Monarch of Time - ตอนที่ 1 – ชีวิตที่เหมือนกับความตาย
ดวงอาทิตย์สายส่องอย่างเชื่องช้าในมณฑลกวางตุ้งของจีน
ในอพาร์ตเมนต์ที่ถูกทิ้งร้างที่รอการรื้อถอนได้มีนาฬิกาปลุกส่งเสียงในตอน 6 โมงเช้า
เสียงดังมาจากอพาร์ตเมนต์ที่จะพังแหล่มิพังแหล่ ประตูที่ปิดไม่ได้สนิทไม่ว่าจะดันเท่าใดมีเก้าอี้วางขวางเอาไว้ในมุม 45 องศาแทนการปิดประตู
อพาร์ตเมนต์ขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่แทบจะว่างเปล่าที่ด้านใน เตียงวางอยู่กลางห้องนั่งเล่นกับโต๊ะข้างเตียงที่มีนาฬิกาปลุก ข้างห้องมีน้ำดื่ม 10 ขวดใหญ่วางกับแพ็คบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
มีคนขยับตัวอยู่ใต้ผ้าห่มที่คลุมผ้าปูเตียง มือยื่นออกมาจากผ้าห่มไปหานาฬิกาปลุกบนโต๊ะ
“ครืดดด”
เขาทำเสียงกรนหลังจากแตะนาฬิกาปลุกได้ครั้งหนึ่ง
ร่างกายที่ซูบผอมเผยตัวออกมาจากใต้ผ้าห่ม เขาลุกจากเตียงอย่างเชื่องช้า
ชายหนุ่มอายุราว 16-17 ปีลุกขึ้นจากเตียงเดินไปทางห้องน้ำ น้ำถูกตัดไปตั้งแต่ที่อพาร์ตเมนต์ถูกทิ้งร้าง ชายหนุ่มจึงทำไม่ได้แม้แต่อาบน้ำตอนเช้า เขาหยิบขวดน้ำที่เหลือครึ่งขวดจากบนโต๊ะข้างเตียงที่ใช้วางนาฬิกาปลุก เขาใช้ขวดน้ำนั้นในการแปรงฟัน พอแปรงเสร็จแล้วก็กระดกน้ำที่เหลือจากในขวด เขาหยิบชุดทำงานจากบนโต๊ะและสวมมันก่อนจะออกไปจากอพาร์ตเมนต์
ใช้เวลา 20 นาทีในการเดินทางอพาร์ตเมนต์จนถึงไซต์ก่อสร้าง ตามทางมีป้ายเตือน “อันตราย” และ “กำลังก่อสร้าง” อยู่มากมาย
เมื่อเดินถึงอาคาร 8 ชั้นที่สร้างเสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง ชายหนุ่มได้ยินเสียงจากด้านหลังตะโกน
“เฮ้ย เจ้าหิน”
เสียงนั้นมาจากชายอายุ 45 ปี
“หวัดดีลุง”
เจ้าหินตอบ
แน่นอนว่าเจ้าหินไม่ใช่ชื่อจริงแต่เป็นชื่อเล่นที่คนทำงานก่อสร้างกับเขาตั้งให้เพราะเขาไม่ชอบพูดอะไรนัก เจ้าหินไม่มีชื่อจริงจากพ่อแม่ เขาเป็นเด็กกำพร้าและเติบโตขึ้นมาในบ้านเด็กกำพร้าของรัฐบาล รัฐบาลส่งอาหารให้บ้านเด็กกำพร้าสัปดาห์ละครั้งแต่มันก็ไม่พอที่เหล่าเด็ก ๆ จะเลี้ยงดูตัวเองได้ สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นเต็มไปหมดแล้ว รัฐบาลจึงต้องสร้างบ้านเหล่าน้ขึ้นมาเพื่อรองรับเด็กกำพร้าที่มีอยู่มากมาย แต่เด็กกำพร้าหลายคนก็ได้ล้มตายเพราะความหิวโหยและเจ็บป่วยเมื่อไม่มีใครดูแลในยามที่พวกเขาล้มหมอนนอนเสื่อ เจ้าหินอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าจนอายุได้ 12 ปี เขาอาจจะต่อสู้กับเด็กคนอื่นเพื่อแย่งอาหารได้ แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นก็ไม่พอสำหรับเขา เขาจึงหนีออกมา
เขาเข้าโรงเรียนมัธยมต้นในโรงเรียนของรัฐที่ไม่ไกลจากบ้านที่อาศัยอยู่ มันเป็นโรงเรียนในตอนเช้าและเป็นที่ทำงานก่อสร้างในตอนกลางวัน
ตามปกติคนในไซต์ก่อสร้างจะไม่อนุญาตให้เด็กทำงานเพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังได้ค่าจ้างต่ำอีกด้วย มีน้อยคนที่จะทำงานในไซต์ก่อสร้าง และเมื่อขาดกำลังคนจนทำให้การก่อสร้างล่าช้า ผู้จัดการไซต์ก็เลยรับแม้กระทั่งเด็กอย่างเจ้าหินที่แขนขาบอบบางให้ทำงานที่นี่ แน่นอนว่าด้วยค่าจ้างที่น้อยนิดจนน่าเวทนา เจ้าหินไม่ได้ไม่พอใจเพราะสุดท้ายเขาก็ได้มีเงินในการเลี้ยงดูตัวเองให้มีชีวิตรอดในแต่ละเดือน
เรื่องราวดำเนินต่อไปจนกระทั่งเจ้าหินจบจากโรงเรียนมัธยมปลายแต่เขาก็ไม่หยุดทำงานในไซต์ก่อสร้างที่เป็นแหล่งรายได้เดียวของเขา
คงเป็นการโกหกหากจะบอกว่าเขาไม่รู้สึกเศร้า แม้การทำงานเพื่อเลี้ยงปากท้องของตัวเองในไซต์ก่อสร้างที่ไม่มีการดูแลด้านความปลอดภัยอย่างเหมาะสมจะเป็นเรื่องธรรมดากับเขา แต่เขาก็ยังหวังอยู่ลึก ๆ ว่าโชคชะตาของเขาจะเปลี่ยนไปในวันหนึ่งและนำชีวิตเขาไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
เป็นเวลาครึ่งปีมาแล้วที่เจ้าหินทำงานในไซต์ก่อสร้างที่นี่ และ “ลุง” คนนี้ก็ดูแลเขาอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งอาหารหรือเครื่องดื่มหรือการช่วยเขาในระหว่างการทำงาน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าหินรู้สึกขอบคุณชายคนนี้อย่างสุดซึ้งและเขาก็ช่วยชายคนนี้ในระหว่างทำงานเมื่อเป็นไปได้เช่นกัน
“ฮ่าาา เจ้าหนู…ไม่ได้เอาข้าวเช้ามาอีกแล้วล่ะสิ เมียลุงทำพิเศษมาเพิ่มให้อีกแล้ว มากินด้วยกันเถอะ”
เมื่อพูดจบประโยคก็คว้าถุงพลาสติกกับน้ำ 2 ขวดใหญ่และแซนวิช 2 ชิ้นกับข้าวปั้น 4 ก้อนขึ้นมา เขาแบ่งมันเป็น 2 ส่วนและแบ่งส่วนหนึ่งให้เจ้าหิน
เขารู้ว่าเจ้าหินจะไม่รับการแบ่งอาหารง่าย ๆ
“นี่เจ้าหนู เราต้องกินก่อนเริ่มงานนะ แกยังต้องช่วยลุงอีกเพราะงานนี้มันอันตราย กินซะ”
เจ้าหินไม่ตอบ จนกระทั่งเขาพูดอีกครั้ง
“ค่อยเลี้ยงน้ำลุงตอนได้ค่าจ้างก็ได้ เข้าใจไหม? กินเร็วเข้า!”
จากนั้นเขาก็กินอาหารโดยไม่มองเจ้าหินอีก
เจ้าหินไม่พูดอะไรแต่ก็เริ่มกินเช่นกัน เขาจำน้ำใจของชายคนนี้ไว้ในหัวใจ ชายวัยกลางคนคนนี้คือคนเดียวในชีวิตที่แสดงความห่วงใยให้กับเขาในตลอดชีวิต 20 ปีที่ผ่านมา และเจ้าหินจะไม่ลืมบุญคุณ
หลังจากพวกเขากินอาหารเรียบร้อย พวกเขาเริ่มการทำงานของวัน…แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่านี่จะเป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเจ้าหิน