Mezase Gouka Kyakusen!! (เรือสำราญ ณ ต่างโลก) - ตอนที่ 20 ออกไปซื้อของและรู้ถึงอันตราย
วันนี้ผมควรทำอะไรก่อนดีนะ…
อ๋อ ใช่แล้ว ผมต้องไปโบสถ์ก่อนจากนั้นก็ไปซื้อของ แล้วก็ยังต้องไปรายงานเรื่องที่สามารถไปถึงเกาะได้ที่กิลด์พ่อค้า
วันนี้คงจะยุ่งน่าดู แต่ก่อนอื่นเราไปกินอาหารเช้ากันก่อนดีกว่า…
ผมได้ยินมาว่าเรือที่สามรถเดินทางไปที่เกาะทางตะวันออกเฉียงใต้ได้นั้นมีไม่เพียงพอ
ถ้าผมไปที่กิลด์ก่อน ผมอาจจะได้รับมอบหมายงานในทันที
เพราะฉะนั้น อันดับแรกที่ต้องไปก็คือโบสถ์ จากนั้นก็ไปซื้อของ แล้วจึงค่อยไปที่กิลด์พ่อค้า
หลังทานอาหารเช้าเสร็ว ผมก็มุ่งหน้าไปที่โบสถ์
ตอนนี้ มันเช้าเกินกว่าที่จะมีใครมาสวดภาวนา ผมหวังว่าผมคงจะเข้าไปได้นะ…
โอ้ มีคุณบาทหลวงกำลังกวาดพิ้นอยู่ที่หน้าโบสถ์ด้วยล่ะ ลองไปถามเขาดูดีกว่า
“อรุณสวัสดิ์ครับ เอ่อ…ขอโทษที่มาเช้าขนาดนี้นะครับ แต่ผมขอเข้าไปสวดภาวนาด้านในหน่อยจะได้ไหมครับ”
“อรุณสวัสดิ์เช่นกันครับ คุณสามารถเข้าไปสวดภาวนาได้เลยครับ”
ขอบคุณพระเจ้าที่ผมไม่ต้องมาที่นี่อีกครั้ง
ผมโค้งคำนับให้กับคุณบาทหลวง จากนั้นก็เดินเข้าไปในโบสถ์
คุกเข่าทั้งสองข้างลงต่อหน้ารูปปั้นของท่านเทพผู้สร้าง
และเริ่มสวดภาวนา ผมรายงานถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ รวมถึงการมาถึงที่เมืองทางใต้
เลเวลของสกิลอัญเชิญเรือ และงานใหม่ของผม…
ผมไม่ได้รับการเรียกตัวไปยังอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์
เมื่อผมสวดภาวนาเสร็จ ผมก็มอบเงิน 1 เหรียญเงิน ให้กับคุณบาทหลวงและเดินออกจากโบสถ์มา
ความจริงที่ว่าผมไม่ได้รับการเรียกตัว หมายความว่าตอนนี้เหล่าทวยเทพไม่ได้ไม่พอใจกับพฤติกรรมของผมมากพอ
ที่จะเรียกตัวผมไปยังอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือเปล่านะ…ผมไม่รู้เลยว่าเหล่าทวยเทพกำลังคิดอะไรกันอยู่…
แต่ถ้าคิดอย่างงี้ มันง่ายกว่ากับภาระทางจิตใจของผม
ต่อไปผมจะไปซื้อของ ผมซื้อกล่องไม้ 8 กล่อง จาน ช้อน ถ้วย และผ้าห่มอีก 6 ผืน
จากร้านขายเครื่องมือในราคา 1 เหรียญเงินกับอีก 60 เหรียญทองแดง
ผมอยากซื้ออาหารด้วย แต่สัมภาระของผมตอนนี้เยอะเกินไปแล้ว ผมต้องเอาพวกมันไปเก็บที่เรือก่อน
ผมต้องขนกล่องไม้ไปกลับถึงสองรอบ ถึงจะสามารถขนกล่องไม้ทั้ง 8 กล่องไปได้
ผมล่ะอยากใช้เรือเก็บของระหว่างทางจริงๆ แต่ติดปัญหาตรงที่ ผมไม่สามารถหาที่ที่มันไม่เด่นสะดุดตาได้เลย
ไม่สะดวกเลยที่ผมไม่สามารถเรียกเรือได้อย่างอิสระในเวลาแบบนี้
ผมวางกล่องไม้ 6 กล่องบนเรือเป็นเก้าอี้และวางผ้าห่มไว้ข้างใน
ส่วนอีก 2 กล่องที่เหลือ ผมใช้วางหม้อเหล็ก ผ้าห่มสำหรับตัวเอง และจานชาม
ผมซื้อขนมปัง แป้ง และผักที่เข้ากันได้ดีกับซุป…เนื้ออาจจะเสียได้ถ้าผมไม่ได้ใช้สกิลอัญเชิญเรือ
หรือผมควรซื้อเนื้อตากแห้งเพิ่มดีนะ….
แต่ที่นี่ ไม่มีน้ำซุปแบบ… อ้อ มีพวกเห็ดตากแห้งอยู่นี่น่า จากนั้นก็ต้องหาโครงไก่
ผมล่ะสงสัยจริงๆว่าจะหาพวกมันได้ไหม ผมไปที่ร้านขายเนื้อและซื้อเนื้อตากแห้ง
จากนั้นก็ลองถามคุณเจ้าของร้านดูว่าเขาพอจะแบ่งโครงไก่ขายให้ผมได้ไหม
“โครงไก่งั้นเหรอ? ได้สิ ยังไงฉันก็จะเอาพวกมันไปทิ้งอยู่แล้ว ว่าแต่นายจะเอาไปใช้ทำอะไรล่ะ”
“ที่บ้านเกิดของผม เรามักจะใช้พวกมันทำน้ำซุปน่ะครับ โดยการเคี่ยวพวกมันด้วยไฟอ่อนๆ”
“ผมเลยอยากลองดูว่าจะทำซุปแบบเดียวกันนั้นที่นี่ได้ไหม”
“ถ้านายต้องการก็เอาไปได้เลย บอกฉันด้วยล่ะถ้านายทำสำเร็จ ฉันจะได้ลองไปทำดู”
ลุงคนขายเนื้อก็ดูเหมือนจะสนใจเหมือนกันสินะเนี่ย ความจริงคือน้ำซุปไก่ไม่มีขายในเมืองทางใต้
“ได้ครับ แต่นี่เป็นแค่ความพยายามของมือสมัครเล่น เพราะงั้นก็อย่าคาดหวังมากจนเกินไปนะครับ”
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำมันได้ไหม และผมก็ไม่อยากให้เขาคาดหวังมากเกินไป
เอาล่ะ ตอนนี้ผมก็ซื้อของที่ต้องการได้เกือบทุกอย่างแล้ว…ใช่ไหมนะ?
ผมใช้เงินไป 1 เหรียญเงิน ซื้อผักและเนื้อตากแห้ง และผมยังโชคดีที่ได้โครงไก่มาฟรีๆ
ผมจำได้ว่าต้องล้างมันจากนั้นก็ต้ม แล้วต้องทำอะไรอีกนะ…
ผมจำได้คร่าวๆ ว่าเคยดูวิธีทำในรายการทีวี แต่จำรายละเอียดไม่ค่อยได้
เอาล่ะ ยังไงก็ตามก่อนอื่นผมควรต้มพวกมันให้สุกก่อนเพื่อกันไม่ให้มันเสีย
จากนั้นผมก็กลับมาที่เรือ ก่อไฟและเติมน้ำลงในหม้อ
หลังจากที่รอน้ำเดือด… ผมก็ใส่โครงไก่ที่ล้างแล้วลงในหม้อ มีเนื้อและไขลอยอยู่ในน้ำ
หรือผมต้องต้มก่อนแล้วค่อยล้างหว่า…?
ผมเทน้ำร้อนออก จากนั้นก็เติมน้ำลงไปเพื่อล้างโครงไก่ให้สะอาด
อ๋อ ผมคิดว่าผมน่าจะลองทุบมันดูเพื่อให้รสชาติออกมาได้ง่ายขึ้น
ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะใส่ต้นหอมลงไปด้วยหรือเปล่านะ…
แต่ผมหาต้นหอมในตลาดไม่ได้เลยนี่สิ ผมเลยตัดสินใจว่าจะไม่ใส่มันลงไปในครั้งนี้
ผมเติมน้ำสะอาดลงไปในหม้ออีกครั้ง ใส่โครงไก่ที่ทุบแล้วลงไป
จากนั้นก็นำหม้อไปตั้งไฟ ผมจำได้ว่าไม่ควรต้มน้ำจนเดือดแล้วค่อยๆ เคี่ยวมันไปเรื่อยๆ….
อ๊ะ! ผมไม่ควรเคี่ยวมันที่นี่ ผมต้องรอไปทำที่เกาะเพราะผมจะได้มีอะไรทำฆ่าเวลาระหว่างที่อยู่บนเกาะ…
ผมดับไฟแล้วใส่หม้อและผักลงในกล่องไม้และเก็บมันกลับเข้าไป
เอาล่ะตอนนี้ก็ถึงคิวของกิลด์พ่อค้า ผมหวังว่าคามิลล์ซังจะอยู่ที่กิลด์นะ…
ผมมาถึงที่กิลด์แล้วมองหาคามิลล์ซังที่เคาน์เตอร์ต้อนรับ…โอ้ เธออยู่นั่นไง รีบรายงานเลยดีกว่า
“สวัสดีครับ คามิลล์ซัง ผมมารายงานว่าผมไปถึงเกาะได้อย่างปลอดภัยแล้วครับ”
ผมรายงานเรื่องนี้กับคุณคามิลล์ด้วยรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้า
ผมแสดงออกถึงความดีใจมากเกินไปหรือเปล่านะ…
“จริงเหรอคะ วาตารุซัง!”
“อ๊ะ ขอโทษด้วยค่ะ แต่คุณช่วยไปกับฉันที่ห้องอื่นหน่อยได้ไหมคะ”
ห้ะ? เกิดอะไรขึ้น ทำไมท่าทีของคามิลล์ซังถึงเปลี่ยนไปเป็นจริงจังอย่างงั้นล่ะ?
“เอ่อ…ห้องอื่นเหรอครับ?”
“มันก็ได้อยู่หรอก แต่ทำไมเหรอครับ…?”
“ฉันจะบอกคุณเมื่อเราไปอีกห้องแล้วค่ะ”
เอ๊ะ นี่ผมทำอะไรผิดงั้นเหรอ?
ผมหวังว่าผมคงจะไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรนะ
ผมมองไปยังคามิลล์ซังที่กำลังเดินนำทางผมอยู่ด้านหน้า…
เธอมีหางจิ้งจอกด้วยล่ะ มันดูนุ่มฟู น่านวยสุดๆเลย
“วาตารุซัง คุณได้บอกใครอีกหรือเปล่าคะ ว่าคุณสามารถไปถึงเกาะได้แล้ว?”
“ไม่นะครับ ผมไม่ได้บอกใครเลย…”
“อ๊ะ…แต่ผมเจอกีโดซังที่เกาะ เขาเลยรู้เรื่องนี้ครับ”
“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าเป็นกีโดซังก็ไม่เป็นไร”
ไม่เป็นไรงั้นเหรอ?
“เอ่อ ผมทำอะไรผิดหรือเปล่าครับ?”
“ไม่หรอกค่ะ การมีเรือที่ไปถึงเกาะเพิ่มมากขึ้นเป็นอะไรที่ดีมากค่ะ”
“แต่อย่างไรก็ตาม เพราะสมุนไพรและวัตถุดิบทางการแพทย์ที่อยู่บนเกาะมีมูลค่ามหาศาล”
“จึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากต้องการใช้เส้นทางเดินเรือนั้น”
“และในจำนวนนั้นก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ลังเลที่จะใช้ทุกวิถีทางแม้กระทั่งหันไปพึ่งวิธีการที่ผิดกฎหมาย”
อ่อ…สรุปแล้วที่เธอจะบอกผมก็คือ…ผมกำลังโดนเล็งอยู่ใช่รึเปล่านะ…
“เอ๋… แล้วแบบนี้ผมควรทำยังไงดีครับ!”
“หรือผมควรหนีไปอยู่ที่เมืองอื่น…”
นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะ…
ผมฝันหวานไปเองสินะว่าจะทำเงินได้ง่ายๆโดยไม่มีความเสี่ยงอะไรน่ะ
ถ้าผมไม่ได้อยู่บนเรือ ผมคงโดนตามล่าในไม่ช้านี้แน่
“การไปที่เมืองอื่นก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกค่ะ”
“แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราในฐานะกิลด์พ่อค้า”
“เราอยากให้ผู้ที่สามารถไปถึงเกาะนั้นได้ทำงานอยู่ที่เมืองทางใต้ค่ะ”
“ดังนั้น ฉันต้องขอโทษด้วยที่ถามแบบนี้นะคะ”
“แต่…ทักษะการต่อสู้ของวาตารุซัง”
“ฮ่าๆ กากครับ ก๊อบลินคืออย่างเดียวที่ผมจัดการได้”
ถ้าผมอยู่บนเรือก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ถ้าเกิดมีใครซักคนพยายามมาลักพาตัวผมในเมืองล่ะ
ผมคงไม่สามารถรับมือกับมันได้แน่…
“ฉันต้องขอโทษจริงๆ นะค่ะที่พูดแบบนี้ แต่คุณช่วยขายเรือเวทมนตร์ของคุณให้กับทางเราได้ไหมคะ”
“ทางเราจะจ่ายส่วนต่างให้กับคุณและซื้อเรือเวทมนตร์ลำใหม่จากทางสมาคมให้ด้วยค่ะ”
“ผมเข้าใจว่าการทำแบบนั้นมันน่าจะปลอดภัยกว่า แต่ผมเป็นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถควบคุมเรือลำนี้ได้”
“มันมีสิทธิ์ผู้ใช้ด้วยอย่างงั้นเหรอคะ?”
“นี่แปลว่าเรือลำนี้คงจะดีมากๆเลยสินะคะเนี่ย…”
“แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็ยังอันตรายอยู่ดี เว้นแต่คุณจะจ้างคนคุ้มกันหรือไม่ก็ออกจากเมืองนี้ไป”
“คนคุ้มกัน…?”
การมีคนคุ้มกันหมายความว่าจะต้องมีคนคอยอยู่เคียงข้างผมตลอดใช่ไหม?
แบบนั้นการใช้สกิลอัญเชิญเรือก็น่าจะยุ่งยากพอสมควรเลยน่ะสิ…
จะเอายังไงดี?…พอมาลองคิดดูดีๆแล้ว
การที่ผมจะตกเป็นเป้าหมายมันก็ชัดเจนมาก เพราะผมจะสามารถทำเงินได้มหาศาล
ดังนั้นต้องมีหลายคนแน่ๆ ที่ต้องการมัน…
“เอ่อ แล้วเรืออีก 4 ลำล่ะครับ?”
“อีกสี่คนเหรอคะ? สามคนในนั้นเป็นอดีตทหารยามค่ะ”
“หลังจากที่พวกเขาเก็บเงินได้เพียงพอแล้ว พวกเขาก็ซื้อทาสที่แข็งแกร่งมาปกป้องตัวเองค่ะ”
“ส่วนอีกคนก็เป็นนักผจญภัยระดับสูง ดังนั้นจึงไม่น่าจะไม่มีใครกล้าไปยุ่งกับเขา”
อ่า…ผมเดาว่านั่นหมายความว่าผมต้องหาวิธีอะไรซักอย่างเพื่อมาปกป้องตัวเองสินะ…
อึก…ผมซื้อเรือสำราญสุดหรูไม่ได้ถ้าไม่มีเงิน งานนี้มันจะต้องได้เงินดีมากแน่ๆ
ผมควรอดทนและหาเงินให้ได้มากๆ ก่อนจากนั้นก็ไปจ้างคนคุ้มกัน แล้วค่อยเก็บตังเพื่อซื้อเรือลำต่อไป
แต่จากที่คามิลล์ซังพูด ผมสนใจเรื่องทาสมากกว่า
แต่ตอนนี้ผมยังมีเงินไม่พอ เพราะงั้นวิธีที่ดีที่สุดในการได้เรือสำราญมาคือ…
การมีคนคุ้มกันและหาเงินให้ได้มากๆ เพื่อซื้อเรือลำใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิน แล้วก็ลองไปค้าขายพริกไทย
“เอ่อ ผมคงต้องจ้างคนคุ้มกันเพื่อที่จะหาเงิน แต่ผมจะจ้างคนคุ้มกันได้ยังไงเหรอครับ?”
ก่อนอื่นเลย ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทีตรงไหน…หนทางยังอีกยาวไกล
“การจะจ้างคนคุ้มกันที่ไว้ใจได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ แต่เนื่องจากคุณเป็นผู้ที่สามารถไปถึงเกาะได้”
“ฉันมั่นใจว่าถ้าคุณคุยกับกิลด์มาสเตอร์ เขาน่าจะแนะนำคนคุ้มกันที่ไว้ใจได้ให้กับคุณค่ะ”
การแนะนำจากกิลด์มาสเตอร์อย่างงั้นเหรอ? นั่นฟังดูเป็นความคิดที่ดี มันจะดีกว่ามากถ้าหากผมต้องหามันด้วยตัวเอง
“ถ้าอย่างงั้นก็เอาตามที่คามิลล์ซังว่ามาแล้วกันครับ”
“รับทราบค่ะ ฉันขอเวลาสักสองสามนาทีนะคะ”
“ครับ เชิญครับ”
ผมรู้ว่านี่มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะงั้นผมต้องพยายามจนกว่าจะเก็บเงินได้
และจนกว่าจะถึงเวลานั้น ฉันจะทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะหาเงินให้ได้มากที่สุด
และหลังจากที่ผมซื้อเรือสำราญสุดหรูแล้ว ผมก็จะหยุดพัก…
ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น ประตูห้องก็เปิดออกอย่างกระทันหัน
และชายชราท่าทางร่าเริงก็เดินเข้ามาในห้อง ผมเดาว่ารูปแบบนี้น่าจะเป็นการปรากฏตัวของกิลด์มาสเตอร์
“คุณคือวาตารุใช่ไหม ฉันได้ยินมาว่าคุณมีเรือที่ดี…”
“กิลด์มาสเตอร์ กรุณารอสักครู่ค่ะ ขออภัยด้วยนะคะ วาตารุซัง”
คามิลล์ซังรีบวิ่งตามชายชราคนนั้นเข้ามา ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าเขาเป็นกิลด์มาสเตอร์
“ผมชื่อวาตารุครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ฉันได้ยินเรื่องของคุณมาแล้ว ฉันจะหาคนคุ้มกันดีๆให้”
“ว่าแต่คุณชอบคนคุ้มกันที่เป็นผู้หญิงหรือเปล่า…?”
“ครับ! ผมเป็นผู้ชาย ดังนั้นต้องชอบคนคุ้มกันผู้หญิงอยู่แล้วครับ”
“แต่เนื่องจากเรื่องนี้มันเกี่ยวพันถึงชีวิตของผม ดังนั้นผมจึงชอบคนคุ้มกันที่แข็งแกร่งมากกว่าครับ”
“เยี่ยม เพราะถ้าตายก็ทำอะไรอีกไม่ได้…”
“เพราะงั้นตอนนี้ กิลด์จึงเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่คุณจะพักได้ในวันนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง”
“และพรุ่งนี้คุณก็ควรจะรับคำขอไปยังเกาะและอยู่ที่นั่นสักพัก แล้วเราจะจัดหาคนคุ้มกันให้คุณ”
“เอ่อ ขอโทษนะครับที่ถาม แต่พวกนักผจญภัยที่ไปที่เกาะนั้นเชื่อถือได้ใช่ไหมครับ?”
“นักผจญภัยที่สามารถเดินทางไปที่เกาะได้ จะถูกจำกัดให้เฉพาะคนที่มีตำแหน่งสูงและเชื่อถือได้เท่านั้น”
“ทางเราจะไม่รับคำขอที่ไม่น่าเชื่อถือใดๆทั้งสิ้น”
“ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพวกเขาทำอะไรแล้วโดนจับได้ พวกเขาก็จะไม่สามารถรับคำขอจากเกาะนั้นอีกเลย”
“เข้าใจแล้วครับ ผมหวังว่าจะได้ร่วมงานกับคุณ”
“เอาล่ะ งั้นฉันขอตัวก่อน”
เขาพูดเพียงสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแล้วก็จากไป
เขาเป็นกิลด์มาสเตอร์ ดังนั้นก็แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาต้องยุ่ง
“ให้ฉันพาคุณไปที่ห้องนะคะ”
“ครับ”
คามิลล์ซังพาผมไปที่ห้องที่ผมจะพักในวันนี้
สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างจากที่ผมคิดไว้เมื่อเช้านี้ลิบลับเลย
“ห้องนี้ค่ะ คุณต้องการอะไรเพิ่มเติมไหมคะ?”
“เอ่อ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ เชิญถามมาได้เลย”
“เอ่อ ผมพอจะไปหาพวกนักผจญภัยที่กำลังจะเดินทางไปที่เกาะนี้ไหมครับ”
“ผมอยากลองไปตรวจสอบดูว่าพวกเขาดูเป็นคนที่ไว้ใจหรือเปล่า”
“ได้ค่ะ ฉันคิดว่าเราสามารถไปพบพวกเขาได้ เนื่องจากเรือจะกลับมาเมื่อใดนั้นไม่แน่นอน”
“ผู้ที่ต้องการไปยังเกาะจึงต้องลงทะเบียบล่วงหน้าไว้กับที่กิลด์นักผจญภัยเพื่อที่เราจะได้สามารถติดต่อพวกเขาได้”
“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมาก แล้วพรุ่งนี้ผมต้องออกเดินทางตอนไหนเหรอครับ”
“ต้องขออภัยที่ฉันไม่ได้อธิบายให้ละเอียดนะคะ”
“ปกติจะออกเดินทางกันตอน 6 โมงเช้า เพราะยิ่งไปถึงเกาะเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งเดินทางสะดวกขึ้นเท่านั้นค่ะ”
“เพราะฉะนั้น โปรดเตรียมตัวให้พร้อมตามเวลาดังกล่าวด้วยนะคะ”
“เข้าใจแล้วครับ อีกอย่าง ผมพักอยู่ที่โรงเตี้ยมนางแอ่นหางดำ คุณช่วยฝากข้อความไปบอกพวกเขาหน่อยได้ไหมครับว่าผมจะไม่กลับไปสักพัก”
ผมไม่ได้บอกอะไรพวกเขา เพราะผมไม่คิดว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้
“ว่าแต่คุณได้เตรียมอาหารไว้บ้างหรือยังคะ แม้บนเกาะจะมีอาหารอยู่บ้าง”
“แต่เพราะนี่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้นทางเราจึงสามารถจัดหาอาหารให้คุณได้…”
“ผมพอมีอาหารอยู่บ้างครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามันจะพอหรือเปล่า”
“ฉันจะจัดเตรียมเอาไว้ให้ค่ะ แล้วจะนำไปส่งให้ในตอนเช้า”
“ขอโทษที่ต้องรบกวนนะครับ แล้วก็ขอบคุณมาก”
“ไม่ค่ะ หากต้องการอะไรเพิ่มเติม โปรดแจ้งฉันได้เลยนะคะ”
เรื่องนี้มันวุ่นวายมากๆเลยทีเดียว พรุ่งนี้ผมคงต้องไปอยู่ที่บนเกาะแล้วล่ะ
ผมคิดถึงความเป็นไปได้ที่อาจมีคำขออย่างกะทันหันเกิดขึ้น แต่ผมไม่ได้คิดถึงภัยคุกคามต่อชีวิตของผมเลย
จะเกิดอะไรก็ให้มันเกิด และถ้าจวนตัวเขามาจริงๆ ก็แค่ต้องรีบหนีไป
เพราะงั้นจนกว่าจะถึงตอนนั้น ผมก็แค่ต้องหาเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะตอนนี้ผมไม่มีอะไรทำ ผมจึงเริ่มฝึกฝนเวทมนตร์ในชีวิตประจำวัน…
อ๊ะ แล้วผมจะทำอะไรเป็นมื้อเย็นดีล่ะเนี่ย…ผมอยากกินอะไรร้อนๆจังเลย
“วาตารุซัง ฉันเอาอาหารมาให้ค่ะ จะทานเลยไหมคะ?”
“ขอบคุณมากครับ ผมกำลังสงสัยอยู่เลยว่าจะทำยังไงดีกับเรื่องอาหาร แบบนี้ช่วยผมได้มากเลยครับ”
โอ้ ผมยังไม่ได้บอกอะไรเลย แต่เธอกลับเอาอาหารมาให้ผมแล้ว สมแล้วที่เป็นคามิลล์ซัง…
“มีอะไรที่คุณต้องการอีกไหมคะ?”
“ผมอยากจะเช็ดตัวหลังทานมื้อเย็นหน่อยน่ะครับ ดังนั้นจะเป็นไปได้ไหมที่ผมจะขอน้ำอุ่น?”
“ได้แน่นอนค่ะ ฉันจะเตรียมมาให้เมื่อคุณทานมื้อเย็นเสร็จนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
เยี่ยมไปเลย ผมได้รับการบริการอย่างดีจากคามิลล์ซังด้วยล่ะ
ในสถารการณ์ที่แสนวิเศษแบบนี้มันคงจะดีมากๆเลย ถ้าไม่ติดตรงที่ชีวิตผมกำลังตกอยู่ในอันตราย
ยอดเงินคงเหลือ: 1 เหรียญทอง 47 เหรียญเงิน 80 เหรียญทองแดง