Monarch of Time - ตอนที่ 27 – มิตร
ชายหนุ่มในชุดขาวคือลู่เหวินนั่นเอง
“เอ๋? เจ้าอ้วนฟู่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“ข้าก็กำลังจะถามเจ้าเหมือนกัน เจ้ารู้จักน้องชุนหลงด้วยหรือ?”
เจ้าอ้วนฟู่ถาม
“อ๊ะ จริงด้วย!”
เจ้าอ้วนฟู่พูดต่อ
“น้องชุนหลงไปหอกลิ่นพิศวงด้วยกันเถอะ ข้าได้ยินลู่เหวินชวนเราแสดงว่าเขาจะเลี้ยงเรา เราแค่ต้องสั่งอาหารที่ดีที่สุดกับสุราที่ดีที่สุด โดยเฉพาะ ‘เหล้ากลิ่นพิศวง’ ที่รสชาติมาจากสวรรค์”
เจ้าอ้วนฟู่น้ำลายไหลอย่างรวดเร็วเมื่อคิดถึงอาหารและสุราในหอกลิ่นพิศวง
“นี่เจ้าอ้วน ใครชวนเจ้า? ข้าชวนแค่น้องชุน ส่วนเจ้าจะไปไหนก็ไป! อย่าแม้แต่ฝันว่าข้าจะเลี้ยงข้าวเจ้า ข้าไม่อยากถังแตกหรอกนะ”
ชุนหลงยิ้มเมื่อเห็นทั้ง 2 พูดคุยกันดั่งสหายเก่าเมื่อเดินไปยังจุดหมาย
แม้ว่าฟู่หลีจะอายุใกล้เคียงชุนหลงมากกว่า เขาก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีกับลู่เหวิน เพราะในโลกของการบ่มเพาะพลังนั้น 10 ปีมิได้มีค่าอะไรเลย เมื่อผู้บ่มเพาะบ่มเพาะพลังจนถึงระดับปฐพี อายุขัยพวกเขาก็ปา 500 ปีเข้าไปแล้ว
พวกเขาเดินเกือบ 30 นาทีจนกระทั่งมาถึงตำหนักใหญ่โตหรูหรา ตำหนักนี้ไม่ได้ใหญ่เท่ากับตำหนักบริหารหรือสำนักปรุงยา แต่มันหรูหรากว่าในหลายระดับ เพราะสองตำหนักแรกนั้นเกี่ยวของกับโอสถและการบริหารเมืองขณะที่ตำหนักแห่งนี้อาจเป็นตำหนักที่หรูที่สุดในทั้งนิกายแล้ว ที่นี่คือ ‘หอกลิ่นพิศวง’
ชุนหลง ลู่เหวิน และฟู่หลีเดินเข้าไป ชุนหลงเห็นว่าประตูหอนั้นเหมือนกับทำจากทองคำแท้ที่มีอักษรโบราณสลักเอาไว้ภายใน
ลู่เหวินรู้ว่าชุนหลงจะสงสัยเพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาได้มาหอกลิ่นพิศวง เขาจึงอธิบาย
“โลหะชนิดนี้ไม่ใช่ทองแต่เป็นของเหลวไร้ลักษณ์ที่ปรมาจารย์ค่ายกลระดับสูงเท่านั้นจะสร้างขึ้นได้ มันเคยเป็นของเหลวที่ปรมาจารย์ค่ายกลต้องขึ้นรูปมันด้วยอักษรโบราณก่อนที่มันจะแข็งตัวได้”
เจ้าอ้วนฟู่พูดแทรก
“ประตูหอกลิ่นพิศวงทุกบานสร้างจากเหล็กชนิดนี้ แม้จะเป็นหมัดเต็มแรงของระดับปฐพีขั้น 9 ชั้นสูงก็อาจจะทำลายไม่ได้ จะทำประตูนี้ต้องใช้ปรมาจารย์ค่ายกลระดับเงินเป็นอย่างน้อย…”
“พอได้แล้วเจ้าอ้วน เดี๋ยวข้าพูดเอง ไปรอที่โต๊ะ”
พวกเขาเดินมาถึงหอกลิ่นพิศวงแล้ว แต่เจ้าอ้วนไม่ทันเห็นและเอาแต่พูด
ลู่เหวินพูดกับบริกร
“พาพวกข้าไปชั้น 3 เอาเหล้ากลิ่นพิศวงมา 3 ไห”
บริกรโค้งก่อนจะพาพวกเขาไปที่ชั้น 3 และบริการเหล้าอย่างรวดเร็ว เจ้าอ้วนฟู่พูดกับลู่เหวิน
“วันนี้พี่ลู่ใจป้ำไม่เบานี่ 6000 คะแนนจ่ายเหล้า 3 ไห น่าประทับใจเหลือเกิน น้องชายคนนี้จะต้องติดตามพี่ไปในอนาคต”
“เจ้าอ้วน ครั้งหน้าเจ้าต้องเลี้ยงเหล้าพวกข้า วันนี้เป็นข้อยกเว้นเพราะข้ากลับบ้านในวันนี้ มันอุดอู้จนทนไม่ไหวต้องมาดื่มเหล้าดี ๆ ย้อมใจ”
เจ้าอ้วนฟู่ถาม
“ว่าแต่พี่ลู่ พี่มาเจอกับน้องชุนได้ยังไง?”
ลู่เหวินกับเจ้าอ้วนฟู่อธิบายการได้พบกับชุนหลง และแม้ว่าเจ้าอ้วนฟู่จะไม่ได้คาดหวังอะไร ลู่เหวินกลับตกใจ
“เจ้ามีเรื่องกับปู้ตู้อวี๋รึ?”
ลู่เหวินถามชุนหลงอย่างไม่เชื่อหู
ชุนหลงยิ้มเยาะตัวเอง
“มีเรื่องรึ? ไอ้แก่หน้าด้านนั่นชกข้าหนึ่งหมัด แต่ข้าทำอะไรมันไม่ได้เลย ข้าเกือบจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ แต่วันข้างหน้า มันจะต้องชดใช้ข้าเป็นสิบเท่า”
แม้อวัยวะภายในจะฟื้นตัวเกือบเต็มที่และจุดที่โดนหมัดไม่มีบาดแผล ปราณของเขาก็เกือบจะหมดสิ้น ชุนหลงยังคงตกใจที่หินรูปสามเหลี่ยมนั้นไม่หยุดส่งเสียงจากภายในแม้ว่าจะถึงตอนนี้
“อย่างไรก็ไม่น่าเชื่ออยู่ดี คนที่มีพลังรวมปราณขั้น 6 รอดชีวิตมาจากหมัดของระดับปฐพีขั้นสูงได้ด้วยหรือ? นี่คือปาฏิหาริย์ น้องชุนยอดเยี่ยมยิ่งนัก”
ลู่เหวินประสานหมัดให้ชุนหลงด้วยความนับถือก่อนจะเปิดไฟรินเหล้า
ขณะที่พวกเขากำลังดื่ม บรรยากาศบนโต๊ะมีความเป็นกันเองมากขึ้น และถึงตอนนี้ ทั้งสามได้นับว่าพวกเขาเป็นมิตรแท้ต่อกันดั่งที่คนแก่เฒ่าได้กล่าในโลกของการบ่มเพาะว่า
‘บุรุษคุ้นเคยกันหลังจากได้พบ เป็นสหายหลังจากได้ดื่ม และกลายเป็นพี่น้องหลังจากร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน’
ลู่เหวินถามชุนหลงด้วยความสงสัย
“จริงสิ น้องชุน เจ้าไปที่สำนักปรุงยาทำไมกัน? ข้าจำได้ว่าเจ้าเพิ่งจะเริ่มบ่มเพาะพลังเมื่อ 2 เดือนก่อน หรือว่าเจ้าสนใจในเรื่องการปรุงโอสถ?”
“เจ้าว่าไงนะ?”
เจ้าอ้วนหันมามองด้วยความตกตะลึง เพราะชุนหลงใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือนในการมีพลังระดับนี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า น้องชายฟู่หลีผู้นี้เป็นอัจฉริยะที่ใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือนในการเป็นระดับรวมปราณขั้น 6 ชั้นสูงหรือ? น้องชาย เจ้าต้องไปหาท่านปู่ของข้า ถ้าปู้ข้ารู้ว่าข้ามีน้องที่บ่มเพาะก้าวหน้ารวดเร็วอย่างเจ้า บางทีเขาอาจจะไม่ตีข้าทุกครั้งที่เห็นก่อนจะบอกให้ข้าบ่มเพาะพลังหนักขึ้นก็ได้”
เจ้าอ้วนฟู่คิดไม่นานก่อนจะพูด
“ใช่ จริงด้วย! มันไม่ใช่ความผิดข้าที่ข้าก้าวหน้าไม่รวดเร็ว มันเป็นเพราะข้าไม่ใช่อัจฉริยะต่างหาก”