Monarch of Time - ตอนที่ 26 – หลิวเม่ย
ในตอนนั้นเอง เสียงหัวเราะสดใสได้ดังมาจากมุมห้อง ทุกคนหันไปมอง
สตรีงดงามน่าหลงใหลยืนอยู่ที่นั่น นางกำลังวาดภาพอันงดงาม
ใบหน้าไร้ที่ติของนางทำให้ทั้งบุรุษและสตรีตกอยู่ในภวังค์
ดวงตาดำสนิทอันเหมือนดั่งค่ำคืนที่ดวงดาวพร่างพราวประดับไปด้วยริมฝีปากแดงสมบูรณ์แบบที่น่าจดจำ
นางสวมชุดยาวสีเขียวที่บ่งบอกว่าเป็นศิษย์ในของนิกาย
ชุนหลงไม่เคยเห็นสตรีคนไหนที่งดงามกว่านางมาก่อนเลยในชีวิต
‘ดาราในชีวิตที่แล้วของข้ายังเทียบกับนางคนนี้ไม่ได้เลย’
เขาคิดขณะที่มองใบหน้างดงามเหนือใต้หล้า ในตอนนั้นเองมีเสียงปลุกเขาขึ้นมา
“มองอะไรของเจ้า?”
เสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจดังมาจากด้านหลังสตรีผู้งดงามไร้ที่ติ
ชุนหลงเห็นสตรีที่น่ารักอีกคนในชุดสีเขียวยืนอยู่ไกลกว่า นางคือคนที่พูดนั่นเอง
‘นางอาจจะดูดีไม่เท่าถ้าเทียบกับนางคนก่อน แต่นางเองก็เป็นสาวงามเช่นกัน’
ชุนหลงคิดเมื่อหันไปมองนางอีกคน
“ดูสิศิษย์พี่ ทุกคนหันมามองเราแล้ว”
ดูเหมือนว่าสตรีที่งดงามกว่าใครจะเป็น ‘ศิษย์พี่’ ขณะที่สาวงามอีกคนที่อยู่ใกล้นางเป็น ‘ศิษย์น้อง’
ไม่มีใครรู้วิธีการที่สองสาวใช้เร้นกายในที่แห่งนี้ มิเช่นนั้นด้วยความงามที่พวกนางมี คงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้คนจะเมินเฉย
“ฮื่ม มองพวกเราแล้วจะเป็นอะไรไป ข้าไม่คิดเลยว่าสำนักปรุงยาในเมืองเมฆาทะยานของเราจะมีระดับเพียงแค่นี้”
“เจ้ากล้าดี…”
ปู้ตู้อวี๋ที่ ‘เพิ่งจะ’ ฟื้นตัวจากลูกเตะของใต้เท้าหลี่เว่ยโกรธเกรี้ยวจากคำพูดของหญิงสาว นางบอกว่ามีบางอย่างที่ไม่ดีในสำนักปรุงยาและปู้ตู้อวี๋จะไม่ยอมให้พวกนางแพร่งพรายความผิดของเขาในเมื่อแม้กระทั่งใต้เท้าหลี่ยังช่วยปกปิดในวันนี้
แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นหลี่เว่ยที่ขัดคำพูดเขาโดยการตบหน้าเขาอย่างแรง
ก่อนที่ปู้ตู้อวี๋จะได้ตอบสนอง หลี่เว่ยเตือนเขาด้วยการขู่
“ถ้าเจ้าพูดอีกคำเดียว เจ้าจะได้ไปเก็บหัวเจ้าที่กลิ้งอยู่บนพื้น”
จากนั้นหลี่เว่ยจึงยิ้มอย่างดีที่สุดแม้จะมองว่าเป็นการกึ่งยิ้มกึ่งร้องไห้ เขาเดินไปหาหญิงสาวชุดเขียวทั้งสองคน
“แม่นางหลิวเม่ยกับแม่นางหลานจินจิง เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มาเยี่ยมสำนักปรุงยาของข้า ได้โปรดอภัยให้กับพวกโง่เขลาที่มีตาหามีแวว หากอยากจะลงโทษเขาก็ทำได้ลย ข้าจะไม่โต้แย้ง”
ปู้ตู้อวี๋ที่ในหัวใจร้อนไปด้วยเพลิงพิโรธรู้สึกเหมือนถูกราดด้วยถังน้ำแข็ง
ชุนหลงเองก็พูดไม่ออกจากความหน้าด้านของหลี่เว่ย
‘นางสองคนจะต้องมีที่มาสูงส่ง มิเช่นนั้นตาแก่นั่นคงจะไม่สุภาพกับพวกนาง’
เขาคิด
ศิษย์น้องหรือก็คือหลานจินจิงมองปู้ตู้อวี๋และพูดอย่างเย็นชา
“เจ้าสมควรตายที่กล้าพูดกับศิษย์พี่ข้าอย่างนั้น!”
ดวงตาหลานจินจิงระเบิดความโมโห นางมองราวกับกำลังจะฉีกกระชากร่างของปู้ตู้อวี๋ให้ขาดสะบั้น ซึ่งหลิวเม่ยหยุดนางเสียก่อน
“เราไม่ควรฆ่าใครในเมืองแม้ว่าจะเป็นคนชั้นต่ำเช่นนี้ก็ตาม ไม่อย่างนั้นเราก็เองเป็นคนอย่างเขาด้วย”
หลิวเม่ยพูดด้วยความเย็นชาและไม่ปกปิดความไม่พอใจต่อปู้ตู้อวี๋ ก่อนที่นางจะหันไปหาใต้เท้าหลี่เว่ย
“ท่านหลี่ ท่านควรจะให้ศิษย์น้องคนนี้ได้เข้ารับการทดสอบ ทุกคนในสำนักแห่งนี้รู้ความจริงอยู่แก่ใจและมันอาจจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงท่านได้ ศิษย์น้องคนนี้เพียงแค่อยากจะรับการทดสอบและถูกนางคนนั้นดูถูก”
หลิวเม่ยชี้ไปที่จิ้งเฟย
จิ้งเฟยหน้าซีดขาวโดยสิ้นเชิง นางรู้ว่าสตรีทั้งสองเป็นศิษย์ในอย่างแน่นอน และครั้งนี้นางไม่รอดแน่
ชุนหลงเองก็แปลกใจ ความกล้าของหลิวเม่ยนั้นทำเขาทึ่ง
ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาประสานหมัดให้นางก่อนจะหันกลับเดินออกจากสำนักปรุงยา ความหมายนั้นชัดเจน
ชุนหลงปฏิเสธความหวังดีของหลิวเม่ย เพราะมันคือศักดิ์ศรีของเขา
ตั้งแต่ที่สำนักปรุงยาไล่เขาออกมาครั้งแรก เขาจะไม่กลับไปต่อให้หลี่เว่ยจะขอร้อง เพราะสิ่งที่เขาต้องการในครั้งนี้นอกจากการทดสอบเป็นนักปรุงยาขั้น 1 คือการพิสูจน์ทฤษฎีเกี่ยวกับวัตถุดิบหลอมโอสถและทดสอบความถูกต้องของความคิดตัวเอง แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีสำนักปรุงยา เขาจะยังคงทำมันได้ มันแค่ต้องใช้เวลาที่ยาวนานกว่าเท่านั้น
หลานจินจิงลิ้นพัน นี่คือครั้งแรกที่มีคนไม่รับความหวังดีอันสุภาพของศิษย์พี่ของนาง ผู้คนมักจะต้องการความช่วยเหลือจากศิษย์พี่ของนาง แต่ชายคนนี้ตรงกันข้าม
หลิวเม่ยไม่โกรธที่ชุนหลงปฏิเสธ มันคือครั้งแรกที่ศิษย์นอกทำให้นางสนใจ นางมองแผ่นหลังอันเดียวดายของชุนหลงที่เดินออกจากสำนักด้วยตาเป็นประกาย
ทันทีที่ชุนหลงออกจากสำนักปรุงยา ก้อนเนื้อก้อนใหญ่ก็กำลังวิ่งมาทางเขา
ชุนหลงหันไปทันทีและกำลังจะก่นด่าปู้ตู้อวี๋ก่อนจะวิ่งเพราะเขายังทำอะไรปู้ตู้อวี๋ไม่ได้ แต่เขาได้เห็นคนที่รูปร่างแตกต่างจากปู้ตู้อวี๋
ปู้ตู้อวี๋มีร่างกายเหมือนกับลูกบอล แต่เป็นลูกบอลที่มีด้านแหลมเหมือนกับกีฬาตะวันตก ส่วนชายคนนี้มีรูปร่างกลมเหมือนกับลูกบอลจริง ๆ ท้องของเขากลมมาก
นอกจากความอ้วนแล้วเขายังมาถึงหน้าชุนหลงแทบจะทันที เขาหายใจหอบก่อนจะพูด
“น้องชาย เจ้าน่าประทับใจจริง ๆ นะ”
คนอ้วนพูดและชี้ไปยังสำนักปรุงยาที่อยู่ด้านหลัง
ชุนหลงมองชายที่อ้วนเป็นลูกบอลที่สวมชุดเขียวพลางคิด
‘ศิษย์ในควรจะอยู่เมืองส่วนในและไม่ค่อยออกมาในเมืองส่วนนอกไม่ใช่รึ? ใยวันนี้ข้าถึงเห็นสามคนแล้วเล่า?’
เขาประสานมือ
“ข้าชื่อฟู่หลีเป็นศิษย์ใน ขอเรียกเจ้าว่าศิษย์น้องได้หรือไม่?”
ชุนหลงยังคงระแวงต่อฟู่หลีแต่เขาสัมผัสความคิดร้ายจากชายคนนี้ไม่ได้ เขาจึงประสานมือด้วย
“ข้าชื่อชุนหลง”
ก่อนที่ฟู่หลีจะได้ตอบ ชายชุดขาวคุ้นหน้าคุ้นตาก็ได้เดินมาหาพวกเขา
“น้องชุน ฮ่าฮ่า บังเอิญนัก เจ้าจะตามพี่ชายคนนี้ไปดื่มเหล้าที่ ‘หอกลิ่นพิศวง’ หรือไม่?”