Mezase Gouka Kyakusen!! (เรือสำราญ ณ ต่างโลก) - ตอนที่ 24 แพเต้นท์และเสือเขี้ยวดาบ
เช้านี้ ผมตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น
ร่างกายของผมตอนนี้สามารถปรับตัวให้เข้ากับการตื่นเช้าได้อย่างสมบูรณ์แล้วในตอนนี้
และเนื่องจากวันนี้ผมต้องออกเดินทางตั้งแต่ 6 โมงเช้า
ผมจึงต้องรีบไปเตรียมตัวล่วงหน้า ผมจัดการทุกอย่าง กินอาหารเช้า และมุ่งหน้าไปที่ท่าเรือพร้อมกับคนคุ้มกันทั้งสอง
เมื่อผมไปถึงที่ท่าเรือ พวกอลิเซียซังหรือคนอื่นๆ ยังไม่ไม่มีใครมาถึง นี่อาจจะเป็นเพราะตอนนี้มันยังเช้าอยู่
ดังนั้นผมจึงไปจัดการแพที่เพิ่งได้รับมารอไปก่อน ผมขับเรือออกไปที่ทะเลและผูกแพทั้งหมดไว้กับเรือ
โอ้… แพใหญ่มากเลย จะลากไปไหวไหมนะ?
ถ้าลากไม่ได้ คงต้องแยกออกเป็นส่วน ๆ แล้วค่อยๆ ทยอยขนไปทีละชิ้น ผมขนสมอเรือและเชือกขึ้นเรือเรียบร้อย
ผมกรอกแบบฟอร์มคำร้องสำหรับดิโน่ซังและเอ็นริเก้ซัง โดยระบุจำนวนวันที่คุ้มกันแล้วก็เซ็นชื่อ
หากพวกเขาส่งแบบฟอร์มนี้ให้กิลด์ เงินก็จะถูกหักจากบัญชีของผม
สักพักสมาชิกของจิราโซเล่ก็มาถึง ถึงจะเช้าขนาดนี้ แต่พวกเธอก็ยังคงดูงดงามและดูดีกันทุกคนเลย
อุปกรณ์ครบครันพร้อมลุย ผมรู้สึกเหมือนตัวเองดูธรรมดาไปเลยเมื่ออยู่ท่ามกลางพวกเธอ
“สวัสดีตอนเช้าครับทุกคน ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้ง”
“สวัสดีตอนเช้าค่ะ”
อลิเซียซังและคนอื่นๆ กล่าวทักทายผมอย่างสดใส
พวกเธอสวยแข็งแกร่ง และสุภาพมาก ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมใครๆ ต่างก็ชื่นชอบพวกเธอ
“เราสามารถออกเดินทางได้ทุกเมื่อ แจ้งผมได้เลยเมื่อพวกคุณพร้อม นอกจากนี้ เราจะลากไม้พวกนี้ไปด้วย”
“เรืออาจจะถึงช้านิดหน่อยนะครับ”
“ช้านิดหน่อยก็ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราพร้อมแล้ว ออกเดินทางกันเถอะ”
ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าพวกเธอคงไม่ว่าอะไร แต่พวกเธอรับเรื่องการลากไม้แบบนี้ได้เป็นเรื่องปกติ?
“รับทราบครับ งั้นทุกคนขึ้นเรือเลยนะครับ เราจะออกเดินทางกันแล้ว”
ผมโบกมือให้ดิโน่ซังและเอ็นริเก้ซัง ก่อนเรือจะออกจากท่า
แม้ตอนนี้จะลากแพอยู่ แต่เรือของผมก็ยังคงสามารถทำความเร็วได้พอสมควรเลยล่ะ
หลังจากเรือแล่นออกมาได้สักพัก อลิเซียซังก็พูดกับผมขึ้นมาว่า…
“ฉันได้ยินมาว่าเรือเวทมนตร์ของวาตารุซัง สามารถบรรทุกของได้มากกว่าเรือเวทมนตร์ทั่วไปถึง 5 เท่า เลยอย่างงั้นเหรอคะ?”
“นั่นมันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากเลยค่ะ”
“ผมสนใจเรื่องนี้ เลยขอให้กิลด์การค้าลองตรวจสอบดู”
“แล้วพวกเขาก็บอกว่าเรือของผมสามารถบรรทุกได้มากกว่าเรือเวทมนตร์ทั่วไปถึง 5 เท่า”
“จากนั้นพวกเขาก็พูดเรื่องคำร้องของเสือเขี้ยวดาบสายพันธุ์ย่อยขึ้นมา ต้องขอโทษจริงๆนะครับ”
“ทั้งๆ ที่พวกคุณเพิ่งกลับมาจากเกาะแท้ แต่ต้องมารับงานเพิ่มอีกแบบนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะ คำขอที่เกี่ยวกับเกาะทำเงินได้ดีมากค่ะ”
“และในครั้งนี้พวกเขาก็ยินดีจ่ายเงินพิเศษสำหรับคำขอของเสือเขี้ยวดาบสายพันธุ์ย่อยด้วยค่ะ”
“ดังนั้นพวกเราทุกคนเลยตื่นเต้นกับคำขอนี้กันมาก”
“ว่าแต่ วาตารุซัง ไม้พวกนี้คุณจะเอาไปใช้ทำอะไรเหรอคะ?”
“ทดลองน่ะครับ ผมยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันจะได้ผลไหม”
“ผมว่าจะใช้ไม้พวกนี้สร้างแพในอ่าว แล้วตั้งเต็นท์ขนาดใหญ่ไว้บนนั้น อยู่แต่ในเรือตลอดมันน่าเบื่อน่ะครับ”
“อารา ถ้าทำสำเร็จ คงเยี่ยมไปเลยนะคะ”
อลิเซียซังชมเรื่องไอเดียของผมด้วยความสนใจ
แพนี้ถึงจะเป็นแค่เต็นท์ แต่ก็เหมือนกับกระท่อมลอยน้ำ ถ้ามันสำเร็จ มันคงจะเป็นอะไรที่วิเศษมาก
“ถ้าทำสำเร็จ ทุกคนก็ใช้ได้เหมือนกันนะครับ การอยู่บนเกาะตลอดเวลามันคงลำบาก”
“พวกเราใช้ได้ด้วยเหรอคะ? แบบนั้นมันจะช่วยได้มากเลยค่ะ แต่มันจะไม่เป็นการรบกวนคุณอย่างงั้นเหรอคะ?”
“ไม่รบกวนเลยครับ จริงๆผมแค่อยากหาที่เอาไว้พักผ่อนหลบแดดในช่วงเวลากลางวันเฉยๆ เลยคิดจะสร้างแพนี้ขึ้นมา”
“จริงๆ แล้วเรือเวทมนตร์ก็กว้างมากพอที่จะใช้สำหรับเป็นที่นอนของผมอยู่แล้ว”
“ดังนั้นถ้าพวกคุณเหนื่อยก็สามารถมาใช้แพได้เลยครับ… แต่ต้องรอให้มันสำเร็จก่อนนะครับ”
“ฟุฟุ อย่างงั้นเหรอค่ะ ถ้างั้นฉันหวังว่าคุณจะทำมันสำเร็จนะคะ”
“ฮะฮะฮะ ผมจะพยายามครับ”
ดูเหมือนว่าผมจะทำให้พวกเธอตั้งความหวังไว้สูงเลยแฮะ ถ้าล้มเหลวขึ้นมาคงอายน่าดูเลย ชักเริ่มรู้สึกประหม่าขึ้นมาแล้วสิ…
“เอ่อ วาตารุซัง ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?”
“ได้ครับ คลอเร็ตต้าซัง มีอะไรเหรอ?”
“คือฉันได้ลองทำซุปตามที่คุณได้บอกมาแล้ว และปรากฎว่ารสชาติของมันออกมาดีมาก”
“แต่ฉันยังรู้สึกว่ามันขาดรสชาติลึกๆ อะไรบางอย่างไป…ดังนั้นคุณพอจะช่วยบอกสูตรลับที่เหลือให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ?”
ผมลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย ว่ายังไม่ได้บอกสูตรทั้งหมดให้กับคลอเร็ตต้าซัง
“อ่อ ขอโทษที่ครับที่ลืมบอก ความลึกของรสน่าจะเกิดจากการใส่สาหร่ายลงไปครับ และผมก็ได้ยินมาว่าควรใส่ต้นหอมส่วนสีเขียวลงไปด้วย”
“ต้นหอมกับของแผ่นบาง ๆ นี้เหรอคะ?”
“ใช่ครับ ที่บ้านเกิดผมมักจะใช้สิ่งนี้ในการเพิ่มรสชาติ ผมเพิ่งเจอมันที่เกาะนี้พอดี”
“ถ้าเอามันไปแช่น้ำทิ้งไว้ น้ำจะมีรสชาติที่ลึกขึ้นครับ แต่ถ้าใส่น้ำร้อนลงไปต้องระวังหน่อยนึง เพราะถ้าต้มจนเดือดมันจะมีรสขมออกมาครับ”
“นี่ครับ ผมแบ่งให้ ลองไปใช้ดูนะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ ฉันจะลองใช้ดู”
คลอเร็ตต้าซังขอบคุณผมด้วยท่าทางมีความสุข การเพิ่มความชอบจากสาวสวยด้วยของที่ได้มาฟรีๆ แบบนี้ นี่มันช่างโชคดีจริง ๆ
ขณะที่เราคุยกัน ในที่สุดเราก็เดินทางเข้ามาถึงจุดที่อันตรายที่สุดของเส้นทางแล้ว
“เรากำลังจะเข้าสู่จุดอันตรายแล้วนะครับ ถ้ามันดูจะมีอันตรายผมจะปลดเชือกไม้ออกทันทีครับ ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
แม้จะมีช่วงที่ไม้เกือบถูกดึงเข้าไปในน้ำวน แต่สุดท้ายเราก็สามารถลากไม้ทั้งหมดผ่านมาจนถึงเกาะได้อย่างปลอดภัย
“ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากนะครับ ทุกคนคงจะเหนื่อยกันมาก เดี๋ยวผมจะชงชาให้ ดังนั้นเชิญพักผ่อนรอกันไปก่อนได้เลยครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ ชานี่ดีจริงๆ”
หลังจากชงชาและพักผ่อน อลิเซียซังก็พูดขึ้นมาว่า
“เราจะอยู่ที่เกาะนี้เป็นเวลา 5 วันค่ะ และถ้าเกิดเราล่าเจ้าเสือเขี้ยวดาบได้ก่อน เราจะพามันกลับมาที่นี่ก่อน”
“ดังนั้นถ้าเต็นท์พร้อมใช้งานแล้ว พวกเราขอพักหน่อยจะได้ไหมคะ?”
“ได้สิครับ ไม่มีปัญหา แต่ขอให้อย่าตั้งความหวังมากจนเกินไปนะครับ เผื่อผมทำไม่สำเร็จ”
“ฟุฟุ ฉันรอดูอยู่นะคะ”
หลังจากพวกเธอเข้าไปในป่า ผมก็เริ่มเตรียมซุปและเริ่มประกอบแพ
งานนี้เหมือนกับการต่อจิ๊กซอว์ขนาดใหญ่ ใช้เวลาไม่นานก็เสร็ข ผมผูกเชือกให้แน่นและติดตั้งสมอ ในที่สุดแพก็เสร็จเรียบร้อย
วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน ผมกลับไปที่เรือ จากนั้นก็จัดการเรื่องน้ำซุป อุ่นขนมปังและเนื้อแห้งเป็นมื้อเย็น
แม้จะเป็นมื้อเรียบง่าย แต่เพราะวันนี้ผมเหนื่อย ดังนั้นนี่จึงเป็นมื้ออาหารที่เพียงพอสำหรับวันนี้แล้ว
พรุ่งนี้ค่อยออกไปกางเต็นท์และเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย
ถ้างั้นวันนี้ก็ ราตรีสวัสดิ์…
เช้าวันรุ่งขึ้น…
อาจเป็นเพราะเมื่อวานผมเข้านอนแต่หัวค่ำเลยทำให้เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดชื่น
หลังจากเตรียมตัวเก็บของและตั้งหม้อซุปกลับไปที่บนเตา
ผมก็มาทานอาหารเช้าแบบง่ายๆ ที่เตรียมไว้เมื่อคืน
เมื่อพระอาทิตย์เริ่มขึ้นเต็มที่ ก็ถึงเวลาที่จะออกไปตั้งเต็นท์แล้ว
ขั้นแรก ผมปูหนังสัตว์ที่คล้ายกับผ้าใบคลุมไว้บนพื้นแพทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำซึมขึ้นมาบนแพ
จากนั้นผมก็สอดเชือกเข้าไปในรูของอุปกรณ์โลหะและใช้เชือกนั้นยึดเต็นท์ให้แน่น…
เต็นท์มีขนาดใหญ่ โครงสร้างแข็งแรง และติดตั้งกับแพได้อย่างมั่นคง
แม้จะยังไม่ได้ลองใช้งานจริง แต่บรรยากาศก็ชวนให้รู้สึกว่าน่าจะทำสำเร็จ
พื้นที่ด้านนอกเต็นท์ยังมีเหลืออีกหน่อย ถ้าผมลองหาโต๊ะหรือเก้าอี้มาวาง อาจทำเป็นเทอเรสแบบเปิดโล่งกลางทะเลได้
ดังนั้น ครั้งหน้าผมจะซื้อโต๊ะกับเก้าอี้มา
ชีวิตบนเกาะแบบมีสไตล์… จิบชาอย่างสง่างามท่ามกลางท้องทะเลที่สดใส
ถึงตัวอาคารจะเป็นแค่เต็นท์ก็เถอะ แต่แบบนั้นคงพอเรียกได้ว่าสง่างาม…มั้ย?
ผมขับเรือเข้าไปเทียบข้างๆ แพ และขนสัมภาระที่จะใช้ในเต็นท์ลงจากเรือ
ผมสงสัยว่าควรจะวางหม้อกับเตาถ่านไว้ในเต็นท์? หรือว่าด้านนอกเต็นท์ดีก? อีกอย่าง ผมต้องหาทางยึดหม้อไว้ให้มั่นคงด้วย
ผมปูผ้าห่มไว้ในเต็นท์ วางจานชาม และเก็บอาหารบางส่วนไว้ในเรือสำรองเผื่อกรณีฉุกเฉิน
ในที่สุดเต็นท์ก็พร้อมแล้ว ซุปที่เคี่ยวไว้ก็ได้ที่แล้ว ดังนั้นผมจึงเริ่มเตรียมผัก จากนั้นก็ใส่น้ำสาหร่ายและเนื้อตากแห้งลงไปในหม้อ
แล้วกับยกหม้อขึ้นไปตั้งบนไฟอีกครั้งจากนั้นก็ค่อยๆเคี่ยวมันไปเรื่อยๆ โดยไม่ให้มันเดือด
เอาล่ะ ในเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมว่าผมไปเริ่มฝึกและหาสไลม์มาเล่นด้วยดีกว่า
วันนี้มีพื้นที่กว้างขวางมากขึ้น ผมจะได้เล่นกับพวกมันได้เต็มที่
หลังจากฝึกเสร็จและทานมื้อกลางวันแบบรวดเร็ว ผมก็ออกไปหาสไลม์ ไม่นานผมก็เจอเข้ากับสไลม์สีน้ำเงินตัวหนึ่งและจับมันไว้ได้
น่าเสียดายที่หาอีกตัวไม่เจอ ผมอยากได้สัก 2 ตัว จะได้เอาพวกมันกลับไปเล่นที่ในเต็นท์
แต่คงต้องยอมแพ้เพราะหาเท่าไหร่ก็หาอีกตัวไม่เจอเลย ถ้างั้นกลับไปที่เต็นท์กันดีกว่า
พื้นที่กว้างช่วยให้ผมทำอะไรได้สะดวกขึ้นมาก ผมเล่นกับสไลม์ในเต็นท์ได้อย่างเต็มที่ และรู้สึกปลอดภัยมากกว่าตอนที่อยู่ที่เมืองทางใต้เสียอีก
ขณะที่ผมกำลังนอนเล่นอยู่ในเต็นท์พร้อมกับสไลม์ในอ้อมแขน ผมก็ได้ยินเสียงเรือดังขึ้น
โอ้ นั่นต้องเป็นเรือเวทมนตร์ของกีโดซังแน่ ผมโบกมือให้เขา และเขาก็โบกมือกลับมา
หลังจากที่เขาส่งนักผจญภัยลงที่ชายหาดเสร็จเรียบร้อย เขาก็เลี้ยวเรือกลับเข้ามาที่เต็นท์ของผม
“โอ้ วาตารุ นี่มันอะไรกันเนี่ย? นายทำยังไงถึงขนพวกมันมาได้?”
กีโดซังดูจะสนใจแพเต็นท์นี้มาก เขาดูตื่นเต้นเล็กน้อย
“ผมให้อู่ต่อเรือที่เมื่องทางใต้ทำขึ้นมาให้ครับ จากนั้นก็ถอดประกอบและขนพวกมันมาที่นี่ ผมภูมิใจกับมันมากเลย”
ถึงจริง ๆ แล้ว โดนิโน่ซังเป็นคนสร้างมันขึ้นมาก็เถอะ…
“อย่างนี้นี่เอง แต่ฉันประทับใจที่นายสามารถขนพวกมันผ่านส่วนที่ยากมาได้ ขอฉันดูข้างในหน่อยได้ไหม?”
กีโดซังกำลังสำรวจแพด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก มันดูน่าดึงดูดกว่าที่ผมคิดไว้
“ได้เลยครับ ถึงข้างในจะเป็นแค่เต็นท์ธรรมดาๆ ก็เถอะ”
หลังจากที่ผมอนุญาต กีโดซังก็รีบเข้าไปในเต็นท์ทันที
“โอ้ กว้างขวางดีนะ มันสบายกว่ารออยู่บนเรือเวทมนตร์แน่นอน”
“วาตารุ นายช่วยแนะนำช่างต่อเรือที่สร้างมันขึ้นมาให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
“ฉันจะขนชิ้นส่วนมาเอง ดังนั้นพอถึงตรงส่วนที่ยาก นายช่วยพาฉันข้ามมันไปที ฉันเองก็อยากได้แบบนี้เหมือนกัน”
ไม่สิ ผมแค่อยากจะอวดเฉยๆ แต่ไม่คิดเลยว่าบทสนทนาจะพัฒนาไปถึงขั้นซื้อขายแบบนี้
มันคงจะทรมานสำหรับเขามากที่ต้องรออยู่บนเรือเวทมนตร์
“ได้ครับ แต่ผมเพิ่งสร้างมันขึ้นมา และก็ยังไม่ถึงวันดีเลย”
“ดังนั้นมันอาจมีข้อบกพร่องที่ยังไม่เจอ ขอเวลาทดสอบดูอีกสักหน่อยได้ไหมครับ?”
“จริงเหรอ? แต่จากที่ฉันดูมันก็แข็งแรงดีนะ… เอาเถอะ ถ้ามันปลอดภัยจนกว่านายจะกลับไปเที่ยวนี้ แนะนำช่างให้ฉันด้วยล่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ แล้วคนอื่นๆ?”
“ฉันคิดว่าคาร์โลกับแดเนียลก็คงน่าจะอยากได้เหมือนกัน แต่บาร์นาบัสนี่ไม่แน่ เขาจะเข้าไปในป่าเร็วๆ นี้”
“ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี อ่าวนี้คงเต็มไปด้วยเต็นท์แน่ๆ”
“ใช่ มันดูสะดวกสบายและกว้างขวาง ดังนั้นมันน่าจะช่วยให้อุ่นได้ในช่วงฤดูหนาว ขอบคุณนะ วาตารุ”
“ไม่หรอกครับ เรายังไม่สำเร็จดีเลย ไว้ถ้ามันได้ผลจริงๆ ค่อยมาขอบคุณผมก็แล้วกัน”
“ตกลง”
“คือ ผมสงสัยมาสักพักแล้ว กีโดซัง”
“คุณคิดยังไงเกี่ยวกับการที่เราใช้เรือลำใหญ่นั่งไปจนถึงจุดที่อันราย แล้วจากนั้นค่อยใช้เรือเล็กมราสามารถผ่านจุดนั้นไปได้ เพื่อที่จะไป-กลับระหว่างเรือและเกาะ”
“ถ้าทำแบบนั้นเราน่าจะสามารถขนคนและสัมภาระได้มากขึ้นหรือเปล่าครับ?”
ผมคิดว่าวิธีที่ใช้อยู่ตอนนี้มันไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่ ไม่ว่าจะมองยังไงก็ตาม
“ฉันเคยได้ยินมาว่ากิลด์เคยทำแบบนั้นมาก่อนแล้ว แต่เกาะนี้เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง”
“ดังนั้นถ้านักผจญภัยที่มีระดับต่ำมาก็เท่ามากับมาตายเท่านั้น แม้จะโชคดีรอดมาได้แต่ถ้าเกิดได้รับบาดเจ็บสาหัสล่ะ”
“พวกเขาก็ไม่สามารถกลับไปเมืองได้ เพราะไม่ว่ายังไงพวกเราก็ไม่สามารถทิ้งนักผจญภัยคนอื่นๆ เอาไว้แล้วกลับไปที่เมืองได้”
“อีกอย่างดูเหมือนว่ามอนสเตอร์บนเกาะจะมารวมตัวกันมากขึ้น เมื่อมีจำนวนนักผจญภัยมากขึ้นด้วย ดังนั้นสุดท้ายแล้วแผนนั้นจึงล้มเหลว”
“เข้าใจแล้ว เคยมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึนด้วยสินะครับ”
“ที่ผมคิดแบบนี้ เพราะถ้ามันไปได้สวย ผมคิดว่าเราอาจจะสามารถทำแพขนาดใหญ่หรืออาจจะถึงขึ้นสามารถสร้างบ้านไม้ขึ้นมาเลยก็ได้”
ผมว่าการใช้เต็นท์ก็ไม่เลว แต่การมีที่พักที่แข็งแรงและปลอดภัยย่อมดีกว่า
“อืม… อ่าวมันสงบในช่วงเวลานี้ของปีก็จริง แต่ก็มีบางครั้งที่พายุเข้าเหมือนกัน”
“แพกับเต็นท์แบบนี้สามารถถอดประกอบได้อย่างรวดเร็ว และถ้ามันเสียหายก็ไม่เจ็บตัวมาก”
“แต่ถ้านายใช้เงินไปกับมันมากเกินไป นายจะลำบากเมื่อมันพัง ฉันคิดว่าควรทำขนาดเท่านี้แหละ แล้วเพิ่มเฉพาะสิ่งที่จำเป็น”
“พายุเหรอ? ถ้างั้นเราก็คงปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปก่อนสักพักแล้วดูว่าจะเป็นยังไง”
พายุเป็นเรื่องที่อันตรายจริงๆ นั่นแหละ เต็นท์แบบนี้สามารถถอดออกได้ในทันที
ทำให้จัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ง่ายกว่า ผมว่าผมไปไม่ควรโลภมากจนเกินไป
หลังจากนั้น กีโดซังก็กลับไปที่เรือเวทมนตร์ของเขา ผมเลยกลับมาเล่นกับสไลม์ต่อจากนั้นก็ทานอาหาร
ผมลองเช็กดูว่าได้สกิลเทมมาหรือยัง แต่ดูเหมือนว่ายังไม่ได้มาอยู่ดี มันจะโอเคไหมถ้าปล่อยไว้แบบนี้?
ในวันที่สาม
ขณะที่ผมกำลังเล่นกับสไลม์
ดาเนียลซัง และต่อมาอีกเล็กน้อย คาร์โลซังก็มาถึงที่เกาะ
ทั้งสองคนต้องการมาดูแพเต็นท์และขอให้ผมแนะนำช่างต่อเรือให้กับพวกเขา
เหมือนกับที่ผมบอกกีโดซัง ผมขอให้พวกเขาดูไปจนถึงวันสุดท้ายของทริปก่อน
แต่พวกเขาอยากได้เร็วๆ เลยทำให้ผมสัญญาว่าจะสั่งทำให้ทันทีเมื่อผมกลับไปที่เมืองแล้ว
เมื่อกีโดซังและคนอื่นๆ กลับไปยังเรือเวทมนตร์และผมเริ่มเตรียมอาหาร
อลิเซียซังและพรรคพวกของเธอก็กลับมาจากการล่าเสือเขี้ยวดาบ
ผมรีบต้มน้ำและวิ่งไปช่วยพวกเธอ
“ยินดีต้อนรับกลับ ทุกคนได้รับบาดเจ็บกันไหมครับ?”
“พวกเรากลับมาแล้ว ทุกคนปลอดภัยดี”
เบื้องหลังใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของอลิเซียซัง มีมอนสเตอร์ขนาดใหญ่อยู่…
อย่างที่คิดเลย อลิเซียซังและคนอื่นๆ แข็งแกร่งมาก
“สุดยอดไปเลย นี่คือสายพันธุ์ย่อยของเสือเขี้ยวดาบเหรอครับ?”
“…มันเท่มากเลย ขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมขนมันเอง เชิญทุกคนไปพักในเต็นท์ก่อนเถอะครับ”
“ฟุฟุ ขอบใจนะ”
ผมช่วยขนเสือเขี้ยวดาบพร้อมกับพวกอลิเซียซัง จากนั้นก็พาพวกเธอไปที่แพ
หลังจากขนเสือเขี้ยวดาบไปที่ระเบียงชั่วคราวแล้ว ผมก็พาทุกคนเข้าไปในเต็นท์
“ว้าว กว้างขวางมากเลยนะ แถมยังไม่ค่อยโยกเยกด้วย”
อลิเซียซังหมุนตัวไปรอบๆ ด้วยแขนที่ยืดออก ทำท่าทางเหมือนเด็กๆ
อึก…คนสวยทำอะไรก็ดูดีไปหมด…
“ผมนอนที่นี่เมื่อคืนนี้ และจนถึงตอนนี้มันสะดวกสบายมาก นี่ครับ ผ้าขนหนูกับชาร้อน”
ผมรีบเตรียมผ้าขนหนูและชาร้อนจากน้ำร้อนที่ผมต้มเอาไว้ล่วงหน้าและส่งให้ทุกคน
ท่าทางของผมตอนนี้ดูเหมือนพอบ้านที่เชี่ยวชาญเลยล่ะ…
“ขอบคุณค่ะ”
“แล้วเรื่องอาหารเย็น?”
“ขอบคุณค่ะ ฉันอยากทานนะ แต่ก่อนอื่น ฉันอยากเช็ดตัวก่อน จะได้ไหม?”
“อ๋อ ได้เลยครับ คุณสามารถใช้น้ำร้อนนี้ได้ตามสบาย เดี๋ยวผมจะไปที่เรือ ถ้าพร้อมแล้วก็เรียกผมได้เลย”
ผมตกใจเล็กน้อยเพราะสถานการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
ความรู้สึกผิดเต็มไปหมดจนผมไม่สามารถปฏิเสธได้
โดยเฉพาะตอนที่อัลม่าซังพูดด้วยเสียงหวาน ๆ ว่า “อุฟุฟุ อยากดูเหรอ?”
หากจิ้งจอกสาวหูฟูหน้าอกสะบึมพูดแบบนั้นกับผม แค่ได้ยินก็คงเลือดกำเดาไหลแล้ว… อันตรายจริง ๆ
ผมพยายามรวบรวมสติและเดินออกมาจากเต็นท์ไปที่เรือ แต่เสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานที่ดังมาจากในเต็นท์
ก็ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมท่านเทพไม่ประทานพลังมองทะลุให้ผมแทนการเรียกเรือ?
ถ้าผมได้เจอท่านเทพอีกครั้ง ผมจะลองขอพลังมองทะลุอย่างจริงจังตอนที่สวดมนต์ในโบสถ์ เผื่อเขาจะทำให้มันเป็นจริง
“ขอบคุณที่รอนะคะ วาตารุซัง”
เสียงของโดโรธีซังเรียกผมให้ผมหลุดจากความคิดฟุ้งซ่านเรื่องการได้มาซึ่งพลังมองทะลุ
“ครับ ผมกำลังกลับไป”
เมื่อผมกลับไปที่เต็นท์ ทุกคนได้ถอดอุปกรณ์ เช็ดตัวให้สะอาด และอยู่ในสภาพที่ผ่อนคลายสบายใจ
“อาหารเย็นจะเหมือนครั้งที่แล้วนะครับ โอเคไหม?”
“ค่ะ ฉันชอบซุปนั้นมาก ดีใจที่จะได้ทานอีก”
“งั้นเดี๋ยวผมเตรียมให้ครับ”
“ฉันจะช่วยค่ะ”
คลอเร็ตต้าซังอาสาช่วย เธอได้รับหน้าที่ปิ้งขนมปัง ในขณะที่ผมจัดจานและตักซุปใส่ชาม
เมื่อผมเตรียมซุปเสร็จ ผมก็ยื่นให้กับทุกคนพร้อมกับพูดว่า “เชิญครับ”
พวกเธอก็ตอบกลับว่า “ทานด้วยกันนะคะ วาตารุซัง”
ผมลังเลว่าจะทานด้วยดีไหม แต่ในเมื่ออุตส่าห์เตรียมมาแล้ว ผมจึงตอบตกลง
มันเป็นโอกาสที่ดีเกินกว่าจะพลาดได้ การได้ทานข้าวกับกลุ่มสาวงามในสภาพที่ผ่อนคลายแบบนี้
“ซุปอร่อยจริงๆ ค่ะ ฉันทึ่งมากที่รสชาติของสาหร่ายทำให้ซุปมีมิติขนาดนี้”
ดูเหมือนว่าคลอเร็ตต้าซังจะเริ่มซาบซึ้งในความดีงามของสาหร่ายแล้ว มันทำให้ผมรู้สึกดีใจจริงๆ
น้ำซุปดาชิเป็นหัวใจหลักของคนญี่ปุ่น …แม้ว่าผมจะไม่มีรสนิยมที่ละเอียดอ่อนขนาดนั้นก็ตาม
“ใช่ มันอร่อยจริง ๆ”
ทุกคนทานกันอย่างเอร็ดอร่อย คาร์ลาซังดูเศร้าเล็กน้อยเมื่อเธอทานหมดชาม
ผมเลยตักให้เธออีก เธอดูดีใจมากและพูดขอบคุณอย่างน่ารัก
ถึงแม้ว่าเธอจะตัวสูง สวย และมีรูปร่างที่ดีมาก คาร์ลาซังก็มีมุมที่น่ารักๆ เหมือนกัน
เวลามองเธอ ผมรู้สึกเหมือนได้รับการเยียวยาเลยล่ะ เธอดูเหมือนจะปล่อยพลังงานบวกออกมา
“ขอบคุณสำหรับอาหารค่ะ”
หลังจากทานอาหารเสร็จ ฉันก็เสิร์ฟผลไม้อบแห้งและชาร้อนให้พวกเธอ พร้อมบอกให้พวกเธอทำตัวตามสบาย
อ้อ โดโรธีซังกำลังลูบเจ้าสไลม์อยู่ ผมลืมเจ้าสไลม์ไปซะสนิทเลย
เอ๊ะ? เดี๋ยวก่อนนะ สไลม์ตัวนั้นอยู่ในเต็นท์ตอนที่จิราโซเล่เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเปล่า?
เจ้าสไลม์แก…ถึงจะน่ารัก ใช่ ถึงมันจะน่ารักก็เถอะ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆ แบบนี้ เหมือนผมไม่อยากให้อภัยมันยังไงก็ไม่รู้
แต่…มันก็น่ารัก ความคิดของผมปั่นป่วนไปหมด หญิงสาวผิวสีน้ำตาลผู้งดงามที่กำลังเล่นอยู่กับสไลม์
ช่างเป็นภาพที่ดูแล้วชวนให้ตะลึงจริงๆ ขอบคุณมากครับ
“วาตารุซัง เต็นท์นี้ดีมากเลยค่ะ”
“จนถึงตอนนี้พวกเราพักไม่เคยได้พักสบายๆ แบบนี้มาก่อนเลยเพราะเรือเวทมนตร์มันแคบเกินไป”
“เราจึงต้องตั้งแคมป์บนเกาะ แต่ที่นี่เราพักได้อย่างสบายใจ แน่ใจนะคะว่าคุณไม่ว่าอะไรถ้าเราจะใช้มัน?”
อลิเซียซังชมเต็นท์ของผมด้วยล่ะ พูดตรงๆ ผมรู้สึกดีใจมากกว่าการได้รับคำชมจากกีโดซังและคนอื่นๆ เสียอีก (แกนี่มันสองมาตรฐานจริงๆ)
“ครับ ใช้ได้ตามสบายเลย”
อลิเซียซังและคนอื่นๆ น่าจะใช้เต็นท์เพียงวันสองวัน และผมก็ไม่ได้ลำบากอะไรที่จะนอนบนเรือ แถมการให้ลูกค้าใช้ก่อนมันก็น่าจะเป็นเรื่องปกติ
“ขอบคุณมากค่ะ ฉันจะใช้บ้างเป็นครั้งคราวนะคะ”
“ได้ทุกเมื่อเลยครับ อ้อ อลิเซียซัง พรุ่งนี้มีแผนจะทำอะไรไหมครับ? โปรแกรมเดิมคือห้าวัน แต่ภารกิจเหมือนจะเสร็จแล้วใช่ไหมครับ?”
“ค่ะ เนื่องจากเราล่าเสือเขี้ยวดาบมาได้แล้ว…ดังนั้นวันนี้พวกเราเลยว่าจะพักผ่อนให้เต็มที่”
“จากนั้นวันที่เหลือก็น่าจะเข้าป่า…พวกเธอคิดว่าไง?”
พวกเธอเริ่มประชุมกันแล้ว ระหว่างนี้ผมไปล้างจานดีไหมนะ?
“เนื่องจากเป็นคำขอจากท่านเคานต์แห่งทางใต้ พวกเราเลยตัดสินใจว่าจะกลับโดยเร็วที่สุด”
“ถ้าคุณไม่ว่าอะไร พวกเราจะขอออกเดินทางพรุ่งนี้เช้าเลยค่ะ”
ก็จริง ถ้าเป็นคำขอจากคนระดับสูง การรีบทำให้เสร็จย่อมดีกว่า ถ้าเขาไม่พอใจมันจะยุ่งยากทีหลัง
“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นผมจะกลับไปที่เรือเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า
โอ้ โดโรธีซัง ช่วยส่งสไลม์ให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?”
“สไลม์น่ารักกว่าที่คิดอีกนะคะ”
ดูเหมือนว่าโดโรธีซังจะถูกใจสไลม์เข้าแล้ว ผมอยากเผยแพร่ความน่ารักของมันต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้
“ผมดีใจที่มีคนเข้าใจครับ งั้นทุกคนวันนี้ก็ราตรีสวัสดิ์นะครับ”
หลังจากกล่าวราตรีสวัสดิ์กับอลิเซียซังและคนอื่นๆ ผมก็ออกจากเต็นท์มา
เอาล่ะ พาเจ้าสไลม์กลับไปที่ป่าแล้วไปนอนดีกว่า…
อ้อ และเพราะเราจะกลับพรุ่งนี้ ผมควรไปบอกกับกีโดซังและคนอื่นๆ ด้วย ผมไปที่เรือลำเล็กที่พวกเขาอยู่และเรียกพวกเขา
“ทุกคนครับ พรุ่งนี้ผมจะกลับในตอนเช้า ต้องการให้ผมทำอะไรเกี่ยวกับเต็นท์และแพไหมครับ?”
“โอ้ สั่งทำเลย นายว่ายังไง?”
“”สั่งเลยครับ””
“เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมจะแจ้งโดนิโน่ซังให้ครับ แล้วพวกคุณค่อยไปตรวจดูตอนกลับก็แล้วกันนะครับ”
“โอ้ ขอบใจนะ”
แพเต็นท์ดูจะได้รับความนิยมมากจริงๆ แบบนี้โดนิโน่ซังคงดีใจน่าดูใช่ไหม?
เอาเถอะ ผมคิดว่าเขาน่าจะดีใจอยู่แล้ว เพราะมันสร้างกำไรให้เขา
ตอนเช้า…ผมตื่นไวหน่อยเพราะต้องตื่นขึ้นมาเตรียมตัวเพื่อที่จะเดินทางกลับ…
อืม อลิเซียซังกับคนอื่นๆ ดูเหมือนจะยังนอนกันอยู่
ดังนั้น ผมไม่ควรเข้าไปกวนพวกเธอ ผมควรรอจนกว่าพวกเธอจะตื่นเอง
ผ่านไปสักพัก มารีน่าซังก็ออกจากเต็นท์
“มารีน่าซัง อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อรุณสวัสดิ์ วาตารุซัง ฉันจะปลุกคนอื่นๆ นะ รอสักครู่”
“ไม่เป็นไรครับ เชิญพักให้เต็มที่เลย”
ถ้าคนหนึ่งตื่นขึ้นมา เราก็สามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทุกคนตื่นสายได้ แค่นั้นก็ทำให้รู้สึกดีมากแล้ว
“ขอบคุณค่ะ”
มารีน่าซังปลุกทุกคน และไม่นานทุกคนก็ตื่นขึ้นมา
เราจึงตัดสินใจทานอาหารเช้า ผมซุปผักง่ายๆ กับขนมปังที่เหลือจากเมื่อวาน
อลิเซียซังกับคนอื่นๆ ดูเหมือจะพอใจกับมันมาก ผมรู้สึกดีใจเล็กน้อย
หลังจากทานอาหารเช้าง่ายๆ เราก็ย้ายเจ้าเสือเขี่้ยวไปที่เรือ และเมื่อทุกคนขึ้นมาบนเรือเรียบร้อยแล้ว
“งั้นเราออกเดินทางกันเลยนะครับ”
ผมผ่านส่วนที่ยากที่สุดของเส้นทางมาได้อย่างปลอดภัยและกลับมาที่เมืองทางใต้
และในตอนนั้นเอง ผมก็ได้ทำเรื่องผิดพลาดที่แสนเจ็บปวดขึ้นมา
ความต่างระหว่างสีทองและสีดำที่เปล่งประกายภายใต้แสงแดด…
เจ้าเสือเขี้ยวกำลังเปร่งประกายแวววาวสะท้อนแสงเจิดจ้า…
นี่มันจะสะดุดตาเกินไปแล้ว ผมนึกในใจ
ผลที่ได้ก็คือ ท่าเรือตกอยู่ในความโกลาหล เราควรเอาผ้าสักผืนมาคลุมมัน
ผมนี่มันมันโง่จริงๆ…
ยอดเงินคงเหลือ : 54 เหรียญเงิน 60 เหรียญทองแดง
ยอดเงินฝากในบัญชีของกิลด์ : 2 เหรียญทอง 70 เหรียญเงิน