Mezase Gouka Kyakusen!! (เรือสำราญ ณ ต่างโลก) - ตอนที่ 17 การล่องเรือที่แสนน่าเบื่อ คำแนะนำ และเมืองทางใต้
- Home
- Mezase Gouka Kyakusen!! (เรือสำราญ ณ ต่างโลก)
- ตอนที่ 17 การล่องเรือที่แสนน่าเบื่อ คำแนะนำ และเมืองทางใต้
เช้าแล้วเหรอ…?
เรือกระท่อมนี่นอนสบายจริงๆ รู้สึกสดชื่นขึ้นเยอะเลย
เอาล่ะ ไปหาอะไรกินแล้วเตรียมตัวออกเดินทางต่อดีกว่า
ตอนแรกผมคิดว่ามันน่าจะเป็นอีกวันที่ได้ล่องเรือแบบชิลๆ ไปตามแม่น้ำ
แต่แล้วทิวทัศน์รอบๆกลับเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เริ่มมีโขดหินขรุขระโผล่พ้นขึ้นมาจากน้ำ
แม่น้ำเริ่มแคบลงเรื่อยๆ กระแสน้ำก็ค่อยๆ ไหลแรงขึ้น ผมเริ่มรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังรอผมอยู่
ด้วยความตื่นตระหนก ผมรีบผูกเชือกตัวเองแล้วมัดไว้กับเรือ จากนั้นก็ผูกอาวุธเข้ากับเรือไว้ด้วย
ตราบใดที่ผมไม่ถูกเหวี่ยงออกจากเรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็คงจะไม่เป็นไร
แต่ถ้าหัวไปกระแทกอะไรเข้ามันคงแย่แน่ ๆ ผมเลยเอาผ้าห่มมาคลุมตัวไว้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
…คลื่นไส้ชะมัด ผมว่าผมเข้าใจแล้วล่ะว่าลูกบอลปาจิงโกะที่อยู่ในตู้มันรู้สึกยังไง
เพราะตอนที่เรือมันกระแทกกับโขดหิน แม้เรือจะไม่เป็นอะไรจากการรับแรงกระแทกโดยตรง
แต่เรือก็โคลงเคลงไปมาระหว่างโขดหินแล้วเรือมันก็เปลี่ยนทิศทางไปมาเรื่อยๆ
เรือหมุนคว้างเหมือนกับใบไม้ที่อยู่ในกระแสน้ำที่เชี่ยวกราด
มันโยกขึ้นโยกลงไปตามกระแสน้ำ จนตอนนี้หูชั้นในของผมแทบจะทะลักออกมา
หลังจากอาเจียนออกมาหลายรอบ จนไม่มีอะไรเหลือให้อ๊วกออกมาแล้วนอกจากน้ำย่อย
ในที่สุดผมก็สามารถผ่านเขตน้ำเชี่ยวมาได้ ถึงจะไม่มีน้ำตก แต่ก็เจอกับช่วงที่ลดระดับลงทีละหลายเมตรอยู่หลายครั้ง
ผมเคยได้ยินมาว่าการปรับปรุงแม่น้ำสายนี้ถูกยกเลิกไปหลายครั้ง และผมก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไม เพราะพื้นที่มันชันสุดๆ เลยยังไงล่ะ
เมื่อผมตั้งสติได้ผมก็พาเรือขึ้นฝั่ง เรือกับผ้าห่มของผมทั้งคู่เปื้อนอาเจียนจนเละไปหมด
แม้เรือจะทำความสะอาดได้ด้วยความคิดของผม แต่มันใช้ไม่ได้กับผ้าห่ม
ผมจึงผูกเชือกกับผ้าห่มแล้วโยนมันลงในแม่น้ำเพื่อให้กระแสน้ำช่วยล้างมันให้
จากนั้น ผมก็ใช้เวทมนตร์ในชีวิตประจำวันเรียกน้ำออกมาเพื่อใช้ล้างปาก
เมื่อทุกอยากเสร็จเรียบร้อยผมก็ได้แต่นอนหมดแรงอยู่บนเรือ
ผมเหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไรได้อีก ได้แต่นอนแล้วปล่อยให้เรือมันไหลตามน้ำไปเรื่อย ๆ
จนกระทั่งมืด ผมจึงหาที่จอดเรือริมฝั่ง จากนั้นก็เรียกเรือกระท่อมออกมา แล้วเข้านอนทันที
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงท้องร้อง ผมรู้สึกหิวมากๆเลยตอนนี้
พอมาคิดดูดีๆแล้ว เมื่อวานผมอ๊วกออกมาจนหมดไส้หมดพุงแล้วก็เข้านอนเลยโดยที่ไม่ได้กินอะไรก่อนนอนเลย
แน่นอนว่ามันก็เป็นธรรมดาที่จะหิวแบบนี้ วันนี้ก็ต้องล่องเรือต่ออีก
ถ้าต้องอ๊วกแบบไม่มีอะไรให้ออกมาคงจะทรมานน่าดู งั้นก็มาหาอะไรกินให้อิ่มท้องกันก่อนดีกว่า
หลังจากจัดกับการอาหารเช้าและนั่งพักพอให้หายเหนื่อยเรียบร้อย
ผมก็ขึ้นเรือจากนั้นก็เริ่มออกเดินทางต่อ ผมล่องเรือไปเรื่อยๆตามแม่น้ำอย่างสบายๆ
“เฮ้อ ตอนแรกผมคิดว่าวันแรกมันออกจะน่าเบื่อมากๆเลย แต่การได้ล่องเรือสบายๆแบบนี้มันดีจังเลยน้า…แต่เมื่อวานนี่มัน…เหมือนกับตกนรกชัด ๆ…”
ผมล่องเรืออย่างสบายใจ ผ่านกระแสน้ำไปเรื่อยๆ และวันเวลาก็ผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยในวันที่สาม
เข้าสู่วันที่สี่ ผมก็ยังคงล่องเรือต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน จนกระทั่งฟ้ามืด
ผมหาที่จอดเรือใกล้ๆฝั่งที่ลับตาคนเพื่อหยุดพัก แต่แล้ว…
“ก๊ากฮ่าฮ่าฮ่า!”
ก็เสียงหัวเราะดังขึ้น ผมหันไปมองตามเสียงนั้นในทันทีและเห็นแสงไฟ…เอาไงดีล่ะ?
ควรจะแอบไปดูเงียบ ๆ หรือว่าควรจะกลับไปล่องเรือต่อดี?
เสียงหัวเราะนั้นฟังดูหยาบโลนมาก ผมคิดว่าผมควรจะกลับไปล่องเรือต่อดีกว่า เพราะถ้าเกิดพวกนั้นเป็นโจร…
เอ๊ะ หรือผมควรลองไปตรวจสอบให้แน่ใจดี เพราะถ้าเกิดเป็นโจรจริงๆ
ผมจะได้ระมัดระวังตัวแล้วก็จะพยายามล่องเรือหนีออกไปให้ไกลที่สุด
ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ๆแสงไฟอย่างระมัดระวัง และแอบมองผ่านต้นไม้เพื่อดูสถานการณ์
ข้างกองไฟมีผู้ชายประมาณ 20 คน นั่งดื่มกันอยู่ พวกนั้นต้องเป็นโจรแน่ ๆ
เพราะกลุ่มชายพวกนั้นหน้าตาเถื่อนกันสุดๆ แถมพวกเขายังมีหนวดเครารุงรัง…
เอ๊ะ หรือพวกเขาจะเป็นนักผจญภัย…แต่ผมว่าไม่น่าใช่นะ แบบนี้ต้องโจรแน่ๆ
เอาล่ะ คืนนี้ไม่ต้องนอนแล้วกัน รีบล่องเรือต่อไปเลยน่าจะดีกว่า
ผมกลับมาที่เรืออย่างเงียบ ๆ แล้วล่องไปตามแม่น้ำอีกสักพัก จนกระทั่งพบเข้ากับกองไฟอีกกองหนึ่ง
เป็นพวกเดียวกับโจรพวกนั้นหรือเปล่า? ผมกลั้นหายใจแล้วลองตรวจสอบสถานการณ์
ผมเห็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งนั่งล้อมวงกันอยู่…เอาไงดีล่ะทีนี้?
มีความเป็นไปได้ว่าพวกเธออาจจะเป็นกลุ่มโจรผู้หญิง แต่ถ้าผมทิ้งพวกเธอไว้แบบนี้แล้วพวกเธอโดนทำร้ายล่ะ ผมคงนอนไม่หลับแน่
ดังนั้นผมจึงตัดสินใจว่าจะเข้าไปเตือนพวกเธอ แต่จากบนเรือนะ
จากนั้นผมก็ค่อยๆ ล่องเรือเข้าไปใกล้ๆ กับกองไฟแล้วจึงเอ่ยขึ้น…
“สวัสดีตอนเย็นครับ”
ผมพูดขึ้น แล้วพวกเธอทั้งหมดก็ชี้อาวุธมาที่ผมทันที…พวกเธอดูแข็งแกร่งมาก แบบนี้ผมต้องเตือนพวกเธอจริงๆเหรอเนี่ย?
“ใครน่ะ!”
“เอ่อ ผมไม่ใช่คนน่าสงสัยหรอกนะครับ คือผมเป็นนักผจญภัยน่ะ”
“แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะครับ เพราะผมจะไม่เข้าไปใกล้มากกว่านี้ เพราะงั้นพวกคุณก็ช่วยอย่าเข้ามาใกล้ผมเหมือนกัน”
“มีธุระอะไร? ถ้าขยับตัวน่าสงสัยแม้แต่นิดเดียว ฉันฟันแกแน่”
…พวกเธอต้องแข็งแกร่งกว่าผมแน่นอน แบบนี้คงไม่ต้องเตือนอะไรแล้วล่ะ
แต่ถ้าผมพูดว่าไม่มีอะไรแล้วจากไปเฉยๆ มันคงจะดูแปลกน่าดูดังนั้น…
รีบๆบอกสิ่งที่ควรบอกแล้วก็รีบๆหนีออกไปจากที่นี่ดีกว่า
“เอ่อ คือผมแค่อยากจะมาเตือนว่าผมเห็นกลุ่มคนที่น่าจะเป็นพวกโจรประมาณ 20 คน
“กำลังนั่งดื่มกันอยู่ในป่าบริเวณเหนือต้นน้ำนี้ขึ้นไปน่ะครับ เพราะงั้นผมว่าพวกคุณน่าจะรีบหนีไปก่อนที่พวกนั้นจะหาเจอตัวดีกว่านะครับ”
“อุ๊ย! ข้อมูลดีนี่นา เล่าให้ละเอียดกว่านี้หน่อยสิ?”
หือ…? ทำไมข้อมูลเกี่ยวกับโจรถึงเป็นข้อมูลที่ดีล่ะ? เริ่มกลัวพวกเธอแล้วสิ…
“เอ่อคือ ผมบอกได้แค่ว่าใช้เวลาประมาณ 20 นาทีล่องเรือมาจากตรงที่เจอกับพวกโจรนะครับ แล้วก็พวกนั้นกำลังนั่งล้อมวงรอบกองไฟพร้อมกับดื่มกันอยู่”
“มารีน่า ช่วยไปสอดแนมพวกนั้นให้หน่อยได้ไหม?”
“ได้สิ เชื่อมือฉันได้เลย”
“ขอโทษนะ แต่นายต้องรออยู่ที่นี่จนกว่ามารีน่าจะกลับมาจากการลาดตระเวน”
ทำไมผมต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ?
“มีพวกคนไม่ดีอยู่ใกล้ๆนี่ และผมไม่อยากเข้าไปยุ่งกับพวกนั้น ดังนั้นผมจึงอยากอยู่ให้ห่างจากที่นี่โดยไว เพราะผมไม่อยากมีปัญหาเพราะต้องอยู่ใกล้คนพวกนั้น”
“ฉันดีใจที่นายมาบอกเราแบบนี้ และฉันก็ขอบคุณสำหรับคำเตือน แต่ก็มีโอกาสที่นายจะเป็นหนึ่งในพวกเขาและกำลังวางแผนที่จะหลอกพวกเรา”
“ดังนั้นก็ขอโทษด้วยถ้าฉันเข้าใจนายผิด แต่นายต้องอยู่ที่นี่กับเราจนกว่าการลาดตระเวนจะเสร็จสิ้น”
ช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย! ผมควรจะเมินเฉยแล้วรีบหนีไป แต่ถ้าผมหนี
แล้วเกิดพวกเขาไล่ตามมาล่ะ แล้วกล่าวหาว่าผมเป็นหนึ่งในพวกโจร! แบบนั้นคงแย่แน่
“เฮ้อ เข้าใจแล้วครับ ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองดูน่าสงสัย งั้นผมจะรอก็แล้วกัน”
ผมรู้ว่าผมดูน่าสงสัย และผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าพวกเขาจะฟังคำเตือนของผมหรอกนะ
แต่ที่ผมกลัวคือคนพวกนี้จะไม่ใช่เหยื่อ แต่พวกเธอกลับเป็นคนร้ายซะเองต่างหากล่ะ
“ขอโทษนะ ทำไมนายถึงมาอยู่ในที่แบบนี่ได้ล่ะ?”
“ผมไม่ได้มีเจตนาจะเสียมารยาทนะครับ แต่ผมไม่ไว้ใจพวกคุณ และผมก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับเรื่องของพวกคุณด้วย”
“ผมแค่เข้ามาทักเพราะมันจะทำให้ผมนอนไม่หลับ ถ้าผมผ่านไปเฉยๆแล้วเกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณ”
“โอเค งั้นก็ตามนั้น”
ผมมองพวกเธอผ่านแสงไฟจากกองไฟไม่ชัดนัก แต่พวกเธอล้วนแล้วแต่เป็นคนสวยกันทั้งนั้น
พวกเธอสวมชุดแบบนักผจญภัย แต่นี่มันจะเป็นไปได้จริงๆอย่างงั้นเหรอ?
ที่จะมีปาร์ตี้นักผจญภัยที่ประกอบไปด้วยเหล่าสาวงามมากมายขนาดนี้ในชีวิตจริงน่ะ?
ผมคิดว่าเรื่องแบบนี้คงมีแต่ในนิยายเท่านั้นล่ะ…แต่พอมาลองคิดดูดีๆแล้ว…
ผมก็เองก็ตกลงมายังต่างโลกเหมือนกับที่เกิดในนิยายเหมือนกันใช่ไหม?
ถ้าอย่างนั้นแบบนี้มันก็คงจะเป็นไปได้ ผมล่ะอยากเป็นเพื่อนกับพวกเธอจังเลย
แต่…ผมรู้สึกว่าการไปรู้จักกับปาร์ตี้นักผจญภัยที่ประกอบไปด้วยสาวสวยมากมายขนาดนี้อาจจะนำมาซึ่งปัญหาก็ได้
ดังนั้นคนตัวเล็กๆธรรมดาๆ แบบผมที่ทำได้แค่ใช้สกิลเรียกเรือออกมา ทางทีดีไม่ควรจะเข้าไปยุ่งกับพวกเธอน่าจะเป็นการดีกว่า
อ๊ะ ดูเหมือนว่าหน่วยลาดตระเวนจะกลับมาแล้ว…
“เขาพูดถูก”
“ถ้างั้น ผมขอตัวก่อน…”
“เดี๋ยวก่อน ฉันอยากขอบคุณนาย…”
ขอบคุณงั้นเหรอ…? ผมกลัวเกิดกว่าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเธอ ดังนั้นปฏิเสธไปน่าจะดีกว่า
“ไม่เป็นไรครับ เพราะดูเหมือพวกคุณน่าจะเอาตัวรอดกันได้อยู่แล้วไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคำเตือนจากผม”
“ดังนั้นมันจึงดูน่าอึดอัดใจ ถ้าผมรับการขอบคุณจากคุณแล้วจากไปในทันที ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกครับ”
“เข้าใจแล้ว งั้นถ้าเราเจอกันอีกที่ไหนสักแห่ง ให้ฉันเลี้ยงเครื่องดื่มนายนะ”
“ได้ครับ ไว้ผมจะตั้งตารอ งั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ”
จากนั้นผมก็กลับไปล่องเรือต่อ โดยรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
ที่ปล่อยให้โอกาสที่จะทำความรู้จักกับปาร์ตี้นักผจญภัยสาวสวยแบบนี้หลุดมือไป
หลังจากค่อยๆ ล่องเรือลงมาตามแม่น้ำเรื่อยๆ ประมาณ 5 ชั่วโมง
ในที่สุดแม่น้ำสายนี้ก็ไหลรวมกันกับแม่น้ำสายใหญ่ นี่คือแม่น้ำที่เชื่อมระหว่างเมืองหลวงกับเมืองทางใต้สินะ
ดูเหมือนผู้คนจะเริ่มเยอะขึ้นแล้ว ดังนั้นเมื่อฟ้าเริ่มสว่าง ผมก็ควรลงจากเรือแล้วขึ้นไปเดินตามถนนแทน
…ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ดังนั้นก็น่าจะถึงเวลาขึ้นจากเรือแล้วล่ะ
มันเป็นเรือพายไม้ ดังนั้นก็ดูปลอดภัยที่จะอยู่บนเรือ แต่ผมกลัวว่าจะไม่รู้กฎการใช้พื้นที่แถวนี้ถ้าผมยังคงอยู่บนเรือต่อไป
ผมลากเรือขึ้นฝั่งและเริ่มเดินไปตามถนน หลังจากเดินไปได้สักพัก ก็เริ่มมีเรือมากมายแล่นไปมา
ผมตรวจดูเรือที่แล่นไปมาตามแม่น้ำสายนี้ทีละลำๆ ในขณะที่กำลังเดินอยู่
อืม…ยังไม่มีเรือแบบอื่นเลยนอกจากเรือไม้ที่แล่นอยู่ในตอนนี้
เรือที่ใช้เครื่องยนต์บางครั้งก็มีแล่นผ่านมาบ้าง ดังนั้นเรือไม้ติดเครื่องยนต์อาจจะไม่ดูโดดเด่นจนเกินไป
หลังจากเดินมาได้สักพัก จนกระทั่งถึงช่วงบ่าย ในที่สุดผมก็มาถึงเมืองทางใต้
ผมจะไปที่กิลด์นักผจญภัยเพื่อสอบถามเรื่องที่พักก่อน จากนั้นก็ขอพักผ่อนสักวัน ผมเหนื่อยมากจากการเดินทางมากๆ
ผมแสดงบัตรกิลด์ที่ประตูเมืองจากนั้นก็เดินเข้าไปในเมือง
ว้าว…เมืองนี้คึกคักดีจัง อ๊ะ พวกเขาขายปลาย่างอยู่ที่แผงลอยด้วย ซื้อกินสักไม้แล้วถามทางไปที่กิลด์นักผจญภัยดูดีกว่า
เมื่อผมสั่งปลาย่างแล้วถามทางไปกิลด์ คนขายที่แผงลอยก็ใจดีมากและบอกทางไปยังกิลด์นักผจญภัยให้ผมอย่างละเอียด
หลังจากซื้อเสร็จ ผมก็มุ่งหน้าไปที่กิลด์นักผจญภัยตามที่เขาบอก ในขณะที่กำลังกินปลาย่างไปด้วย
ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าพนักงานต้อนรับที่กิลด์นักผจญภัยของเมืองนี้จะเป็นสาวสวยกันหมดด้วยไหมนะ…เริ่มรู้สึกประหม่านิดๆแล้วสิ
เมื่อผมเดินเข้าไปในกิลด์นักผจญภัย ภายในดูเงียบเหงา ไม่ค่อยมีผู้คนซักเท่าไหร่
อาจเพราะช่วงเวลานี้ของวันก็ได้ อีกอย่างในเมืองทางตอนใต้นี้ก็ไม่ได้มีผู้คนเยอะเช่นกัน
แต่นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะมันช่วยลดโอกาสที่จะถูกคนอื่นเข้ามาวุ่นวายได้
ผมเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ที่ว่างอยู่ แล้วเข้าไปสอบถามพี่สาวสุดสวยที่นั่งประจำอยู่เกี่ยวกับที่พักที่มีอาหารอร่อยๆ
ผมอยากจะชวนเธอคุยมากกว่านี้ แต่วันนี้ผมเหนื่อยแล้ว เอาไว้คราวหน้าค่อยคุยน่าจะดีกว่า
“ที่นี่สินะ…โรงเตี๊ยม นางนวลหางดำ”
“สวัสดีครับ ที่นี่พอจะมีห้องว่างบ้างไหมครับ?”
“คุณมาคนเดียวหรือเปล่า?”
“ครับ”
“ถ้างั้นเราก็มีห้องว่างค่ะ ราคา 50 เหรียญทองแดงต่อคืน รวมอาหารเช้าและน้ำร้อน”
“แต่ถ้าพัก 10 วันขึ้นไป ฉันจะลดให้ 5 เหรียญทองแดงต่อคืน”
“งั้นผมขอพัก 10 คืน รวมแล้วเป็น 4 เหรียญเงินกับอีก 50 เหรียญทองแดงใช่ไหมครับ?”
“ค่ะ ห้องของคุณอยู่ที่ชั้นสอง ทางขวานะคะ”
“ขอบคุณครับ”
ห้องพักของผมมีวิวทะเลด้วยล่ะ แถมดูสะอาดสะอ้านด้วย ถึงราคาจะค่อนข้างแพงไปนิด
แต่ก็เป็นที่พักที่ดี ถ้าอาหารอร่อยด้วยล่ะก็ ที่นี่ก็จะเป็นที่พักที่สมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
แต่ปัญหาคือ ผมจะหาเงินพอที่จะอยู่โรงเตี๊ยมแบบนี้ต่อไปได้อีกหรือเปล่านี่สิ?
เงินที่เหลืออยู่ตอนนี้คือ 3 เหรียญทอง, 59 เหรียญเงิน, และอีก 35 เหรียญทองแดง
ถ้าผมต้องซื้อเรือหรือไม่ก็ต้องใช้เงินไปกับงานต่างๆ ล่ะ
เงินอาจหมดเร็วกว่าที่คิดไว้ก็ได้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมก็จ่ายค่าที่พักสำหรับ 10 วันเอาไว้แล้ว
ดังนั้นในระหว่างนี้ต้องพยายามหาข้อมูลและวางแผนให้ดี
เอาล่ะ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ
1. ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับงานที่นี่กับกิลด์นักผจญภัย
2. ไปที่ห้องข้อมูลของกิลด์
3. ตรวจสอบว่ามีเรือแบบไหนจอดอยู่ที่ท่าเรือบ้าง
4. ไปที่กิลด์พ่อค้าเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไขการเป็นสมาชิกและการทำการค้า
5. ตรวจสอบมูลค่าของเรือที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง
นี่คือสิ่งที่ผมคิดได้ในตอนนี้ แต่ตอนนี้ผมเหนื่อยเกินกว่าที่จะคิดอะไรละเอียดๆไปมากกว่านี้แล้ว
เอาเป็นว่าวันนี้ขอพักก่อนแล้วกัน เรื่องอื่นๆ เอาไว้ค่อยว่ากันทีหลัง
ยอดเงินคงเหลือ 3 เหรียญทอง, 59 เหรียญเงิน, 35 เหรียญทองแดง