My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 156
ยู่จงและต้วนหยานฮงต่างก็จ้องมองผู้ที่เป็นหัวหน้าอย่างตื่นตกใจ
“ท่านหัวหน้า! “
“หัวหน้า! “
“เจ้าทำอะไรลงไปกัน? ” ยู่จงได้ตะโกนออกมา
ฝานซงที่เห็นแบบนั้นก็ได้ใช้เวลาครู่หนึ่งปะติดปะต่อเรื่องจนพูดออกมาอีกครั้ง “หุบปากซะ! ฝานซุยเหวินต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในเวทมนตร์คาถาแห่งความหลงใหล ท่านปรมาจารย์ศาลาปีศาจลอยฟ้าน่ะช่วยคลายมนตร์สะกดให้ เจ้าควรที่จะขอบคุณท่านปรมาจารย์มากกว่า! “
“เวทมนตร์คาถาแห่งความหลงใหล? ” ยู่จงถึงกับตกตะลึง
“เจ้าก็ดูด้วยตัวเองซะ! ” ฝานซงเคยเรียนรู้การใช้เวทมนตร์คาถาเบื้องต้นมาก่อน ถ้าหากเป็นผู้ที่ไม่เคยศึกษาเรื่องเวทมนตร์คาถามาก่อนก็ไม่แปลกเลยที่จะไม่เข้าใจสิ่งนี้ ความสามารถของลู่โจวที่สามารถคลายผนึกพลังวรยุทธของสำนักแห่งความบริสุทธิ์ได้ด้วยการใช้ฝ่ามือเพียงฝ่ามือเดียวเหนือความคาดหมายที่ฝานซงมีไปมาก
ในตอนนั้นเองช่วงเวลาแห่งความว่างเปล่าก็ได้หมดไป ฝานซุยเหวินได้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ตัวเขาที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้รีบพูดออกมาในทันที “ใครที่กล้ามาทำให้ข้าขุ่นเคืองคนคนนั้นต้องตาย! “
ฝานซุยเหวินได้ใช้สุดยอดเคล็ดวิชาจากลัทธิเต๋าในทันที และเพราะพลังร่างอวตารดอกบัวทั้งแปดแห่งร้อยวิถีทำให้พลังของฝานซุยเหวินแกร่งกล้ามากยิ่งขึ้น
อดีตผู้ที่เคยอยู่บนจุดสูงสุดในบัญชีดำได้กลับมาแล้ว
ยู่จงและต้วนฉานฮงต่างก็ตกใจเมื่อได้เห็นแบบนั้น
9 คนทรงที่เห็นแบบนั้นเองก็ตกใจเช่นกัน จู่ๆ ผู้พลังร่างอวตารที่มีดอกบัวกว่า 8 กลีบก็ได้ปรากฏขึ้น
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
เงาจำนวนมากได้ปรากฏออกมา มันได้พุ่งเข้าใส่วู่เซียนในทันที พลังทั้งหมดราวกับเป็นห่าฝนกลุ่มลูกธนู!
ฝานซงที่เห็นแบบนั้นตกตะลึงเป็นอย่างมาก “นี่จะต้องเป็นพลังที่แท้จริงของเขาสินะ”
“พลังของผู้ฝึกยุทธที่มีร่างอวตารดอกบัว 8 กลีบ…”
“ฝานซุยเหวินได้แยกตัวออกไปอย่างสันโดษกว่าหลายศตวรรษแล้ว แล้วม่อหลี่คือใครกัน? ทำไมเจ้านั่นถึงสามารถควบคุมฝานซุยเหวินผู้ที่สามารถใช้พลังร่างอวตารดอกบัวทั้งแปดแห่งร้อยวิถีได้? “
การโจมตีของฝานซุยเหวินได้ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าและผืนดิน แม้แต่ผู้นำของสิบคนทรงอย่างวู่เซียนเองก็ถึงกับเสียเปรียบ
“ท่านวู่เซียน” คนทรงคนอื่นๆ ได้ตะโกนขึ้น
“ข้าต่างหากคือคนที่เจ้าจะจับตามอง” ต้วนมู่เฉิงได้ควงหอกราชันย์ของเขาก่อนที่จะโจมตีคนอื่นๆ
“อย่าลืมข้าซะล่ะ! ” หมิงซี่หยินเองก็ลอยไปบนอากาศก่อนที่จะเอาเคียวพื้นพิภพออกมาเช่นกัน
ศิษย์ทั้งคู่ของลู่โจวต่างก็ครอบครองอาวุธระดับสรวงสวรรค์เอาไว้ เมื่อเทียบกับคนทรงทั้งเก้าที่มีพลังวรยุทธดอกบัว 3-4 กลีบเท่านั้น เหล่าคนทรงทั้งหลายคงจะไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้แน่ แต่ถึงแบบนั้นคู่ต่อสู้ทั้งหมดของพวกเขามีถึง 9 คนด้วยกัน ปัญหาในตอนนี้อยู่ที่จำนวนคนนั่นเอง!
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ฝึกฝนการใช้เวทมนตร์คาถา แต่ถึงแบบนั้นการจะใช้เวทมนตร์คาถามันจะต้องใช้เวลาในการร่ายเวทซะก่อน ต้วนมู่เฉิงและหมิงซี่หยินในตอนนี้ยังคงเสียเปรียบกว่าทางด้านจำนวน พวกเขาจะสามารถเอาชนะเก้าคนทรงที่เหลือได้ยังไงกัน?
“ท่านหัวหน้า! ” ยู่จงและต้วนมู่เฉิงจ้องมองไปที่หัวหน้าของพวกเขา อัศวินดำทั้งสองคนได้เต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะเป็นแขนและขาให้กับฝานซุยเหวิน พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เชื่อใจผู้นำคนนี้อย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อเห็นฝานซุยเหวินกลับมาต่อสู้อย่างเต็มพลังอีกครั้ง พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่อาจที่จะทนนิ่งดูดายได้อีกต่อไป
ลู่โจวลูบเคราตัวเองก่อนที่จะพูดขึ้น “พวกเจ้าเห็นแล้วรึยัง? “
ฝานซงอธิบายเสริมขึ้น “เล้งลั่วน่ะถูกควบคุมอยู่ พวกเจ้าสี่พี่น้องก็ไม่ต้องอะไรจากเบี้ยในเกมๆ นี้ ในตอนนี้คนที่คุมพวกเจ้าทั้งหมดอยู่ต่อหน้าพวกเจ้าแล้ว! “
“สิบคนทรง…” ยู่จงและต้วนฉานฮงได้อยู่เรือลำเดียวกันกับฝานซุยเหวินแล้ว พวกเขาทั้งหมดอยู่บนเรือลำเดียวกันตั้งแต่เริ่ม และในตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกเปิดเผยมาแล้ว ดังนั้นไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะไม่รู้สึกโกรธ
ฝานซงเองได้เดินมาหาพวกเขาทั้งสองคน ตัวเขาได้ใช้ฝ่ามือก่อนที่จะซัดเขาใส่อัศวินดำทั้งสองอย่างรวดเร็ว
พรึ๊บ! พรึ๊บ!
พันธนาการที่ผนึกพลังยุทธของพวกเขาเอาไว้ในตอนนี้ถูกปลดปล่อยแล้ว! พลังลมปราณทั้งหมดกลับมาไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกายอีกครั้ง ในที่สุดความรู้สึกอันคุ้นเคยก็ได้กลับมาหาพวกเขาทั้งสองคนอีกครั้ง
ลู่โจวเหลือบมองทั้งสองคนอย่างใจเย็น
ยู่จงและต้วนหยานฮงไม่กล้าที่จะต่อต้านปรมาจารย์จากศาลาปีศาจลอยฟ้าคนนี้อีกต่อไป ฝ่ามือทั้งเก้าของลู่โจวสามารถจัดการผู้ใช้พลังร่างอวตารดอกบัวทั้งเจ็ดได้ในการโจมตีเดียว เร็นบู้ผิงที่ถูกการโจมตีไปได้ตายในทันที ในตอนนี้ความกลัวที่ได้เห็นภาพนั้นก็ยังคงติดตาพวกเขาทั้งสองคนอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นปรมาจารย์จากศาลาปีศาจคนนี้ยังไม่ใช่ฝ่ายผิด ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดได้อยู่ตรงหน้าของพวกเขาแล้ว
ยู่จงและต้วนหยานฮงได้สบตากันก่อนที่จะลอยขึ้นไปที่กลางอากาศ “ให้พวกเราร่วมด้วย! “
การเพิ่มคู่ต่อสู้ถึง 2 คนทำให้สร้างความกดดันให้กับสิบคนทรงเป็นอย่างมาก
ถ้าหากมิงซี่หยินและต้วนมู่เฉิงสามารถเอาชนะศัตรูทั้งสองคนได้ การที่ยู่จงและต้วนหยานฮงจะรับมือกับสิบคนทรงทีละคนก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
ในตอนนี้ยังเหลือคนทรงทั้งหมด 3 คนด้วยกัน
ลู่โจวชำเลือกมองทั้งวู่จี, วู่เผิง และวู่เจิน นอกเหนือจากวู่เซียนแล้วทั้งสามคนเป็นคนทรงที่มีพลังมากที่สุดแล้วนั่นเอง
วู่เซียนในตอนนี้ได้ลอยสูงขึ้นเหนือท้องฟ้า ตัวเขาได้ลอยสูงไปกว่ารถม้าล่องเมฆาแล้ว ในตอนนั้นเองฝานซุยเหวินก็ตามไปติดๆ ฝานซุยเหวินที่ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายได้เปรียบได้เริ่มต้นพูดขึ้น “เจ้าน่ะเอาชนะข้าไม่ได้หรอก สิบคนทรง! “
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้พูดขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าลืมข้าไปแล้วสินะ”
ลู่โจวไม่อยากที่จะเสียเวลาพูดอีกต่อไป ตัวเขาได้ใช้การ์ดคลื่นพลังสายฟ้าออกมาจากมืออย่างรวดเร็ว! ลู่โจวในตอนนี้เล็งไปที่วู่จี, วู่เผิงและวู่เจิน การ์ดคลื่นพลังสายฟ้าได้แปรเปลี่ยนเป็นสายฟ้าก่อนที่จะพุ่งหาพวกเขาทั้งสามคนไป!
คนอื่นๆ ที่เห็นแบบนั้นต่างก็ตื่นตกใจ
ลู่โจวที่ใช้การ์ดทั้งสามใบเสร็จได้ยืนเอามือไขว้หลังเพื่อเฝ้ามองผลจากการโจมตี
เมฆลมแปรปรวน ในตอนนั้นเองเกิดฟ้าร้องขึ้นอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นพลังทั้งหมดก็ได้ผสมกันจนกลายเป็นสายฟ้า
คนทรงทั้งสามรีบเสกม่านพลังป้องกันตัวเองในทันที ในตอนนี้ไม่มีเวลาที่พวกเขาจะวิ่งหนีได้ทัน คลื่นพลังสายฟ้ามีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าหลายเมตรด้วยกัน มันเป็นสายฟ้าที่แม้แต่คนทรงเองก็ยังไม่เคยเห็นเช่นกัน
‘นี่มันไม่ใช่คลื่นสายฟ้า! มันจะต้องเป็นสายฟ้าจากสวรรค์มากกว่า! ‘
เมื่อวู่จีเห็นพลังสายฟ้า ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวังในทันที ‘เป็นไปได้ไหมว่าสิบคนทรงจะเป็นคนผิดเองกัน? ถ้าหากพวกเราไม่ผิดจริงๆ ก็คงจะไม่ถูกสายฟ้าจากสรวงสวรรค์ลงทัณฑ์แบบนี้หรอก’
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
พลังสายฟ้าขนาดใหญ่ทั้งสามเส้นได้ตรงใส่เป้าหมายของพวกมัน คนทรงทั้งสามที่ถูกพลังเข้าไปเต็มๆ ได้กระเด็นถอยกลับไป
วู่จีกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ในตอนนั้นเองร่างกายของเขาก็ได้ส่องแสงสีม่วงออกมาก่อนที่จะแหลกสลายกระจัดกระจายไปในอากาศ
หัวใจของลู่โจวเต้นไม่เป็นจังหวะ ในตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนจากระบบ
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายได้ ได้รับรางวัล: 100 แต้มบุญ”
‘โอกาสในการสังหาร 1% เท่านั้น! ไอหมอผีนั่นคงได้แต่โทษตัวเองในความโชคร้ายแล้วล่ะ! ‘ ลู่โจวได้ส่ายหัวก่อนที่จะใช้ความคิดต่อ ‘โชคดีที่ฉันไม่ได้ใช้การ์ดการโจมตีของเพรชฆาตไป ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงนี่จะต้องขาดทุนยับแน่’
เมื่อลู่โจวสังหารร่างทรงไป ตัวเขาจะได้แต้มบุญจากเจ้าของร่างผู้มีชีวิตเท่านั้น ส่วนเป้าหมายอีกสองคนของลู่โจวได้รับบาดเจ็บและได้รับบาดเจ็บสาหัสไปตามลำดับ
‘ดูเหมือนว่าดวงของฉันจะเริ่มมาแล้วสินะ’ เมื่อไม่นานมานี้ไม่ว่าจะเป็นการเปิดกล่องหรือการปรากฏตัวของวิซซาร์ด หรือแม้แต่โอกาสในการสังหารเพียง 1% ก็ดี ความโชคดีทั้งหมดนี้ทำให้ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ลู่โจวคงครุ่นคิดต่อไป แต่ในตอนนั้นเองเสียงของวู่เซียนก็ได้ปลุกเขาให้ตื่นจากการใช้ความคิด
“เหลือเวลาอีกไม่มากนัก รีบมาหาข้าซะ! ” วู่เซียนตกใจที่ฝานซุยเหวินสามารถสร้างปัญหาให้กับตัวเขาได้มากขนาดนี้ ความโกรธที่มีเริ่มเดือดพล่านอยู่ภายในตัวของเขามากขึ้น ในตอนที่วู่เซียนถูกความโกรธเข้าครอบนำในตอนนั้นเองตัวเขาก็ได้ยินเสียงในหัว ‘ท่านวู่เซียน ได้โปรดอย่าทำลายตัวเอง! ‘
ในขณะที่วู่เซียนหลบหลีกการโจมตีของฝานซุยเหวินไปเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็ได้พูดออกมาอีกครั้ง “พวกเจ้าทั้งหมดทำให้สิบคนทรงอย่างพวกข้าต้องอับอายขายหน้า ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้รู้ซึ้งเองว่าการที่จะลบหลู่พวกข้าจะได้รับโทษทัณฑ์อะไร! “
“พวกเราทั้งหมดได้สาบานเอาไว้แล้วว่าจะติดตามท่านวู่เซียนไปจนวันตาย! ” คนทรงทั้งแปดได้พูดออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็รีบสั่งขึ้นมา “บินขึ้นซะ! “
“ค่ะ ท่านอาจารย์! ” หยวนเอ๋อและจ้าวยู่ต่างก็ใส่พลังลมปราณเพิ่มมากขึ้นเพื่อที่จะใช้งานรถม้าล่องเมฆาอีกครั้ง
ในขณะที่วู่เซียนกำลังต่อสู้กับฝานซุยเหวิน ในตอนนั้นพลังเวทมนตร์คาถาทั้งหมดจึงได้อ่อนพลังลง และเพราะแบบนั้นรถม้าล่องเมฆาจะต้องสามารถลอยออกจากเวทมนตร์คาถาได้อย่างง่ายดาย
รถม้าล่องเมฆาที่ออกจากเวทมนตร์คาถาไปได้ได้ส่องแสงสว่างออกมาอีกครั้ง
เมื่อรถม้าล่องเมฆาได้บินออกไปที่ขอบเขตของเวทมนตร์คาถาได้จ้าวยู่ก็เป็นคนตะโกนเรียกศิษย์พี่ทั้งสอง “ศิษย์พี่สาม! ศิษย์พี่สี่! “
หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พูดพร้อมรอยยิ้มออกมา “วันนี้ข้าคงจะยังเอาชนะพวกเจ้าทั้งสองคนไม่ได้…เป็นอย่างที่คาดเอาไว้จริงๆ สิบคนทรงแข็งแกร่งยิ่งนัก! ” หลังจากพูดจบหมิงซี่หยินก็ได้ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
ต้วนมู่เฉิงเองก็ทำเช่นกัน เขาได้ดึกหอกราชันย์ของตัวเองกลับมาก่อนที่จะพูดทิ้งท้าย “ลูกผู้ชายที่แท้จริงจะต้องเป็นคนที่ยืดหยุ่นได้เสมอ สักวันหนึ่งพวกเราจะกลับมาสู้กันใหม่! “
ยู่จงและต้วนหยานฮงต่างก็ตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น
ในขณะเดียวกันฝานซุยเหวินก็ยังใช้พลังผ่านร่างอวตารของเขาอย่างไม่หยุดยั้ง “ม่อหลี่! แม้ว่าข้าจะต้องตายจากไปแต่เจ้าจะไม่มีวันเป็นสุขแน่! “
“ท่านหัวหน้า! “
“ยู่จง! ต้วนหยานฮง! ถ้าหากพวกเจ้ากลัวที่จะตายแล้วละก็ รีบไปซะ! ข้าเล้งลั่วจะจัดการเจ้าพวกนี้ที่นี่เอง! “
เล้งลั่วได้อยู่ใกล้วู่เซียนมากไป ในตอนนี้พลังร่างอวตารของเขาถูกพลังเวทมนตร์คาถาของวู่เซียนพันธนาการเอาไว้แล้ว
ทั้งสองคนต่างก็อยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน ในตอนนี้เหลือเพียงใครจะอยู่เป็นคนสุดท้ายก็เท่านั้น วู่เซียนเองก็มีเวลาจำกัด ถ้าหากการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ตัวเขาก็คงจะเอาชนะฝานซุยเหวินไม่ได้แน่ ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงวู่เซียนก็คงจะร่ายเวทระเบิดตัวเองใส่ไว้ที่ตัว! มีเพียงเวทระเบิดเท่านั้นที่จะทำลายตัวเองไปพร้อมกับศัตรูได้ ยังไงพวกเขาเหล่าสิบคนทรงก็ได้ตายจากไปแล้ว เพราะแบบนั้นจะมีอะไรให้เสียมากกว่านี้อีก?
ผู้ฝึกยุทธชุดแดงเองก็พยายามที่จะวิ่งหนีให้เร็วที่สุด
มีเพียงผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถหนีไปได้ด้วยเคล็ดวิชาสุดยอด แต่ถึงแบบนั้นผู้ฝึกยุทธชุดแดงทั้งหลายกลับช้าเกินไป!
“แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้เกิดวันเดียวกัน แต่พวกเราจะได้ตายในวันเดียวกัน! ” ยู่จงและต้วนหยานฮงเองไม่ได้บินไปไหน พวกเขาเลือกที่จะบินไปหาวู่เซียนแทน
พลังร่างอวตารทั้งสามได้ยืนประจันหน้าต่อไป
ทันทีที่รถม้าล่องเมฆาเคลื่อนที่ออกจากระยะเวทมนตร์คาถาไป ในตอนนั้นเองก็เกิดการระเบิดขึ้น
การระเบิดในครั้งนี้มีวู่เซียนและเหล่า 8 คนทรงที่เหลือเป็นจุดศูนย์กลาง!