Mezase Gouka Kyakusen!! (เรือสำราญ ณ ต่างโลก) - ตอนที่ 22 ชีวิตบนเกาะและคนคุ้มกัน ยังไม่เสร็จ
- Home
- Mezase Gouka Kyakusen!! (เรือสำราญ ณ ต่างโลก)
- ตอนที่ 22 ชีวิตบนเกาะและคนคุ้มกัน ยังไม่เสร็จ
เฮ้อ…การฝึกวันนี้น่าจะเพียงพอแล้ว…
ไหนดูซิ…หม้อที่ผมเคี่ยวโครงไก่เอาไว้ดูเหมือนว่ามันยังไม่เดือด…
เอาล่ะ ผมควรทำอะไรระหว่างรอดี…ผมไม่ควรที่จะออกห่างจากจากเรือมากเกินไป
เพราะจากที่ได้ยินมามอนสเตอร์ที่อยู่บนเกาะนี้แข็งแกร่งมาก
งั้นหาลองมองหาสไลม์แถวๆ นี้ดูดีกว่า ผมจะหาจากแค่ในระยะที่สายตามองเห็นจากเรือเท่านั้น
…เจอแล้ว สไลม์สีน้ำเงิน ผมรีบวิ่งไปจับมันแล้วกลับมาที่เรือ
จากนั้นก็วางเจ้าสไลม์นุ่มๆ ไว้บนผ้าห่มแล้วเริ่มลูบมัน
ผมวางเนื้อแห้งเอาไว้บนตักตรงหน้าเจ้าสไลม์
จากนั้นสไลม์มันก็พยายามยืดตัวและขยับไปมา เพื่อที่จะไปหาเนื้อแห้ง
และหลังจากพยายามอยู่หลายครั้ง ในที่สุดผมก็สามารถทำให้เจ้าสไลม์ขึ้นมากินเนื้อแห้งบนตักของผมได้สำเร็จ
แม้จะรู้ว่าเจ้าสไลม์แค่ต้องการเนื้อแห้ง แต่ผมก็อดซึ้งใจไม่ได้ที่มันยอมปีนขึ้นมาบนตักของผม
ผมลูบมัน นวยมัน ชื่นชมมัน และให้เนื้อแห้งมันเพิ่มไปอีกหลายชิ้น
ผมเล่นกับเจ้าสไลม์จนกระทั่งฟ้ามืด พร้อมกันนั้นก็คอยดูหม้อและกระทะเป็นระยะ ๆ
ผมปล่อยเจ้าสไลม์ไปหลังจากตรวจสถานะของตัวเอง แม้จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ยังไม่ได้สกิล “ฝึก”
ทำยังไงกันนะ…ถึงจะได้สกิลนี้มาพอจะมีวิธีที่ได้สกิลนี้มาง่ายๆ บ้างมั้ยนะ?
ผมเก็บสาหร่ายทะเลที่ตากเอาไว้มาดู มันยังแห้งไม่สนิทเท่าไหร่ พรุ่งนี้ค่อยตากต่อแล้วกัน
น้ำซุป…ยังจืดอยู่เลย พรุ่งนี้ค่อยลองเคี่ยวต่อดู หลังจากตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อย
ผมก็เช็ดตัวแล้วก็เตรียมตัวที่จะเข้านอน ผมควรมีผ้าขนหนูไว้ให้ทุกคนเวลาที่พวกเธอกลับมาดีนะ?
ถ้ามีผ้าขนหนูเหมือนกับที่ญี่ปุ่นก็คงดี แต่แค่เอาผ้ามาชุบน้ำร้อนแล้วเอาไปเช็ดตามตัวก็น่าจะพอให้รู้สึกดีได้แล้ว
ผมลากกล่องไม้บนเรือมาวางเรียงกันไว้ตรงขอบด้านหนึ่งของเรือจากนั้นก็ปูผ้าห่มลงบนพื้น
มอนสเตอร์คงจะไม่สามารถโจมตีเข้ามาได้ ดังนั้นผมจึงสามารถนอนรออยู่แบบนี้ได้
อีกอย่างถ้าทำแบบนี้ผมจะสามารถได้ยินเสียงของทุกคนจากจิราโซเร่ได้ตอนที่พวกเธอกลับ
เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะตื่นอยู่ตลอด…ดังนั้นการทำแบบนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
มาตั้งใจฟังเสียง…ถ้าเกิดมีใครมาเรียกอะไรผมก็จะได้ตื่นขึ้นมาทันที
โอเค ถ้างั้นก็ ราตรีสวัสดิ์…
ตอนเช้า…เมื่อวานไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในตอนกลางคืนอาจเป็นเพราะนี่เป็นวันแรก
เหล่าสมาชิกของจิราโซเร่เลยยังไม่ได้กลับมา…
ผมว่าผมรีบไปเตรียมตัวให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า แล้วจากนั้นค่อยไปตั้งหม้อ จากนั้นก็เอาสาหร่ายไปตากทีชายหาด
ผมเตรียมอาหารเช้าที่ประกอบด้วยเนื้อแห้งและขนมปัง ทั้งเนื้อแห้งและขนมปังอร่อยขึ้นมากเมื่อเอาไปย่างบนเตาถ่าน
หลังมื้อกลางวัน ผมพักผ่อนเล็กน้อยแล้วจากนั้นก็ไปฝึกอาวุธ
หลังจากการฝึก ผมก็ลองชิมน้ำซุป ฮืมม…รสชาติยังไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่เลย
ทำไมมันถึงไม่เข้มข้นขึ้นกันนะ? เอาเถอะ ลองทำซุปผักจากน้ำซุปนี้ดูแล้วกัน
ผมเทน้ำซุปลงในหม้ออีกใบแล้วจากนั้นก็เติมเกลือลงไป
อืม…ใส่เกลือแล้วรสชาติดีใช้ได้เลย จากนั้นก็เติมเนื้อแห้ง มันฝรั่ง กะหล่ำปลี และหอมหัวใหญ่
เมื่อมันฝรั่งสุก ผมก็ตักซุปใส่จานแล้วกินมันเป็นมื้อกลางวัน
ผักและเนื้อแห้งทำให้น้ำซุปอร่อยขึ้นมาก ตอนเย็นน่าจะลองเติมสาหร่ายตากแห้งลงไปดู
หลังมื้อกลางวัน ผมคุยกับกีโดซังและคนอื่น ๆ อยู่พักหนึ่งก่อนจะออกไปหาสไลม์
ที่จุดที่ผมปล่อยสไลม์ไปเมื่อวาน วันนี้ผมก็คงเจอเข้าสไลม์สีน้ำเงินตัวเดิม
แถมวันนี้ยังมีสไลม์สีเขียวเพิ่มเข้ามาอีกตัวด้วย ผมรีบไปจับพวกมันทั้งสองตัวแล้วก็กลับไปที่เรือ
โอ้ ไม่อยากจะเชื่อเลย วันนี้พวกมันนุ่มและเด้งดึ๋งกว่าเมื่อวานอีก
ผมให้เนื้อแห้งกับสไลม์ทั้งสองตัว แล้วก็เพลิดเพลินไปกับสัมผัสของพวกมัน
สไลม์สีน้ำเงินให้ความรู้สึกที่ยืดหยุ่นกว่า ส่วนสไลม์สีเขียวนั้นให้ความรู้สึกที่แน่นกว่า
เมื่อผมลองจับสไลม์ทั้งสองตัวมาชนกัน ผมก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างของเนื้อสัมผัสของพวกมัน
ผมไม่อยากปล่อยพวกมันไปเลยจริง ๆ ถ้าผมได้สกิล “ฝึก” มานะ…
ผมเล่นกับเจ้าสไลม์ทั้งสองตัวจนถึงค่ำโดยไม่รู้สึกเบื่อเลย
จากนั้นก็ลองตรวจสอบสถานะของตัวเองอีกครั้ง และก็ต้องพบความผิดหวังที่ยังไม่ได้สกิล “ฝึก”
ผมจึงปล่อยสไลม์ทั้งสองตัวกลับไปในป่า จากนั้นก็ไปตรวจดูสาหร่ายที่ตากไว้ที่ชายหาด
และพบว่าพวกมันแห้งสนิทดีแล้ว ผมรีบตัดพวกมันเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่มันลงในแก้วที่มีน้ำ
หลังจากนั้นสักพัก ผมลองจิบน้ำที่มีสาหร่ายแช่อยู่ดู
โอ้ รสชาติเหมือนคอมบุดาชิเลย มันจางไปหน่อย แต่ก็ยังให้รสชาติที่คุ้นเคย
ผมเทน้ำคอมบุดาชิพร้อมสาหร่ายลงในซุปผักและอุ่นขึ้นมาโดยไม่ให้ซุปเดือด
หลังจากอุ่นจนได้ที่ ผมก็นำสาหร่ายออก เท่านี้ซุปก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว
มื้อเย็นวันนี้เป็นซุปกับขนมปัง ซุปที่มีคอมบุดาชิผสมอยู่อร่อยมาก
บางทีอาจเป็นเพราะไม่ได้ลิ้มรสชาติแบบนี้มานาน ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
ทุกวัน ผมฝึกฝนและเล่นกับสไลม์ ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ไม่ได้ทำอะไรแปลกใหม่ เช่น ไปส่งกีโดซังและคนอื่น ๆ
ตอนที่พวกเขากลับมา วันนี้เป็นวันที่ 5 แล้วนะ นับจากที่ผมมาอาศัยอยู่บนเกาะ
ผมสงสัยจังว่าเหล่าจิราโซเร่จะกลับมากันเมื่อไหร่? เอาเถอะ พวกเขามีกำหนดจะกลับมาวันนี้ งั้นเตรียมตัวไว้ก่อนดีกว่า
ผมแค่ต้องทำซุปและเตรียมผ้าขนหนูอุ่นๆ ไว้ให้พวกเธอเท่านั้น ผมจะทำซุปให้เสร็จในช่วงเช้า และเตรียมน้ำร้อนไว้ให้พร้อม
หลังจากทำสิ่งที่ต้องทำหมดแล้ว ผมก็มาฝึกฝน และเล่นกับสไลม์ จากนั้นทุกคนจากจิราโซเร่ก็กลับมา
“ยินดีต้อนรับกลับครับ ทุกคน”
“กลับมาแล้ว… เหนื่อยกว่าที่คิดไว้มากเลย…”
อลิเซียซังและคนอื่นๆ ที่กลับมาดูเหนื่อยกันมากจริงๆ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น
พวกเธอก็ยังคงดูงดงามแม้จะกลับมาพร้อมร่องรอยความเหนื่อยล้าบนใบหน้า
“ให้ผมเตรียมชาให้ไหมครับ?”
“งั้นก็ดีเลย แต่ขอหลังจากที่เราขนของขึ้นเรือนะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
ผมจัดเรียงกล่องไม้ให้เป็นระเบียบและขนสัมภาระไปวางไว้ตรงที่ว่าง
“สุดยอดเลย ฉันไม่รู้ว่าเราจะขนกลับไปได้มากแค่ไหน เลยเอากลับมาให้เยอะๆ ไว้ก่อน”
“แต่ถึงจะขนทุกอย่างมาแล้วมันก็ยังมีที่ว่างเหลืออีกเยอะเลย เรือลำนี้บรรทุกของได้มากขนาดไหนงั้นเหรอ?”
“ว่าแต่ทำไมถึงมีสไลม์อยู่ด้วยล่ะ?”
“เรื่องบรรทุกได้เท่าไหร่นั้นผมคงต้องขอโทษด้วยครับ เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าเรือลำนี้บรรทุกของได้มากแค่ไหน”
“ส่วนเรื่องสไลม์ เพราะผมชอบสไลม์ ก็เลยเล่นกับพวกมันเพื่อฆ่าเวลาตอนที่ไม่มีอะไรทำน่ะครับ”
“ไม่เป็นไร คราวหน้าจะได้รู้ว่าขนของเพิ่มได้อีก แต่ฉันไม่เคยได้ยินใครชอบสไลม์มาก่อนเลยนะ คุณนี่แปลกจริงๆ”
ผมคิดว่าสไลม์ค่อนข้างเป็นที่นิยมในญี่ปุ่นนะ แต่ที่นี่อาจจะไม่เพราะมันเป็นมอนสเตอร์
คนที่นี่ถึงไม่ค่อยชอบพวกมันเท่าไหร่ บางทีอาจเพราะมันสามารถละลายคนได้หากไม่ระวัง… แต่ผมก็ยังชอบพวกมันอยู่ดี
“เดี๋ยวผมจะรีบเตรียมชาให้นะครับรอสักครู่ แล้วก็นี่ครับผ้าขนหนูอุ่นๆ เชิญใช้ได้เลย”
“ผ้าขนหนูอุ่น? เอาไว้ใช้ทำอะไรเหรอ?”
“เอ่อ…เอาไว้ใช้เช็ดมือหรือหน้าไม่ก็คอครับ มันทำให้รู้สึกดีมากเลยนะครับ”
ผมยื่นผ้าขนหนูอุ่น ให้กับทุกคนในจิราโซเร่ แล้วก็ไปชงชาให้พวกเธอ
ทุกคนดูเหมือนจะชอบผ้าขนหนูเอามากๆ พวกเธอเช็ดมือและหน้าอย่างสบายใจ
ถ้าเปิดร้านอาหารหรือเครื่องดื่มแล้วมีผ้าขนหนูอุ่ ๆ ไว้บริการ ร้านคงดังแน่ๆ…แต่ถ้ามีคนเห็นเข้า พวกเขาก็คงเลียนแบบเร็วเลยล่ะ
“นี่ครับ ชาของทุกคน”
“ขอบคุณนะ ผ้าขนหนูนี่รู้สึกดีมากเลย ถึงแม้ว่าพวกเราจะอาบน้ำแล้ว แต่การเช็ดด้วยผ้าอุ่นๆ มันทำให้รู้สึกสดชื่นมากเลย”
“ผมดีใจที่ทุกคนชอบนะครับ ครั้งหน้าผมก็จะเตรียมไว้ให้อีก”
“อ๊ะ ถ้าอยากทานอาหารกลางวัน ผมทำไว้ให้แล้วนะครับ ถึงจะเป็นแค่ซุปกับขนมปังธรรมดาๆ ก็เถอะ”
“จริงเหรอ!? แค่ซุปร้อนๆ ก็ดีมากแล้ว ขอบคุณมากนะ”
อลิเซียซังกับคนอื่นๆ ยิ้ม ผมรู้สึกดีมากเลยที่พวกเธอดูพอใจกับข้อเสนอนี้
“นี่ครับ อาหารกลางวันของทุกคน”
ผมยื่นซุปกับขนมปังให้พวกเธอ และอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าพวกเธอจะคิดยังไงกับอาหารที่ผมทำ
“นี่มันอะไร? วัตถุดิบก็ดูธรรมดา แต่ทำไมซุปมันถึงมีรสเหมือนไก่ล่ะ?”
“แล้วยังรสชาติแปลกๆ ที่ไม่เข้าใจนี่อีก แต่มันอร่อยมากๆเลย”
“ขอบคุณครับ”
โอ้…ได้รับคำชมด้วยล่ะ ผมมั่นใจกับน้ำซุปมาก ดังนั้นจึงอดรู้สึกดีไม่ได้ที่ถูกชม
ผมแอบยิ้มเบาๆ แต่ในใจนี่กลับกระโดดโลดเต้นสุดๆ
คาร์ล่าซังทานเสร็จแล้ว เธอดูมีใบหน้าเศร้าเล็กน้อย น่ารักจัง…
“คาร์ล่าซัง เติมอีกได้นะครับ?”
“จริงเหรอ! ขอบคุณนะ”
รอยยิ้มของคาร์ล่าซังช่างงดงามจริงๆ หลังจากที่เติมให้คาร์ล่าซัง
ทุกคนก็มาขอเติมอีกเหมือนกัน รู้สึกดีจริงๆ เวลาที่คนชอบอาหารที่เราทำ
“ขอบคุณสำหรับอาหาร วาตารุซัง อร่อยมากเลยค่ะ”
อลิเซียซังชมผมด้วยรอยยิ้ม อาหารร้อนๆ ในวันที่เหนื่อยๆ แบบนี้ ซุปอุ่นๆ คงทำให้พวกเธอรู้สึกดีมาก
“ขอบคุณครับ”
“ว่าแต่ พวกคุณจะพักสักหน่อยก่อนแล้วค่อยออก หรือว่าจะออกเดินทางเลยดีครับ?”
“ขอพักสักหน่อยก่อนแล้วกันค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมขอตัวไปปล่อยสไลม์ก่อนนะครับ”
ผมอุ้มสไลม์สองตัวไปปล่อยในป่า หลังจากตรวจสถานะของตัวเองและพบว่ายังไม่ได้สกิลฝึกมา
ผมก็ปล่อยพวกมันไป… อยากพาพวกมันกลับบ้านจังเลย
จากนั้นผมก็กลับมาที่เรือ ล้างจาน แล้วพักผ่อน ขณะที่พักอยู่ คลอเร็ตต้าซัง ก็มาคุยกับผม
“วาตารุซัง ซุปอร่อยมากเลยค่ะ”
“ถ้าไม่ใช่ความลับอะไร คุณช่วยบอกสูตรให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
ผมไม่คิดว่าจะมีคนมาถามถึงสูตรแบบนี้เลย ซุปของผมเจ๋งจริงๆ สินะ
มีแว๊ปหนึ่งที่ผมเกือบจะหลุดพูดไปแล้วว่าเป็นสูตรลับน่ะ แต่ก็เขินเกินกว่าที่จะพูดออกไปเลยตัดสินใจว่าจะไม่พูด
“ได้สิครับ แต่ซุปนี้ใช้เวลาทำนานหน่อยนะครับ ผมทำตอนที่ว่างๆ น่ะ”
“ถ้าบอกให้ ฉันจะลองทำดูค่ะ ถึงจะต้องใช้เวลานานก็ตาม”
“การทำซุปนี้มันไม่ยากเลยครับ แค่ใช้เวลานานหน่อย”
“เริ่มจากเอาโครงไก่มาต้ม หลังจากนั้นก็นำออกมาล้างน้ำให้สะอาดเพื่อขจัดเนื้อและเลือดที่ยังหลงเหลืออยู่”
“จากนั้นก็…”
“ว้าว ไม่เคยคิดเรื่องที่เอากระดูกมาต้มแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ วาตารุซัง คุณเก่งมากเลยค่ะ”
“ฮะๆ จริงๆ นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดขึ้นมาเองหรอกนะครับ ผมได้ยินมาจากที่อื่นอีกทีน่ะ…เมื่อกี้อธิบายถึงตรงไหนแล้วนะครับ?”
“ถึงขั้นตอนการล้างเนื้อและเลือดออกจากกระดูกค่ะ”
“แต่ฉันว่า การที่คุณสามารถทำซุปนี้ได้จากสิ่งที่เคยได้ยินมาแบบนี้ ฉันคิดว่าคุณเก่งมากๆ นะคะ”
คลอเร็ตต้าซังชมผมด้วยล่ะ ผมรู้สึกดีใจมากเพราะผมมั่นใจในซุปที่ทำออกมาพอสมควรเลย
“ขอบคุณครับ หลังจากนั้นก็ทุบกระดูกให้ละเอียดเพื่อให้รสชาติออกมาได้ง่าย”
“จากนั้นก็เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ให้น้ำเดือด ซุปนี้ผมเคี่ยวทิ้งไว้ประมาณ 10 ชั่วโมงครับ”
“คุณเคี่ยวนานขนาดนั้นเลยเหรอคะ!?”
“ใช่ครับ ผมได้ยินมาว่านอกจากกระดูกไก่แล้ว การใส่ผักบางชนิดลงไปจะสามารถช่วยลดกลิ่นลงได้ด้วย”
“แต่ตอนนี้ผมยังหาผักชนิดนั้นไม่เจอ แล้วก็มีส่วนผสมลับอีกอย่าง…”
“อ๊ะ ตอนนี้ผมว่าเราน่าจะใกล้เวลาออกเดินทางแล้ว เอาไว้คุยกันคราวหน้านะครับ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากเลย”
“อลิเซียซัง พร้อมออกเดินทางหรือยังครับ?”
“พร้อมแล้วค่ะ”
“งั้นเราออกเดินทางกันเลยนะครับ”
เราออกเดินทางหลังเที่ยงเล็กน้อย จึงกลับมาถึงเมืองทางใต้ในตอนเย็น
ถึงแม้ว่าจะมืดระหว่างทาง แต่ก็เดินทางมาถึงได้โดยสวัสดิภาพ
“ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากนะครับ พวกเราเดินทางกลับมาถึงเมืองทางใต้แล้วครับ”
เฮ้อ… งานแรกของผมสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แต่ละคนในจิราโซเร่กล่าวขอบคุณผมทีละคน
ผมรู้สึกดีใจมากเลยที่ได้ยินคำชม แม้ชีวิตบนเกาะจะเรียบง่ายจนทำให้ผมลืมไปว่าโลกภายนอกนั้นยังคงมีอันตรายอยู่
“อ๊ะ วาตารุซัง พวกฉันได้รับคำขอให้คุ้มกันคุณกลับไปที่กิลด์พ่อค้าน่ะคะ ดังนั้นช่วยรออีกสักครู่นะคะ”
…กำลังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ ลืมไปเลยว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตราย
ชีวิตบนเกาะที่สงบสุขทำเอาผมลืมเรื่องไม่ดีๆไปจนหมด
“ขอโทษด้วยนะครับที่ต้องรบกวน”
สงสัยว่าจังว่าคามิลล์ซังเป็นคนขอให้อลิเซียซังและคนอื่นๆ ทำแบบนี้หรือเปล่า?
หลังจากที่ทุกคนขนสัมภาระลงหมด เราก็มุ่งหน้าไปยังกิลด์พ่อค้า
“ทุกคนในจิราโซเร่ ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เราอาจจะขอให้คุณกลับไปส่งที่เกาะอีก ดังนั้นอย่าลืมบอกเราด้วยนะคะ เมื่อคุณจะไปอีกครั้ง และเมื่อคุณตั้งตัวได้
ฉันจะเลี้ยงอาหารนะคะ อย่าลืมซะล่ะ”
เมื่อมาถึงกิลด์พ่อค้า ผมก็แยกทางกับอลิเซียซังและคนอื่นๆ
แต่…แค่ได้คุยกับพวกเธอ ผมก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาจากพวกผู้ชายที่อยู่รอบๆ
ถ้าไม่ได้คนคุ้มกันในเร็วๆ นี้ ผมต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ
“คามิลล์ซัง ผมทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”
“ยินดีต้อนรับกลับค่ะ วาตารุซัง คุณทำงานเป็นเวลา 5 วันสำหรับคน 6 คน วันละ 10 เหรียญเงินต่อคน
รวมทั้งหมดเป็น 3 เหรียญทองค่ะ คุณต้องการทำอย่างไรกับค่าตอบแทนนี้ดีคะ?”
“กรุณาฝากเงินทั้งหมดนั่นเข้าบัตรกิลด์ของผมด้วยครับ”
แค่เอาเรือไปและก็กลับ พร้อมกับฆ่าเวลาเล้นอยู่ 5 วัน
ผมก็หาเงินได้ 3 เหรียญทอง หรือประมาณ 3 ล้านเยนแล้วเหรอ!
ผมสงสัยจังว่าเหล่าจิราโซเร่และพ่อค้าที่รับซื้อวัตถุดิบจะได้กำไรมากขนาดไหนกัน?
ถ้ามีเงินหมุนเวียนได้มากขนาดนี้ในเวลาอันสั้น ก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงตกเป็นเป้าหมายได้ง่ายๆ
กำไรจากวัตถุดิบก็คงมหาศาลด้วยเช่นกัน
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เงินได้ถูกฝากเข้าบัตรกิลด์ของคุณแล้ว กรุณาไปรอที่ห้องด้านข้างนะคะ ฉันจะเรียกคนคุ้มกันมาให้”
“ได้ครับ ห้องเดิมใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ กรุณารอสักครู่ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนพาคุณไปเองค่ะ”
เมื่อไปถึงห้องนั้น ผมก็พบกับกิลด์มาสเตอร์ ชายวัยกลางคน และชายหนุ่มอีกคนหนึ่งนั่งรออยู่
“โอ้ วาตารุ ฉันดีใจที่เห็นเธอกลับมาอย่างปลอดภัย นี่คือคนคุ้มกันที่เราจัดหามาให้”
“พวกเขามีฝีมือดีมาก คนนี้คือดิโน่ และอีกคือเอ็นริเก้”
ชายวัยกลางคนหน้าดุดันชื่อว่าดิโน่ ส่วนชายหนุ่มที่ยิ้มแย้มชื่อว่าเอ็นริเก้ หลังจากได้อยู่กับอลิเซียซังและคนอื่นๆมา
ทำให้ผมสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างชายวัยกลางคนท่าทางดุดันและเอ็นริเก้ที่ยิ้มแย้มได้ค่อนข้างชัดเจน…
“ดิโน่ซัง แล้วก็เอ็นริเก้ซัง ผมขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
“ยินดีที่ได้ร่วมงานนะ/ครับ”
“ค่าคุ้มกันคือคนละ 5 เหรียญเงิน รวมที่พักและอาหาร ทั้งหมดรวมเป็น 10 เหรียญเงินค่ะ”
“ถึงจะดูเหมือนเยอะ แต่ฉันรับรองว่าพวกเขามีฝีมือที่ดีมากๆเลย และเมื่อคุณอยู่ที่เกาะ”
“คุณก็ไม่ต้องจ่ายค่าคุ้มกัน ดังนั้นคุณจึงควรไปที่เกาะบ่อยๆ แล้วคุณต้องการจ่ายค่าคุ้มกันอย่างไรคะ?”
“กรุณาหักเงินจากบัตรกิลด์ของผมได้เลยครับ”
10 เหรียญเงิน คือประมาณ 100,000 เยนต่อวัน!?
ถ้าผมยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาๆอยู่ล่ะก็คงได้ตกใจจนหัวใจวายแน่ถ้าเจอราคาแบบนี้
แต่ตอนนี้ผมเพิ่งได้เงินมา 3 ล้านเยน ทำให้รู้สึกว่าราคานี้มันสมเหตุสมผล หรือความรู้สึกเรื่องเงินของผมมันพังไปแล้ว?
“รับทราบค่ะ”
หลังจากกิลด์มาสเตอร์และคามิลล์ซังออกไป ผมก็พูดคุยกับดิโนซังและเอ็นริเก้ซัง
“ผมจะกลับไปที่โรงเตี้ยมนางแอ่นหากดำ มีอะไรที่ผมสามารถทำได้เพื่อให้การคุ้มกันง่ายขึ้นไหมครับ?”
“มันจะง่ายขึ้นถ้าเราอยู่ห้องเดียวกัน แต่แบบนั้นคุณจะไม่มีความเป็นส่วนตัว ดังนั้นเราอาจจะใช้วิธีพักอยู่ห้องข้างๆ
เพื่อความปลอดภัยได้”
มันคงอึดอัดน่าดูถ้าผมต้องอยู่กับพวกเขาตลอดเวลา…
“เข้าใจแล้วครับ เดี๋ยวผมจะลองถามดูว่าห้องข้างๆ ว่างอยู่หรือเปล่าเมื่อกลับไป”
“”ครับ””
หวังว่าห้องข้าง ๆ จะว่างให้พวกเขาพักนะ
“กลับมาแล้วครับ”
“โอ้ ยินดีต้อนรับกลับ ดูเหมือนจะเจอเรื่องลำบากมานะ ฉันจัดห้องของนายไว้เหมือนเดิมทุกอย่างเลย”
“ขอบคุณมากครับ เอ่อ คือ…ผมอยากให้คนเหล่านี้พักอยู่ที่ห้องข้างๆ ผม”
“หืม? รอแปปนะ โอเค…ห้องข้างๆ ว่างอยู่จะพักกี่คืนล่ะ?”
“ผมจะหยุดพักพรุ่งนี้ แล้วเริ่มงานต่อหลังจากนั้น ดังนั้นขอ 2 คืนครับ”
ระหว่างมื้อค่ำกับดิโนซังและเอ็นริเก้ซัง เราได้คุยกันเรื่องแผนการคุ้มกัน
คือ ผมจะหยุดพักหนึ่งวัน และไปที่เกาะ 5 วัน
หนึ่งในคนคุ้มกันจะต้องอยู่กับผมตลอดเวลา และผมห้ามออกไปไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาด
หลังจากประชุมเสร็จ ผมก็กลับมาที่ห้องของตัวเอง
เอาล่ะ… ชีวิตบนเกาะในสงบและสบายมากๆ แถมยังได้เงินดีอีก
ขอทำงานหนักบนเกาะแบบนี้ต่ออีกสักพักแล้วกัน
ยอดเงินคงเหลือ: 1 เหรียญทอง, 47 เหรียญเงิน, 80 เหรียญทองแดง
ยอดเงินในบัญชีกิลด์: 3 เหรียญทอง