน…”
หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นได้โค้งคำนับก่อนที่จะเริ่มพูดขึ้น “ท่านอาจารย์ แม้ว่าชายคนนั้นจะดูดื้อด้านและดูไม่เหมือนกับเจ้าชาย แต่ข้าคิดว่าเจ้านั่นจะต้องมีความสามารถแน่ พวกเราควรจะเก็บเขาเอาไว้สินะครับ? “
“ไม่จำเป็นจะต้องรีบทำอะไรหรอก เจ้านั่นน่ะยังมีประโยชน์อยู่” ลู่โจวพูดตอบกลับมา
ฮั๊ววู่เด๋าเองก็โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมาเช่นกัน “ท่านปรจารย์ ข้าเองก็อยากที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่ข้ากำลังลังเลอยู่ว่าจะพูดออกมาดีไหม”
“ฮั๊ววู่เด๋า” เสียงของลู่โจวดูเข้มงวดมากขึ้น “ระวังสถานะของเจ้าให้ดี…ความอดทนของข้าเองก็มีขีดจำกัดเช่นกัน”
ฮั๊ววู่เด๋าเงียบลงทันที เขาพยักหน้าอย่างเชื่อฟังก่อนที่จะไม่พูดอะไรอีกต่อไป
หมิงซี่หยินพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสฮั๊ว ท่านน่ะไม่ได้เป็นศิษย์สำนักหยุนอีกแล้ว ท่านน่ะเป็นผู้อาวุโสของศาลาปีศาจลอยฟ้าแล้ว ท่านน่ะควรดูสถานะของตัวเองให้รอบคอบกว่านี้จะดีกว่า ข้าคิดว่าท่านจะต้องเสียใจแน่ถ้าหากเลือกข้างผิด ท่านน่ะควรจะไตร่ตรองให้ดีก่อนว่าจะเป็นมิตรหรือจะเป็นศัตรูของพวกเราดี”
ต้วนมู่เฉิงยกหอกราชันย์ขึ้นก่อนที่จะกระแทกลงบนพื้นอย่างรุนแรง
แคล๊ง!
พื้นหินถูกทำลายไปส่วนหนึ่งในทันที
“ผู้ทรยศจะต้องตายเท่านั้น! “
“…”
ลู่โจวมองไปที่ฮั๊ววู่เด๋าอย่างไม่แยแส ถ้าหากไม่ใช่เพราะความภักดีที่มีเพียง 5% เท่านั้น ฮั๊ววู่เด๋าก็คงจะพูดสิ่งที่อยากพูดเกี่ยวกับฝานเชียวออกมาแล้ว
ฮั๊ววู่เด๋าดูเหมือนจะตระหนักได้แล้วว่าเขามีสถานะอะไร ในตอนนั้นเองเขาก็ได้พูดออกมา “ข้าผิดไปแล้ว”
เมื่อลู่โจวเห็นแบบนั้นเขาก็ได้พูดออกมา “แม้ว่าผนึกตราประทับทั้งหกของเจ้าจะทรงพลัง แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ”
ฮั๊ววู่เด๋าผู้ที่คลั่งไคล้การฝึกยุทธรู้สึกมีพลังทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น เขารีบคารวะลู่โจวก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านปรมาจานย์ได้โปรดชี้แนะข้าด้วยเถอะ”
“พลังร่างอวตารของเจ้ามีดอกบัวกี่กลีบกัน? “
“ข้ายังคงไม่คืบหน้าตั้งแต่ 20 ปีที่ผ่านมา เพราะแบบนั้นข้าเลยมีพลังร่างอวตารดอกเพียง 6 กลีบเท่านั้น”
หมิงซี่หยินและต้วนมู่เฉิงต่างก็รู้สึกตกใจ พวกเขาทั้งคู่ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงไม่สามารถทำลายการป้องกันที่ฮั๊ววู่เด๋ามีก่อนหน้านี้ได้ ก่อนหน้านี้ฮั๊ววู่เด๋ายังไม่ได้ใช้พลังร่างอวตารของตนซะด้วยซ้ำ แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่อาจที่จะทำลายการป้องกันของผนึกตราประทับทั้งหกได้ ฮั๊ววู่เด๋าเป็นยอดฝีมืออย่างไม่ต้องสงสัย
“ที่นี่เองมีคัมภีร์ผนึกตราประทับทั้งหกและคัมภีร์เกี่ยวกับร่างอวตารดอกบัวทั้งหกอยู่ เจ้าน่ะสามารถอ่านคัมภีร์พวกนั้นได้ในยามว่างได้ผู้อาวุโสฮั๊ว” ลู่โจวลูบเคราของเขาก่อนที่จะพูดออกมา
ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พูดออกมาด้วยความเคารพ “ขอบคุณมากท่านปรมาจารย์” แม้แต่ประชาชนคนทั่วไปเองก็รู้ดีว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าเก็บสมบัติล้ำค่า, คัมภีร์ต่างๆ รวมไปถึงอาวุธมากมายหลายอย่างเอาไว้ ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็ใฝ่ฝันที่จะครอบครองของล้ำค่าเหล่านี้ เมื่อม่านพลังป้องกันถูกทำลายไปในตอนนั้น ทั้งสำนักเที่ยงธรรมรวมไปถึงสำนักบริสุทธิ์ต่างก็ค้นหาสมบัติล้ำค่าที่มีในภูเขาทองแห่งนี้ และเมื่อได้ยินแบบนั้นผู้อาวุโสฮั๊วเองจึงตื่นเต้นและดีใจมากนั่นเอง
ในตอนนั้นเองห้องโถงใหญ่ได้เงียบลงอีกครั้ง
ผู้ฝึกยุทธหญิงคนหนึ่งได้เดินเข้ามาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านปรมาจารย์ ท่านเจ้าสำนัก…”
“ที่นี่ไม่มีเจ้าสำนัก! ” ต้วนมู่เฉิงตำหนิผู้ฝึกยุทธหญิงคนนั้นในทันที
ผู้ฝึกยุทธหญิงได้ยกยี่เทียนซินให้กลายเป็นเจ้าสำนักของพวกเธอตั้งแต่ที่เข้าร่วมศาลาปีศาจลอยฟ้าแห่งนี้
ผู้ฝึกยุทธหญิงคนนั้นตกใจ เธอพยักหน้าออกมาก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงคำพูดใหม่ “ยะ…ยี่เทียนซิน เอ่อ…”
“เกิดอะไรขึ้นกัน? ” ลู่โจวถามออกมาอย่างเย็นชา
“ยี่เทียนซินในตอนนี้หมดสติไปแล้ว ข้าเกรงกว่า…ข้าเกรงว่านางอาจจะไม่รอดแน่! “