Monarch of Time - ตอนที่ 5 – บิดามารดา
เสียงคำรามสั่นสะเทือนตำหนักตระกูลชุนจนถึงแกนกลาง แม้แต่ข้ารับใช้และคนคุ้มกันในตระกูลก็ต่างรีบคุกเข่าลงด้วยความกลัว
ที่ด้านนอกตระกูลชุน คนเดินถนนหน้าซีดด้วยความหวาดหลัวเมื่อรถม้าแล่นไปทางประตูตำหนักอย่างรวดเร็ว รถม้าหยุดห่างจากชุนหลงไม่กี่ศอกก่อนที่คนขับจะลงจากม้าและรีบคุกเข่า เมื่อประตูรถม้าถูกเตะเปิดออกจากด้านใน ประตูก็กระเด็นไปจนกระทั่งกระแทกกับกำแพงขวนชนกลายเป็นเศษไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ด้านในรถม้ามีชายผู้โกรธเกรี้ยวช่วงอายุ 40 ปีกระโดดลงมา พื้นสั่นสะเทือนเบา ๆ จากเท้าที่กระแทกพื้น เขาตัวสูงเกิน 180 เซนติเมตรและยังสวมชุดหรูหราสีน้ำเงิน ใบหน้าคมของเขาประกอบไปด้วยคิ้วหนา จมูกตั้งตรง ร่างกายของเขายังกำยำ ดวงตาสีดำแทบจะเปลี่ยนเป็นสีเลือดในขณะนี้เพราะตัวเขาที่โกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด
เขาเดินมาทางชุนหลงด้วยความโมโหในทุกย่างก้าวที่สั่นสะเทือนพื้นดิน และก่อนที่ชุนหลงจะรู้ตัว เขาก็รู้สึกได้ว่าที่บ่าของเขามีแรงกดดันมหาศาลจนปวดกระดูกไปหมด
ชายที่เดินเข้ามามองตาชุนหลงและตะโกนใส่คนคุ้มกันประตูตำหนัก 2 คนที่ยืนหน้าตำหนักเมื่อครู่ แต่สองคนนั้นคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความกลัวอยู่แล้ว เสียงของเขาดังจนได้ยินไปทั้งเมืองป่าคราม
“ไปตามอาจารย์ลู่มา!”
เขาไม่รอแม้แต่จะให้ชุนหลงพูดก่อนจะลากตัวชุนหลงไปที่โถงหลักของตำหนักและจับเขานอนลงบนเตียงที่เหล่าคนรับใช้เพิ่งจะยกมา หลังจากมองสภาพร่างกายของชุนหลงจนทั่วเพื่อหาบาดแผลและไม่พบอะไรแล้ว เขาก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกราวกับว่ากลั้นหายใจมาตลอดเวลา
ชุนหลงไม่เคยหลั่งน้ำตามาก่อนในชีวิตที่แล้วไม่ว่าจะต้องเจอกับความยากลำบากเพียงใด ไม่ว่าความเจ็บปวดจะรุนแรงแค่ไหนในชีวิตที่ร่างกายซูบผอมเคยได้รับ แต่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ดวงตาของเขาได้กลายเป็นสีแดงและมีหยดน้ำตา 2 หยดไหลออกมาจากหางตา
เสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกได้เปล่งออกมาในคำเดียว
“ท่านพ่อ”
คำพูดที่ไม่เคยมีโอกาสได้พูดในชีวิตที่แล้วมา และยังเป็นคำพูดที่เขารู้สึกอย่างรุนแรงว่าเขาจะไม่อยากพูดไปตลอดชีวิต
แม้ว่าชุนหลงคนก่อนจะมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับบิดามารดา ชุนหลงในตอนนี้ก็ไม่ได้มีแค่ดวงวิญญาณในอดีตแล้ว
เด็กกำพร้าถูกทิ้งที่ต้องทำงานเพื่อปากท้องมาตลอดชีวิต ไม่เคยมีผู้ใดเลยที่แสดงให้เขาได้เห็นความรักของครอบครัวที่แท้จริงและห่วงใยเขาว่าเป็นอย่างไร ในที่สุดสิ่งที่กั้นขวางความรู้สึกในใจก็ถูกทลายไปเมื่อเห็นความห่วงใยและความรักผ่านความโกรธเกรี้ยวในดวงตาชองชุนฟางผู้เป็นบิดา และเขารู้สึกได้จริงว่านั่นคือความรักความห่วงใยที่ชายคนนี้มีต่อเขา
ในขณะที่ชุนฟางกำลังจะถามบุตรชายว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเมื่อกลับบ้านในสภาพเช่นนี้ สตรีงดงามในอายุสามสิบปลาย ๆ ก็ได้เข้ามาในห้องโถง ทันทีที่ชุนอันได้เห็นเสื้อผ้าขาดวิ่นของลูกชาย นางก็คิดว่าเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นและรีบวิ่งเข้ามากอดและร่ำไห้ในทันที
ชุนหลงรู้สึกได้ว่าความรู้สึกของชุนอันนั้นเหมือนกับความรู้สึกจากชุนฟางไม่มีผิด
‘ท่านแม่’
เขาคิดในหัวและรู้สึกได้จริง ๆ ว่าความรักของแม่ให้ความรู้สึกเช่นใด เขาใช้ทั้งสองมือกอดทั้งบิดาและมารดา
มีเสียงดังในใจของเขาเมื่อตำราโบราณได้ปรากฏถัดจากศิลาสามเหลี่ยมในตัวเขา แต่ชุนหลงไม่มีเวลาที่จะตรวจสอบมันเมื่อพ่อและแม่นั่งตรงหน้าเขา
สุดท้ายชุนฟางก็ได้เอ่ยปากถาม ในเสียงของเขายังคงไว้ซึ่งความโมโห
“ข้าจากเมืองป่าครามไปเพียง 8 วัน เกิดอะไรขึ้นตอนที่ข้าไม่อยู่? ลูกข้าถูกทำร้ายหนักขนาดนี้ได้อย่างไ? กู่ยี่กับกู่ฉีหายไปไหน?”
ชุนฟางและชุนอันอยากจะรู้สาเหตุที่ลูกชายของตนลงเอยอยู่ในสภาพนี้ โดยเฉพาะจากปากของกู่ยี่และกู่ฉี
หรือจะเป็นเพราะว่ากู่ยี่กับกู่ฉีทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ? ทั้งสองคนนั้นติดตามชุนหลงอยู่เสมอในทุกครั้งที่ออกจากตำหนัก
“ท่านพ่อ กู่ยี่กับกู่ฉีตายเพราะปกป้องข้าในวันนี้”
ชุนหลงพูดด้วยเสียงเย็นชา แต่มันมีความโกรธปะปนอยู่ในน้ำเสียงด้วย
“เกิดอะไรขึ้น?”
ชุนฟางกับชุนอันถามด้วยความตกใจ
กู่ยี่และกู่ฉีคือองครักษ์ของชุนหลงและกู่ยี่เป็นยอดฝีมือระดับปฐพีขั้น 2 ส่วนกู่ฉีนั้นเป็นยอดฝีมือระดับปฐพีขั้น 1 ที่มีพลังสูงสุดในขั้น
ต่อให้เป็นทั้งเมืองป่าคราม กู่ยี่กับกู่ฉีก็นับว่าเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นเหตุผลที่ชุนฟางไม่อยากจะเชื่อหูว่าสองคนนั้นตายไปถ้าหากไม่ได้ออกมาจากปากบุตรชาย
การบ่มเพาะพลังนั้นเริ่มจากระดับรวมปราณขั้น 1 ไปจนถึงขั้น 9 และระดับในแต่ละขั้นจะแบ่งเป็นขั้นต้น กลาง และสูง หลังจากผ่านระดับรวมปราณไปแล้วจะเป็นระดับปฐพี ซึ่งการที่ผู้บ่มเพาะพลังระดับปฐพีเสียชีวิตนั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่น่าตกใจมาก
“มีข่าวว่ามีคนที่อยู่รอบนอกป่าครามได้พบกับ ‘ลูกสนแดง’”
ชุนหลงตอบ
“ท่านพ่อรู้ว่าเส้นปราณของข้าถูกขัดขวางและข้าบ่มเพาะพลังไม่ได้ แต่ถ้าหากข้าได้ ‘ลูกสนแดง’ และให้อาจารย์ลู่ปรุงโอสถเปิดปราณให้ข้า ข้าจะเริ่มบ่มเพาะพลังได้”
ก่อนที่ชุนฟางจะได้พูดอะไร ชุนหลงก็พูดต่อ
“ข้ารู้ว่าท่านพ่อรู้สึกไม่ดีที่ข้าบ่มเพาะพลังไม่ได้และคอยค้นหาลูกสนแดงกับวิธีการอื่นเพื่อข้า ต่อให้พ่อไม่ได้พูด ข้าก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง”
ชุนหลงกล่าว
ชุนฟางไม่พูดอะไร เขาหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่อยากจะให้ลูกชายรู้ว่าเขาโศกเศร้าเสมอมาที่ชุนหลงมิอาจบ่มเพาะพลังได้ และเขาค้นหาทุกวิธีที่เป็นไปได้ในการแก้ปัญหาทั้งในเมืองป่าครามหรือในเมืองหลวง
ชุนฟางเองก็เดินทางไปยังป่าครามหลายต่อหลายครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็มิอาจได้สิ่งที่จำเป็นต่อบุตรชาย
“ครั้งนี้ ข้าได้ยินคนเจอ ‘ลูกสนแดง’ ตอนที่ท่านพ่อไปเมืองหลวง ข้าจึงอยู่เฉยไม่ได้และขอให้กู่ยี่กับกู่ฉีไปป่าครามกับข้า แผนข้าคือการค้นหารอบนอกของป่าครามเท่านั้น มีกู่ยี่กับกู่ฉีก็ไม่ต้องกลัวอันตราย
แต่ข้าไม่รู้เลยว่าจะมีคนสวมหน้ากากใส่ผ้าคลุมดำ 5 คนดักซุ่มโจมตีอยู่?!”
ชุนหลงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธ
ชุนฟางและชุนอันเข้าใจเรื่องราวแล้ว ถ้าหากมีคนสวมหน้ากาก 5 คนดักซุ่มโจมตียอดฝีมือระดับปฐพี นั่นก็หมายความว่าผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารครั้งนี้จะต้องหวังที่จะทำร้ายตระกูลชุนโดยการสังหารทายาทแทนที่จะสังหาร 2 องครักษ์และปล่อยชุนหลงให้รอดชีวิต
ชุนหลงอธิบายถึงวิธีการที่คนเหล่านั้นล้อมและจู่โจมพวกเขา และตอนที่พวกมันหนีไปจากวายุสายฟ้าก่อนที่จะปิดงานสังหาร
ชุนฟางและชุนอันโล่งใจ ทั้งคู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทั้งสองขอบคุณกับโชคชะตาที่ทำให้บุตรของตนรอดชีวิตจากความตายได้ ในตอนนั้นเอง องครักษ์คนหนึ่งเข้ามาในห้องโถงและคุกเข่าลงหนึ่งข้าง
“นายท่าน อาจารย์ปรุงยาลู่มาถึงแล้วขอรับ”