Monarch of Time - ตอนที่ 3 – ชุนหลง
เมื่อดวงตาเจ้าหินได้พบกับก้อนศิลาสามเหลี่ยม ก้อนหินก็ฝังตัวลงในระหว่างคิ้วของเขา ความเจ็บปวดนั้นไม่มีทางทนได้ ถ้าหากจะเทียบกับความเจ็บปวดก่อนหน้า มันก็คือธารน้ำแข็งเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ เข้ามาแช่แข็งสมองของเขา ในขณะที่ครั้งนี้รู้สึกเหมือนกับทั้งภูเขาน้ำแข็งกำลังมาบดขยี้เขาทั้งตัว
ไม่มีใครในเมืองป่าครามที่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในความหยุดนิ่งนี้เลย และชีวิตของพวกเขาก็ได้กลับสู่ภาวะปกติเมื่อหินรูปสามเหลี่ยมฝังภายในกลางหน้าผากของเจ้าหิน
แต่ที่น่าอัศจรรย์ไม่ใช่เรื่องนี้ เพราะตอนนี้ไม่มีเลือดแม้แต่หยดเดียวบนหัวของเจ้าหินเลย มันหายไปโดยที่ไม่ทิ้งร่องรอยหรือบาดแผลเอาไว้ และร่างกายที่บาดเจ็บหนักเมื่อครู่ก่อนก็กำลังรักษาตัวเองได้ไม่น่าเชื่อ
กระดูกแขนขาที่หักถูกผสานเข้าด้วยกันใหม่จากแสงสีครามที่ส่องสว่างจากหินสามเหลี่ยมที่ฝังอยู่ในร่างกายของเขา มันลบล้างความเจ็บปวดในใจและบำรุงร่างกายของเขาไปพร้อม ๆ กับรักษาบาดแผลทั้งหมดในร่างกาย แม้แต่กระดูกซี่โครงที่หักอย่างรุนแรง 3 ซี่ก็กลับมาต่อกันใหม่พร้อมกับบาดแผลบนลำตัวที่น่ากลัว
เนื้อบริเวณอกของเขากำลังรักษาตัวเองอย่างรวดเร็วจนเขาเห็นขั้นตอนทั้งหมดได้อย่างชัดเจนด้วยตาเห็น ไม่ว่าใครที่ได้เห็นการฟื้นตัวที่รวดเร็วขนาดนี้จะต้องอ้าปากค้างเพราะจะต้องคิดว่าเป็นเทพที่มารักษาร่างกายอันแตกสลายให้สมบูรณ์แบบ
แม้แต่อาจารย์ลู่นักปรุงยาแห่งเมืองป่าครามก็มิอาจปรุงโอสถที่รักษาบาดแผลได้ในพริบตาเช่นนี้
ลืมเรื่องการรักษาในพริบตาไปได้เลย เพราะแม้อาจารย์ลู่จะปรุงโอสถที่ดีที่สุดขึ้นมา มันก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนครึ่งในการรักษาบาดแผลเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงบาดแผลช้ำในหรือกระดูกที่หักของเจ้าหิน เพราะไม่มีทางรู้เลยว่าเมื่อใดที่มันจะฟื้นตัวจากโอสถ
บางทีคงมีเพียงแค่นักปรุงยาที่เหนือว่าอาจารย์ลู่ที่จะรักษาคนให้กลับมาสมบูรณ์แบบได้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าบาดแผลภายนอกและภายในจะถูกรักษาเต็มที่แล้ว เขาก็ยังไม่ลืมตาขึ้นมา
ครั้งแรกที่เขาลืมตานั้นคือเวลาที่ความเจ็บปวดเบาบางลงและความทรงจำชุดใหม่เริ่มก่อตัวในสมอง
เมื่อนั้นเจ้าหินจึงเข้าใจว่าร่างกายของเขาไม่เหมือนกับร่างเดิมที่เขามีบนโลก
เขาสามารถ ‘เห็น’ ความทรงจำชุดใหม่ภายในสมอง ใบหน้าของตัวเองและร่างกายของตัวเองด้วย
เขาไม่มีร่างกายที่ซูบผอมอีกแล้ว และแม้ว่าจะไม่ได้แข็งแรงกำยำ มันก็เหมาะสมกับส่วนสูงและใบหน้าของเขาดี
เขาสูง 173 เซนติเมตรและมีใบหน้าหล่อเหลา มีโครงหน้าที่คมคาย
เขารับรู้ทุกอย่างของร่างกายปัจจุบันและความทรงจำชุดใหม่ที่มารวมกับความทรงจำเดิมเมื่ออาการปวดหัวของเขาทุเลาลง
ร่างกายนี้เป็นของชุนหลง และบิดาของชุนหลงก็คือชุนฟางปรมาจารย์ค่ายกลแห่งอาณาจักรชะตาฟ้า และเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองป่าคราม
เจ้าหินที่ขณะนี้นอนอยู่บนพื้นหันหน้ามองท้องฟ้า ความทรงจำหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ความทรงจำเหล่านั้นเอ่อล้นในสมอง
ตำแหน่งของเขาในตอนนี้ห่างจากป่าครามสามลี้ มันเป็นสถานที่ขึ้นชื่ออันเป็นที่มาของชื่อเมืองป่าคราม
ป่าครามเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงมากในอาณาจักรชะตาฟ้า มันคือสถานที่เดียวในทั้งอาณาจักรชะตาฟ้าที่นับว่าเป็นทั้งสวรรค์และนรกในเวลาเดียวกัน
มันยอดเยี่ยมเพราะว่ามีสมบัติมากมายถูกพบได้ข้างในป่า
ทั้งส่วนผสมปรุงยา วัตถุดิบหายากที่ปรมาจารย์ค่ายกลต้องการ สมบัติที่เพิ่มการบ่มเพาะพลัง ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกพบได้ในป่าหากโชคดีพอ
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าไปในป่าและนำของเหล่านั้นออกมาได้ พวกเขามักจะรวมกลุ่มกันก่อนที่จะคิดเข้าไปในป่าคราม และแม้จะเป็นเช่นนั้น…อัตราการตายก็เกินครึ่ง
สมบัติจะเป็นของที่หาง่าย ๆ ได้อย่างไร? ผู้คนคงเข้ามาล้างป่าไปแล้วถ้าง่ายที่จะมาหาของมีค่าจากป่าคราม
ป่าครามไม่ได้มีแต่เพียงสมบัติเท่านั้น มันยังมีสัตว์อสูรอาศัยอยู่ด้วย ถ้าหากอยากจะร่ำรวยโดยการผจญภัยในป่าเพื่อเสี่ยงโชค สิ่งแรกที่ต้องทำคือการสร้างความแข็งแกร่งของตัวเอง
สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งสามารถสังหารได้แม้กระทั่งนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรชะตาฟ้า พวกมันรอคอยอยู่ลึกข้างในป่าครามและตั้งอาณาเขตของตัวเองขึ้นมา แต่สมบัติบางอย่างก็น่าดึงดูดพอที่ผู้คนจะเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะได้มันมาครอง
เพราะส่วนใหญ่แล้วทุกคนก็มีความคิดแบบเดียวกันว่า
‘ถ้าหาสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้เจอและขายมัน นั่นจะไม่ได้หมายถึงชีวิตอันหรูหราอยู่สบายทั้งชีวิตหรอกหรือ?’
ชุนหลงมีคนคุ้มกัน 2 คนที่พ่อมอบหมายให้มาปกป้องเขาอยู่ตลอดเวลา และเขาพาทั้งสองคนมาที่ป่าครามด้วย
ตามปกติชุนหลงมักจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ อย่างเช่นการมาป่าครามตามลำพังเพราะมันไม่ต่างกับการรนหาที่ตาย แต่ในครั้งนี้นั้นต่างออกไปเพราะมีข่าวลือหนาหูในเมืองป่าครามว่ามีสมบัติล้ำค่าที่จะช่วยให้เขาเปิดเส้นลมปราณและเริ่มบ่มเพาะพลังได้
แต่ในระหว่างทางไปป่าคราม กลุ่มของชุนหลงถูกคนสวมชุดดำใส่หน้ากาก 5 คนจู่โจม คนคุ้มกันทั้งสองคนของเขาได้พบกับจุดจบ ม้าของพวกเขาถูกฆ่า และแม้แต่ตัวเขาเองก็ถูกทำร้ายเกือบตาย จนกระทั่งพายุสายฟ้าได้ปรากฏบนฟ้าจนทำให้คนที่ทำร้ายพวกเขาตกใจกลัวหนีไป…แต่สุดท้ายชุนหลงก็คงต้องตายเพราะบาดแผลอยู่ดี
ถึงกระนั้น ก่อนที่ดวงวิญญาณของเขาจะสลายไป ดวงวิญญาณของเจ้าหินได้เข้ามาในร่างกายและสืบทอดความทรงจำของชุนหลงและความรู้สึกก่อนตาย
เจ้าหินขยับร่างใหม่ที่ได้มาและนั่งลงบนพื้น เขาค่อย ๆ จัดระเบียบความคิดของตัวเอง
หลังจากหายใจเข้าลึกและถายใจออกในเวลาต่อมา เขาพูดโดยไม่รู้ว่ากำลังพูดอยู่กับตัวเองหรือคนอื่น
“วิญญาณเจ้าตายแต่ความทรงจำกับความรู้สึกเจ้ากลับมามีชีวิตอยู่ภายในตัวข้า ข้าเป็นข้าแต่ข้าก็เป็นเจ้า ข้าใช้ชีวิตเกือบ 20 ปีด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ส่วนเจ้าใช้ชีวิต 16 ปีโดยได้ดูหมิ่นคนรอบข้าง”
เสียงของเขาดังขึ้นในทุกวินาทีที่พูด
“นับจากนี้ไป ข้าชุนหลงผู้นี้จะใช้ชีวิตเพื่อความร่ำรวย ข้าจะไม่ต้องรู้สึกหิวโหยอีกแล้ว ข้าจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกแล้ว นี่คือคำสาบานต่อตัวข้าในอดีต
ชุนหลงผู้นี้สาบานว่าจะใช้ชีวิตที่แข็งแกร่งพอจนทะยานฟ้าอย่างอิสระ ไร้ซึ่งสิ่งใดหรือผู้ใดกีดขวาง จะไม่มีวันถูกผู้ใดผูกพันหรือจองจำ
ข้าบ่มเพาะพลังไม่ได้เพราะเส้นปราณยังไม่เปิดแล้วอย่างไรกัน ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองถูกฆ่าตายอีกแล้ว นับจากวันนี้ไป ข้าสาบานว่าข้าจะบุกทะลวงไปข้างหน้า นับจากนี้ไป ชุนหลงผู้นี้ และนี่คือคำสาบานที่ฟ้าดินเป็นพยาน”
ทันทีที่ชุนหลงพูดจบ ศิลาสามเหลี่ยมข้างในตัวเขาเริ่มสั่นอย่างรุนแรงราวกับได้รับผลกระทบจากคำพูดของชุนหลง และภาพอันน่าตกใจได้ปรากฏในจิตใจของเขา